“การเป็นพยานที่ดีเพื่อพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เป็นแค่การสังเกตเฝ้าดูคนที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เป็นการลงมือช่วยพวกเขา!”
(A Good witness for Jesus, Doesn’t just observe others In need, they help.)
หากเราเห็นใครทุกข์ใจแล้วเราไม่หวั่นไหวเลย ถือว่าเราไม่ปกติ
หากเราเห็นผู้ใดทุกข์ใจแล้วเรามีใจห่วงใย ถือว่าเราปกติ
หากเราเห็นบุคคลใดทุกข์ใจแล้วเรามีใจห่วงใย และลงมือช่วยเขาให้พ้นจากสภาวะทุกข์นั้น ถือว่าเรา ยอดเยี่ยม! และพระเจ้าต้องการให้เรากระทำในสิ่งที่ดียอดเยี่ยมดังกล่าว !
ใช่ครับ! เราไม่ควรเพิกเฉยต่อความทุกข์ยากลำบาก ที่ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดต้องทุกข์ใจ
ดังนั้น หากว่าเรามีความสามารถหรือมีตำแหน่งหน้าที่หรืออำนาจที่จะช่วยผู้หนึ่งผู้ใดได้ ก็ขออย่าให้เราลังเลหรือผัดผ่อน แต่ขอให้เราลงมือช่วยเขาเท่าที่เราสามารถช่วยได้ในทันที
“อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะกระทำได้” (สุภาษิต 3:27)
ไมตรีจิตที่เราหยิบยื่นให้แก่เขา จะเปรียบประดุจมือที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังง้างประตูหัวใจของเขาให้ค่อยๆ เปิดออกต่อข่าวประเสริฐของพระเจ้า การกระทำด้วยความรักเมตตาเช่นนี้ คือ คำพยานหรือคำเทศนาที่ปราศจากถ้อยคำ
และเมื่อใดก็ตามที่เขาพร้อมที่จะรับคำเทศนาหรือคำพยานที่เป็นถ้อยคำ นั่นก็เป็นเวลาที่เราควรแบ่งปันข่าวประเสริฐแห่งความรอดของพระคริสต์แก่เขาแล้ว
ฉะนั้น เราเห็นแล้วว่า การเป็นพยานที่ควบคู่กันไประหว่าง การกระทำ + คำพูด จะมีพลังในการเปิดใจ เปิดความคิดของผู้ที่ได้เห็น ได้รับ ได้รู้ และในที่สุด เขาก็จะได้รับความรอด ผ่านการเชื่อในข่าวประเสริฐแห่งการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์เพื่อเขา
วันนี้ คำพูดและการกระทำของคุณสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วหรือยัง?
ขอให้ความรักที่สำแดงออกเป็นการกระทำของคุณ จะควบคู่กับข่าวประเสริฐแห่งความรอดอย่างเป็นหนึ่งเดียว แล้วคุณจะชื่นชมยินดีที่มีใครบางคนจะกลับใจมาหาพระเจ้าเพราะคุณ!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์–
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer,
(Cr.ภาพ : www.diggingdaily.com)