ของประทานในกายเดียว
พระธรรม 1โครินธ์ 12:1-31
อ้างอิง 1คร.1:7;10:32; 12:9-10;14:1,12;37,39;16:22
บทนำ เราแม้จะแตกต่างและหลากหลาย แต่เราถูกออกแบบมาให้อยู่ในกายเดียวกัน คือ คริสตจักร
ขอให้เราใช้ของประทานของเราในการเสริมสร้างและรับใช้ซึ่งกันและกัน!
บทเรียน
12:1 “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านเข้าใจเกี่ยวกับของประทานจากพระวิญญาณ”
(Now concerning spiritual gifts, brothers, I do not want you to be uninformed.)
12:2 “พวกท่านรู้แล้วว่าแต่ก่อนที่ยังเป็นคนต่างศาสนาอยู่นั้น พวกท่านถูกชักจูงและนำให้หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยทางใด”
(You know that when you were pagans you were led astray to mute idols, however you were led.)
12:3 “เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอบอกให้ทราบว่า ไม่มีใครที่พูดโดยพระวิญญาณของพระเจ้าจะพูดว่า “ให้เยซูเป็นที่สาปแช่ง” และไม่มีใครสามารถพูดว่า “พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” นอกจากจะพูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
(Therefore I want you to understand that no one speaking in the Spirit of God ever says “Jesus is accursed!” and no one can say “Jesus is Lord” except in the Holy Spirit.)
12:4 “ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
(Now there are varieties of gifts, but the same Spirit; )
12:5 “การปรนนิบัติมีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน”
(and there are varieties of service, but the same Lord; ).
12:6 “กิจกรรมมีต่างๆ กัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมทั้งหมดในทุกคน”
(and there are varieties of activities, but it is the same God who empowers them all in everyone.)
12:7 “การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน”
(To each is given the manifestation of the Spirit for the common good.)
12:8 “พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
(For to one is given through the Spirit the utterance of wisdom, and to another the utterance of knowledge according to the same Spirit, )
12:9 “และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งมีของประทานในการรักษาโรคโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
(to another faith by the same Spirit, to another gifts of healing by the one Spirit,)
12:10 “ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้”
(to another the working of miracles, to another prophecy, to another the ability to distinguish between spirits, to another various kinds of tongues, to another the interpretation of tongues. )
12:11 “พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงทำและจัดสรรสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์”
(All these are empowered by one and the same Spirit, who apportions to each one individually (as he wills.)
12:12 “เพราะว่า เหมือนกับร่างกายเดียวที่มีหลายๆ อวัยวะ และอวัยวะทั้งหมดของร่างกายนั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นร่างกายเดียว พระคริสต์ก็ทรงเป็นเช่นนั้น”
(For just as the body is one and has many members, and all the members of the body, though many, are one body, so it is with Christ.)
12:13 “เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม”
(For in one Spirit we were all baptized into one body—Jews or Greeks, slaves or free—and all were made to drink of one Spirit.)
12:14 “เพราะว่าร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ”
(For the body does not consist of one member but of many.)
12:15 “ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นมือ ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” เท้าก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้”
(If the foot should say, “Because I am not a hand, I do not belong to the body,” that would not make it any less a part of the body.)
12:16 “ถ้าหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นตา ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” หูก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะ เหตุนี้ย่อมไม่ได้”
(And if the ear should say, “Because I am not an eye, I do not belong to the body,” that would not make it any less a part of the body. )
12:17 “ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน? ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน?”
(If the whole body were an eye, where would be the sense of hearing? If the whole body were an ear, where would be the sense of smell?)
12:18 “แต่พระเจ้าทรงตั้งอวัยวะแต่ละอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์”
(But as it is, God arranged the members in the body, each one of them, as he chose. )
12:19 “ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน?”
(If all were a single member, where would the body be? )
12:20 “ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง แต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน
(As it is, there are many parts, yet one body.)
12:21 “และตาก็ไม่สามารถพูดกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” หรือศีรษะจะพูดกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ”
(The eye cannot say to the hand, “I have no need of you,” nor again the head to the feet, “I have no need of you.” )
12:22 “แต่หลายๆ อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น”
(On the contrary, the parts of the body that seem to be weaker are indispensable,)
12:23 “อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าไร้เกียรติ เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ควรปกปิด เราก็ทำด้วย ความสุภาพเป็นพิเศษ”
(and on those parts of the body that we think less honorable we bestow the greater honor, and our unpresentable parts are treated with greater modesty,)
12:24 “เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าทรงจัดวางร่างกาย โดยการประทานเกียรติมากยิ่งขึ้นแก่อวัยวะที่ต่ำต้อย”
(which our more presentable parts do not require. But God has so composed the body, giving greater honor to the part that lacked it,)
12:25 “เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะต่างๆ มีความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน”
(that there may be no division in the body, but that the members may have the same care for one another.)
12:26 “ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย”
(If one member suffers, all suffer together; if one member is honored, all rejoice together.)
12:27 “ส่วนท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น”
(Now you are the body of Christ and individually members of it.)
12:28 “พระเจ้าทรงตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่ง บรรดาอัครทูต สอง บรรดาผู้เผยพระวจนะ สาม บรรดาอาจารย์ ต่อจากนั้น ผู้ทำการด้วยฤทธานุภาพ ต่อจากนั้น ของประทานในการรักษาโรค พวกที่ให้ความช่วยเหลือ พวกผู้นำและพวกที่รู้ภาษาแปลกๆ”
(And God has appointed in the church first apostles, second prophets, third teachers, then miracles, then gifts of healing, helping, administrating, and various kinds of tongues.)
12:29 “ทุกคนเป็นอัครทูตหรือ? ทุกคนเป็นผู้เผยพระวจนะหรือ? ทุกคนเป็นอาจารย์หรือ? ทุกคนทำการด้วยฤทธานุภาพหรือ?”
(Are all apostles? Are all prophets? Are all teachers? Do all work miracles? )
12:30 “ทุกคนมีของประทานในการรักษาโรคหรือ? ทุกคนพูดภาษาแปลกๆ หรือ? ทุกคนแปลได้หรือ?”
(Do all possess gifts of healing? Do all speak with tongues? Do all interpret?)
12:31 “แต่ท่านทั้งหลายจงขวนขวายของประทานต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่กว่าและข้าพเจ้าจะชี้ให้เห็นถึงทางที่ดีที่สุดแก่ท่านทั้งหลาย”
(But earnestly desire the higher gifts. And I will show you a still more excellent way.)
ข้อมูลมีประโยชน์
12:1 “เกี่ยวกับ” ( concerning) = คำถามใหม่ที่ชาวโครินธ์ถามมา (ปท.7:1;8:1;16:1)
“ของประทานจากพระวิญญาณ” (spiritual gifts) = “ของประทานฝ่ายจิตวิญญาณ” (1:7)
12:2 “หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้” (you were led astray to mute idols) = ครั้งหนึ่งชาวโครินธ์เคยถูกอิทธิพลหลายอย่างชักนำให้นมัสการรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้ (8:4-6) แต่ในเวลานี้พวกเขาต้องได้รับการนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
12:3 “ให้พระเยซูเป็นที่สาปแช่ง” (Jesus is accursed!) –รม.9:3;1คร.16:22
“พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” (Jesus is Lord) = คนที่ได้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ จะไม่อาจแช่งด่าพระเยซูได้ (ปท. ยน.20:28;1ยน.4:2-3)
คำกรีกที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” นี้ ใช้เป็นคำแปลพระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม ฉบับแปลกรีก (เชปทัวจิ้น) ของคำฮีบรูว่า “ยาห์เวห์” (รม.10:9)
12:4-6 “…องค์เดียวกัน” (…same Lord) –วลีนี้ใน 3 ข้อนี้ สะท้อนเรื่องตรีเอกานุภาพ และแสดงถึงความหลากหลายและความเป็นหนึ่งเดียวกันในของประทานฝ่ายพระวิญญาณ
12:5 “การปรนนิบัติ” (service) = งานรับใช้ในชุมชนคริสเตียน เช่น บริการเรื่องอาหาร (กจ.6:2-3) หรือรับใช้เป็นตำแหน่ง เช่น มัคนายก (ฟป.1:1)
12:6 “กิจกรรม” ( activities) = การงาน (ในฉบับอมตธรรม) = พลังในการปฏิบัติการซึ่งให้ผลที่ชัดเจน
12:7 “การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน” (To each is given the manifestation of the Spirit for the common good) = ทุกคนในคริสตจักรได้รับของประทานฝ่ายวิญญาณที่แสดงว่า พระวิญญาณทำงานในชีวิตของเขา และประทานของประทานทุกอย่างเพื่อใช้เสริมสร้างสมาชิกในชุมชนผู้เชื่อนั้น (1ปต.4:10-11) และต้องไม่นำไปหาประโยชน์อย่างที่พวกคริสเตียนส่วนตนเมืองโครินธ์กำลังกระทำอยู่
12:8 “ให้คนหนึ่งมี…และให้อีกคนหนึ่งมี….” (For to one is given …to another the) –แต่ละคนมีของประทาน แต่ไม่ใช่มีเหมือนกันหรือคนเดียว
12:9 “มีความเชื่อ” (faith ) = ไม่ใช่ความเชื่อทำให้รอดซึ่งคริสเตียนทุกคนต้องมีอยู่แล้ว แต่นี่เป็นความเชื่อที่ตอบสนองความต้องการที่เจาะจงภายในคริสตจักร
“มีของประทานในการรักษาโรค” (gifts of healing) = รักษา หายหลายโรค หรือหลากหลายวิธี
12:10 “ทำการด้วยฤทธานุภาพ” (the working of miracles) = ฤทธิ์เดชอันอัศจรรย์ หรือการกระทำที่มีฤทธิ์เดช
= การกระทำราชกิจของพระเจ้าให้บรรลุตามเป้าหมายด้วยวิถีทางที่ไม่ปกติ หรืออาจเกินคาด
“เผยพระวจนะ” (prophecy) = ข้อความที่พระวิญญาณบริสุทธิ์แจ้งแก่ผู้เชื่อ อาจเป็น 1. คำทำนาย
(กจ.11:28;21:10-11) หรือ 2. การบอกพระประสงค์ของพระเจ้าในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
(ปท.14:1-5,29-30;กจ.13:1-2)
“รู้จักสังเกตวิญญาณต่าง ๆ “ (distinguish between spirits) = รู้จักแยะแยะวิญญาณต่าง ๆ เนื่องจากอาจมีคำพยากรณ์เท็จมาจากวิญญาณชั่วได้ ดังนั้น ของประทานนี้จะช่วยคริสตจักรให้แยกแยะความจริงจากความเท็จได้ (ปท.1ยน.4:1-6)
“ภาษาแปลกๆ” (tongues) =อาจเป็นภาษามนุษย์ซึ่งผู้พูดสามารถพูดได้โดยไม่ได้เรียนมาก่อน
(กจ.2:4,6,11;ปท.1คร.14:9-10) หรือ เป็นภาษาสวรรค์ที่ออกมาจากการสรรเสริญและอธิษฐานจากใจ (13:1;14:2,10)
“แปลภาษานั้นๆ ได้” (the interpretation) = ความสามารถในการสื่อความหมายของสารที่พูดเป็นภาษาแปลกๆ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจ และได้รับการเสริมสร้าง (ปท.14:5,13,27-28)
12:11 “ตามชอบพระทัยของพระองค์” (he wills)= ตามที่พระเจ้าทรงกำหนดให้แก่ผู้เชื่อแต่ละคน
12:12 “ร่างกายเดียวที่มีหลายๆ อวัยวะ”( the body is one and has many members)= เป็นตัวอย่างของความเป็นหนึ่งท่ามกลางความหลากหลายของของประทานฝ่ายวิญญาณที่แตกต่างกันที่พระเจ้าประทานให้
12:13 “ไม่ว่าเป็นยิวหรือกรีก” (Jews or Greeks) = ไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ หรือวัฒนธรรมในพระคริสต์ (กท.3:28)
“ทาสหรือเสรีชน” (slaves or free) = ไม่มีการแบ่งแยกทางสังคม
“รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน” (one Spirit we were all baptized into one body) –ปท.รม.6:3-4;ยน.3:3,5
= เราเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ เป็นส่วนเดียวกับพระกายของพระองค์ ผ่านการบังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (6:19)
12:14-20 –มีการเปรียบเทียบของประทาน และยกย่องของประทานที่เด่นหรือตื่นเต้น ทำให้คนที่ไม่มีของประทานเหล่านั้นดูต่ำต้อย
12:14 -รม.12:4-8, เช่นเดียวกับที่กายของมนุษย์มีความหลากหลายเพื่อทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
12:18 -เปาโลเน้นพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอย่างหลากหลาย มีนัยว่า การที่พระเจ้าให้คริสเตียนที่แตกต่างกันอยู่ในพระกายของพระคริสต์เพื่อใช้ของประทานที่แตกต่างกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
12:21-26 –เป็นคำเตือนสติคนที่รู้สึกว่า ของประทานของตนนั้นโดดเด่นและสำคัญกว่าของคนอื่น
12:22 “อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่าก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น” (the parts of the body that seem to be weaker are indispensable) = อวัยวะที่อ่อนแอว่าหรือดูสำคัญน้อยก็ขาดไม่ได้
12:23 “เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น” (we bestow the greater honor)= เราควรให้เกียรติแก่สมาชิกที่มีของประทานที่ดูธรรมดาให้มากขึ้นเป็นพิเศษ
12:25 “เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย” (no division in the body) -1:10-12
12:26 “อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย” (member suffers) –ในคริสตจักร ถ้าพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งเป็นทุกข์สมาชิกทั้งหมดก็จะได้รับผลกระทบให้ทุกข์ตามไปด้วย (กจ.12:1-5)
12:27 “ท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์” ( you are the body of Christ)= คริสตจักรท้องถิ่นแต่ละแห่งและคริสตจักรสากลต่างก็ล้วนเป็นพระกายของพระคริสต์
12:28 -อ.เปาโลกล่าวถึงของประทาน 3 อย่างจาก เอเฟซัส 4:11 ต่อด้วยของประทานอีก 5 อย่างจากในข้อ 8-10
-อัครทูตและผู้เผยพระวจนะเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานของคริสตจักร (มธ.16:18;อฟ.2:20)
“คือหนึ่ง…สอง…สาม…” (first … second … third….) = แสดงถึงลำดับความสำคัญของของประทานในคริสตจักรของอัครฑูต ผู้เผยพระวจนะ และบรรดาอาจารย์
“ต่อจากนั้น” (then) = จากนั้น ของประทานที่ตามมาก็ล้วนสำคัญเหมือนดัน
12:29-30 “ทุกคนเป็น…หรือ?” (Are all…?) = คริสเตียนมีของประทานแตกต่างกัน ไม่มีใครมีของประทานทุกอย่างและไม่มีของประทานใดอยู่ในทุก ๆ คน
12:31 “…จงขวนขวายของประทานต่าง ๆ ที่ยิ่งใหญ่กว่า” (earnestly desire the higher gifts) –14:1-5 ชาวโครินธ์ยกระดับสถานภาพของตนผ่านของประทานที่เขาเห็นว่า สำคัญกว่า
“ทางที่ดีที่สุดแก่ท่านทั้งหลาย” ( a still more excellent way) = การแสดงหนทางที่ถูกต้องในการใช้ของประทานฝ่ายจิตวิญญาณ นั่นคือ ทางแห่งความรัก ซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณ (กท.5:22)
คำถามนำอภิปราย
- ใครมีประสบการณ์กับการนับถือรูปเคารพบ้าง? อย่างไร? ให้แบ่งปัน
- คุณเชื่อว่า คุณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในชีวิตของคุณแล้วหรือไม่? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
- คุณมั่นใจว่า คุณมีของประทานอะไรในชีวิตของคุณ? คุณรู้ได้อย่างไร?
- คุณกำลังใช้ของประทานอะไรบ้างในการก่อประโยชน์ร่วมกันให้แก่คริสตจักรและสมาชิก? อย่างไร?
- ในคริสตจักรที่คุณอยู่ คุณได้รับประโยชน์จากของประทานเรื่องอะไร? จากผู้ใดมากที่สุด? อย่างไร?
- หากคุณขอของประทานจากพระเจ้าได้ คุณอยากได้ของประทานอะไร? ทำไมคุณจึงอยากขอเช่นนั้น?
- คุณรู้สึกว่า คุณเป็นส่วนหนึ่งในคริสตจักรที่คุณอยู่อย่างเต็มเปี่ยมหรือไม่? ทำไม?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการรู้สึกว่า คุณมีความสำคัญมากกว่าคนอื่น ๆ ในคริสตจักรหรือไม่? ทำไม?
- คุณเคยรู้สึกว่า คุณไม่สำคัญอะไรต่อคริสตจักรเลยบ้างหรือไม่? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยรู้สึกร่วมเจ็บปวดไปกับคนบางคนในคริสตจักรอย่างกายเดียวกันบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์