หนีพระเจ้า?
พระธรรม โยนาห์ 1:1-17
อ้างอิง มธ.12:39-41;16:4;ลก.11:29-32;ปฐก.10:11;สดด.139:7;107:23-26,29;96:9;18:6;120:1;สภษ.21:30;พคค.3:55
บทนำ คุณเคยหนีพระเจ้าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ควรบ้างหรือไม่?
คุณเคยดื้อรั้นต่อพระเจ้า และไม่ยอมทำในสิ่งที่พระเจ้าบัญชาบ้างหรือไม่?
แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
บทเรียน
1:1 “พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์ บุตรอามิททัยว่า”
(Now the word of the Lord came to Jonah the son of Amittai, saying, )
1:2 “จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เพราะความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว”
(“Arise, go to Nineveh, that great city, and call out against it, for their evil has come up before me.” )
1:3 “แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบเรือกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์”
(But Jonah rose to flee to Tarshish from the presence of the Lord. He went down to Joppa and found a ship going to Tarshish. So he paid the fare and went down into it, to go with them to Tarshish, away from the presence of the Lord.)
1:4 “แต่พระยาห์เวห์ทรงให้เกิดลมใหญ่ขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้น จนเรือกำปั่นจะอับปาง”
(But the Lord hurled a great wind upon the sea, and there was a mighty tempest on the sea, so that the ship threatened to break up.)
1:5 “แล้วบรรดาลูกเรือก็กลัว ต่างก็ร้องขอต่อพระของตน และโยนสินค้าในเรือกำปั่นลงในทะเล เพื่อให้เรือเบาขึ้น แต่โยนาห์ได้ลงไปนอนหลับสนิทอยู่ในท้องเรือ”
(Then the mariners were afraid, and each cried out to his god. And they hurled the cargo that was in the ship into the sea to lighten it for them. But Jonah had gone down into the inner part of the ship and had lain down and was fast asleep.)
1:6 “นายเรือจึงมาหาท่านและพูดกับท่านว่า “เจ้าหลับทำไม? อะไรกันนี่? ลุกขึ้นซิ จงร้องขอต่อพระของเจ้า บางทีพระนั้นจะทรงระลึกถึงพวกเราบ้าง เพื่อเราจะไม่พินาศ”
(So the captain came and said to him, “What do you mean, you sleeper? Arise, call out to your god! Perhaps the god will give a thought to us, that we may not perish.”)
1:7 “เขาทั้งหลายก็พูดกันว่า “มาเถอะ ให้เราจับฉลากกัน เพื่อเราจะรู้ว่า ใครเป็นต้นเหตุให้ภัยนี้เกิดขึ้นกับเรา” ดังนั้นเขาก็จับฉลาก ฉลากนั้นตกที่โยนาห์”
(And they said to one another, “Come, let us cast lots, that we may know on whose account this evil has come upon us.” So they cast lots, and the lot fell on Jonah. )
1:8 “พวกเขาจึงพูดกับท่านว่า “จงบอกเรามาเถิดว่า ภัยซึ่งเกิดขึ้นแก่เรานี้ ใครเป็นต้นเหตุ? เจ้ามีอาชีพอะไร? และเจ้ามาจากไหน? ประเทศของเจ้าชื่ออะไร? เจ้าเป็นคนชาติไหน?”
(Then they said to him, “Tell us on whose account this evil has come upon us. What is your occupation? And where do you come from? What is your country? And of what people are you?” )
1:9 “แล้วท่านตอบพวกเขาว่า “ข้าเป็นคนฮีบรู และข้าเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง”
(And he said to them, “I am a Hebrew, and I fear the Lord, the God of heaven, who made the sea and the dry land.” )
1:10 “คนเหล่านั้นก็กลัวกันใหญ่ จึงพูดกับท่านว่า “เจ้าทำอะไรอย่างนี้?” เพราะคนเหล่านั้นทราบแล้วว่า ท่านกำลังหลบหนีจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะท่านบอกกับพวกเขาอย่างนั้น”
(Then the men were exceedingly afraid and said to him, “What is this that you have done!” For the men knew that he was fleeing from the presence of the Lord, because he had told them.)
1:11 “พวกเขาจึงพูดกับท่านว่า “เราควรจะทำอย่างไรแก่เจ้า เพื่อทะเลจะได้สงบลงเพื่อเรา?” เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นทุกที”
(Then they said to him, “What shall we do to you, that the sea may quiet down for us?” For the sea grew more and more tempestuous. )
1:12 “ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “จงจับข้าโยนลงทะเลก็แล้วกัน ทะเลก็จะสงบลงเพื่อพวกท่าน เพราะข้ารู้ว่า พายุใหญ่นี้เกิดขึ้นกับพวกท่าน ก็เพราะตัวข้าเอง”
(He said to them, “Pick me up and hurl me into the sea; then the sea will quiet down for you, for I know it is because of me that this great tempest has come upon you.”)
1:13 “อย่างไรก็ตาม พวกลูกเรือก็ช่วยกันตีกรรเชียงอย่างแข็งขันเพื่อจะนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ทำไม่ได้ เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้น ต้านพวกเขาไว้
(Nevertheless, the men rowed hard to get back to dry land, but they could not, for the sea grew more and more tempestuous against them. )
1:14 “ดังนั้น พวกเขาจึงร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวิงวอนต่อพระองค์ ขออย่าให้ พวกข้าพระองค์พินาศ เพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้โทษของการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตกมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย”
(Therefore they called out to theLord, “O Lord, let us not perish for this man’s life, and lay not on us innocent blood, for you, O Lord, have done as it pleased you.” )
1:15 “พวกเขาจึงจับโยนาห์โยนลงทะเล แล้วทะเลก็เงียบสงบจากความรุนแรง”
(So they picked up Jonah and hurled him into the sea, and the sea ceased from its raging. )
1:16 “คนเหล่านั้นก็เกรงกลัวพระยาห์เวห์ยิ่งนัก พวกเขาจึงได้ถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์และได้บนบานไว้”
(Then the men feared the Lord exceedingly, and they offered a sacrifice to the Lord and made vows.)
1:17 “และพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้ปลามหึมาตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน”
(And the Lord appointed a great fish to swallow up Jonah. And Jonah was in the belly of the fish three days and three nights.)
ข้อมูลมีประโยชน์
1:1 “พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์” (Now the word of the Lord came to Jonah)
–มธ.12:39-41;16:4;ลก.11:21-32
“อามิททัย” (Amittai) –2พกษ.14:25
1:2 “นีนะเวห์” (Nineveh) –ปฐก.10:11;นฮม.1:1
“นครใหญ่” (great city) -3:2-3;4:11
-นิมโรด เป็นผู้สร้างนครนีนะเวห์ และเรียกขานกันมาว่า “นครใหญ่” –ปฐก.10:12
-ราว 700 ก.ค.ศ. กษัตริย์เซนนาเคอริบ สถาปนานีนะเวห์ให้เป็นเมืองหลวงของอัสซีเรีย ซึ่งต่อมาล่มสลาย ในปี 612 ก.ค.ศ.
-นีนะเวห์อยู่ห่างไกลจากกัทเฮเฟอร์บ้านเกิดของโยนาห์ ราว 800 กิโลเมตร
“ความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว” (for their evil has come up before me)
= ได้ดังกระฉ่อน ปท.โสโดม และโกโมราห์ (ปฐก.18:20-21)
-ในพระธรรมตอนนี้ กล่าวถึง การทารุณ (3:8) และการประพฤติชั่ว (3:8-10) ของนครนี้ แต่ในพระธรรม
นาฮูม ได้บรรยายถึงนีนะเวห์ว่า มีการวางแผนร้ายต่อสู้พระเจ้า เล่นคาถาอาคม และการเอารัดเอาเปรียบทางการค้า (นฮม.1:11;2:12-13;3:1,4,16,19)
1:3 “หนี” (to flee) –โยนาห์ให้เหตุผลไว้ใน 4:2 –ใน สดด.139:7-2 ยืนยันว่า การพยายามหนีจากพระเจ้านั้นการเปล่าประโยชน์
“ทารชิช” (Tarshish) –อาจเป็นเหมืองทาร์เทสซัสในตอนเหนือของสเปน ซึ่งเป็นอาณานิคมเหมืองแร่ของฟินิเซียที่อยู่ใกล้ กิบรัลทาร์
การตั้งใจมุ่งหน้าไปทิศตรงข้ามกับนีนะเวห์อย่างสุดกู่นี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของโยนาห์ที่จะหนีจากงานที่พระเจ้ามอบหมายให้ทำ –ปฐก.10:4
“ยัฟฟา” (Joppa) –ยชว.19:46;กจ.9:36,43
1:4-16 =นักวิชาการบางส่วนมองดูเหตุการณ์นี้เป็นปริศนาธรรมว่า ชาวต่างชาติ (มีพวกกัปตัน/ลูกเรือเป็นสัญลักษณ์) ถูกข่มขวัญด้วยการ พิพากษาของพระเจ้า (พายุ) โดยมีอิสราเอล(โยนาห์) อยู่ท่ามกลางพวกเขา หากโยนาห์(อิสราเอล) ไม่ทำตามพันธกิจที่ได้รับมอบหมายจากพระบัญชาจากพระเจ้าให้สำเร็จลุล่วง พวกลูกเรือ (ชนชาติทั้งหลาย) ก็จะไม่มีทางรอด
-ดังนั้น เพื่อช่วยให้ลูกเรือรอด โยนาห์เองต้องตาย (1:1;กจ.27:13-44)
1:4-5 -พันธกิจของโยนาห์คือ นำคำเตือนเรื่องการพิพากษาของพระเจ้าไปสู่คนต่างชาติ แต่การไม่เชื่อฟังและไม่ยอมทำตามคำบัญชาของโยนาห์ กลับทำให้คนในเรือต้องประสบพบภัยก่อน
1:4 “พระยาห์เวห์ทรงให้เกิดลมใหญ่” (the Lord hurled a great wind ) = แสดงให้เห็นถึงฤทธานุภาพสูงสุดของพระเจ้า ซึ่งไม่เพียงแค่นั้น พระองค์ยังให้ปลาใหญ่( ข.17) มากลืนตัวโยนาห์, สำรอกเขาออกมาจากท้อง (2:10) ให้มีเถาไม้เลื้อย (4:6), และมีหนอน (4:7) และลมตะวันออกอันร้อนระอุเกิดขึ้น (4:8)
1:5 “พระของตน” ( his god ) = เทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธา , ลูกเรือคงมาจากหลายภูมิหลังจากหลายท่าเรือที่มีการนมัสการหลายเทพเจ้า (ปฐก.28:15)
1:6 “นายเรือจึงมาหาท่าน” (the captain came) = นายเรือ(กัปตัน)เป็นห่วงทุกคนบนเรือ ผิดกับโยนาห์ ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าที่ไม่มีความเมตตา ในการนำคำเตือนของพระเจ้าไปเตือน ไปบอกชาวนีนะเวห์
1:7 “มาเถอะ ให้เราจับฉลากกัน” (Come, let us cast lots) = การจับฉลากเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง ในตะวันออกใกล้สมัยโบราณ (อาจใช้ไม้หรือก้อนหินทำเป็นเครื่องหมายมาใส่ในภาชนะ แล้วเขย่าออกมาคล้ายเสี่ยงเซียมซี) –อพย.28:30;นหม.11:1;สภษ.16:33;อสค.21:2;กจ.1:26
“ฉลากนั้นตกที่โยนาห์” (the lot fell on Jonah ) = โดยการจับฉลาก พระเจ้าเปิดเผยว่า ใครเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติ -ยชว.7:10-18,14-26;1ซมอ.14:37-44;กดว.32:23;สภษ.16:33
1:9 “คนฮีบรู” (Hebrew) ปฐก.14:3
“พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” ( the Lord, the God of heaven, who made the sea and the dry land) –อสร.1:2
-พวกชาวเรือเข้าใจว่า โยนาห์หมายถึงพระเจ้าสูงสุด เพราะในศาสนาต่าง ๆ ของชาวตะวันออก(ใกล้)
โบราณเชื่อว่า เทพเจ้าสูงสุดเป็นเจ้าเหนือทะเล (ยชว.3:10)
-นี่เป็นคำประกาศความเชื่อครั้งแรกของโยนาห์ และตามมาอีกใน 2:9 และ 4:2
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมทำตามพันธกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้ทำที่นีนะเวห์
1:10 “เจ้าทำอะไรอย่างนี้” (What is this that you have done) = เจ้าทำอะไรลงไป? = คำตำหนิ
1:12 “จงจับข้าโยนลงทะเล” (“Pick me up and hurl me into the sea) = ภาพที่โยนาห์พร้อมตายเพื่อช่วยชีวิตลูกเรือ ที่แตกต่างและขัดกับที่เขาอยากให้ชาวนีนะเวห์พินาศก่อนหน้านี้ และหลังจากเหตุการณ์นี้ (4:5)
1:13 “ช่วยกันตีกรรเชียง” (rowed) = คำฮีบรูที่ให้ภาพของ “การขุด” (ด้วยพาย) เพื่อแสดงว่า ใช้แรงพยายามอย่างมาก
= ภาพที่พวกลูกเรือต้องฝืนใจโยนโยนาห์ลงทะเล เปรียบเทียบกับการที่โยนาห์ฝืนใจไปเตือนนีนะเวห์ถึง การพิพากษาที่ใกล้เข้ามา
1:14 “ร้องทูลพระยาห์เวห์” (called out to the Lord)= ก่อนหน้านี้ พวกคนในเรือร้องเรียกเทพเจ้าของตน (ข.5) แต่ในเวลานี้พวกเขาสิ้นหวังแล้ว จึงร้องทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของโยนาห์
1:15 “ทะเลก็เงียบสงบจากความรุนแรง” (the sea ceased from its raging) –สดด.107:28;ลก.8:24
1:16 “ก็เกรงกลัวพระยาห์เวห์ยิ่งนัก” (feared the Lord exceedingly) = พวกเขายอมรับอำนาจของพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า เป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่า พระองค์เป็นผู้ทรงฤทธิ์อำนาจก่อเกิดพายุและทำให้สงบได้
-และยอมรับว่า พระเจ้าเป็นผู้สมควรต่อการยอมรับและการนมัสการ (แต่จะตัดทิ้งเทพเจ้าหรือพระอื่น ๆ หรือไม่ไม่ได้บอกไว้) -มก.4:41
“ได้บนบานไว้” (made vows) –กดว.30:2;สดด.66:13-14
1:17 “พระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้” (the Lord appointed) = ทรงบันดาลให้ , ทรงให้ , ทรงใช้ (4:6-8)
“ปลามหึมา” (a great fish) –สดด.74:13;อสค.32:2
“สามวันสามคืน” (three days and three nights) –เช่นเดียวกับใน มธ.12:40
= อาจหมายถึง ระยะเวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ กับเวลาไม่เต็มอีก 2 วัน (มธ.12:40;1คร.15:4)
ในพระคัมภีร์ใหม่ ใช้ประสบการณ์ของโยนาห์ในท้องปลา เพื่อเล็งถึงการฝังพระศพ การเป็นขึ้นจากตาย และออกจากอุโมงค์ของพระเยซูคริสต์ – มธ.12:40;มธ.16:4;ลก.11:29-30
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยตระหนักว่า พระเจ้าตรัสกับคุณหรือสั่งคุณในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเจาะจงบ้างหรือไม่? คุณรู้ได้อย่างไรว่ามาจากพระเจ้า
- ในเหตุการณ์ตามข้อที่ 1 นั้น คุณ
- เชื่อฟัง – ทำตาม หรือไม่? ทำไม? หรือหาก
- ไม่เชื่อฟัง – และไม่ทำตาม? ทำไม?แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยหาทางหนีไปให้ไกลจากพระบัญชาหรือน้ำพระทัยของพระเจ้าที่คุณรู้หรือไม่? ทำไม ? และอย่างไร?
- มีเหตุการณ์ใดบ้างที่คุณรู้ว่า พระเจ้าใช้มาเพื่อจัดการกับคุณ และทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
- คุณเคยถูกคนอื่นจับได้หรือไม่ว่าคุณเองเป็นสาเหตุหรือตัวปัญหาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง? (แบ่งปัน)
- คุณรู้สึกเสียใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิตที่คุณทำให้คนอื่นเจ็บปวด หรือทุกข์ทรมานเพราะคุณบ้าง? (แบ่งปัน)
- คุณเคยเสียสละตัวคุณเองอย่างยิ่งใหญ่มากที่สุดบ้างหรือไม่? ในเหตุการณ์ใด? คุณรู้สึกภูมิใจกับการเสียสละนั้นหรือไม่? ทำไม ? อย่างไร?
- คุณเคยเห็นความพยายามที่จะช่วยตัวเองของผู้ใดที่ไปไม่รอดบ้างหรือไม่? คุณรู้สึกอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณรู้ว่า คุณเป็นสาเหตุของปัญหานั้น ที่มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ แล้วคุณทำอะไรบ้าง?
- คุณเคยทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวหรือยำเกรงพระเจ้าบ้างหรือไม่? ในเรื่องใด และผลเป็นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์