พระคริสต์คือ …
พระธรรม 1โครินธ์ 1:18-31
อ้างอิง อสย.29:14;19:12;44:25;โยบ 12:17;ยรม.9:24
บทนำ องค์พระเยซูคริสต์ไม่มีความหมายอะไรสำหรับคนที่มองดูพระองค์ตามอย่างสายตาของโลก แต่พระองค์ทรงมีความหมายเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มองเห็นพระองค์ตามความเป็นจริงในสายพระเนตรของพระเจ้า! แล้วคุณล่ะ มองดูหรือมองเห็นพระองค์อย่างไรบ้าง?
บทเรียน
1:18 “เพราะว่าคนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุ ภาพของพระเจ้า”
(For the word of the cross is folly to those who are perishing, but to us who are being saved it is the power of God.)
1:19 “เพราะมีคำเขียนไว้ว่า“เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญาและจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป”
(For it is written, “I will destroy the wisdom of the wise, and the discernment of the discerning I will thwart.”)
1:20 “คนมีปัญญาของยุคนี้อยู่ที่ไหน? บัณฑิตของยุคนี้อยู่ที่ไหน?นักโต้ปัญหาของยุคนี้อยู่ที่ไหน? พระเจ้าทรงทำให้ปัญญาฝ่ายโลกเป็นความโง่แล้วไม่ใช่หรือ?”
(Where is the one who is wise? Where is the scribe? Where is the debater of this age? Has not God made foolish the wisdom of the world? )
1:21 “เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงพอพระทัยจะช่วยพวกที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาโง่ๆ”
(For since, in the wisdom of God, the world did not know God through wisdom, it pleased God through the folly of what we preach to save those who believe.)
1:22 “พวกยิวขอหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา”
(For Jews demand signs and Greeks seek wisdom,)
1:23 “แต่เราประกาศเรื่องพระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด และพวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่”
(but we preach Christ crucified, a stumbling block to Jews and folly to Gentiles,)
1:24 “แต่สำหรับพวกที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่าพระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า”
(but to those who are called, both Jews and Greeks,Christ the power of God and the wisdom of God.)
1:25 “เพราะความเขลาของพระเจ้ายังมีปัญญายิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังมีกำลังมากยิ่งกว่ากำลังของมนุษย์”
(For the foolishness of God is wiser than men, and the weakness of God is stronger than men.)
1:26 “พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูสภาพพวกท่านเมื่อได้รับการทรงเรียก มีน้อยคนที่โลกถือว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง”
(For consider your calling, brothers: not many of you were wise according to worldly standards, not many were powerful, not many were of noble birth.)
1:27 “แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าโง่ เพื่อทำให้พวกมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้พวกที่แข็งแรงอับอาย”
(But God chose what is foolish in the world to shame the wise; God chose what is weak in the world to shame the strong; )
1:28 “พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญเพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ”
(God chose what is low and despised in the world, even things that are not, to bring to nothing things that are,)
1:29 “เพื่อไม่ให้มนุษย์สักคนหนึ่งโอ้อวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้”
(so that no human being might boast in the presence of God.)
1:30 “โดยพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่บาป”
(And because of him you are in Christ Jesus, who became to us wisdom from God, righteousness and sanctification and redemption,)
1:31 “เพื่อให้เป็นไปตามคำเขียนไว้ว่า “ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(so that, as it is written, “Let the one who boasts, boast in the Lord.”)
ข้อมูลมีประโยชน์
1:18 “คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศ” (who are perishing) –2คร.2:15;4:4;2ธส.2:10
“เรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่” (For the word of the cross is folly) –1คร.1:21,23,25;2:14
“เราที่กำลังจะรอด” (us who are being saved) –กจ.2:47
“เห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า” (it is the power of God) –รม.1:16;1คร.1:24
1:19 “เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญาและจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป”
(I will destroy the wisdom of the wise, and the discernment of the discerning I will thwart.)
= อ.เปาโลอ้างอิงถึงอิสยาห์ 29:14 จากพันธสัญญาเดิมฉบับแปลเป็นภาษากรีกที่เรียกว่า “เซปทัวจิ้น” โดยนำมาใช้ในบริบทใหม่
“คนมีปัญญา” ( the wise) = อริสทิเคส กล่าวว่า สามารถหาคนที่เรียกตัวมีปัญญาได้บนถนนทุกสายในเมืองโครินธ์ที่กล่าวอ้างว่า เขามีคำตอบให้กับปัญหาต่าง ๆ ในโลกนี้
1:20 “คนมีปัญญาของยุคนี้อยู่ที่ไหน?” (Where is the one who is wise?) = อาจหมายถึงนักปรัชญาชนชาติต่าง ๆ ที่ถูกเรียกว่า “นักปราชญ์” –อสย.19:11-12
“บัญฑิต” (Where is the scribe? ) = ผู้รู้ในที่นี้อาจหมายถึง ธรรมาจารย์ชาวยิว (มธ.2:4)
“นักโต้ปัญหา” (Where is the debater ) = อาจหมายถึง นักปรัชญาชาวกรีกซึ่งชอบลับสมองด้วยการโต้เถียงโต้แย้งกันเป็นเวลานาน
“ของยุคนี้” (of this age ) –1คร.2:6,8;3:18;2คร.4:4;กท.1:4
“พระเจ้าทรงทำให้ปัญญาฝ่ายโลกเป็นความโง่แล้วไม่ใช่หรือ?” (God made foolish the wisdom of the world?) = พระเจ้าจะทำให้ระบบปรัชญาทั้งปวงที่มนุษย์เป็นต้นคิด จบลงอย่างไร้ความหมาย เพราะความคิดเหล่านั้นอยู่บนแนวคิดที่ไม่ถูกต้องในเรื่องพระเจ้า และการสำแดงของพระองค์
= พระเจ้าทำให้สติปัญญาของโลกโง่เขลาไป –โยบ 12:17;อสย.44:25;ยรม.8:9;รม.1:22;1คร.1:27; 3:18-19
1:21 “โลก” ( the world ) –1คร.1:27,28;6:2;11:32
“โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน” (in the wisdom of God, the world did not know
God through wisdom) = พระเยซูคริสต์แสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันใน ลูกา 10:21 ว่า เป็น พระประสงค์ของพระเจ้าที่สติปัญญาของมนุษย์ไม่อาจและไม่ใช่วิธีหรือช่องทางที่จะรู้จักกับพระองค์
“พระเจ้าจึงพอพระทัยที่จะช่วย” ( it pleased God) –รม.11:14
“พวกที่เชื่อ” (who believe) = บรรดาผู้เชื่อ – รม.3:22
“ให้รอดโดยคำเทศนาโง่ ๆ” (through the folly of what we preach) = ไม่ใช่ว่าการเทศนานั้นโง่เปล่า หรือเรื่องที่เทศน์นั้นโง่เขลาจริง ๆ แต่โลก (ทั้งยิวและกรีก)ต่างมองว่า เนื้อหาสาระที่เทศนา(เกี่ยวกับ พระคริสต์ถูกตรึงบนกางเขนไถ่บาปมนุษย์นั้น)เป็นเรื่องโง่เขลา
1:22 “พวกยิวขอหมายสำคัญ” (Jews demand signs ) = พวกยิวเรียกร้องขอเห็นหมายสำคัญพวกเขาต้องการเห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่มีผลต่อการไถ่บาปพวกเขา (มธ.12:38;16:1,4;มก.8:11-12; ยน.2:11, 18,14:48;6:30)
“พวกกรีกเสาะหาปัญญา” (Greeks seek wisdom) = พวกเขามองหาความรู้ความเข้าใจในทางโลกเพื่อที่จะบรรเทาทุกข์ของมวลมนุษย์ชาติได้
1:23 “พระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น”(Christ crucified)= พระเยซูถูกตรึงตายบนไม้กางเขน (1คร.2:2; กท.3:1)
“อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด” (a stumbling block to Jews ) = หินสะดุดของพวกยิว เพราะพวกเขารอคอยผู้นำทางการเมือง และการทหารที่เรียกว่า ”พระเมสิยาห์” ที่จะปลดปล่อยพวก (กจ.1:6) นำชัยชนะและไม่ใช่ผู้แพ้ที่จะมาถูกตรึงตายบนกางเขน –ลก.2:34
“พวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่” (folly to Gentiles) = พวกคนกรีกและคนโรมมั่นใจว่า คนที่ถูกตรึงบนกางเขนไม่ใช่คนน่าเคารพนับถือ จึงเป็นเรื่องโง่ที่จะเชื่อว่า อาญชากรบนกางเขนนั้นจะเป็นผู้ช่วยโลกให้รอดได้ – คร.1:18
1:24 “พวกที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น” (who are called) –รม.8:28
“พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพ” (Christ the power of God) –รม.1:4,16
= พระคริสต์เป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า – 1คร.1:18
“พระปัญญาของพระเจ้า” ( the wisdom of God ) –1คร.1:30;คส.2:3
= พระคริสต์ผู้ถูกตรึงบนกางเขนเป็นทั้งฤทธิ์อำนาจและเป็นพระปัญญาของพระเจ้าที่ช่วยให้รอด
1:25 “ความเขลาของพระเจ้า” (the foolishness of God) –1คร.1:18
“ความอ่อนแอของพระเจ้า” (the weakness of God) –2คร.13:4
1:26-31 –คริสเตียนชาวโครินธ์เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า ความรอดจากพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งใดๆ ในตัวมนุษย์เพื่อไม่ให้เขามีเหตุที่จะอวดตัวได้ ถ้าจะอวดก็มีแต่อวด “องค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข.31) เท่านั้น
1:26 “สภาพพวกท่านเมื่อได้รับการทรงเรียก” (For consider your calling) –รม.8:28
“มีน้อยคนที่โลกถือว่ามีปัญญา” (not many of you were wise according to worldly standards)
= มีคนที่ดูฉลาดไม่มากนัก –1คร.1:20
“มีน้อยคนที่มีอำนาจ” ( not many were powerful ) = มีน้อยคนที่มีอิทธิพล (สูง)
1:27 “พระเจ้าได้ทรงเลือก” (God chose) –ยก.2:5
“พวกที่โลกถือว่าโง่” (what is foolish in the world ) –รม.1:22;1คร.1:20;3:18-19
1:28 “เห็นว่าไม่สำคัญ” (even things that are not) –รม.4:17
1:29 “เพื่อไม่ให้มนุษย์สักคนหนึ่งโอ้อวด เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้” (so that no human being might boast in the presence of God) อฟ.2:9
= ความรอดจึงเกิดจากความเชื่อของเรา และพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงไถ่บาปของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความฉลาด ความมีอำนาจวาสนา หรือการมีชาติตระกูลสูงส่งแต่อย่างใด จะได้ไม่มีผู้ใดโอ้อวดตัวต่อพระพักตร์ของพระเจ้าได้ – อฟ.2:9
1:30 “โดยพระองค์ ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์” (because of him you are in Christ Jesus) = พระเจ้าเป็นผู้ทรงเรียกพวกเขามาเป็นหนึ่งเดียวกันกับองค์พระเยซูคริสต์ –รม.16:3
“ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม” (who became to us wisdom) –ยรม.23:5-6;33:16;2คร.5:21;ฟป.3:9
= เราถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น –รม.5:19
“ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์”(sanctification)–1คร.1:2, “ทรงเป็นผู้ไถ่บาป” (redemption) –รม.3:24
1:31 “ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า” (Let the one who boasts, boast in the Lord) –ยรม.9:24
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยเห็นว่า เรื่องไม้กางเขนหรือเรื่องพระเยซูมาตายไถ่บาปมนุษย์เป็นเรื่องโง่บ้างหรือไม่? ทำไมคุณจึงคิดเช่นนั้น?
- ทำไมคุณจะเปลี่ยนมาเชื่อเรื่องพระเยซูบนไม้กางเขนนั้นได้? มีอะไรเกิดขึ้น? (แบ่งปัน)
- คุณเคยอยู่ในกลุ่มที่คิดว่า ตัวเองเป็น “คนมีปัญญา” “บัณฑิต” หรือ “นักโต้ปัญหา” บ้างหรือไม่? ทำไมจึงคิดเช่นนั้น? และมีผลต่อการได้ยินเรื่องพระเยซูคริสต์อย่างไรบ้าง?
- คุณเคยเป็นพยานหรือเทศนาเรื่องโง่ๆ เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ให้ผู้ใดฟังแล้วเขาหัวเราเยาะหรือปฏิเสธบ้างหรือไม่? แล้วคุณรู้สึกอย่างไร?
- คุณเคยเห็นคนได้รับความรอดเพราะได้ยินคำแบ่งปันหรือคำเทศนาเรื่องโง่ ๆ เกี่ยวกับพระเยซูบนไม้กางเขนบ้างหรือไม่? คุณรู้สึกอย่างไร? (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากว่าเขาได้ยินเรื่องราวนั้นจากคุณ?)
- คุณเคยเป็นคนหนึ่งที่มีเงื่อนไขว่า ขอหมายสำคัญจะ ๆ หรือขอเหตุผลหลักฐานเจ๋ง ๆ ก่อนจะเชื่อองค์พระเยซูคริสต์บ้างหรือไม่? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณคิดว่า คุณอยู่ในกลุ่มไหนของผู้ที่ติดตามพระเยซู
- กลุ่มคนจำนวนน้อยที่มีปัญญา มีอำนาจและมีตระกูลสูง? หรือ
- กลุ่มคนจำนวนมากที่ตามมาตรฐานโลกถือว่า โง่ อ่อนแอ ต่ำต้อย ถูกดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ แล้วคุณรู้สึกอย่างไร?
- หากว่าให้คุณอวดว่า คุณมีอะไรดีบ้าง ในเวลานี้คุณจะอวดเรื่องอะไร? ทำไม?
- คุณประทับใจในสิ่งใดที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำเพื่อคุณมากที่สุด?
…..1) ทำให้คุณเป็นคนชอบธรรม
…..2) เป็นผู้ชำระคุณให้บริสุทธิ์
…..3) เป็นผู้ไถ่บาปคุณ
ทำไม?
- หากให้คุณอวดพระเจ้าหรืออวดองค์พระเยซูคริสต์ คุณจะอวดพระองค์ในเรื่องใด? ทำไม?