Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1โครินธ์ บทที่ 15 (ตอนที่ 2)

กายที่เป็นขึ้นจากตาย

พระธรรม        1โครินธ์ 15:35-58

อ้างอิง             รม.9:19;5:14;8:2,29;มธ.13:43;24:31;9:24;ลก.11:40;12:20;2คร.5:4;ยน.12:24;5:21;3:13,31; สดด.8:1,3;19:4-6;90:3;ฟป.3:20-21;คส.3:4;อฟ.6:12;วว.20:14

บทนำ      คนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จริง ๆ จะมีความมั่นใจว่า เขาจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเป็นผลแรก!

แล้วร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร นี่คือ สิ่งที่ อ.เปาโลได้อธิบายให้เรารับทราบในบทเรียนนี้

บทเรียน

15:35 “แต่​จะ​มี​คน​ถาม​ว่า “คน‍ตาย​ถูก​ทำ​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​อย่าง‍ไร? และ​พวก‍เขา​จะ​มา​ด้วย​ร่าง‍กาย​แบบ​ไหน?”

                   (But someone will ask, “How are the dead raised? With what kind of body do they come?” )

 15:36 “โอ คน​เขลา สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน​นั้น ถ้า​ไม่​ตาย​ก่อน​ก็​จะ​ไม่​งอก‍ขึ้น​ใหม่”

                   (You foolish person! What you sow does not come to life unless it dies. )

 15:37 “สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน​นั้น จะ​เป็น​ข้าว​สาลี​หรือ​พืช​อื่นๆ ก็​ดี ท่าน​ไม่‍ได้​หว่าน​รูป‍ร่าง​ของ​ต้น​ที่​จะ​งอก‍ขึ้น​มา​นั้น แต่​หว่าน​เมล็ด​เปล่าๆ

     (And what you sow is not the body that is to be, but a bare kernel, perhaps of wheat or of  some other grain. )

15:38 “พระ‍เจ้า​ประ‌ทาน​รูป‍ร่าง​แก่​เมล็ด​นั้น​ตาม​ที่​พระ‍องค์​ทรง​ประ‌สงค์ และ​ประ‌ทาน​รูป‍ร่าง​ของ​มัน​เอง​แก่​เมล็ด​แต่​ละ​ชนิด” 

                   (But God gives it a body as he has chosen, and to each kind of seed its own body.)

15:39 “เนื้อ​นั้น​ไม่​เหมือน‍กัน​ทั้ง‍หมด เนื้อ​มนุษย์​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​สัตว์​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​นก​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​ปลา​ก็​อย่าง​หนึ่ง”

      (For not all flesh is the same, but there is one kind for humans, another for animals, another for  birds, and another for fish. )

15:40 “ร่าง‍กาย​สำหรับ​สวรรค์​ก็​มี และ​ร่าง‍กาย​สำหรับ​โลก​ก็​มี แต่​ว่า​รัศมี​ของ​ร่าง‍กาย​สำหรับ​สวรรค์​ก็​อย่าง‍หนึ่ง และ​

         รัศมี​ของ​ร่าง‍กาย​สำหรับ​โลก​ก็​อีก‍อย่าง‍หนึ่ง”

    (There are heavenly bodies and earthly bodies, but the glory of the heavenly is of one kind,  and the glory of the earthly is of another.)

15:41 “รัศมี​ของ​ดวง‍อา‌ทิตย์​ก็​อย่าง​หนึ่ง รัศมี​ของ​ดวง‍จันทร์​ก็​อย่าง‍หนึ่ง รัศมี​ของ​ดวง‍ดาว​ก็​อย่าง‍หนึ่ง ที่‍จริง​รัศมี​ของ​ดาว​ดวง​หนึ่ง​ก็​ต่าง‍กัน​กับ​รัศมี​ของ​ดาว​ดวง‍อื่นๆ”

    (There is one glory of the sun, and another glory of the moon, and another glory of the stars; for star differs from star in glory.)

15:42 “การ​เป็น​ขึ้น​มา​ของ​คน​ตาย​ก็​เหมือน‍กัน ร่าง‍กาย​ที่​ถูก​หว่าน‍ลง​นั้น​เสื่อม‍สลาย​ได้ ร่าง‍กาย​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​ไม่​เสื่อม‍สลาย”

  (So is it with the resurrection of the dead. What is sown is perishable; what is raised is imperishable.)

15:43 “สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน‍ลง​นั้น​ไร้​เกียรติ สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​มี​ศักดิ์‍ศรี สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน‍ลง​นั้น​อ่อน‍กำลัง สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​มี​พลัง”

               (It is sown in dishonor; it is raised in glory. It is sown in weakness; it is raised in power.)

15:44 “สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน‍ลง​นั้น​เป็น​กาย​เนื้อ​หนัง สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​เป็น​กาย​จิต‍วิญ‌ญาณ ถ้า​มี​กาย​เนื้อ​หนัง กาย​จิต‍วิญ‌ญาณ​ก็​มี​ด้วย”

     (It is sown a natural body; it is raised a spiritual body. If there is a natural body, there is also a spiritual body.)

15:45 “ดัง​ที่​เขียน​ไว้​ว่า “มนุษย์  คน​แรก​คือ​อา‌ดัม จึง​เป็น​ผู้​มี​ชีวิต” แต่​อา‌ดัม​สุด‍ท้าย​นั้น​เป็น​วิญ‌ญาณ​ผู้​ประ‌ทาน​ชีวิต”
(Thus it is written, “The first man Adam became a living being”; the last Adam became a life-giving spirit. )

15:46 “ร่าง‍กาย​แรก​นั้น​ไม่​ใช่​เป็น​กาย​จิต‍วิญ‌ญาณ แต่​เป็น​กาย​เนื้อ‍หนัง ร่าง‍กาย​ต่อ‍จาก‍นั้น​จึง​เป็น​กาย​จิต‍วิญ‌ญาณ”

               (But it is not the spiritual that is first but the natural, and then the spiritual.)

15:47 “มนุษย์​คน​แรก​นั้น​มา​จาก​ดิน​และ​เป็น​มนุษย์​ดิน มนุษย์​คน​ที่​สอง​นั้น​มา​จาก​สวรรค์”

               (The first man was from the earth, a man of dust; the second man is from heaven.)

15:48 “มนุษย์​ดิน​คน​นั้น​เป็น​อย่าง‍ไร มนุษย์​ดิน​ทั้ง‍หลาย​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น มนุษย์​สวรรค์​คน​นั้น​เป็น​อย่าง‍ไร มนุษย์​สวรรค์​ทั้ง‍หลาย​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น”

   (As was the man of dust, so also are those who are of the dust, and as is the man of heaven, so also are those who are of heaven.)

15:49 “และ​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เรา​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​ดิน เรา​ก็​จะ​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​สวรรค์”

     (Just as we have borne the image of the man of dust, we shall also bear the image of the man of heaven.)

15:50 “พี่‍น้อง​ทั้ง‍หาย ข้าพ‌เจ้า​หมาย‍ความ‍ว่า เนื้อ​และ​เลือด​ไม่​สามารถ​มี​ส่วน​ใน​อาณา‌จักร​ของ​พระ‍เจ้า และ​สิ่ง​ที่​เสื่อม‍สลาย​ไม่‍มี​ส่วน​ใน​สิ่ง​ที่​ไม่​เสื่อม‍สลาย”

      (I tell you this, brothers: flesh and blood cannot inherit the kingdom of God, nor does the perishable inherit the imperishable.)

15:51 “นี่‍แน่ะ ข้าพ‌เจ้า​มี​ความ​ล้ำ‍ลึก​ที่​จะ​บอก​กับ​พวก‍ท่าน คือ​เรา​จะ​ไม่​ล่วง‍หลับ​หมด​ทุก‍คน แต่​จะ​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่​ทุก‍คน”

                   (Behold! I tell you a mystery. We shall not all sleep, but we shall all be changed,)

15:52 “ใน​ชั่ว‍ขณะ​เดียว ใน​พริบ‍ตา‍เดียว เมื่อ​เป่า​แตร​ครั้ง​สุด‍ท้าย เพราะ‍ว่า​จะ​มี​การ​เป่า​แตร และ​พวก​ที่​ตาย​แล้ว​จะ​ถูก​ทำ​ให้​เป็น​ขึ้น​โดย​ปราศ‌จาก​ความ​เสื่อม‍สลาย แล้ว​เรา​จะ​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่”

    (in a moment, in the twinkling of an eye, at the last trumpet. For the trumpet will sound, and the dead will be raised imperishable, and we shall be changed.)

15:53 “เพราะ‍ว่า​สิ่ง​ที่​เสื่อม‍สลาย​ได้​นี้​ต้อง​สวม​ด้วย​สิ่ง​ที่​เสื่อม‍สลาย​ไม่‍ได้ และ​สภาพ​ที่​ต้อง​ตาย​นี้​ต้อง​สวม​ด้วย​สภาพ​ที่​ม่​ตาย”

      (For this perishable body must put on the imperishable, and this mortal body must put on  immortality.)

15:54 “เมื่อ​สิ่ง​ที่​เสื่อม‍สลาย​ได้​นี้​สวม​ด้วย​สิ่ง​ที่​เสื่อม‍สลาย​ไม่‍ได้​และ​สภาพ​ที่​ต้อง‍ตาย​นี้​สวม​ด้วย​สภาพ​ที่​ไม่​ตาย เมื่อ‍นั้น​พระ‍วจนะ​ที่​เขียน​ไว้​จะ​สำเร็จ​ว่า “ความ​ตาย​ก็​ถูก​กลืน​เข้า​ใน​ชัย‍ชนะ​แล้ว”

       (When the perishable puts on the imperishable, and the mortal puts on immortality, then shall  come to pass the saying that is written: “Death is swallowed up in victory.”)

15:55 “โอ ความ​ตาย ชัย‍ชนะ​ของ​เจ้า​อยู่​ที่‍ไหน? โอ ความ​ตาย เหล็ก‍ใน​ของ​เจ้า​อยู่​ที่‍ไหน?”

               (“O death, where is your victory? O death, where is your sting?”)

15:56 “เหล็ก‍ใน​ของ​ความ​ตาย​นั้น​คือ​บาป และ​อำนาจ​ของ​บาป​คือ​ธรรม‍บัญญัติ”

                   (The sting of death is sin, and the power of sin is the law.)

15:57 “สาธุการ​แด่​พระ‍เจ้า ผู้​ประ‌ทาน​ชัย‍ชนะ​แก่​เรา โดย​พระ‍เยซู‍คริสต์​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ของ​เรา”

                   (But thanks be to God, who gives us the victory through our Lord Jesus Christ.)

15:58 “ฉะนั้น​พี่‍น้อง​ที่‍รัก​ของ​ข้าพ‌เจ้า จง​มั่น‍คง​อยู่ อย่า​หวั่น‍ไหว จง​ทำ​งาน​ของ​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ให้​บริ‌บูรณ์​ทุก​เวลา ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​พึง​รู้​ว่า ใน​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า การ​ตราก‌ตรำ​ของ​ท่าน​จะ​ไม่​ไร้​ประ‌โยชน์”

    (Therefore, my beloved brothers, be steadfast, immovable, always abounding in the work of the Lord, knowing that in the Lord your labor is not in vain.)

ข้อมูลมีประโยชน์

15:35   “แต่จะมีคนถามว่า” (But someone will ask) –รม.9:19

“พวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?” (With what kind of body do they come?) –อสค.37:3

15:35-49 = เป็นการอธิบายลักษณะของกายที่เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเปาโลเปรียบเทียบกับการปลูกเมล็ด

พืช (15:36-38) ลักษณะของเนื้อ (15:39) ลักษณะของดวงดาว และร่างกายทางกายภาพ (15:40-41)

15:36   “โอ คนเขลา” (You foolish person) –ลก.11:40;12:20

“ถ้าไม่ตายเสียก็จะไม่งอกขึ้นใหม่” ( sow does not come to life unless it dies) –ยน.12:24

15:36-38 = ระบบโครงสร้างของพืช แม้จะมีระบบที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน เมล็ดพืชที่หว่านลงไปสัมพันธ์กับต้นใหม่ที่งอกขึ้นมา แต่ต้นที่งอกขึ้นมาใหม่นั้นก็แตกต่างและมีรูปร่างใหม่ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบให้เป็น

15:38   “เมล็ดแต่ละชนิด” (to each kind of seed) –ปฐก.1:11

15:39   “เนื้อนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด” (not all flesh is the same) –แม้ลักษณะโครงสร้างของเนื้อมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ว่าสายพันธุ์นั้นมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของมนุษย์ สัตว์ สัตว์ปีก และสัตว์น้ำ

15:40-41 –สิ่งที่ใช้เปรียบในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ซึ่งมีราศีหรือรัศมีที่ต่างกัน และสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ (ภูเขา, หุบเขา, ทะเล) กับราศีของมัน

-พระเจ้าจัดระเบียบอย่างแตกต่างกัน เพื่อให้บรรลุพระประสงค์ของพระองค์

15:41   “รัศมีของดวงอาทิตย์ก็เป็นอย่างหนึ่ง” (There is one glory of the sun) –สดด.19:4-6

“รัศมีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง” (another glory of the stars) –สดด.8:1,3

15:42   “การเป็นขึ้นมาของคนตาย” ( the resurrection of the dead ) –1คร.15:12

“ก็เหมือนกัน” (so is it) = ก็เช่นกัน –ดนล.12:3;มธ.13:43

          “ไม่เสื่อมสลาย” (imperishable) –คร.15:50,53-54

15:43   “สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี” (it is raised in glory) –ฟป.3:21;คส.3:4

15:44   “สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ” (it is raised a spiritual body) –1คร.15:50

15:42-44 – อ.เปาโลใช้ภาพเหล่านี้เปรียบเทียบกับการเป็นขึ้นมาจากตายของคนตาย พระเจ้าจะเปลี่ยน “กายธรรมชาติ” ที่เสื่อมสลายได้ และอ่อนแอเพราะบาป ให้กลายเป็นกายที่ไม่เสื่อมสลาย เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและทรงพลัง และเหมาะที่จะอยู่กับพระเจ้าเป็นนิจนิรันดร์ ดำรงอยู่สืบเนื่องไป แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง (ที่ดีขึ้น) ด้วย

15:44-49 – อ.เปาโลใช้ภาพเปรียบเทียบถึงความแตกต่างระหว่างกายธรรมชาติ กับกายฝ่ายจิตวิญญาณกับตัวแทน 2 คน (ข.21-22) คนแรกคือ อาดัมซึ่งมีธรรมชาติที่เกิดจากธุลีดิน (ปฐก.2:7) และกายธรรมชาติของเขาก็ถ่ายทอดต่อมาทางลูกหลาน  และคนที่สอง คือ พระเยซูคริสต์ หรืออาดัมคนที่ 2 (ยน.5:26) ผู้ทรงสละพระชนม์ไถ่บาปและเป็นขึ้นมาจากความตายและประทานกายวิญญาณแก่ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ ในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา (ครั้งที่ 2) ซึ่งจะเป็นกายที่เหมือนกายของพระองค์ เมื่อเป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นกายที่มีสง่าราศี (ปท. ลก.24:36-43; ฟป.3:21;1ยน.3:2)

15:44   “กายจิตวิญญาณ” (spiritual body) –1คร.15:50

15:45   “จึงเป็นผู้มีชีวิต” (became a living being)-ปฐก.2:7

“อาดัมสุดท้าย” ( last Adam) = อาดัมคนที่ 2 หรืออาดัมคนหลังนี้ หมายถึงพระเยซูคริสต์ –รม.5:14

“เป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต” ( a life-giving spirit) -ยน.5:21;6:57,58;รม.8:2

15:46   “ต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ” ( then the spiritual) –1คร.15:44

15:47   “มาจากดิน และเป็นมนุษย์ดิน” ( from the earth, a man of dust) –ปฐก.2:7;3:19;สดด.90:3

“มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์” ( the second man is from heaven) –ยน.3:13,31

15:48   “มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น” (as is the man of heaven, so also are those who are of heaven ) –ฟป.3:20-21

15:49   “และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน” (Just as we have borne the image of the man of dust) –ในฉบับอมตธรรม แปลว่า “คนฝ่ายโลกเป็นอย่างไร ชาวโลกก็เป็นอย่างนั้น” –ปฐก.5:3

“เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์” (we shall also bear the image of the man of heaven)

= คนจากสวรรค์เป็นอย่างไร ชาวสวรรค์ก็เป็นอย่างนั้น –รม.8:29

15:50   “เนื้อและเลือดไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า” (flesh and blood cannot inherit the kingdom of God) = ร่างกายของมนุษย์ที่บาปนั้นเปราะบาง อ่อนแอ และเสื่อมสลายได้ (กท.1:16) ไม่เหมาะดำรงอยู่ในสวรรค์ -อฟ.6:12;ฮบ.2:14

-ดังนั้น คนที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้ จะได้รับการเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่ที่จะไม่เสื่อมสลายไป และได้อยู่กับพระองค์เสมอไป นี่เป็นข้อโต้แย้งสุดท้ายของ อ.เปาโล ในเรื่องการเป็นขึ้นจากตายฝ่ายร่างกาย

“ไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า” (cannot inherit the kingdom of God)= ไม่สามารถรับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก –มธ.25:34

“สิ่งที่เสื่อมสลายไม่มีส่วนในสิ่งที่ไม่เสื่อมสลาย”(nor does the perishable inherit the imperishable) –1คร.15:42,53,54

15:51   “ความล้ำลึก” (mystery) = เรื่องเกี่ยวกับร่างกายที่เป็นขึ้นมาจากตาย ซึ่งเมื่อก่อนไม่เข้าใจ แต่บัดนี้ได้รับการเปิดเผยแล้ว (รม.11:25) –1คร.13:2;14:2

“คือเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน” (We shall not all sleep)= ผู้เชื่อบางคนอาจไม่ต้องประสบกับความตายหรืออยู่ในหลุมฝังศพ (1ธส.4:15;มธ.9:24)

“แต่จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกคน” (but we shall all be changed) –2คร.5:4;ฟป.3:21

15:52   “ในชั่วขณะเดียวในพริบตาเดียว” (in a moment, in the twinkling of an eye) = ชั่วแวบเดียว = กายที่เสื่อมสลายจะกลายเป็นกายที่ไม่เสื่อมสลายในทันที

          “เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร” (at the last trumpet. For the trumpet will sound) = เพราะเสียงแตรจะดังขึ้น แล้วกายจะเปลี่ยนไปเป็นกายอมตะ เมื่อมีเสียงเป่าแตรครั้งสุดท้ายเป็นการประกาศถึงการไถ่ที่สมบูรณ์ –มธ.24:31;1ธส.4:16-17

15:53-54 “สวม…สวม” (puts … puts) –สดด.109:29

15:56   “เหล็กในของความตายนั้นคือบาป” (The sting of death is sin) = บาปทำให้เราตกอยู่ใต้อำนาจของความตาย (รม.5:12-21)

“อำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ” (the power of sin is the law) = บทบัญญัติของพระเจ้าให้อำนาจแก่บาป เพราะบทบัญญัติเปิดเผยบาปของเรา และกล่าวโทษเรา เพราะบาปของเรา –รม.7:7-12;4:15

15:57  “สาธุการแด่พระเจ้า” (thanks be to God) –2คร.2:14

“ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา” (who gives us the victory ) = ชัยชนะเหนือการลงโทษเพราะบาปที่บทบัญญัตินำมา (ข.56) เหนือความตายและหลุมฝังศพ (ข.54-55)

“โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (  through our Lord Jesus Christ.) –รม.8:37; ฮบ.2:14,15       = ผ่านการสิ้นพระชนม์ และการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ (รม.4:25)

15:58   “ฉะนั้น” (Therefore) = เหตุฉะนั้น เพราะการเป็นจากตายของพระเยซูคริสต์และของเรา เราจึงรู้ว่า การรับใช้พระเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์

          “จงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา” (always abounding in the work of the Lord) = จงทุ่มเททำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที่ –1คร.16:10

“การตรากตรำของท่านจะไม่ไร้ประโยชน์” (knowing that in the Lord your labor is not in vain)

= การงานของเราจะไม่สูญเปล่า พระเยซูคริสต์จะประทานบำเหน็จรางวัลให้แก่เรา ในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา (มธ.25:21;ลก.19:17;1คร.2:7;2ทธ.4:17;ปท.อสย.65:23)

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยมีคำถามอยู่ในใจหรือเคยถูกคนอื่นถามคุณบ้างหรือไม่ ในเรื่องว่า คนตายจะเป็นขึ้นมาอย่างไร? แล้วคำตอบของคุณในเวลานั้นคืออะไร?
  2. หลังจากอ่านพระธรรมตอนนี้ คุณมีคำตอบต่อคำถามนี้ (ในข้อ 1) นั้นแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่? อย่างไร?
  3. ถ้าเลือกหรือขอได้ คุณอยากให้ร่างกายใหม่ของคุณที่พระเจ้าประทานให้ มีลักษณะอย่างไร? ทำไม?
  4. คุณรู้สึกต่อองค์พระเยซูคริสต์แตกต่างไปจากเดิมบ้างหรือไม่ เมื่อคุณได้ตระหนักถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้กับคุณและเพื่อคุณ?
  5. คุณอยากจะเป็นคนที่พระเยซูคริสต์เสด็จมารับ เมื่อตอนคุณตายจากโลกนี้ไปแล้วหรือให้มาตอนที่คุณยังมีชีวิตอยู่? ทำไม?
  6. ใครเป็นบุคคลแรกที่คุณอยากพบหลังจากที่ทุกคนเป็นขึ้นมาจากความตาย? ทำไม?
  7. ประโยคแรกที่คุณจะพูด เมื่อคุณได้รับร่างกายใหม่ คืออะไร? และอะไรคือประโยคแรกที่คุณอยากจะทักทายองค์พระเยซูคริสต์?
  8. บทเรียนสำคัญที่สุดที่คุณได้รับจากบทเรียนในวันนี้คือ ………………………………………………..
  9. สิ่งที่คุณเรียนรู้ในวันนี้ ส่งผลประทบต่อการดำเนินชีวิต และการรับใช้ของคุณอย่างไรบ้าง? (แบ่งปัน)

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.