“คริสตจักรควรเป็นชุมชนแห่งการให้กำลังใจ!”
(The church should be a community of encouragement) -Fred Catherwood-
คนเราจะมาคริสตจักรกันทำไม…
หากว่ามาคริสตจักรแล้วไม่ได้มีอะไรดีขึ้นกว่าการไม่มา? ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้วมีแต่เรื่องน่าหงุดหงิดกวนใจ ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้วไม่มีเพื่อนหรือไม่มีคนรู้จัก ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้วไม่มีความอบอุ่น ไม่รู้สึกผ่อนคลาย ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้ว ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครห่วงใย ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้ว ไม่มีใครคอยช่วยแนะนำว่า ควรจะทำอะไรอย่างไร ที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ใครจะมา?
หากมาคริสตจักรแล้ว บรรยากาศน่าเบื่อ เพลงน่าเบื่อ เทศน์น่าเบื่อ ใครจะมา?
แต่หากว่า มาคริสตจักรแล้ว มีเพื่อนดี ๆ แถมยัง มีคนคอยห่วงใย ใครจะไม่มา?
หากมาคริสตจักรแล้ว มีคนสนใจ มีคนรับฟังในปัญหาที่เผชิญอยู่และมีคนช่วยลดภาระหนักที่กำลังแบกอยู่ ใครจะไม่มา?
หากมาคริสตจักรแล้ว มีคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่คอยช่วยเหลือ ใครจะไม่มา?
หากมาคริสตจักรแล้ว มีคนเอาใจใส่ เลี้ยงดูจิตวิญญาณให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใครจะไม่มา?
หากมาคริสตจักรแล้ว มีบรรยากาศอบอุ่น และอบอวลด้วยความรักสนิทสนม ใครจะไม่มา?
หากมาคริสตจักรแล้ว ผ่อนคลาย มีบรรยากาศพึงประสงค์ มีเพลงเพราะๆ มีคำสอน คำเทศน์ดี ๆ ใครจะไม่มา?
แม้ว่า ที่กล่าวมาจะไม่ใช่แรงจูงใจที่ถูกต้องตามหลักศาสนศาสตร์ และแน่นอนว่า แรงจูงใจที่ถูกต้องและควรจะเป็น ในการมาคริสตจักรคือ การมาเข้าเฝ้านมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง โดยมีพระเจ้าทรงเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ความต้องการของเราเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามองค์ประกอบดังที่กล่าวมาแล้วนั้น หากอยู่ในวิสัยที่เราสามารถกระทำให้เกิดขึ้นได้ เราก็ไม่ควรละเลยหรือปล่อยให้มันขาดหายไป จริงไหม?
ดังนั้น หากเรามานมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรกันจริง ๆ คริสตจักรของเราก็ควรจะเป็นแหล่งแห่งกำลังใจที่เสริมสร้างจิตวิญญาณของทุกคน ที่มาคริสตจักร ไม่ใช่หรือ?
ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ขอให้เรามาทำให้คริสตจักรของเราเป็นชุมชนแห่งการให้กำลังใจ
จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr. ภาพ www.todayifoundout.com)