Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

พระธรรมยากอบ บทที่ 1

การทดสอบ & การทดลอง

พระธรรม        ยากอบ 1:1-27

อ้างอิง             กจ.15:13;26:7;15:23;1ปต.1:7;สภษ.2:3-6;สดด.51:6;119:113:103:15-16;102:4,11;85:12; 136:7;19:7;34:13;39:1;141:3

บทนำ             ชีวิตของเราหนีไม่พ้นการทดสอบและการทดลอง แล้วเราจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร?

อาจารย์ยากอบมีคำแนะนำที่ดีที่เราควรปฏิบัติตาม!

บทเรียน

1:1     “จาก ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าถึงคนสิบสองเผ่าที่กระจัดกระจายอยู่นั้น ขอสวัสดีพี่น้อง”

(James, a servant of God and of the Lord Jesus Christ, To the twelve tribes in the Dispersion: Greetings.)

1:2   “พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง”

(Count it all joy, my brothers, when you meet trials of various kinds,)

1:3   “เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน” 

(for you know that the testing of your faith produces steadfastness.)

1:4   “และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย”

(And let steadfastness have its full effect, that you may be perfect and complete, lacking in nothing.)

1:5   “แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ” 

( If any of you lacks wisdom, let him ask God, who gives generously to all without reproach, and it will be given him.)

1:6   “แต่จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา”

(But let him ask in faith, with no doubting, for the one who doubts is like a wave of the sea that is driven and tossed by the wind. )

1:7   “คนๆ นั้นจงอย่าคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” 

(For that person must not suppose that he will receive anything from the Lord; )

1:8   “เขาเป็นคนสองจิตสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางของตน”

(he is a double-minded man, unstable in all his ways.)

1:9   “ให้พี่น้องที่ต่ำต้อยภาคภูมิใจเมื่อได้รับการเชิดชู”

(Let the lowly brother boast in his exaltation, )

1:10  “และคนมั่งมีก็ภาคภูมิใจเมื่อต่ำต้อยลง เพราะเขาจะร่วงโรยไปเหมือนดอกหญ้า”

(and the rich in his humiliation, because like a flower of the grass he will pass away. )

1:11  “เพราะว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนแรงกล้าก็ทำให้หญ้าเหี่ยวแห้งและดอกหญ้าก็ร่วงหล่น แล้วความงามของมันก็สูญสิ้น คนมั่งมีก็เช่นกัน เขาจะสูญสลายไปในระหว่างที่เขากำลังวุ่นวายอยู่กับการดำเนินธุรกิจ”

(For the sun rises with its scorching heat and withers the grass; its flower falls, and its beauty perishes. So also will the rich man fade away in the midst of his pursuits.)

1:12  “คนที่สู้ทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับคนทั้งหลายที่รักพระองค์”

( Blessed is the man who remains steadfast under trial, for when he has stood the test he will receive the crown of life, which God has promised to those who love him. )

1:13  “อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และ​พระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย” 

(Let no one say when he is tempted, “I am being tempted by God,” for God cannot be tempted with evil, and he himself tempts no one.)

1:14  “แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ”

(But each person is tempted when he is lured and enticed by his own desire. )

1:15  “เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย”

(Then desire when it has conceived gives birth to sin, and sin when it is fully grown brings forth death.)

1:16  “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าถูกหลอกเลย” 

(Do not be deceived, my beloved brothers.)

1:17  “ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน คือมาจากพระผู้สร้างแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง”

(Every good gift and every perfect gift is from above, coming down from the Father of lights with whom there is no variation or shadow due to change. )

1:18  “เมื่อตั้งพระทัยแล้ว พระองค์ทรงให้เราบังเกิดด้วยพระวจนะแห่งความจริง เพื่อให้เราเป็นผลิตผลแรกของสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง”

(Of his own will he brought us forth by the word of truth, that we should be a kind of firstfruits of his creatures.)

1:19 “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” 

( Know this, my beloved brothers: let every person be quick to hear, slow to speak, slow to anger; )

1:20  “เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมของพระเจ้า” 

(for the anger of man does not produce the righteousness of God.)

1:21  “เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้”

(Therefore put away all filthiness and rampant wickedness and receive with meekness the implanted word, which is able to save your souls.)

1:22  “แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง” 

(But be doers of the word, and not hearers only, deceiving yourselves. )

1:23  “เพราะถ้าใครเป็นเพียงผู้ฟังพระวจนะและไม่ใช่ผู้ประพฤติตามผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตนเองในกระจกเงา” 

(For if anyone is a hearer of the word and not a doer, he is like a man who looks intently at his natural face in a mirror. )

1:24  “เพราะว่าเมื่อเห็นแล้วก็จากไป และลืมในทันทีว่าตนเองเป็นอย่างไร”

(For he looks at himself and goes away and at once forgets what he was like. )

1:25  “แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืมแต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน”

(But the one who looks into the perfect law, the law of liberty, and perseveres, being no hearer who forgets but a doer who acts, he will be blessed in his doing.)

1:26  “ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์”

(If anyone thinks he is religious and does not bridle his tongue but deceives his heart, this person’s religion is worthless. )

1:27  “ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก”

(Religion that is pure and undefiled before God, the Father, is this: to visit orphans and widows in their affliction, and to keep oneself unstained from the world.)

ข้อมูลมีประโยชน์

1:1 “ยากอบ” (James) –กจ.15:13

“ผู้รับใช้ของพระเจ้า” (servant of God) -รม.1:1;ทต.1:1; “คนสิบสองเผ่า” (the twelve tribes) –กจ.26:7

“ที่กระจัดกระจายอยู่นั้น” (in the Dispersion) –ฉธบ.2:26;ยน.7:35;1ปต.1:1;กจ.15:23

1:2-3   “การทดลองใจ…ทำให้เกิดความอดทนบากบั่น” (the testing … produces steadfastness)

= ใช้ภาษาคล้าย ๆ กับข้อ 12 ซึ่งสร้างกรอบเกี่ยวกับความทุกข์ยากในจดหมายฉบับนี้

1:2 “พี่น้องของข้าพเจ้า” (my brothers) = ยากอบเรียกผู้อ่านว่า “พี่น้อง” -15 ครั้งในจดหมายฉบับนี้ ยากอบตักเตือนพวกเขาด้วยความรักฉันพี่น้อง

“การทดลองใจต่าง ๆ” (trials of various kinds) = ความทุกข์ยากนาน ๆ ประการ

= มีรากศัพท์คำเดียวกับคำว่า “ล่อลวง” ใน 1:13 เพียงแต่ 1:2-3 เน้นความยากลำบากซึ่งมาจากภายนอก แต่ใน

1:13-15 เน้นความยากลำบากด้านศีลธรรมภายในชีวิต เช่น การทดลองให้ทำบาป

“จงถือว่า เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง” (Count it all joy) –มธ.5:11-12;กจ.5:41;รม.5:3;ฟป.4:4;1ปต.1:6;ฮบ.10:34; 12:11;ยก.1:12

1:3 “การทดสอบความเชื่อของท่านนั้น” (the testing of your faith) –1ปต.1:7

“ทำให้เกิดความทรหดอดทน” (produces steadfastness) –ฮบ.10:36

1:4 “มีผลอย่างสมบูรณ์” (have its full effect ) = เติบโตเต็มที่ –1คร.2:6

1:5 “สติปัญญา” (wisdom) = สิ่งที่จะช่วยให้เผชิญกับความทุกข์ยากลำบากได้ด้วยความชื่นชมยินดี (ข.2)

= ความสามารถในการนำความรู้อันลึกซึ้งมาปฏิบัติจริงได้ (3:13-18;สภษ.1:2-4;1:2;2:10-15;4:5-9;9:10-12)

          “ทูลขอจากพระเจ้า” (ask God) –1พกษ.3:9-10;สภษ.2:3-6

          “แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ” (and it will be given him) –สดด.51:6;ดนล.1:17;2:21;มธ.7:7

1:6 “จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย” (let him ask in faith, with no doubting) –มธ.21:21;มก.11:24

= เมื่อทูลขอต้องเชื่อและไม่สงสัยเลย

“คลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา” (a wave of the sea that is driven and tossed by the wind) –อฟ.4:14

1:8 “เขาเป็นคนสองจิตสองใจ” ((he is a double-minded man) –สดด.119:113;ยก.4:8

“ไม่มั่นคงในบรรดาทางของตน” (unstable in all his ways) = เอาแน่อะไรไม่ได้ –2ปต.2:14;3:16

1:9-10 “พี่น้องที่ต่ำต้อย…คนมั่งมี” (the lowly brother ….. the rich) = คริสเตียนเผชิญกับความต่ำต้อย ยากลำบาก และยากจน ควรภูมิใจในการเชิดชูจากพระเจ้า (ให้มีฐานะสูงส่ง) (ข.9) และในฐานะผู้เชื่อและผู้รับมรดกจากพระเจ้า (2:5)

ส่วนคริสเตียนที่มั่งมี ก็ต้องไม่ภาคภูมิใจในทรัพย์สมบัติที่มี แต่ให้ภูมิใจที่พระเจ้ารักและทำให้เขาถ่อมตัวลง สอนเขาให้ตระหนักถึงความไม่ยั่งยืนของชีวิตและความมั่งมี (ข.10)

1:9 “ภาคภูมิใจเมื่อได้รับการเชิดชู” (boast in his exaltation) –มธ.23:12

1:10 “ร่วงโรยไปเหมือนดอกหญ้า” (like a flower of the grass he will pass away) –โยบ 14:2;สดด.103:15;

อสย.40:6-7;1ปต.2:24; ปท. ลก.12:15;20-21;1ทธ.6:8-10,17-19

1:11 “ความร้อนแรงกล้า” (with its scorching heat ) = ความร้อนก็แผดเผา –มธ.20:12

          “ทำให้หญ้าเหี่ยวแห้ง” ( withers the grass) –สดด.102:4,11

          “ความงามของมันก็สูญสิ้น” (its beauty perishes) = สูญสิ้นความงาม ; ปท.4:14;อสย.40:6-8

1:12 “คนที่สู้ทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข” (Blessed is the man who remains steadfast under trial,for when

he has stood the test) –ปฐก.22:1;ยก.1:2,5:11;1ปต.3:14

          “เป็นสุข” (Blessed) – ยรม.17:7-8;มธ.5:3-12;สดด.1:1;มธ.5:3;วว.1:3 “มงกุฎแห่งชีวิต” (the crown of life)

          “มงกุฎ” = ปกติคำนี้ใช้กับมงกุฎดอกไม้ที่สวมศีรษะของนักกรีฑา หรือผู้นำกองทัพที่ประสบชัยชนะ

(2ทธ.4:8;1ปต.5:4;วว.2:20)

          “ชีวิต” = ชีวิตนิรันดร์

          “ทรงสัญญาไว้กับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” (God has promised to those who love him) –อพย.20:6; 1คร.2:9;8:3;ยก.2:5

1:13 “ถูกล่อลวง” (tempted) -ในบางฉบับแปลว่า “ถูกทดลองให้ทำบาป”

ใน 1:13 – 14 นี้ คำกริยาของคำว่า “ล่อล่วง” หมายถึงการทดลองหรือการทดสอบความเข้มแข็งทางศีลธรรม ในการยืนหยัดต่อต้านบาป (มธ.4:1)

“พระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อล่วง” (for God cannot be tempted with evil) = พระเจ้ามีพระลักษณะของความบริสุทธิ์สิ้นเชิง ไม่มีบาปใดจะล่อลวงพระเจ้าได้

          “พระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย” (and he himself tempts no one.)  –ปฐก.22:1

1:14 “ตัณหาของตัวเอง” (his own desire) = ตัณหาชั่วของตัวเอง = ความโน้มเอียงโดยสันดานที่จะทำบาปของคนแต่ละคน (ปท. ยรม.17:9) –สภษ.19:3; “ล่อลวงและชักนำ” (tempted when he is lured) = “ชักจูงให้ไปติดกับ”

= อธิบายถึงวิธีการล่าสัตว์เพื่อนำมาเปรียบให้เห็นว่า ตัณหาชั่วทำงานอย่างไร (ปท. 2ปต.2:14)

1:15 “ก่อให้เกิดบาป” (birth to sin) –ปฐก.3:6;โยบ 15:35;สดด.7:14;อสย.59:4

   “ก่อให้เกิดความตาย” (brings forth death) –รม.6:23

1:16 “อย่าถูกหลอกเลย” (not be deceived) –1คร.6:9 = เรามีตัวอย่างของคนที่ตกอยู่ในข่ายที่กล่าวมา 3 ขั้นตอน คือ ถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง จากนั้นก่อเกิดบาปและเกิดความตาย นั่นคือ ตัวอย่างของ เอวา

(ปฐก.3:6-22) และดาวิด (2ซมอ.11:2-17)

1:17 “ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน” (Every good gift and every perfect gift is from above) –ข.5;3:17;สดด.85:12;ยน.3:27;ยก.3:14,17

   “พระผู้สร้างแห่งบรรดาดวงสว่าง” (from the Father of lights) = พระเจ้าคือพระผู้สร้างสิ่งต่าง ๆ ในฟ้าสวรรค์ ซึ่งให้แสงสว่างแก่แผ่นดินโลก –ปฐก.1:16;สดด.136:7;ดนล.2:22;1ยน.1:5

   “ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวน” (there is no variation) = พระเจ้าไม่เคยผันแปร -กดว.23:19;สดด.102:27;  มลค.3:6

1:18   “บังเกิด” (brought) = การบังเกิดใหม่ (ยน.1:13;3:3;5,7) ไม่ใช่หมายถึงการทรงสร้าง

   “ด้วยพระวจนะแห่งความจริง” (the word of truth) –บางฉบับแปลว่า “ผ่านทางข่าวประเสริฐ” –2ทธ.2:12

   “ผลิตผลแรก” (firstfruits) –ลนต.23:9-14 = ฟ่อนข้าว ฟ่อนแรก เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ในที่สุด ผลของการเกี่ยวเก็บ

            ทั้งหมดจะตามมา เช่นเดียวกับคริสเตียนยุคแรก เป็นเครื่องบ่งบอกว่า คนมากมายจะบังเกิดใหม่ในที่สุด (1คร.15:20)

1:19 “พี่น้องที่รัก” (beloved brothers) –ยก.1:16;2:5

             “ช้าในการพูด” (slow to speak) –สภษ.10:19;ยก.3:3-12;1:26

1:20  “ความโกรธของมนุษย์” (the anger of man) –มธ.5:22

1:21   “จงขจัด” (put away) –อฟ.4:22; “พระวจนะ” (word) = พระวจนะของพระเจ้า (1ปต.1:23)

   “ที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น” (implanted) = บางฉบับแปลว่า “ที่ได้ปลูกฝังไว้ในท่าน” –อฟ.1:13

             “สามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้” (which is able to save your souls) = แสดงถึงความรอดในอนาคต –ปท.1:14;9:28

1:22 “จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ” ( be doers of the word) –มธ.7:21;ยก.2:14-20

1:25 “ธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบ” (the perfect law) = คำสอนด้านศีลธรรมและจริยธรรมของคริสต์ศาสนาที่มีฐานอยู่บนบทบัญญัติจากพระคัมภีร์เดิม ประกอบเป็นบัญญัติ 10 ประการ (สดด.19:7) และพระคริสต์นำสู่ความสมบูรณ์

   “เสรีภาพ” (liberty) = การเชื่อฟังบทบัญญัติด้านศีลธรรมได้มอบเสรีภาพน่ายินดีต่อคริสเตียน เพื่อเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่ถูกต้องมา (สดด.19:7;ยน.8:32;กท.2:4;ยก.2:12)

   “ได้รับความสุขในการประพฤติของตน” (he will be blessed in his doing) บางฉบับแปลว่า “ได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ” –ยน.13:17

1:26-27 –เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามพระวจนะกับคนที่ปฏิบัติตาม

1:26   “เป็นคนมีธรรม” (is religious)

= “เคร่งศาสนา” = เคร่งศาสนาแต่ภายนอก เช่น ให้ทานแก่คนยากจน ถือศีลอดอาหาร การอธิษฐานในที่ประชุมนมัสการ (มธ.6:1-18

            “ควบคุมลิ้นของตน” (bridle his tongue) -3:1-12;สดด.34:13;39:1;141:3;ยก.3:2-12;1ปต.3:10

1:27   -ยรม.22:16

   “การช่วยเหลือ” (to visit) = การดูแล –มธ.25:36

       “เด็กกำพร้าและหญิงม่าย” (orphans and widows) –อพย.22:21-27;อสย.1:17;ฉธบ.14:29;โยบ.31:16,17, 21;สดด.146:9;อสย.1:17,23

“ราคีของโลก” (to keep oneself unstained from the world.) = มลพิษฝ่ายโลก –รม.12:2;ยก.4:4;2ปต.1:4,2:20

คำถามนำอภิปราย

  1. หากวันนี้ คุณได้รับมอบหมายให้เขียนข้อความเพื่อหนุนใจคน คุณอยากเขียนไปหนุนใจใคร เรื่องอะไร? ทำไม?
  2. คุณเคยเผชิญกับเรื่องทดลองใจ แต่กลับสามารถมีความยินดีได้บ้างหรือไม่? ทำได้อย่างไร?
  3. คุณเคยมีประสบการณ์กับการขาดสติปัญญาแล้วทูลขอจากพระเจ้า แล้วได้รับมาบ้างหรือไม่? อย่างไร? แบ่งปัน
  4. คุณเคยทูลขอบางอย่างจากพระเจ้า แล้วไม่ได้รับบ้างหรือไม่? คุณรู้สึกอย่างไร? ส่งผลกระทบต่อความเชื่อของคุณอย่างไร? แล้วบั้นปลายเป็นอย่างไร?
  5. คุณเคยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่? อย่างไร?

…..1. คุณเคยต่ำต้อย/ตกต่ำแล้วพระเจ้ายกชูหรือยกขึ้นสูง?

…..2. คุณเคยอยู่สูง/มั่งมี แล้วถูกทำให้ตกต่ำลง?

  1. คุณเคยต่อสู้กับการทดลองใจเรื่องใดที่ยากที่สุดในชีวิต? แล้วคุณผ่านมาได้อย่างไร? (แบ่งปัน)
  2. คุณเคยถูกล่อลวงเพราะกิเลสตัณหาของตัวคุณเองบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วคุณสู้กับมันอย่างไร? ผลคืออะไร?
  3. คุณเคยมีประสบการณ์อะไรกับข้อความใดในพระธรรมตอนนี้บ้าง? อย่างไร?

…..1. ไวในการฟัง

…..2. ช้าในการพูด

…..3. ช้าในการโกรธ

  1. คุณเคยเป็นผู้หนึ่งที่ฟังพระวจนะของพระเจ้าแล้วไม่ทำตามบ้างหรือไม่? ผลเป็นอย่างไร? หรือกลับกัน คุณเคยเป็นคนที่เมื่อก่อนไม่ฟังพระวจนะ แต่กลับมาฟังแล้วปฏิบัติตาม? เกิดผลอะไรตามมาบ้าง?
  2. คุณเคยสุขใจกับธรรมะที่บริสุทธิ์ข้อใดต่อไปนี้

…..1. การช่วยเหลือเด็กกำพร้า  

…..2. การช่วยเหลือหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อน

…..3. การรักษาตัวให้พ้นราคีของโลก?

อย่างไร? แล้วเกิดอะไรตามมา?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.