จงหวังในสิ่งที่ดีที่สุด และพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
(Hope for the Best And be ready for the worst.)
ชีวิตของเราอาจเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ
บางครั้งก็ดีเกินคาดคิด
บางทีก็ย่ำแย่เกินจะรับได้
บางครั้งเข้าใจได้
บางครั้งก็ยากที่จะเข้าใจ
แม้เรารู้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น พระเจ้ามีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง แต่เราก็มักอยากรู้ว่า เหตุผลนั่นคืออะไร?
และบ่อยครั้งที่พระเจ้าก็ไม่ได้อธิบายให้เราฟัง ดูเหมือนว่าพระองค์ประสงค์จะให้เราเชื่อ เชื่อฟัง และวางใจพระองค์ในท่ามกลางความยุ่งยากเหล่านั้น
ผลก็คือ เรามักสอบตกมากกว่าสอบได้
ในวันคริสตมาสก็มีเรื่องราวของหลายบุคคลที่เผชิญกับสิ่งเลวร้ายสุด ๆ หลายประการในชีวิต แต่ในที่สุดพวกเขาก็ยอมเชื่อ เชื่อฟังทำตามด้วยความไว้วางใจพระเจ้า และเกิดผลดีในบั้นปลายตามมา แม้ว่าจะมีช่วงเวลาแห่งการรอคอยคำตอบเหล่านั้นเร็วช้าแตกต่างกัน
อาทิ เศคาริยาห์ และเอลีซาเบธที่รอพระเจ้าประทานบุตรให้ กระทั่งวันเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี จนทั้งสองชรา อีกทั้งเอลีซาเบธยังเป็นหมันเข้าไปอีก จึงดูสิ้นหวัง เพราะสถานการณ์เข้าข่ายย่ำแย่ที่สุด (the worst)
แต่ในช่วงคริสตมาสนั้นเอง ที่ทูตสวรรค์มาประกาศข่าวดีแก่พวกเขาว่า พระเจ้าทรงสดับคำร้องทูลของเขาแล้ว และจะประทานบุตรมาให้คือ ยอห์น (John) ผู้ซึ่งจะมาเป็นผู้ประกาศนำทางให้พระคริสต์ (The Best) ที่กำลังจะตามมาในภายหลัง
สิเมโอน ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่รอคอยจะได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอดมาหลายสิบปี จนเกือบหมดหวังแล้ว จนกระทั่งท่านชรามาก และใกล้ตายแล้วท่านจึงได้เห็นพระกุมารเยซู
โยเซฟก็ประสบเหตุการณ์ที่ย่ำแย่สุด ๆ ในชีวิต เพราะอยู่ ๆ คู่หมั้นสาวอย่างมารีย์เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา โดยที่ตัวเขาเองยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเธอเลย
มารีย์เองก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ แท้จริงแล้ว นับเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ เพราะการที่หญิงสาวพรหมจารีย์ซึ่งมีคู่หมั้นแล้ว จะตั้งครรภ์ขึ้นมาเพื่อให้พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของโลกมาประสูติผ่านครรภ์ของเธอ โดยที่เธอยังไม่ได้อยู่กินกันกับโยเซฟคู่หมั้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งผลที่จะตามมาจากขนบประเพณีของสังคมในสมัยนั้นก็คือ เธอจะต้องถูกหินขว้างตาย ในฐานะผิดประเวณี และผิดประเพณี
มารีย์ จึงตกใจ เมื่อทูตสวรรค์มาบอกเธอเช่นนั้น
“…และรำพึงว่า “คำทักทายนั้นจะหมายว่าอะไร” (ลูกา 1:29)
และด้วยความไร้เดียงสา เธอจึงถามขึ้นว่า…
“…เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปอย่างไรได้ เพราะข้าพเจ้ายังหาได้ร่วมกับชายไม่” (ลูกา 1:34)
หลังจากที่ทูตสวรรค์อธิบายให้เธอฟังว่า พระเจ้าทรงทำให้เกิดขึ้นได้ เธอก็เลือกที่จะเชื่อฟังและทำตาม โดยยอมรับหน้าที่เสี่ยงต่อการเสื่อมเสียชื่อเสียงและเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอเอง โดยเธอกล่าวว่า…
“ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นทาสีของพระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน” (ลูกา 1:38)
ดูเหมือนว่า มารีย์เธอจะเข้าใจความหมายของคำกล่าวที่ว่า “จงหวังในสิ่งที่ดีที่สุด และพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด!”
และประวัติศาสตร์โลกก็ได้ยืนยันความจริงที่ว่า ไม่มีสตรีคนใดในโลกนี้ที่ได้รับเกียรติและการยกย่องมากเท่ามารีย์ผู้นี้เลย และเธอได้กลายมาเป็นพระแม่มารีย์ของคนนับพันล้านคนทั่วโลก
เอลีซาเบธนับเป็นคนแรกที่เรียกมารีย์ว่า มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า!
“43 เป็นไฉนข้าพเจ้าจึงได้ความโปรดปรานเช่นนี้ คือ มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้มาหาข้าพเจ้า 44เพราะ ดูเถิด พอเสียงปราศรัยของท่านเข้าหูข้าพเจ้า ทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความยินดี 45สตรีที่ได้เชื่อก็เป็นสุข เพราะว่าจะสำเร็จตามพระดำรัสจากพระเป็นเจ้าที่มาถึงเขา” (ลูกา 1:43-45)
ใช่ครับ…มารีย์ได้ผ่าน “สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุด” (The worst) ที่เธอพร้อมเผชิญ และได้รับ “สิ่งที่ประเสริฐที่สุด” (The Best) นั่นคือ เธอได้เป็นผู้ให้กำเนิดองค์พระผู้ช่วยให้รอดของโลกคือ องค์พระคริสต์เจ้าในวันคริสตมาส!
ดังนั้น ไม่ว่าวันนี้ คุณกำลังประสบกับสภาวะที่ย่ำแย่สุด ๆ ในเรื่องใด หรือสาหัสแค่ไหน ในเรื่องเศรษฐกิจ ความรักและครอบครัว หรือสุขภาพ ขอให้คุณจงเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นอย่างกล้าหาญไปกับ “พระคริสต์แห่งวันคริสตมาส” ผู้ทรงสามารถที่จะช่วยคุณให้รอดพ้นจากวิกฤติเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน แล้วคุณจะพบกับสิ่งที่ดีที่สุดที่รอคอยคุณอยู่เบื้องหน้า!
ลองดูสิครับ!
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์