Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2โครินธ์ บทที่ 12

อ่อนแอลงเมื่อใด…ก็จะเข้มแข็งขึ้นเมื่อนั้น!

พระธรรม        2โครินธ์ 12:1-21

อ้างอิง             2คร.11:5,11,16.30;10:8;8:6,16;6:4;13:1,4;2:1,4;1คร.1:11;3:3;2:3,10;15:9-10;4:14-18;10:14

บทนำ              ความเข้มแข็งของคริสเตียน ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถหรือกำลังของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับพระคริสต์ที่ทรงสถิตภายในตัวของเราทางพระวิญญาณบริสุทธิ์

ทุกครั้งที่เราถ่อมตัวถ่อมใจลงเพราะความอ่อนแอ พระเจ้าก็ทรงมีพื้นที่มากขึ้นที่จะสำแดงฤทธิ์เดชผ่านในชีวิตของเรา!

บทเรียน

12:1 “ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

       (I must go on boasting. Though there is nothing to be gained by it, I will go on to visions and revelations of the Lord.)

12:2 “ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้)” 

  (I know a man in Christ who fourteen years ago was caught up to the third heaven—whether in the body or out of the body I do not know, God knows.)

12:3 “ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ (จะไปทั้งร่างกายหรือไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) 

(And I know that this man was caught up into paradise—whether in the body or out of the body I do not know, God knows—)

12:4 “ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง” 

       (and he heard things that cannot be told, which man may not utter.) 

12:5 “สำหรับชายคนนั้นข้าพเจ้าอวดได้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะไม่อวดเลย นอกจากจะอวดเรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า”

       (On behalf of this man I will boast, but on my own behalf I will not boast, except of my Weaknesses)

12:6 “เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าอยากจะอวดข้าพเจ้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพราะว่าข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้างดไว้ เพื่อจะไม่มีใครประเมินข้าพเจ้าสูงกว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในตัวข้าพเจ้าหรือฟังจากข้าพเจ้า” 

  (though if I should wish to boast, I would not be a fool, for I would be speaking the truth; but I refrain from it, so that no one may think more of me than he sees in me or hears from me.)

12:7 “และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป”

    (So to keep me from becoming conceited because of the surpassing greatness of the revelations, a thorn was given me in the flesh, a messenger of Satan to harass me, to keep me from becoming conceited.)

12:8 “เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า”

       (Three times I pleaded with the Lord about this, that it should leave me.)

12:9 “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า”

       (But he said to me,“My grace is sufficient for you, for my power is made perfect in weakness.” Therefore I will boast all the more gladly of my weaknesses, so that the power of Christ may rest upon me.)

12:10 “เพราะเหตุนี้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ ในการถูกเยาะเย้ยต่างๆ ในความลำบาก ในการถูกข่มเหง ในเหตุวิบัติต่างๆ เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น”

  (For the sake of Christ, then, I am content with weaknesses, insults, hardships, persecutions,  and calamities. For when I am weak, then I am strong.)

12:11 “ข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาไปแล้วสิ พวกท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็น เพราะว่าข้าพเจ้าสมควรจะได้รับการยกย่องจากท่าน เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ด้อยกว่าพวกอัครทูตพิเศษเลย แม้ข้าพเจ้าจะไม่วิเศษอะไรเลย”

(I have been a fool! You forced me to it, for I ought to have been commended by you. For I was not at all inferior to these super-apostles, even though I am nothing.) 

12:12 “และคุณลักษณะต่างๆ ของอัครทูตก็ประจักษ์ชัดในหมู่พวกท่านแล้ว โดยความทรหดอดทนอย่างยิ่ง โดย​หมายสำคัญต่างๆ โดยการอัศจรรย์และการแห่งฤทธานุภาพต่าง ๆ”

         (The signs of a true apostle were performed among you with utmost patience, with signs and wonders and mighty works.)

12:13 “พวกท่านได้รับการปฏิบัติแย่กว่าคริสตจักรอื่นๆ ในเรื่องใดบ้าง? มีเพียงเรื่องนี้คือข้าพเจ้าไม่ได้เป็นภาระกับพวกท่าน ความผิดข้อนี้ขอโปรดอภัยให้ข้าพเจ้าเถิด”

         (For in what were you less favored than the rest of the churches, except that I myself did not burden you? Forgive me this wrong!)

12:14 “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเตรียมพร้อมที่จะมาเยี่ยมพวกท่านเป็นครั้งที่สาม และจะไม่เป็นภาระกับท่าน เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใดของท่านทั้งหลาย แต่ต้องการตัวท่าน เพราะว่าไม่สมควรที่ลูกๆ จะสะสมไว้สำหรับพ่อแม่ แต่พ่อแม่สมควรจะสะสมไว้สำหรับลูก” 

       (Here for the third time I am ready to come to you. And I will not be a burden, for I seek not what is yours but you. For children are not obligated to save up for their parents, but parents for their children.)

12:15 “และข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อ​ข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น พวกท่านกลับจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ?” 

         (I will most gladly spend and be spent for your souls. If I love you more, am I to be loved less?)

12:16 “พวกท่านคงยอมรับว่าข้าพเจ้าเองไม่ได้เป็นภาระกับท่าน แต่ก็ยังมีการพูดว่าข้าพเจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์ใช้อุบายจับท่าน” 

       (But granting that I myself did not burden you, I was crafty, you say, and got the better of you by deceit.)

12:17 “ข้าพเจ้าเอาเปรียบพวกท่านผ่านคนหนึ่งคนใดในคนเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าส่งไปเยี่ยมพวกท่านหรือ?”

       (Did I take advantage of you through any of those whom I sent to you? )

12:18 “ข้าพเจ้าขอร้องให้ทิตัสไป และส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งไปด้วย ทิตัสเอาเปรียบพวกท่านหรือ? เราทั้งสองดำเนินการด้วยจิตใจอย่างเดียวกันและเดินตามรอยเดียวกันไม่ใช่หรือ?”

  (I urged Titus to go, and sent the brother with him. Did Titus take advantage of you? Did we not act in the same spirit? Did we not take the same steps?)

12:19 “พวกท่านคงคิดอยู่ตลอดมาว่าเราแก้ตัวกับพวกท่าน เราพูดในพระคริสต์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า ท่านที่รักทั้งหลาย ทุกสิ่งที่เราทำนั้นก็เพื่อความเจริญของพวกท่าน

    (Have you been thinking all along that we have been defending ourselves to you? It is in the sight of God that we have been speaking in Christ, and all for your up building, beloved.)

12:20 “เพราะว่าข้าพเจ้ากลัวว่าเมื่อมาถึง ข้าพเจ้าอาจจะพบว่าพวกท่านไม่เป็นเหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าอยากเห็น และพวกท่านก็จะพบว่าข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนอย่างที่ท่านอยากเห็น คือกลัวว่าจะมีการทะเลาะวิวาทกัน ริษยากัน ฉุนเฉียวต่อกัน ชิงดีกัน พูดใส่ร้ายกัน ซุบซิบกัน มีความเย่อหยิ่งจองหองและความวุ่นวาย” 

  (For I fear that perhaps when I come I may find you not as I wish, and that you may find me not as you wish—that perhaps there may be quarreling, jealousy, anger, hostility, slander,  gossip, conceit, and disorder.) 

12:21 “ข้าพเจ้ากลัวว่าเมื่อข้าพเจ้ามาอีก พระเจ้าจะทรงให้ข้าพเจ้าต้องอับอายต่อหน้าพวกท่าน และข้าพเจ้าจะต้องโศกเศร้าที่หลายๆ คนทำผิด และไม่ได้กลับใจจากมลทิน จากการล่วงประเวณี และจากการลามกที่พวกเขาทำอยู่นั้น”

   (I fear that when I come again my God may humble me before you, and I may have to mourn over many of those who sinned earlier and have not repented of the impurity, sexual immorality, and sensuality that they have practiced.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

12:1     “จำเป็นต้องอวด” (boasting) = ต้องโอ้อวดต่อไป –2คร.11:16,30;12:5,9

“นิมิตและการสำแดง” ( visions and revelations ) –1คร.2:10;2คร.12:7

12:2     “ชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์” (a man in Christ) –รม.16:3

          “เขาถูกรับขึ้นไป” (was caught up) –กจ.8:39;2คร.12:1; = เปาโล

“สิบสี่ปีที่แล้ว” ( fourteen years ago) = ช่วงแรกของพันธกิจของ อ.เปาโล ก่อนออกเดินทางประกาศรอบแรก (กจ.13:4-14,28)

“สวรรค์ชั้นที่สาม” (to the third heaven) –อฟ.4:10

= เชื่อกันว่า มีสถานที่อยู่เหนือสวรรค์ชั้นแรกคือ บรรยากาศโลกขึ้นไปและไกลกว่าสวรรค์ชั้นนอกในอวกาศและหมู่ดาวไปสู่ที่ประทับของพระเจ้า -ใน ฮบ.4:14 จึงใช้คำว่า “ผ่านฟ้าสวรรค์” เพื่อพรรณนาถึงการที่

พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และรับพระเกียรติสิริ โดยเสด็จผ่าน “ฟ้าสวรรค์”

คำว่า “เมืองบรมสุขเกษม” –นหม.2:8;ลก.23:43;วว.2:7

ที่ผู้เชื่อที่ตายในเวลานี้ จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า (5:8;ฟป.1:23)

12:3-4 “พระเจ้าทรงรู้” (God knows) –ข.2,4 ;ปท.2คร.11:11

“เมืองบรมสุขเกษม” (the paradise) –ลก.23:43;วว.2:7

12:5     “ความอ่อนแอของข้าพเจ้า” (my weaknesses) = 1คร.2:3;2คร.12:9,10

12:6     “ถ้าข้าพเจ้าอยากจะอวด” (I should wish to boast) = เลือกจะอวด –2คร.10:6

“ไม่ใช่คนโง่เขลา” (I would not be a fool) = จะไม่เป็นเช่นคนโง่ –2คร.11:16;12:11

12:7     “การสำแดงอันยิ่งใหญ่” (greatness of the revelations) –1คร.2:10;2คร.12:1

          “หนามในเนื้อ” (a thorn was given me in the flesh) –กวด.33:55

“ทูตของซาตาน” (a messenger of Satan) –มธ.4:10; ปท. โยบ.2:7

12:8     “วิงวอน…ถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า” (Three times I pleaded …., that it should leave me) –มธ.26:39,44

12:9     “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอสำหรับเจ้า” (My grace is sufficient for you) = ทางออกที่ดีกว่าการเอาหนามออกไปจาก เปาโล เพราะความอ่อนแอของมนุษย์ เปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงสำแดงฤทธิ์เดช

–รม.3:24

“ฤทธานุภาพของเรา” (  my power) –ฟป.4:13

“ความอ่อนแอ” (weakness) -1คร.2:3;1พกษ.19:12

12:10   “พอใจในบรรดาความอ่อนแอ” (content with weaknesses) = ชื่นชม – มธ.5:12

“ในความลำบาก” (hardships) –2คร.6:4

“ในการถูกข่มเหง” (persecutions) –2ธส.1:4

“จะเข้มแข็งมาก” (strong) –2คร.13:4

= เปรียบได้กับใน ฟิลิปปี 4:13 (ปท.13:4)

12:11   “ข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาไปแล้วสิ” (I have been a fool!   ) = ข้าพเจ้าได้ทำตนเองให้เป็นคนโง่ไปแล้วสิ

-11:1

“พวกท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็น”(You forced me to it) = พวกท่านก็เป็นผู้ผลักดันให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้

= คริสเตียนชาวโครินธ์ กดดันให้ อ.เปาโล ต้องเขียนเรื่องราวของตัวท่านออกมาอย่างที่เป็นไป เพราะพวกเขาเชื่อและยอมรับคำกล่าวอ้างและคำกล่าวหาของพวก “ยอดอัครทูต” (เทียม) เหล่านั้น (11:5) ซึ่งแทรกซึมเข้ามาอยู่ท่ามกลางพวกเขา และท้าทายสิทธิอำนาจของ อ. เปาโล

12:12   “หมายสำคัญ…การอัศจรรย์…การแห่งฤทธานุภาพต่าง ๆ “ (signs …wonders …mighty works)

–ฮบ.2:4, อ.เปาโลได้สำแดงสิ่งต่าง ๆ ท่ามกลางคำต่าง ๆ เพื่อยืนยันกล่าวหาฐานะอัครทูตแท้ของท่าน

12:13   “ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นภาระกับพวกท่าน” (myself did not burden you?) = ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระแก่พวกท่าน – 11:7,9,12

“ความผิดข้อนี้ขอโปรดอภัยให้ข้าพเจ้าเถิด” (Forgive me this wrong!) = ถ้อยคำประชดประชันในสิ่งที่กล่าวถึงใน 11:7-12

12:14   “เป็นครั้งที่สาม” (the third time) -2:1;13:1

“ลูก ๆ” (children) -6:13, อ.เปาโลเป็นบิดาฝ่ายวิญญาณของพวกเขา

“สะสมไว้สำหรับพ่อแม่” (save up for their parents) –1คร.4:14,15

“พ่อแม่สมควรจะสะสมไว้สำหรับลูก” (parents for their children) –สภษ.19:14

12:15   “สละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย” (spend and be spent for your souls)

= ฟป.2:17;1ธส.2:8

12:16   “เป็นคนเจ้าเล่ห์ใช้อุบายจับท่าน” (got the better of you   by deceit) = ใช้กลเม็ดดักจับท่าน

= เป็นการพูดเสียดสีสะท้อนการใส่ร้ายที่พวกอัครทูตเทียมเท็จใช้กล่าวหา อ.เปาโล กล่าวหาว่า อ.เปาโล อ้างเรื่องการเรี่ยไรเงินช่วยเหลือคริสเตียนยากไร้ที่กรุงเยรูซาเล็ม และจะเอาเงินเข้ากระเป๋า เปาโลเอง

12:18   “ข้าพเจ้าขอร้อง” (urged) –2คร.8:6,16

“ทิตัส…พี่น้องอีกคนหนึ่ง” (Titus …. the brother ) –8:6,16-17,18,23;2คร.2:13

12:19   “เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า” (the sight of God) –รม.9:1; ปท.1คร.4:3-4

“ทุกสิ่งที่เราทำนั้นก็เพื่อความเจริญของพวกท่าน” (all for your up building) = เพื่อเสริมสร้างพวกท่าน -10:8;รม.14:19

12:20   “ไม่เป็นเหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าอยากเห็น” (not as I wish) = ไม่เติบโต ไม่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่มีระเบียบและแตกแยก -1คร.14:33;13:1-4;4:19,21;1:11;3:3;กท.5:20;รม.1:29-30;2คร.2:1-4

12:21   “ต้องโศกเศร้า” (to mourn) –2คร.2:1,4

“หลาย ๆ คนทำผิด” (many of those who sinned) = ทำบาป, 2คร.13:2

“ล่วงประเวณีและจากการลามก” (sexual immorality, and sensuality) -1คร.5:1,11;6:13,16,18-19

คำถามนำอภิปราย

  1. ปกติคุณเป็นคนชอบอวดหรือชอบพูดโอ้อวดหรือไม่? ผลเป็นอย่างไร?

คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องอวดบ้างหรือไม่? อย่างไร? แบ่งปัน

  1. คุณมีประสบการณ์ในเรื่องอะไรบ้างที่คุณมักจะนำมาเล่าหรือนำมาอวดบ่อย ๆ ? แล้วปฏิกิริยาของผู้รับฟังเป็นอย่างไร? ถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากหรือไม่?
  2. คุณเคยมีประสบการณ์กับนิมิตหรือการสำแดงจากพระเจ้าเป็นส่วนตัวบ้างไหม? ในเรื่องอะไร? และส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณอย่างไรบ้าง?
  3. คุณมี “หนามในเนื้อ” อะไรในชีวิตบ้าง? สิ่งนั้นทำให้คุณเจ็บปวดหรือทำให้คุณเรียนรู้อะไรบ้าง?
  4. คุณมีประสบการณ์กับคำตรัสของพระคริสต์ต่อไปนี้หรือไม่?

“การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” (2โครินธ์12:9) อย่างไร? (แบ่งปัน)

  1. เวลานี้คุณสามารถพูดได้อย่างเต็มปากในเรื่องใดต่อไปนี้ได้บ้าง?

“เพราะเหตุนี้ เมื่อเห็นพระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจใน

…..1) บรรดาความอ่อนแอ

…..2) การถูกเยาะเย้ยต่าง ๆ

…..3) ความลำบาก

…..4) การถูกข่มเหง

…..5) เหตุวิบัติต่าง ๆ”   (2 โครินธ์ 12:10)

ทำไม?

  1. คุณเคยมีปัญหาประเภทใดบ้าง?
  • รับใช้คริสตจักรและได้รับการตอบแทน(เป็นภาระ)
  • รับใช้คริสตจักรและไม่ได้รับการตอบแทน(เป็นภาระ)? อย่างไร? และทำไม?
  1. คุณได้ลงทุน สะสมและสละตัวเองในเรื่องอะไรมากมายแค่ไหน เพื่อคริสตจักรของพระเจ้าที่คุณเป็นสมาชิก?หรือรับผิดชอบเป็นผู้นำอยู่? (แบ่งปัน)
  2. คุณเคยถูกกล่าวหาอะไรบ้างจาก(คนใน) คริสตจักรของคุณบ้าง? แล้วคุณรับมืออย่างไร?
  3. คุณได้ทำหรือนำความเจริญอะไรที่จับต้องได้มาสู่สมาชิกหรือคริสตจักรของคุณบ้าง? คุณเคยเสียใจหรืออับอายในเรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับ(คนใน)คริสตจักรของคุณ?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.