Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมฮักกัย 2

พระธรรม        ฮักกัย 2:1-23

อ้างอิง            อสร. 3:12;ฮบ.12:26;อพย.28:9;29:45-46;กดว.19:11-22;ปฐก.12:2;38:18;ลนต.25:21;สดด.128:1-6;ยอล.2:14;2คร.1:22

บทนำ            ไม่ว่า เราตกต่ำหรือย่ำแย่มาสักเท่าไรในชีวิต ขอให้วันนี้ เราพร้อมให้พระเจ้าทรงชำระและใช้เรา เราจะมีโอกาสได้เห็นพระสิริและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของเรายิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ขอให้เราเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ โดยแสวงหาแผ่นดิน และความชอบธรรมของพระองค์ก่อนความต้องการของเรา แล้วเราจะพบว่า เราจะได้รับการอวยพรที่อิ่มเอมใจมีสันติสุขมากยิ่งกว่าที่เราพยายามหาด้วยตัวของเราเอง

บทเรียน

2:1 “ณ วัน‍ที่ 21 เดือน​ที่ 7 พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍ยาห์‌เวห์​มา​โดย​ทาง​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​ฮัก‌กัย ว่า” 

     (In the seventh month, on the twenty-first day of the month, the word of the Lord came by the hand of  Haggai the prophet, )

2:2 “จง​กล่าว​แก่​เศ‌รุบ‌บา‌เบล​บุตร​เช‌อัล‌ทิ‌เอล ผู้‍ว่า‍ราช‌การ​แคว้น​ยู‌ดาห์ กับ​มหา‍ปุ‌โร‌หิต​โย‌ชู‌วา​บุตร​เย‌โฮ‌ซา‌ดัก และ​กับ​ประ‌ชา‍ชน​ที่​เหลือ​อยู่ ว่า” 

    (“Speak now to Zerubbabel the son of Shealtiel, governor of Judah, and to Joshua the son of Jehozadak, the high priest, and to all the remnant of the people, and say,)

   2:3 “ใน​พวก‍เจ้า​ที่​เหลือ​อยู่​มี​ใคร​บ้าง​ที่​เคย​เห็น​พระ‍นิ‌เวศ​นี้​ประ‌กอบ​ด้วย​ศักดิ์‍ศรี​เมื่อ​ครั้ง‍ก่อน? และ​บัด‍นี้​พวก‍เจ้า​เห็นเป็น​อย่าง‍ไร? มอง‍ดู​แล้ว​เหมือน​ไม่‍มี​อะไร​เลย​ใช่​ไหม?” 

     (‘Who is left among you who saw this house in its former glory? How do you see it now? Is it not as nothing in your eyes?)

   2:4 “พระ‍ยาห์‌เวห์​ตรัส​ว่า แต่​บัด‍นี้ เศ‌รุบ‌บา‌เบล​เอ๋ย จง​เข้ม‍แข็ง​เถิด มหา‍ปุ‌โร‌หิต​โย‌ชู‌วา​บุตร​เย‌โฮ‌ซา‌ดัก​เอ๋ย จง​เข้ม‍แข็ง​เถิด และ​ประ‌ชา‍ชน​ทั้ง‍สิ้น​ของ​แผ่น‍ดิน​เอ๋ย จง​เข้ม‍แข็ง​เถิด พระ‍ยาห์‌เวห์​ตรัส​ดัง‍นี้​แหละ พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ว่า จง​ทำ‍งาน​เถิด เพราะ​เรา​อยู่​กับ​เจ้า​ทั้ง‍หลาย” 

     (Yet now be strong, O Zerubbabel, declares the Lord. Be strong, O Joshua, son of Jehozadak, the high priest. Be strong, all you people of the land, declares the Lord. Work, for I am with you, declares the Lord of hosts,)

     2:5 “ตาม​คำ​สัญญา​ที่​เรา​ได้​ทำ​ไว้​กับ​พวก‍เจ้า​เมื่อ​เจ้า​ทั้ง‍หลาย​ออก​จาก​อียิปต์และ​วิญ‌ญาณ​ของ​เรา​ดำรง​อยู่​ท่าม‍กลาง​พวก‍เจ้า อย่า​กลัว​เลย” 

     (according to the covenant that I made with you when you came out of Egypt. My Spirit remains in your midst. Fear not.)

2:6 “เพราะ​พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ดัง‍นี้​ว่า อีก​ไม่​นาน เรา​จะ​เขย่า​ท้อง‍ฟ้า​และ​โลก ทะเล​และ​แผ่น‍ดิน​แห้ง​อีก‍ครั้ง‍หนึ่ง” 

     (For thus says the Lord of hosts: Yet once more, in a little while, I will shake the heavens and the earth and the sea and the dry land.)

   2:7 “เรา​จะ​เขย่า​ประ‌ชา‍ชาติ​ทั้ง‍หมด และ​ทรัพย์‍สมบัติ​ของ​ประ‌ชา‍ชาติ​ทั้ง‍หมด​จะ​เข้า‍มา แล้ว​เรา​จะ​บรร‌จุ​นิ‌เวศ​นี้​ให้​เต็ม​ด้วย​ศักดิ์‍ศรี พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​เช่น‍นี้” 

   (And I will shake all nations, so that the treasures of all nations shall come in, and I will fill this house with glory, says the Lord of hosts.)

2:8 “เงิน​เป็น​ของ​เรา และ​ทอง​ก็​เป็น​ของ​เรา พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ดัง‍นี้​แหละ” 

       (The silver is mine, and the gold is mine, declares the Lord of hosts.)

     2:9 “พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ว่า ศักดิ์‍ศรี​ของ​พระ‍นิ‌เวศ​หลัง​นี้​จะ​ยิ่ง‍ใหญ่​กว่า​หลัง​ก่อน และ​ใน​สถาน‍ที่​นี้ เรา​จะ​ให้​สันติ‍สุข” พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ดัง‍นี้​แหละ”

     (The latter glory of this house shall be greater than the former, says the Lordof hosts. And in this place I will give peace, declares the Lord of hosts.’”)

     2:10 “ณ วัน‍ที่ 24 เดือน​ที่9 ใน​ปี​ที่ 2 ของ​รัช‌กาล​พระ‍ราชา​ดา‌ริ‌อัส พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍ยาห์‌เวห์​มา​ถึง​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​ฮัก‌กัยว่า” 

         (On the twenty-fourth day of the ninth month, in the second year of Darius, the word of the Lord came  by Haggai the prophet,)

2:11“พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ดัง‍นี้​ว่า จง​ถาม​บรร‌ดา​ปุ‌โร‌หิต​ใน​เรื่อง​ธรรม‍บัญญัติ​เถิด​ว่า” 

     (“Thus says the Lord of hosts: Ask the priests about the law:) 

     2:12 “ถ้า​คน​ไหน​ถือ​เนื้อ​บริ‌สุทธิ์​ไป​โดย​การ​ห่อ​ด้วย​ชาย‍เสื้อ‍คลุม และ​ชาย‍เสื้อ​นั้น​ไป​แตะ‍ต้อง​ขนม‍ปัง หรือ​แกง หรือ​เหล้า‍องุ่น          หรือ​น้ำ‍มัน หรือ​อาหาร​ใดๆ สิ่ง‍เหล่า‍นี้​จะ​บริ‌สุทธิ์​ไป​ด้วย​หรือ​ไม่?’” พวก​ปุ‌โร‌หิต​ตอบ​ว่า “ไม่” 

       (‘If someone carries holy meat in the fold of his garment and touches with his fold bread or stew  or wine or oil or any kind of food, does it become holy?’” The priests answered and said, “No.”)

2:13 “แล้ว​ฮัก‌กัย​จึง​ถาม​อีก​ว่า “ถ้า​คน​ไหน​ที่​เป็น​มลทิน​เพราะ​ไป​แตะ‍ต้อง​ศพ แล้ว​มา​แตะ‍ต้อง​สิ่ง‍เหล่า‍นี้ สิ่ง‍เหล่า‍นี้​จะ​เป็น​มลทิน​ไป​ด้วย​หรือ​ไม่?” บรร‌ดา​ปุ‌โร‌หิต​ตอบ​ว่า “เป็น​มลทิน​ด้วย” 

       (Then Haggai said, “If someone who is unclean by contact with a dead body touches any of these, does it become unclean?” The priests answered and said, “It does become unclean.”)

   2:14 “ฮัก‌กัย​จึง​ตอบ​ว่า “พระ‍ยาห์‌เวห์​ตรัส​ว่า ใน​สาย‍ตา​ของ​เรา ประ‌ชา‍ชน​พวก‍นี้​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น ชน‍ชาติ​นี้​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น และ​ผล‍งาน​ทุก‍อย่าง​ที่​มือ​ของ​พวก‍เขา​ทำ​ก็​เป็น​อย่าง‍นั้น และ​สิ่ง​ที่​พวก‍เขา​ถวาย‍บูชา​ที่‍นั่น ก็​เป็น​มลทิน” 

     (Then Haggai answered and said, “So is it with this people, and with this nation before me, declares the Lord, and so with every work of their hands. And what they offer there is unclean.)

   2:15 “แต่​บัด‍นี้ ให้​พิจาร‌ณา‍ดู​ตั้ง‍แต่​วัน‍นี้​เป็น‍ต้น​ไป ก่อน​ที่​ศิลา​ก้อน​หนึ่ง​จะ​วาง​ซ้อน​บน​ศิลา​อีก​ก้อน​หนึ่ง​ใน​พระ‍วิหาร​ของ​พระ‍ยาห์‌เวห์” 

(Now then, consider from this day onward. Before stone was placed upon stone in the temple of  the Lord,)

   2:16 “พวก‍เจ้า​เป็น​อย่าง‍ไร? เมื่อ​ใคร​มา​ยัง​กอง‍ข้าว​คิด​ว่า​จะ​ตวง​ได้ 200 กิโล‍กรัม แต่​ก็​ได้​เพียง 100 กิโล‍กรัม เมื่อ​ใคร​มา​ยัง​บ่อ​เก็บ​น้ำ‍องุ่น​คิด​ว่า​จะ​ตัก​ได้ 100 ลิตร แต่​ก็​ได้​เพียง 40 ลิตร” 

(how did you fare? When one came to a heap of twenty measures, there were but ten. When one came to the wine vat to draw fifty measures, there were but twenty.) 

   2:17 “พระ‍ยาห์‌เวห์​ตรัส​ว่า เรา​ได้​โจม‍ตี​พวก‍เจ้า​และ​ผล‍งาน​ทุก‍อย่าง​ที่​มือ​ของ​พวก‍เจ้า​ทำ​ด้วย​การ​ทำ‍ให้​ข้าว​ม้าน​และ​ขึ้น​รา และ​ด้วย​ลูก‍เห็บ แต่​เจ้า​ทั้ง‍หลาย​ไม่​มา‍หา​เรา”

           (I struck you and all the products of your toil with blight and with mildew and with hail, yet you  did not turn to me, declares the Lord.) 

   2:18 “บัด‍นี้ จง​พิจาร‌ณา‍ดู ตั้ง‍แต่​วัน‍นี้​เป็น‍ต้น​ไป คือ​วัน‍ที่ 24 เดือน​ที่ 9 คือ​ตั้ง‍แต่​วัน‍ที่​วาง​ราก‍ฐาน​พระ‍วิหาร​ของ​พระ‍ยาห์‌เวห์ จง​พิจาร‌ณา‍ดู​เถิด” 

       (Consider from this day onward, from the twenty-fourth day of the ninth month. Since the day that  the foundation of the Lord’s temple was laid, consider:)

   2:19 “ยัง​มี​เมล็ด‍ข้าว​ตก‍ค้าง​อยู่​ใน​ยุ้ง‍ฉาง​หรือ? เถา‍องุ่น ต้น‍มะเดื่อ และ​ต้น‍ทับ‌ทิม กับ​ต้น‍มะกอก​ยัง​ไม่​เกิด‍ผล​หรือ? ตั้ง‍แต่​วัน‍นี้​เป็น‍ต้น​ไป เรา​จะ​อวย‍พร​เจ้า

     (Is the seed yet in the barn? Indeed, the vine, the fig tree, the pomegranate, and the olive tree have yielded nothing. But from this day on I will bless you.”)

2:20 “พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍ยาห์‌เวห์​มา​ถึง​ฮัก‌กัย​เป็น​ครั้ง‍ที่​สอง​ใน​วัน‍ที่ 24 ของ​เดือน​นั้น​ว่า” 

     (The word of the Lord came a second time to Haggai on the twenty-fourth day of the month,) 

2:21“จง​พูด​กับ​เศ‌รุบ‌บา‌เบล​ผู้‍ว่า‍ราช‌การ​แคว้น​ยู‌ดาห์​ว่า เรา​กำลัง​จะ​เขย่า​ท้อง‍ฟ้า​และ​แผ่น‍ดิน​โลก” 

     (“Speak to Zerubbabel, governor of Judah, saying, I am about to shake the heavens and the earth,) 

   2:22 “เรา​กำลัง​จะ​คว่ำ​บัล‌ลังก์​ของ​บรร‌ดา​ราช‌อาณา‌จักร และ​ทำ‍ลาย​พลัง​ของ​บรร‌ดา​ราช‌อาณา‌จักร​แห่ง​ประ‌ชา‍ชาติ​ทั้ง‍หลาย และ​เรา​จะ​คว่ำ​บรร‌ดา​รถ‍รบ​กับ​ผู้​ขับ‍ขี่ พวก​ม้า​กับ​ผู้​ขับ‍ขี่​ของ​มัน​จะ​ต้อง​ล้ม‍ลง คือ​ทุก​คน​จะ​ต้อง​ล้ม‍ลง​ด้วย​ดาบ​พวก‍พ้อง​ของ​เขา​เอง” 

     (and to overthrow the throne of kingdoms. I am about to destroy the strength of the kingdoms of the nations, and overthrow the chariots and their riders. And the horses and their riders shall go  down, everyone by the sword of his brother.)

2:23 “พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ว่า ใน​วัน‍นั้น​เรา​จะ​รับ​เจ้า โอ เศ‌รุบ‌บา‌เบล​บุตร​เช‌อัล‌ทิ‌เอล ผู้​รับ‍ใช้​ของ​เรา​เอ๋ย พระ‍ยาห์‌เวห์​ตรัส​ว่า เรา​จะ​ทำ​เจ้า​ให้​เป็น​เหมือน​แหวน‍ตรา เพราะ​เรา​ได้​เลือก‍สรร​เจ้า​แล้ว” พระ‍ยาห์‌เวห์​จอม‍ทัพ​ตรัส​ดัง‍นี้​แหละ”

     (On that day, declares the Lord of hosts, I will take you, O Zerubbabel my servant, the son of  Shealtiel, declares the Lord, and make you like a signet ring, for I have chosen you, declares  the Lord of hosts.”)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

2:1        “ณ วันที่ 21 เดือนที่ 7” (In the seventh month, on the twenty-first day of the month) = 17 ตุลาคมปี

520 ก่อน ค.ศ.     = วันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิง

= เวลาแห่งการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อน (ลนต.23:34-43) แม้ว่าพืชผลจะน้อย

(1:11;ยน.7:37) ปท. ฮกก.2:10,20; -กษัตริย์ซาโลมอนก็ถวายพระวิหารในช่วงเทศกาลนี้ (1พกษ.8:2)

2:2        “เศรุบบาเบล” (  Zerubbabel) –ฮกก.1:1

“มหาปุโรหิตโยชูวา บุตรเยโฮซาดัก” (Joshua the son of Jehozadak, the high priest) –1พศด.6:15

“ประชาชนที่เหลืออยู่” (to all the remnant of the people) –ฮกก.1:12

2:3        “ที่เหลืออยู่” (Who is left) = เชลยบางคนมีอายุมาก (อาจรวมทั้งฮักกัย) พอที่เคยเห็นพระวิหารอันโอ่อ่าตระการ และยิ่งใหญ่ของซาโลมอน (ที่ถูกทำลายโดยบาบิโลนเมื่อ 66 ปีก่อน)

“พระนิเวศนี้ประกอบด้วยศักดิ์ศรีเมื่อครั้งก่อน” (who saw this house in its former glory)

= พระวิหารของเศรุบบาเบลได้รับการยอมรับว่าเป็นวิหารที่ต่อเนื่องมาจากพระวิหารของซาโลมอน (ข.7,9)

“มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรเลย” (Is it not as nothing in your eyes?) = รู้สึกเทียบกันไม่ได้เลย (อสร.3:12)

2:4        “จงเข้มแข็งเถิด….จงทำงานเถิด” ( Be strong…Work) = ดาวิดก็กล่าวเช่นนี้ (ใน 1พศด.28:20) เพื่อให้กำลังใจแก่ซาโลมอนในการสร้างพระวิหารพระเจ้าให้กำลังใจแก่โยชูวา บุตรนูนด้วยถ้อยคำที่คล้าย ๆ กัน (ยชว.1:6-,9,18)

“เราอยู่กับเจ้าทั้งหลาย” (I am with you) -1:13;1พศด.28:20

= พระเจ้าเดียวกันกับที่ช่วยซาโลมอนจะช่วยเสริมกำลังให้แก่เศรุบบาเบลและประชาชน

2:5        “วิญญาณของเรา” (My Spirit) = พระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับโมเสสและบรรดาผู้อาวุโส 70 คน เมื่อพวกเขานำประชาชนออกจากอียิปต์ และเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร (กดว.11:16-17,25;อสย.63:11;สดด.51:11;ศคย.4:6) “อย่ากลัวเลย” (Fear not) -ข.4;ยชว.1:18;อสย.41:10

2:6        “อีกไม่นาน เราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก” (in a little while, I will shake the heavens) = คำประกาศวันพิพากษาของพระเจ้าที่ใกล้จะมาถึงบรรดาประชาชาติ และเริ่มเป็นจริงจากการที่เปอร์เซียแพ้สงครามแก่อเล็กซานเดอร์มหาราช (ปี 333-330 ก.ค.ศ.) ใน ฮบ.12:26-27,โยงพระธรรมตอนนี้เข้ากับการพิพากษาบรรดาประชาชาติ เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา (เบื้องหลังจากเขย่าประชาชาติในข้อนี้และในข้อ 21-22 คือ การพิพากษาต่ออียิปต์ที่ทะเลแดง ปท. อสย.14:16-17)

2:7        “เราจะเขย่าประชาชาติทั้งหมด และทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งหมดจะเข้ามา” (I will shake all nations, so that the treasures of all nations shall come in) = บางฉบับแปลว่า “เราจะเขย่ามวลประชาชาติและสิ่งที่ประชาชาติทั้งหลายพึงปรารถนาจะหลั่งไหลมา”

คำว่า “ทรัพย์สมบัติ” นี้ จะหมายถึงคนหรือสิ่งของก็ได้ หากหมายถึงสิ่งของก็เป็นทรัพย์สิ่งของที่มีค่า (2พศด.20:25;32:37) อาทิ   สิ่งที่กษัตริย์ดาริอัสประทานให้แก่พระวิหาร (อสร.6:8)

-ข้อนี้จริงสอดคล้องกับ อสย.60:5 ที่บอกว่า ทรัพย์สมบัติของประชาชาติต่าง ๆ จะถูกนำมายังศิโยน

แต่หากหมายถึงคนก็เช่นเดียวกัน (ดนล.9:23) ซึ่งแปลคำฮีบรูคำเดียวกันนี้ว่า “ผู้ที่ทรงรักยิ่ง”

ปท. 1ซมอ.9:20 ในที่นี้อาจแปลว่า “ผู้ที่พึงปรารถนาจะมา” และอาจเล็งถึง “พระผู้ช่วยให้รอด”

(พระเมสิยาห์ –ดนล.11:37;มลค.3:1)

“ให้เต็มด้วยศักดิ์ศรี” (with glory) = เปี่ยมด้วยสง่าราศี

อาจหมายถึง = ความโอ่อ่าตระการทางวัตถุ (อสย.60:7,13) หรือการทรงสถิต(ด้วยพระเกียรติสิริ) ของพระเจ้า (อสย.40:34-35;1พกษ.8:10-11;อสค.10:4)

-ในความหมายหลังนี้ เชื่อมโยงกับพระสิริของพระเจ้ากับเมฆ ซึ่งปกคลุมสถานนมัสการ

-เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา การทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าก็จะเด่นชัดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน (ลก.2:27,32)

2:8        “เงินเป็นของเรา และทองก็เป็นของเรา” (The silver is mine, and the gold is mine) = ให้จัดเตรียมไว้สำหรับวิหารของซาโลมอน (1พศด.29:2,7) และของเศรุบบาเบล (อสร.6:5)

2:9        “ศักดิศรี….จะยิ่งใหญ่กว่าหลังก่อน” (this house shall be greater than the former) = สง่าราศีรุ่งโรจน์กว่า เพราะว่า พระเมสิยาห์จะประทับที่นั่น (ข.7)

“หลังก่อน” = พระวิหารหลังเดิมที่ซาโลมอนสร้าง “สถานที่นี้” (in this place) = เยรูซาเล็ม (ศฟย.1:4)

“เราจะให้สันติสุข” (I will give peace) = ดูคำอวยพรของปุโรหิต ใน กดว.6:26

2:10      “ ณ วันที่ 24 เดือนที่ 9 ในปีที่ 2” (On the twenty-fourth day of the ninth month, in the second year of Darius) = 18 ธันวาคม ปี 520 ก.ค.ศ.      = เป็นเวลาปลูกพืชฤดูหนาว

2:11      “บรรดาปุโรหิต” (the priests) = ผู้ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความหมายที่ถูกต้องในบทบัญญัติต่าง ๆ

–ฉธบ.31:11;ยรม.18:18;มลค.2:7-9

2:12      “เนื้อบริสุทธิ์” (holy meat) = เนื้อจากสัตว์ซึ่งแยกไว้เป็นเครื่องบูชา

“สิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์ไปด้วยหรือไม่?” (does it become holy?) = คำถามเกี่ยวกับการถ่ายเทความบริสุทธิ์ เนื้อที่บริสุทธิ์ทำให้เสื้อผ้า “บริสุทธิ์” เพราะสัมผัสกับเสื้อผ้านั้นโดยตรง (ลนต.6:27) แต่เสื้อผ้านั้นส่งต่อความบริสุทธิ์ไปยังวัตถุที่สามไม่ได้

2:13      “สิ่งเหล่านี้จะเป็นมลทินไปด้วยหรือไม่? “ (does it become unclean?”) = การเป็นมลทินตามระเบียบพิธีนั้นติดต่อ(ถ่ายเท) ได้ง่ายกว่าความบริสุทธิ์มาก

= คนที่เป็นมลทินไปสัมผัสสิ่งใดสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน (กดว.19:11-13,22)

2:14      “ประชาชนพวกนี้…ผลงานทุกอย่าง…สิ่งที่พวกเขาถวายบูชา…ก็เป็นมลทิน” (this people… every work… every work… there is unclean      ) = แม้ประชาชนจะกลับมาสู่ดินแดนพระสัญญา อันบริสุทธิ์ แต่ความบริสุทธิ์นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์แต่อย่างใด พวกเขาต้องเชื่อฟังพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างวิหารขึ้นใหม่ (ข.12-13)

2:15      “ก่อนที่ศิลาก้อนหนึ่งจะวางซ้อนบนศิลาอีกก้อนหนึ่ง” (Before stone was placed upon stone)

= ก่อนที่จะวางศิลารากฐาน = ก่อนวันที่ 24 เดือน 6 (1:14-15)

2:16      “กองข้าว” (a heap ) –ยรม.50:26

“ได้เพียง 100 กิโลกรัม…ได้เพียง 40 ลิตร” (twenty measures…… but twenty)

= บางฉบับแปลว่า “ได้เพียงสิบถึง…มีเพียง 20 ถัง”

= ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้นั้น เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบาปของประชาชน (1:11;อสย.5:10)

“บ่อเก็บน้ำองุ่น” (the wine vat) = ปกติเป็นหลุมตื้นที่ขุดลงไปในหินแข็ง น้ำองุ่นที่ได้จากการย่ำจะไหลลงในหลุมนี้ และขังไว้จนกว่าจะเริ่มหมัก     จากนั้น น้ำองุ่นจะถูกถ่ายลงไหหรือถุงหนังเพื่อหมักและเก็บรักษาต่อไป

2:17      “โจมตี…ด้วยการทำให้ข้าวม้านและขึ้นรา และด้วยลูกเห็บ” (struck …with blight and with mildew and with hail) = คำสาปแช่งเพราะการไม่เชื่อฟังใน ฉธบ.28:22 (1พกษ.8:37;อมส.4:9)

= การโจมตีหรือตัวทำลายนี้ อาจเป็นผลมาจากลมร้อนตะวันออก (ปฐก.41:6)

“ลูกเห็บ” -ถูกส่งมาทำลายพืชผลและฝูงสัตว์ในอียิปต์ (อพย.9:25;สดด.78:47-48)

“แต่เจ้าทั้งหลายไม่มาหาเรา” (yet you did not turn to me) = เจ้าไม่ยอมกลับมา (อมส.4:6,8-11)

2:18      “วันที่วางรากฐานพระวิหาร” (Since the day that the foundation of the Lord’s temple) = วันที่จะได้รับการอวยพรเช่นเดียวกับวันที่วางฐานราก ในปี 536 ก.ค.ศ. (อสร.3:11) = คำเตือนไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำอีก

2:19      “เถาองุ่น ต้นมะเดื่อและต้นทับทิม กับต้นมะกอกเทศ” (the vine, the fig tree, the pomegranate, and the olive tree) –องุ่น มะเดื่อ และทับทิมสุกในเดือนสิงหาคม และกันยายน ส่วนมะกอกได้ผลตั้งแต่กันยายนถึงพฤศจิกายน -ก็เหมือนกับข้าวก่อนหน้านี้ คือ เก็บเกี่ยวได้น้อย (1:11)

“เราจะอวยพรเจ้า” (I will bless you) = เนื่องจากพวกเขาสนองตอบต่อคำของฮักกัย จึงได้รับการรับรองว่า พวกเขาจะได้รับความอุดมสมบูรณ์ในอนาคต (ปท. มลค.3:10)

2:20      “วันที่ 24 ของเดือนนั้น” (on the twenty-fourth day of the month) –ฮกก.1:15;2:1,10

2:21      “เขย่าท้องฟ้า และแผ่นดินโลก” (shake the heavens and the earth) –ข.5;อสย.14:16;อสค.38:19-20

2:22      “คว่ำ…คว่ำ” (overthrow …overthrow) = คำภาษาฮีบรู 2 คำ นี้ใช้กับเมืองโสโดม และโกโมราห์ ในปฐก.19:25;อมส.4:11

“รถรบ…ผู้ขับขี่…พวกม้า” (the chariots .. their riders. .. the horses) = เปรียบเทียบกับความหายนะของกองทัพของฟาโรห์ที่ทะเลแดง (อพย.15:1,4,19,21)

“ต้องล้มลงด้วยดาบของพวกพ้องของเขาเอง” (their riders shall go down, everyone by the sword of his brother) = ชะตากรรมของกองทัพมีเดียน (วนฉ.7:22), โกก (อสค.38:21), และชนชาติต่าง ๆ ที่ต่อสู้กับเยรูซาเล็มในยุคสุดท้าย (ศดย.14:13)

2:23      “ในวันนั้น” (On that day) = วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า (อสย.2:11,17,20;10:20,27;ยอล.1:15;ศคย.2:11)

“ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย” ( my servant) = คำศัพท์ที่ใช้กับผู้เผยพระวจนะ (อสย.20:3), ผู้นำทางการเมือง

(อสย.22:20), และพระเมสิยาห์ (อสย.41:8-9;42:1)

“แหวนตรา” (a signet ring) = ตราประทับชนิดหนึ่งซึ่งใช้เป็นดุจลงลายมือ (อสธ.8:8) ใช้สวมไว้ที่นิ้ว

(อสธ.3:16) และเช่นเดียวกับตราประทับอื่น ๆ (ปฐก.38:18) คือสามารถใช้เป็นของประกันหรือของมัดจำการจ่ายเงินให้ครบตามจำนวน

= การเอ่ยถึงการลบล้างคำสาปแช่งที่ตกแก่กษัตริย์เยโฮยาคีน ใน ยรม.22:24; ปท.วนฉ.17:2

= เศรุบบาเบลจะเป็นเครื่องรับประกันว่า พระสิริในอนาคตของพระวิหารจะเป็นที่ประจักษ์ให้เห็น

(ข้อ 6-7,9;ศคย.4:6-7)

“เราได้เลือกสรรเจ้าแล้ว” (I have chosen you) –อสย.41:8-9;42:1

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยมีโอกาสได้เห็น “ความยิ่งใหญ่” หรือ “ศักดิ์ศรี” ของสถานที่ใดบ้างที่ตอนนี้พังทลายหรือหายไปแล้ว? (แบ่งปัน)
  2. หากคุณสามารถเลือกกลับไปสู่อดีตยุคใดก็ได้ คุณอยากจะกลับไปเห็นความยิ่งใหญ่หรือความโอ่อ่าตระการของสถานที่ใด? ทำไม?
  3. คุณเคยได้รับมอบหมายให้ทำงานใดที่ยากมากสำหรับคุณบ้าง? งานอะไร? ใครมอบให้? ทำไมจึงยาก? แล้วคุณทำได้หรือสำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
  4. คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าทรงสถิตกับคุณจนคุณไม่กลัว และสามารถทำให้งานที่ได้รับมอบหมายจาก     พระเจ้าจนสำเร็จบ้างไหม? (แบ่งปัน)
  5. คุณยอมรับได้อย่างจริงใจหรือไม่ว่า “เงินและทองหรือทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เรามีล้วนแต่เป็นของพระเจ้า” แล้วคุณกระทำอะไรต่อทรัพย์เหล่านั้นเป็นการตอบสนองการยอมรับด้วยความเชื่อนั้นบ้าง? ต่อ  1) คริสตจักร? 2) งานของพระเจ้า?
  6. คุณเคยมีสันติสุขจากการได้เห็นพระเจ้าทรงทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในสถานที่ที่คุณอยู่บ้างหรือไม่? อย่างไร?
  7. ในชีวิตประจำวันของคุณ ทุกวันนี้ คุณมีชีวิตที่  1) บริสุทธิ์ หรือ 2) เป็นมลทิน มากกว่ากัน?ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?   มีอะไรที่คุณควรจะปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือปรับปรุงบ้างไหม? อย่างไรและเมื่อไร?
  8. ในชีวิตที่ผ่านมาของคุณย้อนหลังไป 1 ปี คุณคิดว่า พระเจ้า   1) อวยพร หรือ 2) สาปแช่ง คุณ?ทำไมคุณคิดเช่นนั้น มีอะไรยืนยัน? (แบ่งปัน)
  9. คุณจะต้องทำอะไรบ้าง จึงจะมีโอกาสได้ยินพระเจ้าตรัสกับคุณว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะอวยพรเจ้า?

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.