“คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล” (เยเรมีย์ 17:7-8)
เราเดินเข้าไปในห้องคุณหมอ คาดหวังจะได้ยินข่าวดี
เราเดินออกมาพร้อมด้วยแผ่นพับหลายแผ่นในมือ และข่าวที่เราไม่ได้อยากฟัง
มะเร็งร้าย ในฐานะสามีภรรยา เราผ่านกันมาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเป็นตัวฉัน แต่ตอนนี้เป็นตัวเขา
ไม่กี่ชั่วโมงหลังฟังข่าวร้าย เราไปฉลองวันเกิดหลานตายาย ไปเต้นรำใต้แสงดาวในงานแต่งงานญาติสนิท หลังงานฉลองผ่านพ้นไป ฉันนั่งอยู่ตามลำพังพร้อมกับพระคัมภีร์ที่เปิดอยู่ แดดส่องแสงผ่านหน้าต่างเข้ามา ฉันกำลังทุกข์ใจอย่างสาหัส
พระเจ้า ลูกไม่อยากเผชิญกับมันอีกแล้ว
มองไปบนหน้าพระคัมภีร์ที่เปิดอยู่ พระวจนะจากหนังสือเยเรมีย์ที่ตั้งใจตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่าจะท่องจำให้ได้ :
“คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล”
ตอนที่ท่องจำนั้น ในสมองฉันมีภาพต้นไม้สูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาที่ดกใบครอบคลุมอยู่เหนือผิวน้ำ รากหยั่งออกไปข้างลำน้ำ ต้นไม้นั้นออกผลเต็มไปหมด ทั้งๆที่พื้นที่โดยรอบแห้งแล้งและเกรียมแดด
ฉันสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กำลังแผ่เข้ามา – เรื่องยากที่ต้องตัดสินใจ ภาระการเงิน และอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ ฉันร้องไห้ไป ท่องพระคำประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนซึมลึกเข้าในใจ “คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า”
บางทีคุณอาจกำลังตกอยู่ในพื้นที่แบบนั้น บางทีคุณเคยผ่านมาก่อน แต่แล้วต้องกลับมาเผชิญอีกครั้ง เป็นที่สุดท้ายที่คุณไม่ต้องการไป ฉันภาวนาขอให้ถ้อยคำของเยเรมีย์นำทางคุณ เหมือนกับที่กำลังนำทางฉัน
ประการแรก – เยเรมีย์เปิดเผยให้รู้ว่าเราสามารถซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองได้
บางครั้งในพื้นที่ๆยากลำบาก เราไม่เปิดพื้นที่ให้ความรู้สึกที่กักขังอยู่ภายในใจออกมา เราอาจเชื่อว่าการแสดงอารมณ์ความรู้สึกเป็นท่าทีที่ขาดความเชื่อ
เยเรมีย์ไม่ได้ประดับถ้อยคำของท่านให้สวยหรูว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านพูดถึงความแห้งแล้งรอบๆที่จะมากลืนกินทุกสิ่ง แต่ท่านชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่ใกล้นิดเดียว พระเจ้าของเราทราบว่าเราต้องเผชิญอะไรบ้าง พระองค์จะทรงเป็นที่กำบังปลอดภัยของเรา ขณะที่เราต้องเข้มแข็งเพื่อผู้อื่น พระองค์จะทรงเป็นกำบังที่เข้มแข็งให้กับเรา
ประการที่สอง – เราสามารถวิ่งไปยังแหล่งแห่งชีวิตได้
ในที่ๆยากลำบากการตัดสินใจต้องใช้สติปัญญา ที่ๆแห้งแล้งอาจทำให้คุณรู้สึกว่างเปล่า แต่พระสัญญาแห่งความชื่นใจที่หยั่งรากลึกลงไปจนได้รับกำลังและความสดชื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ประการสุดท้าย – ให้เรามั่นใจในพระวจนะวันนี้ เมื่อเราอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าในที่ๆยากลำบาก จะมีผลที่ดีตามมา
เพราะฉันเคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้ว และรู้ว่ามันเป็นความจริง
ผลอาจผ่านมาทางความชื่นชมยินดีที่ฟังแล้วไม่น่าสอดคล้องกับสถานการณ์
ผลจะเกิดขึ้นในท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แม้ในพื้นที่ๆความมืดพยายามเข้ามายึดครอง
ผลคือพระสัญญาแห่งนิรันดร์ที่เป็นจริง
ผลถูกวางไว้ในเราแล้วเมื่อเรายึดมั่นในความเชื่อที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวตนของเรา
ฉันยังหวั่นไหวกับข่าวร้าย และไม่อยากต้องกลับไปในที่ๆยากลำบากนั้นอีก แต่รู้ตัวว่าควรทำอย่างไร ฉันกำลังหยั่งรากลึกลงไปในความเชื่อ กำลังวิ่งเข้าไปใกล้พระเจ้าในท่ามกลางพื้นที่ๆแห้งแล้ง คาดหวังจะรับผลที่จะเกิดขึ้นและออกมาจากชีวิตเรา
วันนี้ ขอให้เรากระซิบด้วยกัน ให้ยึดมั่นไว้ในพื้นที่ๆแห้งแล้ง : คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า
โดย : Suzan Eller
Encouragement for today : www.crosswalk.com