จงระวังแรงจูงใจและท่าทีของคุณ
พระธรรม ยากอบ 4:1-17
อ้างอิง ทต.3:9;มธ.5:21-22;สดด.18:41;อสย.54:5;1คร.6:19;สภษ.3:34;อฟ.4:27;สดด.73:28;ลก.6:25;โยบ 5:11; รม.1:30;อสย.53:22;สภษ.27:1;โยบ 7:7;กจ.18:21;ลก.12:47
บทนำ
อะไรคือสาเหตุหรือต้นเหตุที่ทำให้คุณมีความทุกข์เจ็บปวด และขัดแย้งกับผู้อื่น?
มีอะไรบ้างที่เกิดจากแรงจูงใจ หรือทัศนคติ ผิด ๆ รวมทั้ง ทิฐิ หรือความหยิ่งทะนงของคุณ?
มีอะไรบ้างที่คุณรู้ว่า ไม่ดีแต่ก็ยังทำอยู่ และมีอะไรบ้างที่คุณรู้ว่าดี แต่คุณยังไม่ได้ทำ?
บทเรียน
4:1 “อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และการทะเลาะวิวาทกันในท่านทั้งหลาย? มันมาจากความปรารถนาชั่วของท่านที่ต่อสู้อยู่ภายในตัวพวกท่านไม่ใช่หรือ?”
(What causes quarrels and what causes fights among you? Is it not this, that your passions are at war within you?)
4:2 “ท่านทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน พวกท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ”
(You desire and do not have, so you murder. You covet and cannot obtain, so you fight and quarrel. You do not have, because you do not ask. )
4:3 “พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง”
(You ask and do not receive, because you ask wrongly, to spend it on your passions. )
4:4 “คนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าท่านทั้งหลายรู้ว่าการเป็นมิตรกับโลกนั้นคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า”
(You adulterous people! Do you not know that friendship with the world is enmity with God? Therefore whoever wishes to be a friend of the world makes himself an enemy of God. )
4:5 “ท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระวิญญาณที่พระเจ้าให้สถิตกับเรานั้นทรงหวงแหนอย่างยิ่ง?”
(Or do you suppose it is to no purpose that the Scripture says, “He yearns jealously over the spirit that he has made to dwell in us”? )
4:6 “แต่พระองค์ก็ประทานพระคุณมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”
(But he gives more grace. Therefore it says, “God opposes the proud, but gives grace to the humble.” )
4:7 “เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป”
(Submit yourselves therefore to God. Resist the devil, and he will flee from you. )
4:8 “พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน พวกคนบาปเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด คนสองใจ จงชำระใจให้บริสุทธิ์”
(Draw near to God, and he will draw near to you. Cleanse your hands, you sinners, and purify your hearts, you double-minded. )
4:9 “จงเป็นทุกข์ โศกเศร้า และร้องไห้ ให้เสียงหัวเราะของพวกท่านกลายเป็นความโศกเศร้า และความชื่นชมยินดีกลายเป็นความเศร้าสลด”
(Be wretched and mourn and weep. Let your laughter be turned to mourning and your joy to gloom.)
4:10 “พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน”
(Humble yourselves before the Lord, and he will exalt you.)
4:11 “พี่น้องเอ๋ย อย่ากล่าวร้ายกันและกัน คนที่กล่าวร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ก็กล่าวร้ายธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน”
(Do not speak evil against one another, brothers. The one who speaks against a brother or judges his brother, speaks evil against the law and judges the law. But if you judge the law, you are not a doer of the law but a judge. )
4:12 “ผู้ที่ตั้งธรรมบัญญัติและผู้ที่ตัดสินมีแต่เพียงองค์เดียว ผู้ทรงสามารถช่วยให้รอดหรือทำลายก็ได้ แต่ท่านเป็นใคร ถึงได้ตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน?”
(There is only one lawgiver and judge, he who is able to save and to destroy. But who are you to judge your neighbor?)
4:13 “ฟังให้ดีนะ ท่านทั้งหลายที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักปีหนึ่ง และจะค้าขายแล้วได้กำไร”
(Come now, you who say, “Today or tomorrow we will go into such and such a town and spend a year there and trade and make a profit”— )
4:14 “แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป”
(yet you do not know what tomorrow will bring. What is your life? For you are a mist that appears for a little time and then vanishes.)
4:15 “แต่พวกท่านควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่ และจะทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น”
(Instead you ought to say, “If the Lord wills, we will live and do this or that.”)
4:16 “แต่เวลานี้ท่านกลับอวดอ้างด้วยความทะนงของตนเอง การอวดอ้างทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความชั่ว”
(As it is, you boast in your arrogance. All such boasting is evil. )
4:17 “เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป”
(So whoever knows the right thing to do and fails to do it, for him it is sin.)
ข้อมูลมีประโยชน์
4:1 “การทะเลาะวิวาท” (quarrels) –ทต 3:9
“ความปรารถนาชั่ว…ที่ต่อสู้อยู่ภายในตัวท่าน” (that your passions are at war within you) –รม.7:23
4:2 “ฆ่ากัน” (you murder) –ตัวอย่าง อาหับฆ่านาโบท (1พกษ.21:1-16; ดาวิดฆ่าอุรียาห์ (2ซมอ.11)
–มธ.5:21-22;ยก.5:6;1ยน.3:15
4:3 “ไม่ได้รับ” (do not receive) –สดด.18:41;มธ.7:7
“ขอผิด” (ask wrongly)= ขอด้วยแรงจูงใจผิด –สดด.66:18;1ยน.3:22;5:14
4:4 “คนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า” (You adulterous people) = แปลตรงตัวได้ว่า “พวกล่วงประเวณี”
= หมายถึงคนไม่ซื่อสัตย์ฝ่ายจิตวิญญาณ รักโลกมากกว่ารักพระเจ้า
-มีตัวอย่างไม่ซื่อสัตย์ (ไม่ล่วงประเวณี) ฝ่ายวิญญาณใน อพย.34:15
-อสย.54:5;ยรม.3:20;ฮชย.2:2-5;3:1;9:1
“เป็นมิตรกับโลก” (know that friendship with the world ) -ยก.1:27
“เป็นศัตรูกับพระเจ้า” ( is enmity with God) ยน.15:19
4:5 “ทรงหวงแหนอย่างยิ่ง” (He yearns jealously)
= แปลได้อีกแบบว่า “อยากให้เราเป็นของพระเจ้าเท่านั้น” หรือ “หวงแหนอย่างแรงกล้า”
อาจแปลได้ว่า
- พระเจ้าปรารถนาจะได้รับความซื่อสัตย์ และความรักจากมนุษย์อย่างเรา (ข.4) –อพย.20:5
- พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ปรารถนาหรือหวงแหนการอุทิศชีวิตอย่างเต็มที่เต็มกำลังของเรา
4:6 “คนที่หยิ่งจองหอง…คนที่ถ่อมใจ” (the proud …to the humble.) –สภษ.3:34;มธ.23:12;1ปต.5:5
4:7-10 ประกอบด้วยคำสั่ง 10 คำสั่ง แต่ละคำสั่งในภาษากรีกเน้นให้ลงมือถอนรากถอนโคนความเย่อหยิ่งในทันที
4:7 “จงต่อสู้กับมาร” (Resist the devil) –อฟ.34:27;6:11;1ปต.5:6-9
4:8 “แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน” (he will draw near to you) –สดด.73:28;ศคย.1:3;มลค.3:7;
ฮบ.7:19
“จงชำระมือให้สะอาด” (Cleanse your hands) = จงล้างมือให้สะอาด –อสย.1:16
= ก่อนปุโรหิต (ในพระคัมภีร์เดิม/พันธสัญญาเดิม) เข้าใกล้พระเจ้าที่พลับพลา เขาต้องล้างมือและเท้าที่อ่างทองสัมฤทธิ์อันเป็นสัญลักษณ์ของการชำระฝ่ายวิญญาณ (อพย.30:17-21)
“คนสองใจ” (you double-minded) สดด.119:13;ยก.1:8
“จงชำระใจให้บริสุทธิ์” (purify your hearts) –สดด.24:4;ยรม.4:14
4:9 “จงเป็นทุกข์ โศกเศร้า และร้องไห้” (Be wretched and mourn and weep) = หมายถึงการกลับใจใหม่
“ความชื่นชมยินดีกลายเป็นความเศร้าสลด” (your joy to gloom) ลก.6:25
4:10 “แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน” (he will exalt you) -โยบ 5:11;ยก.4:6;1ปต.5:6
4:11 “กล่าวร้ายกันและกัน…ก็กล่าวร้ายธรรมบัญญัติ” (who speaks against …speaks evil against the
law and judges the law ) –2:8;อพย.20:16;สดด.15:3;50:19-20;สภษ.6:16,19
= การพูดกล่าวร้ายพี่น้องคือการกล่าวร้ายพระบัญญัติแห่งความรักของพระเจ้า –รม.1:30;2คร.12:20;
1ปต.2:1;มธ.7:1;ยก.1:22
4:12 “ผู้ที่ตัดสินมีแต่เพียงองค์เดียว” (There is only one …judge) -อสย.33:22;ยก.5:9
“ผู้ทรงสามารถช่วยให้รอดหรือทำลายก็ได้” (who is able to save and to destroy) –มธ.10:28
“แต่ท่านเป็นใคร ถึงได้ตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน” (who are you to judge your neighbor) มธ.7:1
4:13-5:6 -ในยากอบ 4:13-17 กล่าวถึงพ่อค้าที่เดินทางค้าขายกับการโอ้อวด
ในยากอบ 5:1-6 ยากอบเตือนเจ้าของที่ดินที่มั่งมีเรื่องการใช้ความมั่งคั่งอย่างไม่ถูกต้อง
4:13 “ฟังให้ดีนะ” (Come now ) –ยก 5:1
“และจะค้าขายแล้วได้กำไร” (trade and make a profit ) –สภษ.27:1;ลก.12:18-20
4:14 “เหมือนหมอก…ปรากฏอยู่เพียงชั่วครูแล้วก็จางหายไป” (For you are a mist that appears for a
little time and then vanishes.) –โยบ 7:7; (อึดใจเดียว);สดด.39:5;144:4;อสย.2:22
คำว่า “หมอก” เปรียบได้กับ “เงา” –1พศด.29:15; เมฆ (โยบ 7:9) เงาในยามเย็น (สดด.102:3)
4:15 “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด” (If the Lord wills ) = ถ้าเป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
–กจ.18:21
4:16 “การอวดอ้างทุกอย่างนั้น ล้วนเป็นความชั่ว” ( All such boasting is evil) –1คร.5:6
4:17 “คนที่รู่ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป” (So whoever knows the right
thing to do and fails to do it, for him it is sin) –ลก.12:47;ยน.9:41
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยทะเลาะหรือต่อสู้กับใครบางคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคริสตจักรหรืองค์กรที่คุณอยู่) หรือไม่? คุณคิดว่า ต้นตอหรือต้นเหตุของการต่อสู้กันคืออะไร? คู่ควรที่จะต่อสู้กันอย่างที่เป็นอยู่ใหม่? ทำไม?
- คุณเคยอยากได้ และขอแล้วไม่ได้รับบ้างไหม คุณรู้สึกอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณอยากได้และขอจาก
…..1) พระเจ้า?
…..2) คนที่คุณรัก?
…..3) คนใกล้ตัวของคุณ?
- คุณคิดว่า ทำไมคุณจึงไม่ได้รับ? เวลานี้คุณคิดว่าคุณเป็นมิตรกับโลกอยู่หรือไม่? คุณรู้ไหมว่า การเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า? ทำไม? หากคุณเป็น คุณคิดจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร?
- คุณคิดว่า คุณยอมจำนนต่อพระเจ้าแล้วหรือยัง? ทำไม? แล้วเกิดผลอะไรตามมาบ้าง?
- คุณเคยต่อสู้กับมารแบบหนักที่สุดในเรื่องใด? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- ประสบการณ์ที่ทำให้คุณเสียใจ ร้องไห้และกลับใจใหม่ที่คุณไม่เคยลืมเลยในชีวิตนี้ คือเหตุการณ์อะไร? ที่ไหน? อย่างไร? ทำไม? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้ายกชูคุณขึ้นมาหรือไม่? เรื่องอะไร? คุณคิดว่า อะไรเป็นสาเหตุ?
- คุณเคยเจ็บปวดเพราะถูกคนตัดสินหรือกล่าวร้ายคุณบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วคุณผ่านมาได้อย่างไร? หรือคุณเคยตัดสินหรือกล่าวร้ายผู้ใดแล้วรู้สึกสำนึกเสียใจบ้างหรือไม่?
- คุณเคยมั่นใจตัวเองหรือแผนการความสามารถของคุณจนโอ้อวด แล้วตอนท้ายต้องเจ็บปวดเพราะไม่เป็นไปตามที่คิดหรือวางแผนบ้างไหม? อย่างไร?
- บทเรียนที่ล้ำค่าที่สุดจากพระธรรมตอนนี้ที่คุณได้รับจากพระเจ้าคืออะไร?………………………………………….
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์