กายที่เป็นขึ้นจากตาย
พระธรรม 1โครินธ์ 15:35-58
อ้างอิง รม.9:19;5:14;8:2,29;มธ.13:43;24:31;9:24;ลก.11:40;12:20;2คร.5:4;ยน.12:24;5:21;3:13,31; สดด.8:1,3;19:4-6;90:3;ฟป.3:20-21;คส.3:4;อฟ.6:12;วว.20:14
บทนำ คนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จริง ๆ จะมีความมั่นใจว่า เขาจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเป็นผลแรก!
แล้วร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร นี่คือ สิ่งที่ อ.เปาโลได้อธิบายให้เรารับทราบในบทเรียนนี้
บทเรียน
15:35 “แต่จะมีคนถามว่า “คนตายถูกทำให้เป็นขึ้นมาอย่างไร? และพวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?”
(But someone will ask, “How are the dead raised? With what kind of body do they come?” )
15:36 “โอ คนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น ถ้าไม่ตายก่อนก็จะไม่งอกขึ้นใหม่”
(You foolish person! What you sow does not come to life unless it dies. )
15:37 “สิ่งที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆ ก็ดี ท่านไม่ได้หว่านรูปร่างของต้นที่จะงอกขึ้นมานั้น แต่หว่านเมล็ดเปล่าๆ”
(And what you sow is not the body that is to be, but a bare kernel, perhaps of wheat or of some other grain. )
15:38 “พระเจ้าประทานรูปร่างแก่เมล็ดนั้นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และประทานรูปร่างของมันเองแก่เมล็ดแต่ละชนิด”
(But God gives it a body as he has chosen, and to each kind of seed its own body.)
15:39 “เนื้อนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด เนื้อมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อนกก็อย่างหนึ่ง เนื้อปลาก็อย่างหนึ่ง”
(For not all flesh is the same, but there is one kind for humans, another for animals, another for birds, and another for fish. )
15:40 “ร่างกายสำหรับสวรรค์ก็มี และร่างกายสำหรับโลกก็มี แต่ว่ารัศมีของร่างกายสำหรับสวรรค์ก็อย่างหนึ่ง และ
รัศมีของร่างกายสำหรับโลกก็อีกอย่างหนึ่ง”
(There are heavenly bodies and earthly bodies, but the glory of the heavenly is of one kind, and the glory of the earthly is of another.)
15:41 “รัศมีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงจันทร์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง ที่จริงรัศมีของดาวดวงหนึ่งก็ต่างกันกับรัศมีของดาวดวงอื่นๆ”
(There is one glory of the sun, and another glory of the moon, and another glory of the stars; for star differs from star in glory.)
15:42 “การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกหว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เสื่อมสลาย”
(So is it with the resurrection of the dead. What is sown is perishable; what is raised is imperishable.)
15:43 “สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง”
(It is sown in dishonor; it is raised in glory. It is sown in weakness; it is raised in power.)
15:44 “สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นเป็นกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ ถ้ามีกายเนื้อหนัง กายจิตวิญญาณก็มีด้วย”
(It is sown a natural body; it is raised a spiritual body. If there is a natural body, there is also a spiritual body.)
15:45 “ดังที่เขียนไว้ว่า “มนุษย์ คนแรกคืออาดัม จึงเป็นผู้มีชีวิต” แต่อาดัมสุดท้ายนั้นเป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต”
(Thus it is written, “The first man Adam became a living being”; the last Adam became a life-giving spirit. )
15:46 “ร่างกายแรกนั้นไม่ใช่เป็นกายจิตวิญญาณ แต่เป็นกายเนื้อหนัง ร่างกายต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ”
(But it is not the spiritual that is first but the natural, and then the spiritual.)
15:47 “มนุษย์คนแรกนั้นมาจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์”
(The first man was from the earth, a man of dust; the second man is from heaven.)
15:48 “มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น”
(As was the man of dust, so also are those who are of the dust, and as is the man of heaven, so also are those who are of heaven.)
15:49 “และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์”
(Just as we have borne the image of the man of dust, we shall also bear the image of the man of heaven.)
15:50 “พี่น้องทั้งหาย ข้าพเจ้าหมายความว่า เนื้อและเลือดไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า และสิ่งที่เสื่อมสลายไม่มีส่วนในสิ่งที่ไม่เสื่อมสลาย”
(I tell you this, brothers: flesh and blood cannot inherit the kingdom of God, nor does the perishable inherit the imperishable.)
15:51 “นี่แน่ะ ข้าพเจ้ามีความล้ำลึกที่จะบอกกับพวกท่าน คือเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกคน”
(Behold! I tell you a mystery. We shall not all sleep, but we shall all be changed,)
15:52 “ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร และพวกที่ตายแล้วจะถูกทำให้เป็นขึ้นโดยปราศจากความเสื่อมสลาย แล้วเราจะถูกเปลี่ยนใหม่”
(in a moment, in the twinkling of an eye, at the last trumpet. For the trumpet will sound, and the dead will be raised imperishable, and we shall be changed.)
15:53 “เพราะว่าสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้ต้องสวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้ และสภาพที่ต้องตายนี้ต้องสวมด้วยสภาพที่ม่ตาย”
(For this perishable body must put on the imperishable, and this mortal body must put on immortality.)
15:54 “เมื่อสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้สวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้และสภาพที่ต้องตายนี้สวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระวจนะที่เขียนไว้จะสำเร็จว่า “ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว”
(When the perishable puts on the imperishable, and the mortal puts on immortality, then shall come to pass the saying that is written: “Death is swallowed up in victory.”)
15:55 “โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
(“O death, where is your victory? O death, where is your sting?”)
15:56 “เหล็กในของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ”
(The sting of death is sin, and the power of sin is the law.)
15:57 “สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
(But thanks be to God, who gives us the victory through our Lord Jesus Christ.)
15:58 “ฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงมั่นคงอยู่ อย่าหวั่นไหว จงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า ในองค์พระผู้เป็นเจ้า การตรากตรำของท่านจะไม่ไร้ประโยชน์”
(Therefore, my beloved brothers, be steadfast, immovable, always abounding in the work of the Lord, knowing that in the Lord your labor is not in vain.)
ข้อมูลมีประโยชน์
15:35 “แต่จะมีคนถามว่า” (But someone will ask) –รม.9:19
“พวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?” (With what kind of body do they come?) –อสค.37:3
15:35-49 = เป็นการอธิบายลักษณะของกายที่เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเปาโลเปรียบเทียบกับการปลูกเมล็ด
พืช (15:36-38) ลักษณะของเนื้อ (15:39) ลักษณะของดวงดาว และร่างกายทางกายภาพ (15:40-41)
15:36 “โอ คนเขลา” (You foolish person) –ลก.11:40;12:20
“ถ้าไม่ตายเสียก็จะไม่งอกขึ้นใหม่” ( sow does not come to life unless it dies) –ยน.12:24
15:36-38 = ระบบโครงสร้างของพืช แม้จะมีระบบที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน เมล็ดพืชที่หว่านลงไปสัมพันธ์กับต้นใหม่ที่งอกขึ้นมา แต่ต้นที่งอกขึ้นมาใหม่นั้นก็แตกต่างและมีรูปร่างใหม่ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบให้เป็น
15:38 “เมล็ดแต่ละชนิด” (to each kind of seed) –ปฐก.1:11
15:39 “เนื้อนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด” (not all flesh is the same) –แม้ลักษณะโครงสร้างของเนื้อมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ว่าสายพันธุ์นั้นมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของมนุษย์ สัตว์ สัตว์ปีก และสัตว์น้ำ
15:40-41 –สิ่งที่ใช้เปรียบในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ซึ่งมีราศีหรือรัศมีที่ต่างกัน และสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ (ภูเขา, หุบเขา, ทะเล) กับราศีของมัน
-พระเจ้าจัดระเบียบอย่างแตกต่างกัน เพื่อให้บรรลุพระประสงค์ของพระองค์
15:41 “รัศมีของดวงอาทิตย์ก็เป็นอย่างหนึ่ง” (There is one glory of the sun) –สดด.19:4-6
“รัศมีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง” (another glory of the stars) –สดด.8:1,3
15:42 “การเป็นขึ้นมาของคนตาย” ( the resurrection of the dead ) –1คร.15:12
“ก็เหมือนกัน” (so is it) = ก็เช่นกัน –ดนล.12:3;มธ.13:43
“ไม่เสื่อมสลาย” (imperishable) –คร.15:50,53-54
15:43 “สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี” (it is raised in glory) –ฟป.3:21;คส.3:4
15:44 “สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ” (it is raised a spiritual body) –1คร.15:50
15:42-44 – อ.เปาโลใช้ภาพเหล่านี้เปรียบเทียบกับการเป็นขึ้นมาจากตายของคนตาย พระเจ้าจะเปลี่ยน “กายธรรมชาติ” ที่เสื่อมสลายได้ และอ่อนแอเพราะบาป ให้กลายเป็นกายที่ไม่เสื่อมสลาย เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและทรงพลัง และเหมาะที่จะอยู่กับพระเจ้าเป็นนิจนิรันดร์ ดำรงอยู่สืบเนื่องไป แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง (ที่ดีขึ้น) ด้วย
15:44-49 – อ.เปาโลใช้ภาพเปรียบเทียบถึงความแตกต่างระหว่างกายธรรมชาติ กับกายฝ่ายจิตวิญญาณกับตัวแทน 2 คน (ข.21-22) คนแรกคือ อาดัมซึ่งมีธรรมชาติที่เกิดจากธุลีดิน (ปฐก.2:7) และกายธรรมชาติของเขาก็ถ่ายทอดต่อมาทางลูกหลาน และคนที่สอง คือ พระเยซูคริสต์ หรืออาดัมคนที่ 2 (ยน.5:26) ผู้ทรงสละพระชนม์ไถ่บาปและเป็นขึ้นมาจากความตายและประทานกายวิญญาณแก่ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ ในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา (ครั้งที่ 2) ซึ่งจะเป็นกายที่เหมือนกายของพระองค์ เมื่อเป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นกายที่มีสง่าราศี (ปท. ลก.24:36-43; ฟป.3:21;1ยน.3:2)
15:44 “กายจิตวิญญาณ” (spiritual body) –1คร.15:50
15:45 “จึงเป็นผู้มีชีวิต” (became a living being)-ปฐก.2:7
“อาดัมสุดท้าย” ( last Adam) = อาดัมคนที่ 2 หรืออาดัมคนหลังนี้ หมายถึงพระเยซูคริสต์ –รม.5:14
“เป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต” ( a life-giving spirit) -ยน.5:21;6:57,58;รม.8:2
15:46 “ต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ” ( then the spiritual) –1คร.15:44
15:47 “มาจากดิน และเป็นมนุษย์ดิน” ( from the earth, a man of dust) –ปฐก.2:7;3:19;สดด.90:3
“มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์” ( the second man is from heaven) –ยน.3:13,31
15:48 “มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น” (as is the man of heaven, so also are those who are of heaven ) –ฟป.3:20-21
15:49 “และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน” (Just as we have borne the image of the man of dust) –ในฉบับอมตธรรม แปลว่า “คนฝ่ายโลกเป็นอย่างไร ชาวโลกก็เป็นอย่างนั้น” –ปฐก.5:3
“เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์” (we shall also bear the image of the man of heaven)
= คนจากสวรรค์เป็นอย่างไร ชาวสวรรค์ก็เป็นอย่างนั้น –รม.8:29
15:50 “เนื้อและเลือดไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า” (flesh and blood cannot inherit the kingdom of God) = ร่างกายของมนุษย์ที่บาปนั้นเปราะบาง อ่อนแอ และเสื่อมสลายได้ (กท.1:16) ไม่เหมาะดำรงอยู่ในสวรรค์ -อฟ.6:12;ฮบ.2:14
-ดังนั้น คนที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้ จะได้รับการเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่ที่จะไม่เสื่อมสลายไป และได้อยู่กับพระองค์เสมอไป นี่เป็นข้อโต้แย้งสุดท้ายของ อ.เปาโล ในเรื่องการเป็นขึ้นจากตายฝ่ายร่างกาย
“ไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า” (cannot inherit the kingdom of God)= ไม่สามารถรับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก –มธ.25:34
“สิ่งที่เสื่อมสลายไม่มีส่วนในสิ่งที่ไม่เสื่อมสลาย”(nor does the perishable inherit the imperishable) –1คร.15:42,53,54
15:51 “ความล้ำลึก” (mystery) = เรื่องเกี่ยวกับร่างกายที่เป็นขึ้นมาจากตาย ซึ่งเมื่อก่อนไม่เข้าใจ แต่บัดนี้ได้รับการเปิดเผยแล้ว (รม.11:25) –1คร.13:2;14:2
“คือเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน” (We shall not all sleep)= ผู้เชื่อบางคนอาจไม่ต้องประสบกับความตายหรืออยู่ในหลุมฝังศพ (1ธส.4:15;มธ.9:24)
“แต่จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกคน” (but we shall all be changed) –2คร.5:4;ฟป.3:21
15:52 “ในชั่วขณะเดียวในพริบตาเดียว” (in a moment, in the twinkling of an eye) = ชั่วแวบเดียว = กายที่เสื่อมสลายจะกลายเป็นกายที่ไม่เสื่อมสลายในทันที
“เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร” (at the last trumpet. For the trumpet will sound) = เพราะเสียงแตรจะดังขึ้น แล้วกายจะเปลี่ยนไปเป็นกายอมตะ เมื่อมีเสียงเป่าแตรครั้งสุดท้ายเป็นการประกาศถึงการไถ่ที่สมบูรณ์ –มธ.24:31;1ธส.4:16-17
15:53-54 “สวม…สวม” (puts … puts) –สดด.109:29
15:56 “เหล็กในของความตายนั้นคือบาป” (The sting of death is sin) = บาปทำให้เราตกอยู่ใต้อำนาจของความตาย (รม.5:12-21)
“อำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ” (the power of sin is the law) = บทบัญญัติของพระเจ้าให้อำนาจแก่บาป เพราะบทบัญญัติเปิดเผยบาปของเรา และกล่าวโทษเรา เพราะบาปของเรา –รม.7:7-12;4:15
15:57 “สาธุการแด่พระเจ้า” (thanks be to God) –2คร.2:14
“ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา” (who gives us the victory ) = ชัยชนะเหนือการลงโทษเพราะบาปที่บทบัญญัตินำมา (ข.56) เหนือความตายและหลุมฝังศพ (ข.54-55)
“โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” ( through our Lord Jesus Christ.) –รม.8:37; ฮบ.2:14,15 = ผ่านการสิ้นพระชนม์ และการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ (รม.4:25)
15:58 “ฉะนั้น” (Therefore) = เหตุฉะนั้น เพราะการเป็นจากตายของพระเยซูคริสต์และของเรา เราจึงรู้ว่า การรับใช้พระเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์
“จงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา” (always abounding in the work of the Lord) = จงทุ่มเททำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที่ –1คร.16:10
“การตรากตรำของท่านจะไม่ไร้ประโยชน์” (knowing that in the Lord your labor is not in vain)
= การงานของเราจะไม่สูญเปล่า พระเยซูคริสต์จะประทานบำเหน็จรางวัลให้แก่เรา ในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา (มธ.25:21;ลก.19:17;1คร.2:7;2ทธ.4:17;ปท.อสย.65:23)
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยมีคำถามอยู่ในใจหรือเคยถูกคนอื่นถามคุณบ้างหรือไม่ ในเรื่องว่า คนตายจะเป็นขึ้นมาอย่างไร? แล้วคำตอบของคุณในเวลานั้นคืออะไร?
- หลังจากอ่านพระธรรมตอนนี้ คุณมีคำตอบต่อคำถามนี้ (ในข้อ 1) นั้นแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่? อย่างไร?
- ถ้าเลือกหรือขอได้ คุณอยากให้ร่างกายใหม่ของคุณที่พระเจ้าประทานให้ มีลักษณะอย่างไร? ทำไม?
- คุณรู้สึกต่อองค์พระเยซูคริสต์แตกต่างไปจากเดิมบ้างหรือไม่ เมื่อคุณได้ตระหนักถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้กับคุณและเพื่อคุณ?
- คุณอยากจะเป็นคนที่พระเยซูคริสต์เสด็จมารับ เมื่อตอนคุณตายจากโลกนี้ไปแล้วหรือให้มาตอนที่คุณยังมีชีวิตอยู่? ทำไม?
- ใครเป็นบุคคลแรกที่คุณอยากพบหลังจากที่ทุกคนเป็นขึ้นมาจากความตาย? ทำไม?
- ประโยคแรกที่คุณจะพูด เมื่อคุณได้รับร่างกายใหม่ คืออะไร? และอะไรคือประโยคแรกที่คุณอยากจะทักทายองค์พระเยซูคริสต์?
- บทเรียนสำคัญที่สุดที่คุณได้รับจากบทเรียนในวันนี้คือ ………………………………………………..
- สิ่งที่คุณเรียนรู้ในวันนี้ ส่งผลประทบต่อการดำเนินชีวิต และการรับใช้ของคุณอย่างไรบ้าง? (แบ่งปัน)
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์