Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมยากอบ บทที่ 2

ความลำเอียง ความเชื่อ และการประพฤติ

พระธรรม        ยากอบ 2:1-26

อ้างอิง             ลนต.19:18;อพย.20:13-14;ฉธบ.5:17-18;ปฐก.22:1-4;15:6;2พศด.20:7;อสย.41:8;ยชว.2:1-21

บทนำ             คนของพระเจ้าต้องไม่เป็นคนลำเอียง เลือกชั้นวรรณะในการคบหาและในการให้บริการ ไม่เป็นคนที่ปากบอกว่าเชื่อในพระเยซูคริสต์ แต่พฤติกรรมไม่สอดคล้องเลย คนของพระเจ้าต้องเป็นคนที่มีการกระทำเป็นการพิสูจน์ถึงความเชื่อแท้ของเขาอยู่เสมอ!

บทเรียน

2:1 “พี่น้องของข้าพเจ้า ในเมื่อพวกท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งศักดิ์ศรีของเรานั้น ก็จงอย่า​ลำเอียง” 

(My brothers, show no partiality as you hold the faith in our Lord Jesus Christ, the Lord of glory.)

2:1 “เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและแต่งตัวดีเข้ามาในที่ประชุมของท่านทั้งหลาย และมีคนจนคนหนึ่งแต่ง‍ตัวซอมซ่อเข้ามาด้วย” 

(For if a man wearing a gold ring and fine clothing comes into your assembly, and a poor man in shabby clothing also comes in, )

2:3 “และท่านสนใจแต่คนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดีและกล่าวกับเขาว่า “ขอเชิญนั่งที่นี่” ขณะเดียวกันท่านก็พูดกับคนจนนั้นว่า “ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ” หรือ“มานั่งที่พื้นแทบเท้าเรา” 

(and if you pay attention to the one who wears the fine clothing and say, “You sit here in a good place,” while you say to the poor man, “You stand over there,” or, “Sit down at my feet,” )

2:4 “พวกท่านก็แบ่งชั้นวรรณะและตัดสินด้วยความคิดที่ชั่วร้ายไม่ใช่หรือ?” 

(have you not then made distinctions among yourselves and become judges with evil thoughts? )

2:5 “จงฟัง พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า พระเจ้าทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อและเป็นผู้รับมรดกในอาณาจักรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์ไม่ใช่หรือ?” 

(Listen, my beloved brothers, has not God chosen those who are poor in the world to be rich in faith and heirs of the kingdom, which he has promised to those who love him?)

2:6 “แต่พวกท่านกลับดูถูกคนจน พวกคนมั่งมีไม่ใช่หรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน? และพวกเขาไม่ใช่หรือที่ลากตัวท่านไป​ขึ้นศาล?” 

(But you have dishonored the poor man. Are not the rich the ones who oppress you, and the ones who drag you into court? )

2:7 “พวกเขาไม่ใช่หรือที่หมิ่นประมาทพระนามประเสริฐที่ใช้เรียกพวกท่าน?”

(Are they not the ones who blaspheme the honorable name by which you were called?)

2:8 “ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตน‍เอง พวกท่านก็ทำดี”

(If you really fulfill the royal law according to the Scripture, “You shall love your neighbor as yourself,” you are doing well.)

2:9 “แต่ถ้าพวกท่านลำเอียง ท่านก็ทำบาป และถูกตัดสินว่าเป็นผู้ละเมิดโดยธรรมบัญญัติ” 

(But if you show partiality, you are committing sin and are convicted by the law as transgressors.)

2:10 “เพราะว่าใครที่รักษาธรรมบัญญัติทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว คนนั้นก็ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด” 

(For whoever keeps the whole law but fails in one point has become accountable for all of it. )

2:11 “เพราะว่าพระองค์ผู้ตรัสว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ก็ตรัสไว้ด้วยว่า “ห้ามฆ่าคนแม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ” 

   (For he who said, “Do not commit adultery,” also said, “Do not murder.” If you do not commit adultery but do murder, you have become a transgressor of the law. )

2:12 “เช่นนั้นแหละ พวกท่านจงพูดและทำเหมือนอย่างคนที่จะถูกพิพากษาด้วยหลักเกณฑ์แห่งเสรีภาพ” 

       (So speak and so act as those who are to be judged under the law of liberty. )

2:13 “เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา”

       (For judgment is without mercy to one who has shown no mercy. Mercy triumphs over judgment.)

2:14 “พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?” 

   (What good is it, my brothers, if someone says he has faith but does not have works? Can that faith save him? )

2:15 “ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน” 

       (If a brother or sister is poorly clothed and lacking in daily food,)

2:16 “แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร?” 

(and one of you says to them, “Go in peace, be warmed and filled,” without giving them the things  needed for the body, what good is that?) 

2:17 “ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว”

   (So also faith by itself, if it does not have works, is dead.)

2:18 “แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติซิ แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าโดยการประพฤติ” 

(But someone will say, “You have faith and I have works.” Show me your faith apart from your works,  and I will show you my faith by my works. )

2:19 “ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น” 

   (You believe that God is one; you do well. Even the demons believe—and shudder!)

2:20 “คนโฉดเขลาเอ๋ย ท่านต้องการให้พิสูจน์ว่าความเชื่อที่ไม่มีการประพฤตินั้นไร้ผลหรือ?” 

   (Do you want to be shown, you foolish person, that faith apart from works is useless? )

2:21 “อับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ถวายอิสอัคบุตรของท่านบนแท่นบูชา จึงถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ?” 

(Was not Abraham our father justified by works when he offered up his son Isaac on the altar? )

2:22 “ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขาและความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น”

(You see that faith was active along with his works, and faith was completed by his works; )

2:23 “และพระคัมภีร์ก็สำเร็จตามที่กล่าวไว้ว่า“อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่าเขาชอบธรรม และเขาได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า 

   (and the Scripture was fulfilled that says, “Abraham believed God, and it was counted to him as righteousness”—and he was called a friend of God. )

2:24 “พวกท่านก็เห็นแล้วว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้ชอบธรรมได้ก็เพราะการประพฤติ และไม่ใช่เพราะความเชื่อเพียงอย่างเดียว” 

   (You see that a person is justified by works and not by faith alone.)

2:25   “เช่นเดียวกัน ราหับหญิงโสเภณีก็ถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ? เมื่อนางได้ต้อนรับพวกผู้‍สอดแนม และส่งเขาทั้งหลายไปโดยทางอื่น”

   (And in the same way was not also Rahab the prostitute justified by works when she received the  messengers and sent them out by another way? )

2:26   “กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น”

         (For as the body apart from the spirit is dead, so also faith apart from works is dead.)

ข้อมูลมีประโยชน์

2:1       “องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งศักดิ์ศรี” (Lord Jesus Christ, the Lord of glory) –บางฉบับแปลว่า

“องค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงพระเกียรติสิริ” –ยน.1:14;ฮบ.1:3;กจ.7:2;1คร.2:8

“…จงอย่าลำเอียง” ( …no partiality) –พระเจ้าไม่ลำเอียง (กจ.10:34) , เราผู้เชื่อก็ต้องไม่ลำเอียงเช่นกัน (ข.5-13;1ทธ.5:21;ฉธบ.1:17;ลนต.19:15;สภษ.24:23;กจ.10:34;ยก.2:9)

2:2       “มาในที่ประชุม” (comes into your assembly) = คำกรีกที่ใช้ในที่นี้เป็นรากศัพท์ของคำว่า “ธรรมศาลา”

2:4       “ตัดสินด้วยความคิดที่ชั่วร้าย” (  judges with evil thoughts) = ตัดสินคนด้วยความคิดอธรรม

–ปท. สดด.19:15

2:5-13 –ยากอบได้ให้เหตุผล 3 ประการว่าทำไมไม่ควรลำเอียงเข้าข้างคนรวย

  • คนรวยในสมัยนั้น ข่มเหงผู้เชื่อที่ยากจน (ข.5-7)
  • ความลำเอียงเป็นการละเมิดกฎบัญญัติแห่งความรักของพระเจ้า นับว่าเป็นบาป (ข.8-11)
  • การลำเอียงจะถูกพิพากษา (ข.12-13)

2:5       “พี่น้องที่รัก” (my beloved brothers) –ยก.1:16,19

“พระเจ้าทรงเลือกคนยากจน” ( God chosen those who are poor) –ปท. ลก.6:20-23;1คร.26-31

          “ในโลกนี้” ( in the world) = บางฉบับแปลว่า “ในสายตาชาวโลก” –โยบ 34:19;1คร.1:26-28

          “ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ” (to be rich in faith ) –ลก.12:21;วว.2:9

“อาณาจักรที่พระองค์ทรงสัญญา” (kingdom, which he has promised) = อาณาจักรที่จะเข้าได้ด้วยการบังเกิดใหม่ (1:18) และจะบรรลุถึงความสมบูรณ์ในอนาคต (มธ.25:34,46;3:2)

“บรรดาผู้ที่รักพระองค์” (to those who love him ) –ยก.1:12

2:6       “แต่พวกท่านกลับดูถูกคนจน” (you have dishonored the poor man) –1คร.11:22

“ที่ลากตัวท่านไปขึ้นศาล” (who drag you into court) –กจ.8:3,16:19

2:8       “ธรรมบัญญัติของพระเจ้า” (law according to the Scripture) = บัญญัติแห่งความรัก (ลนต.19:18) เป็นบัญญัติสูงสุดและเป็นต้นกำเนิดของบัญญัติอื่น ๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์และเป็นข้อที่รวมบทบัญญัติทั้งสิ้นเข้าไว้ด้วยกัน (มธ.22:36-40;รม.13:8-10)

“จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (“You shall love your neighbor as yourself,”) –ลนต.19:18; มธ.5:43

2:9       “เป็นผู้ละเมิดโดยธรรมบัญญัติ” (convicted by the law as transgressors.) –ฉธบ.1:17

2:10     “ผิดอยู่ข้อเดียว” (fails in one point ) –ในฉบับอื่นแปลว่า “พลาดไปจุดเดียว”–ยก.3:2

“ก็ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด” (become accountable for all of it) = มีความผิดเท่ากับละเมิดพระประสงค์ของพระเจ้าและละเมิดพระบัญญัติของพระองค์ทั้งหมด ; ปท.มธ.5:18-19;23:23; กท.3:10;5:3

2:11     “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา…ห้ามฆ่าคน” (Do not commit adultery… Do not murder) = ทั้ง 2 ข้อนี้ ละเมิดกฎแห่งความรักต่อเพื่อนบ้านอย่างชัดเจนที่สุด (ข.8)

2:12     “คนที่จะถูกพิพากษา” (who are to be judged) = คนที่จะรับการตัดสิน (ในเรื่องบำเหน็จ)

–1คร.3:12-15;2คร.5:10;วว.22:12;มธ.16:27

2:13     “ไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา” ( without mercy to one who has shown no mercy)

= ผู้ที่ไร้ความเมตตาจะถูกตัดสินลงโทษโดยไร้ความเมตตาปราณี –มธ.5:7;9:13;12:7;18:32-35

“ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา” (Mercy triumphs over judgment.) ถ้ามนุษย์มีความเมตตา พระเจ้าจะทรงเมตตาในวันพิพากษา (สภษ.21:13;มธ.5:7;6:14-15;18:21-35)

2:14-26 – ในข้อ 14-20,24,26 – คำว่า “ความเชื่อ” ไม่ได้ถูกใช้ในความหมายของความเชื่อแท้ที่ช่วยให้รอด แต่เป็นความเชื่อแบบที่พวกผีและเทพเชื่อ (ข.19) ซึ่งที่ไร้ประโยชน์ (ข.20) และไร้ชีวิต (ข.26) = เพียงการยอมรับความจริงในสมอง แต่ปราศจากการยอมรับและวางใจพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด

-แต่ยากอบไม่ได้บอกว่า มนุษย์จะรอดโดยการประพฤติ เพราะมนุษย์จะได้รับการประกาศว่า เป็นผู้ชอบธรรม เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ โดยความเชื่อแท้เท่านั้น และความเชื่อเช่นนั้นต้องพิสูจน์ออกมาโดยการกระทำดี (รม.3:24)

2:14     “…จะมีประโยชน์อะไร” (What good is it) –มธ.7:26;ยก.1:22-25

2:15-16 –ตัวอย่างประกอบเรื่องความเชื่อเทียมนี้ขนานไปกับตัวอย่างประกอบเรื่องความรักเทียมใน 1ยน.3:7

-แต่ทั้ง 2 ตอนบอกว่า ทั้งความเชื่อและความรักล้วนเรียกร้องให้แสดงออกมาเป็นการกระทำ

2:15     “ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน” (poorly clothed and lacking in daily food) –มธ.25:35-36

2:16     “จะมีประโยชน์อะไร?” (what good is that?) –ลก.3:11;1ยน.3:17-18

2:17     “ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว” (is dead) = บางฉบับแปลว่า “ไร้ประโยชน์” –กท.5:6;ยก.2:20,26

2:18     “ท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติ” (You have faith and I have works) = คำอ้างผิด ๆ ที่ว่า ความเชื่อและการกระทำสามารถแยกกันได้

“จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติ” (Show me your faith apart from your works) = การกล่าวประชดประชันของยากอบที่ต้องการสื่อว่าไม่มีความเชื่อที่แยกจากการกระทำได้แบบนี้ –รม.3:28

“แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า โดยการประพฤติ” (and I will show you my faith by my works.) –ฮบ.11;มธ.7:16-17;ยก.3:15

2:19     “ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียวนั่นก็ดี” (You believe that God is one) –ฉธบ.6:4;มก.12:29;1คร.8:4-6

“แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น” ( Even the demons believe—and shudder!)- มธ.8:29;ลก.4:34

2:20     “ท่านต้องการให้พิสูจน์ว่า ความเชื่อที่ไม่มีการประพฤตินั้นไร้ผลหรือ?” (Do you want to be shown, you foolish person, that faith apart from works is useless? ) –มก.2:17,26

2:21     “อับราฮัม…ถวายอิสอัค…จึงถูกชำระให้ชอบธรรม เพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ?” (Abraham… offered up his son Isaac… our father justified by works) –ปฐก.22:9,12

-ถ้าไม่ดูบริบทก็อาจดูขัดแย้งกับคำสอนที่ว่า เรารอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ –รม.3:28;กท.2:15-16

แต่ในตอนนี้ ยากอบใช้การกระทำที่ชอบธรรมเป็นหลักฐานของความเชื่อแท้ที่แสดงออกมา เพราะใน ปฐก.15:6 ที่ยกมาในข้อ 23 ยืนยันประเด็นว่า อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และความเชื่อนี้พระเจ้าทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมของเขา และการแสดงความเชื่อนี้ เกิดขึ้นก่อนที่เขาถวายอิสอัค อ.เปาโลก็เสริมว่า ความเชื่อที่ช่วยให้รอดก่อให้เกิดการกระทำ

2:22     “ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติ” (faith was active along with his works) –ฮบ.11:17

“ความเชื่อก็สมบูรณ์ โดยการประพฤตินั้น” ( faith was completed by his works) –1ธส.1:3

2:23     “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า…ทรงถือว่าเขาชอบธรรม” (Abraham believed God.. was counted to him as

righteousness) –ปฐก.15:6;รม.4:3

“เป็นสหายของพระเจ้า” (a friend of God) –2พศด.20:7;อสย.41:8

= พระเจ้ายอมรับฐานะความสัมพันธ์ของอับราฮัมกับพระองค์อย่างสมบูรณ์ –ปท.ยน.15:13-15
2:24     “ไม่ใช่เพราะความเชื่อเพียงอย่างเดียว” (not by faith alone) = ไม่ใช่การยอมรับเชื่อนี่เป็นการแค่ยอมรับความจริงทางสมองแค่นั้น (2:14-26)

2:25     “ราหับหญิงโสเภณี” (Rahab the prostitute ) = ยากอบไม่ได้สนับสนุนอาชีพโสเภณี แต่ชมเชยที่เธอมีความเชื่อ (ฮบ.11:31) ที่แสดงออกมาโดยการเสี่ยงช่วยคนสอดแนมของโยชูวา (ยชว.2;ฮบ.11:31)

2:26     “ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น” ( faith apart from works is dead            )

–ยก.2:17,20

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยไม่พอใจคนบางคนที่เขาตัดสิน และปฏิบัติต่อคุณอย่างลำเอียงบ้างหรือไม่? เรื่องราวเป็นอย่างไร? แล้วคุณจัดการอย่างไร? ผลที่ออกมาเป็นอย่างไร?
  2. คุณเองเคยถูกกล่าวหาว่า ลำเอียงบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และจริงหรือไม่? คุณแก้ไขปัญหานี้อย่างไร? ผลเป็นที่พอใจหรือไม่? ทำไม?
  3. คุณเคยลำเอียงเมื่อปฏิบัติต่อคนยากจนกับคนมั่งมีไม่เหมือนกันบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วเกิดอะไรตามมา?
  4. คุณเคยรู้สึกว่า ตัวคุณดีกว่าคนอื่น เพราะว่าคุณทำผิดบัญญัติน้อยกว่าเขาบ้างหรือไม่? นานหรือไม่กว่าคุณจะรู้ตัวว่า การผิดบัญญัติมากน้อยไม่ต่างกัน เพราะทั้ง 2 ก็ล้วนผิดบัญญัติทั้งคู่?
  5. คุณเคยถูกปฏิบัติอย่างไร้ความเมตตาบ้างไหม? ในเรื่องอะไร? หรือคุณเคยเป็นคนที่ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร
  6. คุณเคยดำเนินชีวิตหรือประพฤติตัวโดยแยกความเชื่อ และความประพฤติออกจากกันบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วคุณรู้สึกอย่างไร?
  7. คุณเคยประสบกับเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้คุณสะดุด เพราะคนบางคนพูดและทำตรงกันข้ามกัน หรือปากบอกว่า เชื่อในพระเจ้า แต่พฤติกรรมไม่สอดคล้องกับที่พูดหรืออาจขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัดเจนด้วยซ้ำ?
  8. มีประสบการณ์ใดบ้างที่คุณแสดงความเชื่อออกมาเป็นการกระทำที่คุณจ่ายราคาแพงที่สุดในชีวิตของคุณ? เหตุการณ์นั้นสอนอะไรคุณบ้าง? และส่งผลอะไรต่อชีวิตของคุณในทุกวันนี้?
  9. ใครคือบุคคลที่คุณชื่นชอบที่สุดในพระคัมภีร์ ในเรื่องความเชื่อที่แสดงออกมาเป็นการกระทำ? ทำไม?
  10. ใครคือบุคคลในคริสตจักรของคุณที่คุณประทับใจในความเชื่อและการประพฤติ (การกระทำ)ของเขาที่สอดคล้องกัน? อย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.