Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2โครินธ์ บทที่ 6

อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์

พระธรรม        2โครินธ์ 6:1-18

อ้างอิง             1คร.3:9,16,21;4:10-13;5:10;6:6;8:9,13;9:12;10:21,32;15:2;2คร.5:20;4:2,7,10-11;1:8-10;11:23-25;10:4; 8:9;7:3

บทนำ

คนที่เชื่อพระเจ้าจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง แต่อยู่เพื่อพระเจ้า และสนองพระคุณของพระองค์ เขาจะรักษาความบริสุทธิ์ในฐานะคนของพระเจ้า โดยไม่ประนีประนอมกับวิถีของซาตาน แต่จะอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเพื่อนำข่าวประเสริฐไปช่วยพวกเขาให้รอด

 

บทเรียน

6:1 “ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิด​ประโยชน์”

      (Working together with him, then, we appeal to you not to receive the grace of God in vain.)

6:2 “เพราะว่าพระองค์ตรัสว่า“ในเวลาโปรดปรานเราได้ฟังเจ้าในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด”

       (For he says, “In a favorable time I listened to you, and in a day of salvation I have helped you.” Behold, now is the favorable time; behold, now is the day of salvation.) 

6:3 “เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนหนทางของผู้ใดเลย เพื่องานปรนนิบัตินี้จะไม่ถูกติเตียน”

     (We put no obstacle in anyone’s way, so that no fault may be found with our ministry,)

6:4 “แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรนนิบัติของพระเจ้าในทุกทาง โดยมีความทรหดอดทนเป็นอย่างมากในความยากลำบาก ความลำเค็ญ ในเหตุวิบัติ”

     (but as servants of God we commend ourselves in every way: by great endurance, in afflictions, hardships, calamities,) 

6:5 “การถูกเฆี่ยน และการถูกจำคุกในเหตุการณ์วุ่นวาย ในการตรากตรำ ในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร” 

     (beatings, imprisonments, riots, labors, sleepless nights, hunger;) 

6:6 “โดยความบริสุทธิ์ ความรู้ ความอดทน และความกรุณา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักอย่างจริงใจ”

     (by purity, knowledge, patience, kindness, the Holy Spirit, genuine love;)

6:7 “โดยถ้อยคำสัตย์จริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยการใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งด้วยมือขวาและมือซ้าย”

     (by truthful speech, and the power of God; with the weapons of righteousness for the right hand and for the left; )

6:8 “ทั้งในขณะมีเกียรติและขณะไร้เกียรติ ขณะถูกดูหมิ่นและขณะได้รับการยกย่อง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่ยังเป็นคนซื่อสัตย์”

     (through honor and dishonor, through slander and praise. We are treated as impostors, and yet are true; )

6:9 “ว่าเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้จักดี เป็นคนที่กำลังจะตาย แต่ดูสิ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนถูกเฆี่ยนแต่ยังไม่ตาย”

     (as unknown, and yet well known; as dying, and behold, we live; as punished, and yet not killed;) 

6:10 “เป็นคนมีความทุกข์แต่ยังยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจนแต่ยังทำให้คนจำนวนมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลยแต่ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง”

   (as sorrowful, yet always rejoicing; as poor, yet making many rich; as having nothing, yet possessing everything.)

6:11 “ชาวโครินธ์เอ๋ย เราพูดกับท่านทั้งหลายอย่างไม่ปิดบังเลย และใจของเราก็เปิดกว้างต่อพวกท่าน”

       (We have spoken freely to you, Corinthians; our heart is wide open.) 

6:12 “เราไม่ได้ปิดใจต่อพวกท่าน แต่ความรู้สึกของพวกท่านต่างหากที่เป็นฝ่ายปิด”

       (You are not restricted by us, but you are restricted in your own affections.)

6:13 “ขอท่านตอบสนองเราในแบบเดียวกัน ข้าพเจ้าพูดกับพวกท่านเหมือนพูดกับลูกๆ คือขอพวกท่านจงเปิดใจให้กว้างด้วย”

       (In return (I speak as to children) widen your hearts also.)

6:14 “อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร?”

       (Do not be unequally yoked with unbelievers. For what partnership has righteousness with lawlessness? Or what fellowship has light with darkness? )

6:15 “พระคริสต์กับเบลีอัลจะไปด้วยกันได้อย่างไร? หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ?”

       (What accord has Christ with Belial? Or what portion does a believer share with an unbeliever? )

6:16 “วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพ? เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

   (What agreement has the temple of God with idols? For we are the temple of the living God; as God said, “I will make my dwelling among them and walk among them, and I will be their God,  and they shall be my people.)

6:17 “ฉะนั้นพวกเจ้าจงออกจากท่ามกลางพวกเขา และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าไว้”

  (Therefore go out from their midst, and be separate from them, says the Lord, and touch no unclean thing; then I will welcome you,_             

6:18 “เราจะเป็นดังบิดา ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็น บุตรชาย บุตรหญิงของเราพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้น​ได้ตรัสดังนั้น”

       (and I will be a father to you, and you shall be sons and daughters to me, says the Lord  Almighty.”)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

6:1       “อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์” (not to receive the grace of God in vain.)

= “อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า”

= การอยู่เพื่อตนเอง (ดู 5:15) เป็นการแสดงออกหนึ่งของการสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า

6:2       “ในเวลาโปรดปราน” (In a favorable time) = “วาระแห่งความโปรดปราน”

= การยืนยันว่าพระราชกิจทั้งสิ้นของพระเจ้าที่ช่วยประชากรของพระองค์ในประวัติศาสตร์นั้นเป็นความจริง แต่เป็นความจริงในยุคแห่งพระคุณในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ของพระคริสต์

          “บัดนี้” (now) = เน้นถึงความสำคัญเร่งด่วนในคำเชิญชวนของพระเจ้า (ดู สดด.32:6)

6:4-10 –เปรียบเทียบกับ 4:8-12

6:4       “แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรนนิบัติของพระเจ้าในทุกทาง” (but as servants of God we commend ourselves in every way     ) = อ.เปาโลพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเนื่องจากข่าวประเสริฐที่ท่านประกาศในโครินธ์ อยู่ในภาวะเสี่ยง แต่ท่านไม่เหมือนกับอัครทูตเทียม ซึ่งเป็นเพียงคนที่รับใช้ตัวเอง เพราะท่านรับใช้ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า

6:5       “การถูกจำคุก” (imprisonments)-กจ.16:23;อฟ.3:1;ฟป.1:13-14;คส.4:18;2ทธ.1:16;ฟป.1

6:7       “การใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธ” (with the weapons of righteousness) –อฟ.6:14-17

6:10     “ทำให้คนจำนวนมากมั่งมี” (  yet making many rich) = ความมั่งมีที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกมาก แต่เป็นความมั่งมีต่อพระพักตร์พระเจ้า (ลก.12:21)

-แม้ผู้เชื่อจะไม่มีทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกเลย แต่เขาก็ยังมีทุกสิ่งในพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่ง –1คร.1:4-5;3:21-23;อฟ.2:7;3:8:ฟป.4:19;คส.2:3

6:11-13 –อ.เปาโลเป็นคนเปิดเผยและมีความจริงใจอยู่เสมอในความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับคริสเตียนชาวโครินธ์

ปท.1:12-14;4:2

-แต่พวกผู้สอนเทียมในหมู่พวกเขา พยายามโน้มน้าวให้คนเชื่อว่า อ.เปาโลไม่ได้รักพวกเขาจริง ๆ

-ในเวลานี้ อ.เปาโลจึงต้องโน้มน้าว ชาวโครินธ์เหล่านี้ด้วยความอ่อนโยนว่า พวกเขาเป็นผู้รับประโยชน์จากความรัก ที่ อ.เปาโลมีต่อพวกเขา (1:11)

6:14     “อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ” ( Do not be unequally yoked with unbelievers) ปท.ฉธบ.22:10

-ถ้าคริสเตียนชาวโครินธ์จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้สอนเท็จจริง ๆ จนกลายเป็นผู้รับใช้ของซาตาน (11:13-14) ก็เท่ากับว่าพวกเขาไปเข้าเทียมแอกที่ไม่สามารถเข้ากันกับแอกของพระคริสต์ได้

-ซึ่งส่งผลกระทบต่อความกลมเกลียว และความสามัคคีธรรมซึ่งรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์

“ความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร?” (what fellowship has light with darkness?) -4:6

6:15     “เบลีอัล” (Belial) = ซาตาน (ฉธบ.13:13)

6:16    “วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพ?” ( What agreement has the temple of God with idols?) =ผู้เชื่อไม่สามารถกลับไปประนีประนอมกับการไหว้รูปเคารพที่พวกเขาได้ละทิ้งเพื่อมาหาข่าวประเสริฐ (ปท.1ธส.1:9)

“วิหารของพระเจ้าผู้ทรงประชนม์” (the temple of the living God)= ที่ได้สร้างขึ้นด้วย “ศิลาอันมีชีวิต”คือ ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ (1ปต.2:5)

= ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมกับสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์และมีมลทินได้ (ปท.1คร.6:19-20)

“เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา” ( I will be their God, and they shall be my people) = เป็นการยืนยันพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ในพันธสัญญาเดิม (ยรม.7:23;ฮชย.1:9;ศคย.8:8)

6:17     “จงออกจากท่ามกลางพวกเขา” ( Therefore go out from their midst) –วว.18:4

 

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณคิดว่า หากประเมินดูชีวิตของคุณในวันนี้อย่างซื่อตรง คุณคิดว่า คุณอยู่ ณ จุดใด?

อยู่เพื่อตัวเอง                                                                                                                     อยู่เพื่อ

100 %                                                                                                                         พระเจ้า 100%

ทำไมคุณคิดอย่างนั้น?

  1. หากคุณถูกเรียกว่า “พวกที่สักแต่รับพระคุณของพระเจ้า?” คุณจะรู้สึกอย่างไร? ทำไม?
  2. คุณประทับใจและซาบซึ้งใน “ความโปรดปราน” และ “ความช่วยเหลือ” ของพระเจ้าที่มีต่อคุณในเรื่องใดมากที่สุด? อย่างไร?
  3. ชีวิตของคุณในเวลานี้มีอะไรบ้างที่ทำให้คนอื่นสะดุดและส่งผลกระทบต่อการกระทำพันธกิจรับใช้พระเจ้าของคุณ? แล้วคุณจะจัดการอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้น? อย่างไร? และทำไม?
  4. คุณพิสูจน์ตนเองอย่างไรว่า คุณเป็นคนของพระเจ้าหรือผู้รับใช้ของพระองค์? คุณได้จ่ายราคาอะไรบ้าง ในการพิสูจน์ตัวของคุณเอง?
  5. ในเวลานี้มีกี่คน ใครบ้าง? ที่ได้รับการช่วยนำมาให้พบความรอดในพระเยซูคริสต์ผ่านทางคุณ? และมีกี่คนที่เติบโตเป็นสาวกแท้หรือผู้ใหญ่ในพระคริสต์บ้างแล้ว?
  6. คุณเป็นคนที่เปิดใจกว้างในการรับฟังเหตุผลหรือความคิดเห็นของผู้อื่นก่อนตัดสินพวกเขาหรือไม่? มีคนยืนยันได้ไหม? ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร?
  7. เวลานี้คุณกำลังกระทำอะไรอยู่ที่เข้าข่าย “เทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อ” บ้าง? ผลเป็นอย่างไร? คุณจะปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนอะไรบ้างหรือไม่? อย่างไร? ทำไม?
  8. คุณสนับสนุนหรือคัดค้านการที่คริสเตียนแต่งงานกับผู้ไม่เชื่อ ? ทำไม?
  9. คุณสนับสนุนหรือคัดค้านการที่คริสเตียนเข้าหุ้นหรือทำธุรกิจกับคนไม่เป็นคริสเตียนหรือไม่? ทำไม?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.