“ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก ระหว่าง การรู้จักพระวจนะของพระเจ้า กับการรู้จักพระเจ้าแห่งพระวจนะ”
(There is a world of difference between knowing the Word of God and knowing the God of the Word.) -Leonard Ravenhill-
การรู้จักพระวจนะของพระเจ้าเป็นเรื่องหนึ่ง การรู้จักกับพระเจ้าแห่งพระวจนะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มีนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยรู้เรื่องพระคัมภีร์ดี แต่พวกเขารู้จักพระเจ้าและพระคัมภีร์แค่ในแง่ของวรรณกรรมหรือแง่ของประวัติศาสตร์หรือในแง่ของโบราณคดี ฯลฯ เขาไม่ได้รู้จักกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ในแง่ของ “พระผู้เป็นเจ้า” คือในฐานะที่พระองค์ทรงเป็น
- เจ้าของ และเป็น
- เจ้านาย
ของเราและของมนุษย์ทุกคนบนพื้นพิภพนี้
แท้จริงแล้ว หากบรรพชนแห่งความเชื่อของเรามีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกเขาคงจะสั่งสอนทางของพระเจ้าให้แก่บุตรหลานอย่างจริงจังเข้มงวดมากกว่าที่ผ่านมานี้ เพื่อลูกหลานของพวกเขาจะได้เรียนรู้จักและยำเกรง พระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ ตามพระประสงค์และพระบัญชาของพระองค์ แต่แม้ว่าประวัติศาสตร์จะยืนยันว่า ประชากรของพระเจ้าจำนวนมากมายได้ละทิ้งทางของพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่เขามี พระคัมภีร์ไว้อ่านและมีผู้เผยพระวจนะสอนสั่งทางของพระเจ้าให้พวกเขารับฟังอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม เราทุกคนก็ควรมีใจที่ปรารถนาที่ต้องการรู้จักพระเจ้าจริง ๆ เป็นส่วนตัว เหมือนอย่างที่โมเสสปรารถนาที่จะรู้จักกับพระเจ้าเป็นส่วนตัว
“และบัดนี้ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์” (อพย.33:13)
และพระเจ้าทรงพอพระทัยในความปรารถนาที่ต้องการจะรู้จักพระองค์ของโมเสส พระองค์จึงตรัสว่า…
“พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า “สิ่งที่เจ้าขอนั้นเราจะทำให้ เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า” (อพย.33:17)
ในพระธรรมอพยพ 33 เป็นตัวอย่างหนึ่งของการมีเวลาสนทนากันระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ อย่างโมเสส (รวมทั้ง มนุษย์ธรรมดาอย่างเรา) ในชีวิตจริงประจำวัน
องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ทรงปรารถนาที่จะให้เราได้มีความสัมพันธ์และรู้จักกับพระองค์เป็นส่วนตัว เราจึงจัดเวลาที่จะเข้าเฝ้าสนทนากับพระองค์เป็นประจำวัน แน่นอนว่า พระเจ้าทรงรู้จักเราดีอยู่แล้ว คงมีแต่เราเท่านั้นที่ยังไม่รู้จักพระองค์ดีพอ การได้เข้าเฝ้าพระองค์เป็นส่วนตัว ได้มีความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ทางจิตวิญญาณ และได้เข้าใจพระทัยของพระองค์ผ่านการเปิดเผยผ่านพระวจนะของพระองค์ ที่เราเรียกว่า “การเฝ้าเดี่ยว” จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่ละเลยไม่ได้เลย!
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า การรู้จักกับพระองค์(ผู้ทรงเป็นทางนั้น) ก็เท่ากับการรู้จักทางที่จะเดินไปในอนาคต ตามพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าเรารู้จักกับพระองค์จริง ๆ พระองค์จะตรัสกับเรา และบอกถึงทางที่เราควรจะเดินไปหรือให้ทราบถึงวิถีความประพฤติที่เราควรปฏิบัติ!
ขอให้วันนี้เป็นวันที่คุณจริงใจตัดสินใจที่จะรู้จักกับพระเจ้าให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมอย่างตั้งใจ และจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา โดยการจัดเวลาในการเฝ้าเดี่ยวอย่างมีคุณภาพทุกวัน!
เพื่อคุณจะรู้จักกับพระเจ้าของคุณให้ดีขึ้น …จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer