Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2โครินธ์ บทที่ 1

พระเจ้าแห่งการชูใจ

พระธรรม        2โครินธ์ 1:1-24

อ้างอิง             อฟ.1:3;1ปต.5:3;กจ.15:22;16:9:19:21;อสย.49:13;51;12;66:13;ยรม.17:5,7;รม.8:17;11:28;15:30,8-9; กท.6:17;ฟป.3:10;คส.1:24

 บทนำ            แม้จะรับใช้พระเจ้า แต่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา  แม้จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาในคริสตจักร แต่ก็อาจเกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่ความเจ็บปวดใจ และส่งผล กระทบต่อแผนงานของพระเจ้า ดั้งนั้น เราต้องไม่หลงกลปล่อยให้มารหัวเราะเยาะเรา ที่มันทำให้แตกแยกกันได้!

บทเรียน

1:1 “เปาโล ผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า และน้องทิโมธี เรียนคริสตจักรของพระเจ้า​ที่เมืองโครินธ์ และธรรมิกชนทุกคนที่อยู่ทั่วแคว้นอาคายา”
(
Paul, an apostle of Christ Jesus by the will of God, and Timothy our brother, To the church of God that is at Corinth, with all the saints who are in the whole of Achaia:)

1:2 “ขอพระคุณและสันติสุข ซึ่งมาจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีกับ​ท่านทั้งหลายเถิด”

     (Grace to you and peace from God our Father and the Lord Jesus Christ.)

1:3 “สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณาพระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง”

      (Blessed be the God and Father of our Lord Jesus Christ, the Father of mercies and God of all  comfort, )

1:4 “พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความ​ยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า” 

     (who comforts us in all our affliction, so that we may be able to comfort those who are in any  affliction, with the comfort with which we ourselves are comforted by God. )

1:5 “เพราะความรักของพระคริสต์มากท่วมท้นเราอย่างไร การหนุนใจของพระคริสต์ก็มากท่วมท้นเราอย่างนั้น 

      (For as we share abundantly in Christ’s sufferings, so through Christ we share abundantly in comfort too.)

1:6 “ที่เราทนความยากลำบากนั้น ก็เพื่อให้พวกท่านได้รับการหนุนใจและได้รับความรอด และที่เราได้รับการหนุน‍ใจ ก็เพื่อให้พวกท่านได้รับการหนุนใจด้วย ซึ่งท่านจะได้รับเมื่อสู้ทนความทุกข์เช่นเดียวกับที่เราทนอยู่นั้น” 

     (If we are afflicted, it is for your comfort and salvation; and if we are comforted, it is for your comfort, which you experience when you patiently endure the same sufferings that we suffer.)

1:7 “และเราก็มีความหวังแน่นอนในท่านทั้งหลาย เพราะรู้ว่าพวกท่านมีส่วนในความทุกข์ของเราอย่างไร ท่านก็จะมี​ส่วนในการหนุนใจของเราอย่างนั้น”

   (Our hope for you is unshaken, for we know that as you share in our sufferings, you will also share in our comfort.)

1:8 “พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้พวกท่านรู้ถึงความยากลำบากที่เกิดกับเราในแคว้นเอเชีย คือเราเผชิญความทุกข์​หนักอย่างยิ่งชนิดที่เกินกำลัง จนเราหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดมาได้

      (For do not want you to be unaware, brothers, of the affliction we experienced in Asia. For we were so utterly burdened beyond our strength that we despaired of life itself.)

1:9 “ที่จริงเรารู้สึกว่าถูกตัดสินให้ถึงที่ตายแล้ว ทั้งนี้เพื่อเราจะไม่ไว้ใจตัวเอง แต่ไว้ใจพระเจ้าผู้ทรงให้คนทั้งหลาย​เป็นขึ้นจากตาย 

      (Indeed, we felt that we had received the sentence of death. But that was to make us rely not on ourselves but on God who raises the dead. )

1:10 “พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากมรณภัยมาแล้ว และพระองค์จะทรงช่วยเราอีก เราหวังในพระองค์ว่าพระองค์​จะทรงช่วยเราต่อไปอีก 

    (He delivered us from such a deadly peril, and he will deliver us. On him we have set our hope  that he will deliver us again. )

1:11 “ในเมื่อพวกท่านก็มีส่วนช่วยโดยการทูลขอเผื่อเรา เพื่อคนจำนวนมากจะขอบพระคุณเพราะเรา เนื่องจากพระ‍คุณที่ประทานแก่เราผ่านคำทูลขอของคนจำนวนมากนั้น”

   (You also must help us by prayer, so that many will give thanks on our behalf for the blessing granted us through the prayers of many.)

1:12 “นี่เป็นสิ่งที่เราอวด คือมโนธรรมของเราเป็นพยานว่า เราประพฤติตัวในโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วย​ความจริงใจที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่ประพฤติโดยปัญญาของมนุษย์แต่โดยพระคุณของพระเจ้า และต่อพวก‍ท่านเราประพฤติยิ่งกว่านั้นเสียอีก”

     (For our boast is this, the testimony of our conscience, that we behaved in the world with simplicity and godly sincerity, not by earthly wisdom but by the grace of God, and supremely so toward you. )

1:13 “เพราะว่าเราไม่ได้เขียนเรื่องอื่นถึงท่าน นอกจากเรื่องที่พวกท่านสามารถอ่านและเข้าใจได้ ข้าพเจ้าหวังว่า​พวกท่านจะเข้าใจเราเป็นอย่างดี”

    (For we are not writing to you anything other than what you read and understand and I hope you  will fully understand)

1:14 “เหมือนที่ท่านเข้าใจบ้างแล้ว คือในวันของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พวกท่านจะภูมิใจในเราเช่นเดียวกับที่เราจะภูมิใจในท่าน”

     (just as you did partially understand us—that on the day of our Lord Jesus you will boast of us as we will boast of you.)

1:15 “และด้วยความแน่ใจในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากไปเยี่ยมพวกท่านก่อนเพื่อน เพื่อท่านจะได้รับพรสองเท่า”

       (Because I was sure of this, I wanted to come to you first, so that you might have a second experience of grace.)

1:16 “ข้าพเจ้าจะแวะเยี่ยมพวกท่านระหว่างที่เดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย และเมื่อกลับจากแคว้นมาซิโดเนีย ก็จะแวะเยี่ยมพวกท่านอีก แล้วขอท่านอุปการะข้าพเจ้า ให้เดินทางต่อไปยังแคว้นยูเดีย”

    (I wanted to visit you on my way to Macedonia, and to come back to you from Macedonia and  have you send me on my way to Judea.)

1:17 “เมื่อข้าพเจ้าตั้งใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าทำด้วยความโลเลหรือ? และข้าพเจ้าวางแผนการตามอย่างมนุษย์ที่จะพูดว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แบบส่งๆ หรือ?”

    (Was I vacillating when I wanted to do this? Do I make my plans according to the flesh, ready to say “Yes, yes” and “No, no” at the same time? )

1:18 “พระเจ้าทรงสัตย์จริงอย่างไร คำของเราที่กล่าวกับพวกท่านก็ไม่ใช่เป็นคำรับ หรือปฏิเสธแบบส่งๆ อย่างนั้น”

               (As surely as God is faithful, our word to you has not been Yes and No.)

1:19 “เพราะว่าพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลวานัสและทิโมธี ประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ “จริง” หรือ “ไม่จริง” แบบส่งๆ แต่ในพระองค์ทุกอย่างล้วนแต่เป็นจริง”

      (For the Son of God, Jesus Christ, whom we proclaimed among you, Silvanus and Timothy and I,  was not Yes and No, but in him it is always Yes.)

1:20 “เพราะว่าพระสัญญาต่างๆ ของพระเจ้าล้วนแต่เป็นจริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่าอาเมนโดย​พระองค์ ซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า”

  (For all the promises of God find their Yes in him. That is why it is through him that we utter our Amen to God for his glory.)

1:21 “ผู้ทรงให้เรากับท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในพระคริสต์ และผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า”

                 (And it is God who establishes us with you in Christ, and has anointed us, )

1:22 “และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย”

                 (and who has also put his seal on us and given us his Spirit in our hearts as a guarantee.)

1:23 “ขอพระเจ้าเป็นพยานฝ่ายจิตใจของข้าพเจ้าว่า ที่ข้าพเจ้ายังไม่ไปเมืองโครินธ์นั้น ก็เพื่อจะงดโทษพวกท่าน​ไว้ก่อน”

     (But I call God to witness against me—it was to spare you that I refrained from coming again to  Corinth.)

1:24 “เราไม่ได้เป็นนายบังคับความเชื่อของท่าน แต่เป็นผู้ร่วมงานกับพวกท่าน เพื่อให้ท่านได้รับความชื่นชมยินดีเพราะว่าพวกท่านตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อแล้ว”

      (Not that we lord it over your faith, but we work with you for your joy, for you stand firm in your faith.)

 บทเรียน

1:1       “อัครทูต…ตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (an apostle … by the will of God) –1คร.1:1

“และน้องทิโมธี” (Timothy our brother) = หลักฐานว่า ทิโมธีอยู่กับ อ.เปาโล ในขณะที่เขียนจดหมายฉบับนี้     = เป็นน้องผู้ร่วมเชื่อในพระคริสต์ (กจ.9:17;ฮบ.2:11)

“คริสตจักรของพระเจ้า” (the church of God) = ชุมชนของผู้เชื่อเป็นตัวแทนของคริสตจักรสากลที่อยู่ในท้องถิ่น (1คร.1:2)

“ธรรมิกชน” (the saints) = อีกวลีหนึ่งที่ใช้ หมายถึงคนของพระเจ้า (รม.1:7)

“แคว้นอาคายา” ( the whole of Achaia) = กรีซ (ที่แยกออกมาจากอาณาจักรมาซิโดเนียทางเหนือ)

= มีการคัดสำเนาจดหมายของ อ.เปาโลจากเมืองโครินธ์ส่งเวียนไปตามคริสตจักรต่าง ๆ )

1:2       “พระคุณและสันติสุข” (Grace to you and peace) –รม.1:7

1:3       “พระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์” (the God and Father of our Lord Jesus Christ) –อฟ.1:3

“การหนุนใจ” (comfort) = ปลอบประโลมใจหรือชูใจ

= ผู้เชื่อได้รับการหนุนใจแบบนี้เมื่อเขาเผชิญกับการทนทุกข์เพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์ และจะทำให้เขาสามารถหนุนใจคนอื่นได้ด้วย (ข.4-7)

1:5       “ความรักของพระคริสต์มากท่วมท้นเราอย่างไร?” (For as we share abundantly in Christ’s sufferings) = บางทีแปลได้อีกว่า “เพราะเรามีส่วนในความทุกข์ของพระคริสต์มากมายเพียงไร” หรือ

“การทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิต” –รม.8:17;2คร.4:10;กท.6:17;ฟป.3:10;คส.1:24;     1ปต.4:13

1:6      “ได้รับความรอด” (salvation) –2คร.4:15

1:7       “พวกท่านมีส่วนในความทุกข์ของเราอย่างไร?” (you share in our sufferings) –2คร.4:15

1:8       “เรา” (we) = อ.เปาโลใช้สรรพนามพหูพจน์ตลอดจดหมายฉบับนี้ แต่ส่วนใหญ่หมายถึง อ.เปาโล คนเดียว นอกจากในบริบทที่เจาะจงชัดเจน

“ความยากลำบากที่เราได้เผชิญ” (of the affliction we experienced) -1คส.15:32

          “แคว้นเอเชีย” (Asia) = แคว้นของโรมันที่อยู่ในเอเชียน้อยด้านตะวันตก ปัจจุบันคือประเทศตุรกี –กจ.2:9

“เราเผชิญความทุกข์หนักอย่างยิ่งชนิดที่เกินกำลังจนเราหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดมาได้”

(For we were so utterly burdened beyond our strength that we despaired of life itself.           ) –อ.เปาโล

เจอความทุกข์ยากลำบาก โหดร้ายในชีวิตขนาดที่คิดว่า เหมือนรอดจากการถูกประหารชีวิตทีเดียว

1:9       “แต่ไว้ใจพระเจ้า” (but on God who raises the dead) = แต่พึ่งพระเจ้าที่มีพระคุณเพียงพอและความอ่อนแอของเราเป็นโอกาสที่พระเจ้าจะสำแดงอำนาจฤทธิ์เดชของพระองค์ออกมา (12:9-10;ฟป.4:13)

1:10     “เราหวังในพระองค์” (we have set our hope) –อฟ.1:18

1:11     “มีส่วนช่วยโดยการทูลขอเผื่อเรา” (You also must help us by prayer) –ปท. รม.15:31;อฟ.6:19-20

1:12     “มโนธรรมของเราเป็นพยานว่า” (the testimony of our conscience) –อ.เปาโลใช้จิตสำนึกของตัวเอง (และของพวกชาวโครินธ์ที่รู้จักพฤติกรรมของท่าน ) เป็นพยานหลักฐานในการแก้ต่างในเรื่องความน่าเชื่อถือของท่านที่ถูกคนโจมตีใส่ร้าย

“ต่อพวกท่านเราประพฤติยิ่งกว่านั้นเสียอีก” (supremely so toward you) = อย่างน้อย อ.เปาโลเคยอยู่ที่โครินธ์ราว 18 เดือน ในตอนแรกที่ท่านเดินทางมาครั้งแรก (กจ.18:11) ดังนั้น พวกชาวโครินธ์จะบ่ายเบี่ยงไม่ได้ในเรื่องชีวิตที่ซื่อสัตย์ของ อ.เปาโล

1:14     “ในวันของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (on the day of our Lord Jesus) = เวลาที่พระคริสต์เสด็จกลับมา (ปท.1ธส.2:19-20)

1:15     “เพื่อท่านจะได้รับพรสองเท่า” ( you might have a second experience of grace            ) = “เพื่อให้พวกท่านได้ประโยชน์สองต่อ”

-อ.เปาโลกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในแผนการเดินทางของท่านในข้อนี้ และในข้อที่ 16

-แรกเริ่มท่านวางแผนข้ามทะเลจาก เอเฟซัสมายังเมืองโครินธ์เพื่อเยี่ยมชาวโครินธ์ก่อนจะเดินทางไปแคว้นมาซิโดเนียทางเหนือจากนั้นจะเดินทางจากมาซิโดเนียกลับมาแวะเยี่ยมชาวโครินธ์อีกครั้ง

ดังนั้น พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการมาเยี่ยม 2 ครั้งสั้น ๆ ของท่าน

-นี่เป็นแผนการเดินทางในขณะที่ อ.เปาโล ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา

-สิ่งที่(อาจ) เกิดขึ้น คือ เมื่อ อ.เปาโลเดินทางออกจากเอเฟซัส ตรงไปเยี่ยมชาวโครินธ์ (ซึ่งอาจเป็นการเยี่ยมที่ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้า) และมีเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งแก่ทั้ง 2 ฝ่าย (2:1;7:8-9)

1:17     “ข้าพเจ้าทำด้วยความโลเลหรือ?” (Was I vacillating when I wanted to do this) = พวกที่ต่อต้าน อ.เปาโลพยายามชักจูง โน้มน้าวคริสเตียนที่โครินธ์ให้เชื่อว่า อ.เปาโลเป็นคนไม่น่าเชื่อถือที่เปลี่ยนแปลงการเดินทาง เอาแน่นอนไม่ได้ ไม่น่าไว้วางใจ

-คำถาม แบบไม่ต้องการคำตอบของ อ.เปาโลทั้ง 2 คำถามในข้อนี้ เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวที่ว่า ท่านไม่จริงจังและพูดกำกวมว่า “ใช่” (มา) หรือ “ไม่ใช่” (ไม่มา) เพื่อทำให้ผู้อื่นไม่เข้าใจ

-แต่ไม่ว่าอย่างไร แผนการของ อ.เปาโลที่จะไปเยี่ยมชาวโครินธ์ก็ไม่ได้ยกเลิก เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเท่านั้น

1:18     “ไม่ใช่เป็นคำรับหรือปฏิเสธแบบส่ง ๆ อย่างนั้น” (not been Yes and No) = ในตอนนี้ อ.เปาโล นำเข้าสู่ประเด็นข่าวประเสริฐที่ท่านประกาศกับชาวโครินธ์ว่า เป็นเรื่องความจริงที่ปราศจากการคลุมเครือ และพวกเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ข่าวประเสริฐทั้งหมดเป็นจริงในพระเยซูคริสต์ด้วยประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐที่พวกเขามี

1:19     “ประกาศแก่พวกท่าน” (proclaimed among you) = ในระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมโครินธ์ ครั้งแรกของ อ.เปาโล (กจ.18:5)

“สิลวานัส” ( Silvanus) = สิลาส (กจ.15:22)

1:20     “อาเมน” (Amen) = คำที่ที่ประชุมกล่าวตอนจบคำอธิษฐานหรือคำสรรเสริญพระเจ้า (ปท. 1คร.14:16)

1:21     “ผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า” (For the Son of God, Jesus Christ, whom we) –อพย.29:7; 1ซมอ.16:13;อสย.61:1

1:22     “ประทับตรา” ( seal) –ฮกก.2:23;อฟ.1:13; ปท.อฟ .4:30

“เป็นมัดจำ” (guarantee            ) = ส่วนหนึ่งที่ให้เพื่อรับประกันว่า ส่วนที่เหลือทั้งหมดกำลังจะตามมา (รม.8:23)

1:23     “เพื่อจะงดโทษพวกท่านไว้ก่อน” (I refrained ) = การเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ไปเยี่ยมชาวโครินธ์ ของ อ.เปาโล ไม่ได้เกิดจากความโลเลหรือเฉยเมย แต่มาจากความรักและความห่วงใยที่ท่านมีต่อพวกเขา

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณพร้อมมีชีวิตที่เต็มใจกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า (อย่างเปาโลและทิโมธี) หรือไม่?   อย่างไร?
  2. คุณมีประสบการณ์อะไรบ้างกับความเมตตากรุณาจากพระเจ้า? (แบ่งปัน)
  3. มีเหตุการณ์ใดที่คุณซาบซึ้งต่อการหนุนใจของพระเจ้ามากที่สุดในชีวิตของคุณ? เมื่อไร? อย่างไร?
  4. คุณเคยทนความทุกข์ยากลำบากอะไรบ้างเพื่อช่วยคนบางคนให้รอด? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  5. คุณเคยรู้สึกถูกบีบคั้นหนักหน่วงจน(แทบ)หมดหวังบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณรับมือหรือผ่านมาได้อย่างไร?
  6. มีเหตุการณ์อะไรในชีวิตบ้างที่ทำให้คุณเลิกไว้ใจตัวเองหรือมนุษย์คนใด แล้วหันมาไว้วางใจพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง? (แบ่งปัน)
  7. คุณเชื่อในพลังแห่งการอธิษฐานหรือไม่? มีประสบการณ์อะไรที่คุณจำไม่รู้ลืมเกี่ยวกับการอธิษฐานบ้าง? (แบ่งปัน)
  8. วันนี้ คุณกล้าพูดว่า “จิตสำนึก” หรือ “มโนธรรม” ของคุณสามารถเป็นพยานได้ 100 % ว่า คุณดำเนินชีวิตและประพฤติตนด้วยความบริสุทธิ์ และจริงใจต่อคนในคริสตจักรของคุณหรือไม่? ในเรื่องอะไร? มีอะไรยืนยัน?
  9. คุณเคยถูกกล่าวหาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ไม่เป็นความจริง แต่ทำให้ตัวคุณ(หรือผู้กล่าวหา)เจ็บปวดใจบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วลงเอยอย่างไร?
  10. คุณมั่นใจอย่างเต็มที่หรือไม่ว่า หากพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาวันนี้ คุณจะได้รับการรับไปอยู่กับพระองค์แน่นอน? ทำไมจึงคิดอย่างนั้น?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.