“ไปนอนในขณะที่หิว ยังดีกว่าหิ้วหนี้สินในยามตื่นขึ้นมา”
( Better to go to bed hungry Than to wake up in debt.)
ในวันแต่งงาน คู่บ่าวสาวต้องแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญาต่อกันว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่ายากสุขหรือยามทุกข์ ยามมั่งมีหรือยามยากจน ยามสุขสบายหรือยามเจ็บป่วย โดยกล่าวว่า “จนกว่าความตายจะแยกเราทั้งสองออกจากกัน!”
หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Till death do us part!”
แต่ในปัจจุบัน แม้คู่สมรสจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยดีมาตลอด แต่วันหนึ่งเมื่อคนใดก่อเกิดหนี้สินที่สร้างความอึดอัดใจให้กับอีกคนหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดก็มักลงเอยที่สามีภรรยาตัดสินใจหย่าร้างกัน จนมีคนนำมาล้อเลียนชีวิตคู่ที่ทนอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ไหว จึงหย่าร้างเพราะปัญหาหนี้สินและกล่าวว่า เราได้อยู่กันมา
“จนหนี้สินแยกเราทั้งสองออกจากกัน” “Till debt do us part!”
ที่แน่ๆ ก็คือ คริสเตียนแท้ ควรมีจุดยืนว่า เขาจะไม่สร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นขึ้นเป็นอันขาด
หนี้คืออะไร?
“หนี้” คือ “เงินหรือสินทรัพย์ซึ่งคนหนึ่งมีข้อผูกพันหรือเงื่อนไขที่จะต้องจ่ายคืนให้กับอีกคนหนึ่ง!”
คนส่วนใหญ่ในยุคนี้มักเป็นหนี้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง แต่ที่หลัก ๆ ก็คือ
- หนี้บัตรเครดิต
- หนี้สินเชื่อบ้าน (หรือรถ)
ในเรื่องนี้พระคัมภีร์ให้จุดยืนแก่เราว่า อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากหนี้รัก!
“อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่งมีต่อกันเพราะว่าผู้ที่รักเพื่อนบ้าน ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว” (โรม 13:8)
เพราะหากเราเป็นหนี้ผู้ใด เพราะไปยืมเงินเขามา เราก็คือ ทาสของเขานั่นเอง! (ไปกู้เงินธนาคารก็เป็นทาสของธนาคารเช่นกัน)
พระคัมภีร์บอกเราว่า…
“คนมั่งคั่งปกครองเหนือคนยากจน และคนขี้ยืมก็เป็นทาสของคนให้ยืม” (สุภาษิต 22:7)
ดังนั้น จงจำไว้ว่า… เราจะสูญเสียอิสรภาพไปเมื่อเราเป็นหนี้
ในพระคัมภีร์ถือว่า หนี้ เป็นคำแช่งสาป!
“พระเจ้าจะเปิดคลังฟ้าอันดีของพระองค์ประทานฝน แก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการน้ำมือของท่าน และท่านจะให้ประชาชาติหลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา” (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:12)
ดังนั้น จุดยืนของเราในเรื่องเศรษฐกิจเงินทองก็คือ เราจะไม่ก่อหนี้ที่ไม่สมควร แต่หากเราก่อหนี้ขึ้นมาแล้ว เราต้องรับผิดชอบในการรีบทำทุกอย่างให้ตัวเราหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ เช่น
- เราจะอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยปลดปล่อยเรา (2พกษ.4:1-7)
- เราจะจัดทำประมาณการรายรับรายจ่ายเป็นลายลักษณ์อักษร
- เราจะจัดทำรายการทรัพย์สินทั้งหมดที่เรามี
- เราจะจัดทำรายการหนี้สินทั้งหมดที่เรามี
- เราจะปลดหนี้ที่มีจำนวนน้อย(ต่ำ)ที่สุดก่อน
- เราจะขยันและหารายได้เพิ่มเติม/เพิ่มขึ้น
- เราจะหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่
- เราจะรู้จักพอใจและชื่นชมกับสิ่งที่เรามีอยู่ (โดยไม่ไปเปรียบเทียบกับผู้ใดหรือวิ่งตามกระแส)
- เราจะปรับเปลี่ยนวิถีหรือสไตล์การใช้ชีวิตของเราเพื่อหลุดพ้นจากหนี้สินโดยเร็ว
- เราจะไม่ยอมถอดใจ แต่ต่อสู้จนกว่าจะเป็นอิสระจากหนี้สินให้ได้
ดังนั้น วันนี้ไม่ว่าเราจะมีฐานะอะไร ขอให้เรามีจุดยืน เราจะไม่ก่อหนี้ขึ้นเป็นอันขาด แต่ย้ำอีกครั้งว่า หากเราได้ก่อหนี้แล้ว เราต้องรับผิดชอบ ชดใช้ หรือจ่ายคืนเจ้าหน้าให้หมดโดยเร็ว! จุดยืนของเราก็คือ
เราจะไม่ปล่อยให้หนี้สินหรือปัญหาเรื่องเงินทองมาทำให้พระเจ้าทรงเสื่อมเสียพระเกียรติ แต่เราจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทรัพย์สินสิ่งของที่เรามี
ดังพระธรรมสุภาษิต ที่ว่า
“จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทรัพย์สินของตนและด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทั้งสิ้นของเจ้า” (สุภาษิต 3:9)
แล้วพระพรของพระเจ้าจะหลั่งไหลมาสู่เรา
“แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มด้วยความอุดมและบ่อเก็บของเจ้าจะล้นด้วยเหล้าองุ่น” (สุภาษิต 3:10)
พี่น้องที่รัก!
ขอให้เรายืนหยัดในจุดยืนเรื่องเงินทองเช่นนี้!
…จะดีไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer