และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น (เอเฟซัส 4:32)
ถ้าคุณเป็นคนที่ยังแบกความคับแค้นใจไว้ ถ้าคุณยังเป็นคนที่กักความขมขื่นและปล่อยวางไม่ได้ มีบางอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้ ชีวิตคุณจะเป็นทุกข์ คุณจะรู้สึกว่าชีวิตแห่งการอธิษฐานหยุดกึกลง
การให้อภัยเป็นกุญแจไขไปสู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เข้มแข็ง และจิตใจที่มีสุขภาพดี เราจึงต้องตระหนักให้ได้ว่าการให้อภัยมีความสำคัญอย่างไร
พระเยซูตรัสว่า “เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน” (มัทธิว 5:23-24)
บางทีคุณตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำผิดต่อคุณ ทายสิครับว่าใครเป็นฝ่ายที่เจ็บปวด? คุณไงครับ
กักเก็บความโกรธขุ่นเคืองไว้ และไม่ยอมให้อภัยจะทำให้คุณเจ็บปวดมากกว่าคนที่คุณไม่ยอมให้อภัย ถ้าคุณต้องการมีจิตวิญญาณที่สุขภาพดีและสดชื่น คุณต้องเรียนรู้เรื่องการให้อภัย
พระเยซูทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า “และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น” (มัทธิว 6:12)
คุณอาจคิดว่าคนๆนั้นไม่สมควรได้รับการอภัย แล้วคุณล่ะ?
ครับ เราทุกคนไม่สมควรได้รับการอภัย รับการอภัยของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการให้อภัยผู้อื่น แต่การให้อภัยผู้อื่นควรขึ้นอยู่พระคุณและพระทัยเมตตาอันกว้างขวางที่พระเจ้าทรงให้อภัยเรา
การอภัยที่มาถึงเราโดยทางพระเยซูคริสต์ยึดอยู่บนความเสียสละ บนความตายที่ไม้กางเขน และความรักมากมายที่ทรงมีต่อเราถ้าเรารู้ว่าพระคริสต์ได้ทำสิ่งใดเพื่อเราบ้าง เราก็ควรรู้เรื่องการให้อภัยผู้อื่น
พระคัมภีร์กล่าวว่า “และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น (เอเฟซัส 4:32)
คนที่ได้รับการอภัยควรเป็นคนที่อภัยให้ผู้อื่นได้ และถ้าอยากมีจิตวิญญาณที่แข็งแรง แจ่มใส และชื่นชมยินดี คุณต้องเรียนรู้เรื่องการให้อภัยครับ
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514
(Cr. ภาพ www.bloomberg.com)