สิทธิของอัครทูต
พระธรรม 1โครินธิ์ 9:1-27
อ้างอิง 1คร.1:1;2:3;3:6,8;4:15;7:7-8;10:33;12:12;15:8;2คร.4:5;6:3;11:7-12
บทนำ เราต่างมีสิทธิ์และเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ผิดประเพณี และผิดคำสอนในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพนั้นทุกครั้งในทุกเรื่อง หากว่าไม่จำเป็น
บทเรียน
9:1 “ข้าพเจ้ามีเสรีภาพไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเป็นอัครทูตไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านทั้งหลายเป็นผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่หรือ?”
(Am I not free? Am I not an apostle? Have I not seen Jesus our Lord? Are not you my workmanship in the Lord? )
9:2 “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอัครทูตในสายตาของคนอื่น ก็ต้องเป็นอัครทูตในสายตาของท่านทั้งหลาย เพราะพวกท่านคือตราแห่งอัครทูตของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(If to others I am not an apostle, at least I am to you, for you are the seal of my apostleship in the Lord.)
9:3 “ถ้าใครไต่สวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขอกล่าวแก้ว่า”
(This is my defense to those who would examine me.)
9:4 “เรามีสิทธิ์กินและดื่มไม่ใช่หรือ?”
(Do we not have the right to eat and drink?)
9:5 “เรามีสิทธิ์พาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปด้วยเหมือนอย่างบรรดาอัครทูตอื่นๆ น้องๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาสไม่ใช่หรือ?”
(Do we not have the right to take along a believing wife, as do the other apostles and the brothers of the Lord and Cephas? )
9:6 “เฉพาะข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นที่ไม่มีสิทธิ์เลิกทำงานหาเลี้ยงชีพหรือ?”
(Or is it only Barnabas and I who have no right to refrain from working for a living? )
9:7 “ใครบ้างที่เป็นทหารด้วยค่าจ้างของตัวเอง? ใครบ้างที่ทำสวนองุ่นและไม่กินผลองุ่นในสวนนั้น? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงแกะและไม่กินน้ำนมของฝูงแกะนั้น?”
(Who serves as a soldier at his own expense? Who plants a vineyard without eating any of its fruit? Or who tends a flock without getting some of the milk?)
9:8 “ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ตามวิสัยของมนุษย์หรือ? ธรรมบัญญัติก็กล่าวอย่างนี้ด้วยไม่ใช่หรือ?”
(Do I say these things on human authority? Does not the Law say the same?)
9:9 “เพราะว่าในธรรมบัญญัติของโมเสสมีเขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวเมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่”พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ?”
(For it is written in the Law of Moses, “You shall not muzzle an ox when it treads out the grain.” Is it for oxen that God is concerned? )
9:10 “พระองค์ตรัสเพื่อเราโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ? ข้อความนั้นเขียนไว้เพื่อเรา แสดงว่าคนที่ไถนาสมควรจะไถด้วยความหวัง และคนที่นวดข้าวก็สมควรจะนวดด้วยความหวังว่าจะได้รับประโยชน์”
(Does he not certainly speak for our sake? It was written for our sake, because the plowman should plow in hope and the thresher thresh in hope of sharing in the crop. )
9:11 “ถ้าเราหว่านปัจจัยฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่พวกท่าน แล้วจะมากไปหรือที่เราจะเกี่ยวปัจจัยฝ่ายกายจากท่าน”
(If we have sown spiritual things among you, is it too much if we reap material things from you?)
9:12 “ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากท่านทั้งหลาย เราก็มีสิทธิ์ยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ? แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่เรายอมทนทุกอย่างเพื่อเราจะไม่วางสิ่งกีดขวางใดๆ ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์”
(If others share this rightful claim on you, do not we even more? Nevertheless, we have not made use of this right, but we endure anything rather than put an obstacle in the way of the gospel of Christ. )
9:13 “ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่ทำงานต่างๆ ของพระวิหารก็กินอาหารของพระวิหาร และพวกรับใช้ที่แท่นบูชาก็รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชานั้น”
(Do you not know that those who are employed in the temple service get their food from the temple, and those who serve at the altar share in the sacrificial offerings? )
9:14 “ทำนองเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ”
(In the same way, the Lord commanded that those who proclaim the gospel should get their living by the gospel)
9:15 “แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์เหล่านี้เลย และข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเช่นนี้เพื่อให้เขาทำอย่างนั้นกับข้าพเจ้า เพราะว่า ข้าพเจ้ายอมตายดีกว่าที่จะให้ใครทำลายเหตุแห่งการอวดของข้าพเจ้า”
(But I have made no use of any of these rights, nor am I writing these things to secure any such provision. For I would rather die than have anyone deprive me of my ground for boasting. )
9:16 “เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะว่าข้าพเจ้าจำต้องทำ และถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า”
(For if I preach the gospel, that gives me no ground for boasting. For necessity is laid upon me. Woe to me if I do not preach the gospel! )
9:17 “เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศด้วยความสมัครใจ ก็จะได้บำเหน็จ แต่ถ้าไม่สมัครใจ ภารกิจนี้ก็ทรงมอบให้แล้ว”
(For if I do this of my own will, I have a reward, but if not of my own will, I am still entrusted with a stewardship.)
9:18 “แล้วบำเหน็จของข้าพเจ้าคืออะไร? ก็คือว่าในการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าประกาศโดยไม่คิดค่าจ้างเพื่อจะไม่ต้องใช้สิทธิ์ในข่าวประเสริฐเต็มที่”
(What then is my reward? That in my preaching I may present the gospel free of charge, so as not to make full use of my right in the gospel.)
9:19 “แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นไทโดยไม่ได้อยู่ใต้ใคร ข้าพเจ้าก็ยังยอมเป็นทาสของทุกคน เพื่อจะได้คนมามากยิ่งขึ้น”
(For though I am free from all, I have made myself a servant to all, that I might win more of them.)
9:20 “ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนยิว เพื่อจะได้พวกยิวมา ต่อพวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ (แต่ตัวข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ) เพื่อจะได้พวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัตินั้นมา”
(To the Jews I became as a Jew, in order to win Jews. To those under the law I became as one under the law (though not being myself under the law) that I might win those under the law.)
9:21 “ต่อพวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนนอกธรรมบัญญัติ (ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่นอกพระบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้พระบัญญัติแห่งพระคริสต์) เพื่อจะได้พวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัตินั้นมา”
(To those outside the law I became as one outside the law (not being outside the law of God but under the law of Christ) that I might win those outside the law.)
9:22 “ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคนเพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง”
(To the weak I became weak, that I might win the weak. I have become all things to all people, that by all means I might save some.)
9:23 “ข้าพเจ้าทำทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น”
(I do it all for the sake of the gospel, that I may share with them in its blessings.)
9:24 “ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้”
(Do you not know that in a race all the runners run, but only one receives the prize? So run that you may obtain it.)
9:25 “ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย”
(Every athlete exercises self-control in all things. They do it to receive a perishable wreath, but we an imperishable. )
9:26 “ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนอย่างนักมวยที่ชกลม
(So I do not run aimlessly; I do not box as one beating the air.)
9:27 “แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้”
(But I discipline my body and keep it under control, lest after preaching to others I myself should be disqualified.)
ข้อมูลมีประโยชน์
9:1 “ข้าพเจ้ามีเสรีภาพไม่ใช่หรือ?” (Am I not free?) = ข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์เหมือนคริสเตียนคนอื่น ๆ หรือ
-1คร.9:19
“ข้าพเจ้าเป็นอัครทูตไม่ใช่หรือ?” (Am I not an apostle?) = ข้าพเจ้าไม่เป็นอัครทูตหรือ?
– 1คร.1:1;2คร. 12:12 เพราะบางคนในโครินธ์ (2คร.12:11-12) สงสัยว่า เปาโลเป็นอัครทูตจริงหรือไม่?
“ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า?” (I not seen Jesus our Lord?) = อ.เปาโลยืนยันความเป็นอัครฑูตของท่าน คือท่านได้เห็นและสนทนากับองค์พระเยซูคริสต์ –15;8;22:6-16;26:12-18 , ปท.1:21-22; เหมือนอัครฑูตคนอื่น ๆ
“ท่านทั้งหลายเป็นผลงานของข้าพเจ้า” (Are not you my workmanship in the Lord?) –ในตอนนี้เปาโลอ้างว่า ชาวโครินธ์ที่เป็นผลงานฝ่ายจิตวิญญาณของท่านนั้นเป็นเครื่องยืนยันฐานะอัครฑูตของท่าน
– 1คร.3:6;4:15
9:2 “พวกท่านคือตราแห่งอัครทูตของข้าพเจ้า” ( you are the seal of my apostleship in the Lord.) –2คร.3:2,3
9:4 “เรามีสิทธิ์กินและดื่มไม่ใช่หรือ?” (Do we not have the right to eat and drink? )= อ.เปาโลกับบารนาบัส เป็นคนงานของพระเจ้าที่มีสิทธิ์รับประทานอาหารและรับปัจจัยทางกายภาพอื่น ๆ ที่จำเป็นผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากคริสตจักร (ปท. ข.6,13-14;กจ.18:3
9:5 “เรามีสิทธิ์พาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปด้วย”(Do we not have the right to take along a believing wife)
= อ.เปาโลแสดงสิทธิ์ที่ตัวท่านจะแต่งงาน หากท่านเองปรารถนา (แต่ท่านอาจไม่ได้แต่งงาน)
–1คร.7:7-8
-อัครทูตคนอื่น ๆ เช่น เปโตรก็มีภรรยา (มก.1:30) –1คร.1:12
9:6 “เฉพาะข้าพเจ้ากับบารนาบัสเท่านั้น…หรือ?” (Or is it only Barnabas and I who have no right to refrain from working for a living) = มีแค่เปาโลกับบารนาบัส 2 คนเท่านั้นหรือที่ไม่มีสิทธิ์ในการรับการสนับสนุนด้านปัจจัยต่าง ๆ และต้องทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเอง -กจ.4:36
9:7 “เป็นทหาร” (a soldier) –2ทธ.2:3-4
“ใครบ้างที่ทำสวนองุ่น” (Who plants a vineyard) –ฉธบ.20:6;สภษ.27:18;1คร.3:6,8
9:9 “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว เมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่” ( You shall not muzzle an ox when it treads out the grain) –ฉธบ.25:4;1ทธ.5:18
“พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ” ( Is it for oxen that God is concerned?)= พระเจ้าทรงเป็นห่วงแต่วัวหรือ
–ฉธบ.22:1-4;สภษ.12:10
-ในบทบัญญัติของโมเสสนี่บ่งบอกว่า พระเจ้าทรงห่วงใยวัวที่ต้องทำงานให้กับเจ้าของ (ปท. ยนา.4:11) ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของความยุติธรรมที่พระเจ้ากำลังสอนอิสราเอล และมีน้ำหนักทางจริยธรรมมากขึ้น (มากกว่าสัตว์) เมื่อเกี่ยวข้องกับคน
9:10 “พระองค์ตรัสเพื่อเราโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ?” (Does he not certainly speak for our sake?) -รม.4:23-24
“ด้วยความหวังว่า จะได้รับประโยชน์” ( because the plowman should plow in hope) -สภษ.11:25; 2ทธ.2:6
9:11 “จะเกี่ยวปัจจัยฝ่ายกาย” (reap material things from you?) = เก็บเกี่ยว “ฝ่ายเนื้อหนัง” หรือเก็บเกี่ยวฝ่ายวัตถุ เช่น อาหารที่พัก และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจากชาวโครินธ์
-ในที่นี้ อ.เปาโล ได้วางหลักการว่า คริสตจักรควรสนับสนุนคนที่ทำงานรับใช้ในคริสตจักร ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม – รม.15:27;1คร.9:14;กท.6:6
9:12 “เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย” (we have not made use of this right) = ประเด็นสำคัญในการอภิปรายของ อ.เปาโลใน บทที่ 9 นี้ คือ อ.เปาโลมีสิทธิ์มากมายแต่ท่านไม่เคยอ้างหรือเรียกร้องสิทธิ์เหล่านั้นเลย เพราะความรักที่ท่านมีต่อชาวโครินธ์ และพร้อมยอมสละสิทธิ์ของตนเองเพื่อผู้อื่น -กจ.18:3;1คร.9:15,18
“สิ่งกีดขวาง” (put an obstacle in the way) –2คร.6:3;11:7-12
9:13 “พวกที่ทำงานต่าง ๆ ของพวกวิหาร” (who are employed in the temple ) = สิ่งที่พวกชาวโครินธ์เข้าใจดีจากที่เห็นปฏิบัติในวิหารของชาวต่างชาติในกรีซ และโรม นอกเหนือจากในพระคัมภีร์เดิม
(ลนต.7:28-36;กดว.18:8-20)
“รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชานั้น” (the altar share in the sacrificial offerings) –ลนต.6:16,26; ฉธบ.18:1
9:14 “คนที่ประกาศข่าวประเสริฐ ควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ” (who proclaim the gospel should get their living by the gospel) –ทธ.5:18
9:15 “เหตุแห่งการอวดของข้าพเจ้า” (of my ground for boasting) = สิ่งเชิดหน้าชูตา
= ความภาคภูมิใจที่ อ.เปาโลประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อชาวโครินธิ์ จนพวกเขาไม่อาจกล่าวหาว่า ท่านทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนเป็นเงื่อนไข – 2คร.11:9,11
9:16 “ข้าพเจ้าจำต้องทำ” (For necessity is laid upon me) = ข้าพเจ้าจำต้องประกาศ
= พระเจ้าทรงบรรจุความจำเป็นในการประกาศข่าวประเสริฐไว้ในใจ และชีวิตของ อ.เปาโล (กจ.9:1-16;26:16-18;ยรม.20:9;รม.1:14)
9:17 “ถ้าข้าพเจ้าประกาศด้วยความสมัครใจ ก็จะได้บำเหน็จ” (For if I do this of my own will, I have a reward) = ได้รับรางวัลตอบแทน –1คร.3:8,14
“ถ้าไม่สมัครใจ ภารกิจนี้ก็ทรงมอบให้แล้ว” (if not of my own will) = หากประกาศโดยไม่สมัครใจก็เพียงแค่ทำหน้าที่ไปตามที่ได้รับมอบหมาย –1คร.14:1;กท.2:7;คส.1:25
9:18 “แล้วบำเหน็จของข้าพเจ้าคืออะไร?” (What then is my reward? ) = รางวัลของการที่ อ.เปาโลประกาศข่าวประเสริฐ
= ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเป็นการตอบแทน และไม่ได้ฉวยผลประโยชน์ตามสิทธิที่ควรได้รับ (ข้อ 3-12) –2คร.11:7;12:13; ปท.1คร.9:12,15
9:19 “แม้ข้าพเจ้าเป็นไท” (For though I am free)
“ข้าพเจ้าก็ยังยอมเป็นทาสของทุกคนเพื่อจะได้คนมามากยิ่งขึ้น” ( I have made myself a servant to all, that I might win more of them)
-อ.เปาโลไม่เพียงแต่สละสิทธิ์ของตนเองในการรับการสนับสนุนด้านวัตถุจากการประกาศข่าวประเสริฐเท่านั้น แต่ยังตัดสิทธิพิเศษส่วนตัว รวมทั้งสิทธิทางสังคมและศาสนาด้วย เพื่อความสะดวกในการทำงานกับคนหลากหลายประเภท เพื่อจะได้ชนะใจคนเหล่านั้น และนำมาหาพระคริสต์ -2คร.4:5;กท.5:13; มธ.18:15;1ปต.3:1
9:20 “เพื่อชนะใจคนยิว” (in order to win Jews) –กจ.16:3;21:20-26;รม.11:14
“แต่ตัวข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ” (under the law) = อยู่ใต้บัญญัติของพันธสัญญาเดิม และแนวทางปฏิบัติตามศาสนาของคนยิว –รม.2:12
9:21 “ต่อพวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัติ” (To those outside the law) = ต่อบรรดาผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติ
= คนที่ไม่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้บทบัญญัติของพันธสัญญาเดิมหรือที่ถูกเรียกว่า “คนต่างชาติ” –รม.2:12
“ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนนอกธรรมบัญญัติ” (I became as one outside the law)
= อ.เปาโลสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนต่างชาติ หากว่าวัฒนธรรมนั้นไม่ทำลายความภักดีที่อ.เปาโลมีต่อพระคริสต์ และการกระทำเช่นนั้นยังถือว่า เป็นการยืนยันการอยู่ใต้บัญญัติของพระเจ้าและของพระคริสต์ – กท.6:2
9:22 “ต่อพวกคนอ่อนแอ” (To the weak) = ผู้ที่จิตสำนึกอ่อนแอ (8:9-12)
“ข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอ” (I became weak) –อ.เปาโลไม่ได้ใช้เสรีภาพของตนทำอะไรตามใจหรือสิทธิของตัวเอง ตัวอย่างเช่น การรับประทานเนื้อที่เซ่นไหว้รูปเคารพ (8:9,13)
“เพื่อจะได้คนอ่อนแอมา” ( that I might win the weak) = ชนะใจคนอ่อนแอ –รม.14:1;1คร.2:3
“ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน” ( I have become all things to all people) –1คร.10:33
“เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง” (that by all means I might save some) –รม.11:14
9:23 “เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น” (I do it all for the sake of the gospel) = อ.เปาโล มีความหวังในเรื่องการร่วมครองอย่างมีศักดิ์ศรีกับพระเยซูคริสต์ในอนาคต และสิ่งนี้เชื่อมโยงกับความซื่อสัตย์ในการทำพันธกิจที่พระคริสต์มอบให้แก่ท่าน (ปท. ข้อ 27;2คร.3:1;5:10;ฟป.2:16;1ธส.2:19-20)
9:24 “พวกที่วิ่งแข่ง” (in a race all the runners run) = ชาวโครินธ์คุ้นเคยกับการวิ่งแข่ง “อิสธ์เมีย” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นรองเพียงแค่กีฬาโอลิมปิคเท่านั้น
“รางวัล” (the prize) = พวงหรีดดอกไม้ (ข.25), ฟป.3:14;คส.2:18
“จงวิ่ง” (run) –1คร.9:25-26;กท.2:2;5:7;ฟป.2:16;2ทธ.4:7;ฮบ.12:1
9:25 “มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้” (receive a perishable wreath ) = มงกุฎที่ไม่ยืนยง – 2ทธ.2:5
“มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย” (but we an imperishable) = มงกุฎที่ยั่งยืนเป็นนิตย์ –2ทธ.4:8; ยก.1:12;1ปต.5:4;วว.2:10;3:11;1ปต.5:4;1ธส.2:19
9:26 “ไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย” ( I do not run aimlessly) –ฟป.3:14
“นักมวยที่ชกลม” (I do not box as one beating the air)
9:27 “ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้” (I discipline my body and keep it under control)
= ฝึกฝนตนเองให้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างมีวินัย-เข้มงวดในการรับใช้ –รม.8:13
“ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้” (I myself should be disqualified) = ขาดคุณสมบัติที่จะรับรางวัล
อ.เปาโลตระหนักว่า ท่านต้องรับใช้พระเจ้าอย่างแข็งขัน และต้องต่อสู้กับบาป ถ้าท่านพลาดท่านจะพลาดจากการได้รับรางวัล (3:10-15) –1คร.9:24
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยถูกสงสัยหรือท้าทายในสิทธิอำนาจที่คุณมีหรือไม่? จากใคร? เรื่องอะไร?
- คุณเคยมีเสรีภาพ และสิทธิ ในบางเรื่องแต่คุณไม่เรียกร้องบ้างหรือไม่? ทำไม? เรื่องอะไร? อย่างไร?
- คุณคิดว่า ผู้ที่ทำงานรับใช้พระเจ้า ต้องไม่รับค่าตอบแทนใด ๆ จากคริสตจักรแบบที่ อ.เปาโล ทำ ใช่หรือไม่? ทำไมคุณคิดเห็นอย่างนั้น? จะส่งผลแตกต่างอย่างไร? ระหว่าง
…1) ไม่ได้รับค่าตอบแทน?
…2) ได้รับค่าตอบแทน?
- คุณคิดว่า อ.เปาโล กำลังทำอะไร?
…1) พูดเพื่อให้คริสตจักรตอบแทนผู้รับใช้ เป็นปัจจัยหรือเงินทอง
หรือ
…2) พูดเพื่อไม่ให้คริสตจักรจ่ายสิ่งใด ๆ เพื่อผู้รับใช้? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
- ในชีวิต (การรับใช้) ของคุณ คุณมีเรื่องใดที่ภูมิใจหรือเชิดหน้าชูตาคุณมากที่สุด? อย่างไร?
- คุณคิดว่า วิบัติที่จะเกิดขึ้นจากการไม่ประกาศข่าวประเสริฐคืออะไร?
- คุณเคยเห็นหรือมีประสบการณ์กับ “ความวิบัติ” ที่เกิดจากการไม่ยอมประกาศข่าวประเสริฐบ้างหรือไม่?
- คุณเคยได้รับรางวัลอะไรจากการรับใช้หรือการประกาศข่าวประเสริฐบ้าง? (แบ่งปัน)
- คุณเคยทำอะไรบ้างที่ชนะใจคนบางคนและช่วยทำให้เขามาเชื่อในพระคริสต์? (แบ่งปัน)
- คุณเคยต่อสู้กับการทดสอบหรือบาปอะไรบ้างที่ยากที่สุด? เพราะอะไรและผลเป็นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์