การสมรสมีคำนิยามมากมายจนสับสน แต่ที่เป็นพื้นฐานก็คือ การสมรสเป็นความสัมพันธ์ที่พระเจ้ากำหนดให้ ชายและหญิงเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งกาย และวิญญาณ โดยมีพันธสัญญาที่จะผูกพันและผูกมัดกันและกันด้วยความรักจนกว่าชีวิตจะหาไม่!
ในพระคัมภีร์
- การสมรสเป็นเรื่องของการละจากครอบครัวเดิม เพื่อไปผูกพันกับคู่สมรสและสร้างครอบครัวใหม่
ปฐก.2:21-24 “แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงซี่หนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูก ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น ชายนั้นจึงว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะเรียกคนนี้ว่าหญิงเพราะคนนี้ออกมาจากชาย”เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”
ดังนั้น ก่อนที่คิดจะมีครอบครัว …
คู่สมรสต้องเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพึ่งพาตัวเองในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และสามารถรับผิดชอบในการดูแลเอาใจใส่กันได้
- การสมรสเป็นเรื่องของชายและหญิงเท่านั้น
ปฐก.1:27 “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง”
5:2 “พระองค์ทรงสร้างเป็นชายและหญิง แล้วทรงอวยพรแก่พวกเขา และทรงเรียกพวกเขาว่ามนุษย์ในวันที่พระองค์ทรงสร้างนั้น”
ผู้ชายต้องแต่งงานกับผู้หญิง
ผู้หญิงต้องแต่งงานกับผู้ชาย
ลนต.18:22 “ห้ามผู้ชายหลับนอนกับผู้ชายด้วยกันเช่นเดียวกับหลับนอนกับผู้หญิง เป็นสิ่งพึงรังเกียจ”
อนึ่ง ผู้ชายและผู้ชาย และผู้หญิงกับผู้หญิง สามารถเป็นเพื่อนที่เคียงข้าง คอยอุปถัมภ์ช่วยเหลือกันจนแก่เฒ่าได้ หากไม่ละเมิดพระบัญชาของพระเจ้าในข้างต้น
- การสมรสเป็นเรื่องของพันธสัญญา
เหมือนพันธสัญญาที่พระเจ้ามีต่อคนของพระองค์ เหมือนที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักร การสมรสก็เป็นเรื่องพันธสัญญาที่สามีและภรรยาต้องมีต่อกัน
- ทั้งสามีภรรยาต้องอยู่ร่วมกันอย่างซื่อสัตย์ต่อกันเป็นที่ยอมรับของสังคม
ฮบ.13:4 “จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทางเพศ และคนที่ล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา”
- ทั้งสามีภรรยาต้องอุทิศเสียสละเพื่อกันช่วยเหลือเกื้อกูล
- ทั้งสามีภรรยาต้องรักและเติบโตไปด้วยกัน
อฟ.5:22-27 “ส่วนภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ โดยพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกประการอย่างนั้น ส่วนสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อจะทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระด้วยน้ำและพระวจนะ 27เพื่อพระองค์จะได้คริสตจักรที่มีศักดิ์ศรี ไม่มีด่างพร้อย ริ้วรอย หรือมลทินใดๆ เลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ”
4. ทั้งสามีภรรยาต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ปฐก.2:24 “เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”
1คร.7:2-5,36 “แต่เพราะเหตุการล่วงประเวณี ผู้ชายแต่ละคนควรมีภรรยาเป็นของตน และผู้หญิงแต่ละคนควรมีสามีเป็นของตน สามีพึงสัมพันธ์กับภรรยาตามควร และภรรยาก็พึงสัมพันธ์กับสามีตามควรเช่นเดียวกัน ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี อย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมามีความสัมพันธ์กันอีก เพื่อไม่ให้ซาตานล่อลวงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้ แต่ถ้าชายใดคิดว่าไม่อาจจะปฏิบัติอย่างสมควรต่อคู่หมั้นของเขา มีความรักร้อนแรง และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ให้เขาทำตามความต้องการ คือให้เขาแต่งงานเสียเพราะไม่เป็นความผิด”
5. ทั้งสามีภรรยาต้องอยู่เคียงคู่กันจนวันตาย
1คร.7:10-11 “ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี แต่ถ้านางแยกจากสามีแล้ว ก็อย่าให้นางแต่งงานใหม่ หรือไม่ก็ให้นางคืนดีกับสามี และอย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย”
6. ทั้งสามีภรรยาต้องเลี้ยงดูบุตรหลานตามหลักการขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อฟ.6:4 “ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
ดังนั้น หากผู้ใดได้ชื่อว่า เป็นคริสเตียน ผู้นั้นจะรักษาจุดยืนเช่นนี้ไว้จนวันสุดท้ายในชีวิตของเขา!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์–
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer,