วาระแห่งชีวิต
พระธรรม ปัญญาจารย์ 9:1-18
อ้างอิง ปญจ.10:14;11:6;โยบ 9:22;14:21;สภษ.5:18;สดด.6:5;ฉธบ.8:18;ยรม.9:23;ปฐก.40:14;อสธ.6:3
บทนำ ยังมีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตายไปแล้ว หากว่าชีวิตของคุณมีคุณค่าต่อผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ชีวิตในโลกย่อมต้องเผชิญกับเคราะห์ดีร้ายปะปนกันไป!
เราต้องรู้จักดำเนินชีวิตในวาระต่าง ๆ อย่างมีสติปัญญา!
บทเรียน
9:1 “ข้าพเจ้าได้นำเรื่องราวทั้งหมดนี้มาคิด ตรวจพิจารณาทั้งสิ้นว่า คนชอบธรรมและคนมีปัญญารวมทั้งกิจการของเขาทั้งหลาย ก็อยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า จะทรงรักหรือทรงเกลียดก็ตาม มนุษย์หารู้ไม่ ทุกอย่างก็อยู่ต่อหน้าเขาทั้งหลาย”
(But all this I laid to heart, examining it all, how the righteous and the wise and their deeds are in the hand of God. Whether it is love or hate, man does not know; both are before him.)
9:2 “เคราะห์อันเดียวกันตกแก่คนทั้งปวงเหมือนกันหมดคือ ตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม ตกแก่คนดีและคนชั่ว ตกแก่คนสะอาดและคนมีมลทิน ตกแก่ผู้ถวายสัตวบูชา และแก่ผู้ไม่ถวายสัตวบูชา ตกแก่คนดีอย่างไร ก็ตก แก่คนบาปอย่างนั้น ตกแก่คนสาบานอย่างไร ก็ตกแก่คนกลัวการสาบานอย่างนั้น”
(It is the same for all, since the same event happens to the righteous and the wicked, to the good and the evil, to the clean and the unclean, to him who sacrifices and him who does not sacrifice. As the good one is, so is the sinner, and he who swears is as he who shuns an oath. )
9:3 “นี่แหละเป็นสิ่งสามานย์ ที่มีอยู่ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์คือว่า มีเคราะห์อันเดียวกันที่ตกแก่ทุกคน เออ ใจมนุษย์ก็เต็มด้วยความชั่ว และความบ้าบออยู่ในใจเขาเมื่อมีชีวิต และต่อจากนั้น เขาก็ไปอยู่กับคนตาย”
(This is an evil in all that is done under the sun, that the same event happens to all. Also, the hearts of the children of man are full of evil, and madness is in their hearts while they live, and after that they go to the dead.)
9:4 “ส่วนคนใดที่อยู่ร่วมกับคนที่มีชีวิต คนนั้นก็มีความหวัง เพราะว่าสุนัขเป็นก็ยังดีกว่าสิงโตตาย”
(But he who is joined with all the living has hope, for a living dog is better than a dead lion.)
9:5 “เพราะว่าคนเป็นย่อมรู้ว่าเขาเองคงจะตาย แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย เขาไม่อาจรับรางวัลอีก เพราะว่าใครๆก็พากันลืมเขาเสียหมด”
(For the living know that they will die, but the dead know nothing, and they have no more reward, for the memory of them is forgotten.)
9:6 “ทั้งความรักของพวกเขาและความชัง พร้อมกับความอิจฉาของพวกเขาได้สูญไปนานแล้ว และเขาทั้งหลายจะไม่มีส่วนในสิ่งใดที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป”
(Their love and their hate and their envy have already perished, and forever they have no more share in all that is done under the sun.)
9:7 “ไปเถิด ไปรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์ และไปดื่มเหล้าองุ่นของเจ้าด้วยความร่าเริงใจ เพราะ พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานของเจ้าแล้ว”
(Go, eat your bread with joy, and drink your wine with a merry heart, for God has already approved what you do.)
9:8 “จงให้เสื้อผ้าของเจ้าขาวอยู่เสมอ และศีรษะของเจ้าก็อย่าให้ขาดน้ำมัน”
(Let your garments be always white. Let not oil be lacking on your head.)
9:9 “เจ้าจงชื่นชมยินดีในชีวิตกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดชีวิตอนิจจังที่ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ตลอดวันเวลาอนิจจังของเจ้า เพราะว่านั่นเป็นรางวัลสำหรับชีวิต และสำหรับการตรากตรำของเจ้า ซึ่งเจ้าได้ตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์”
(Enjoy life with the wife whom you love, all the days of your vain life that he has given you under the sun, because that is your portion in life and in your toil at which you toil under the sun.
9:10 “มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือ ความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา”
(Whatever your hand finds to do, do it with your might, for there is no work or thought or knowledgeor wisdom in Sheol, to which you are going.)
9:11 “ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกว่า คนวิ่งเร็วไม่ชนะในการแข่งขันเสมอไป หรือคนเก่งกาจไม่ชนะสงครามเสมอไป นอกจากนี้ คนมีปัญญาไม่มีอาหารเสมอไป หรือคนฉลาดไม่ร่ำรวยเสมอไป หรือคนรอบรู้ไม่ได้ รับความโปรดปรานเสมอไป แต่วาระและโอกาสมีมาถึงเขาทุกคน”
(Again I saw that under the sun the race is not to the swift, nor the battle to the strong, nor bread to the wise, nor riches to the intelligent, nor favor to those with knowledge, but time and chance happen to them all.)
9:12 “เพราะมนุษย์ไม่รู้วาระของตน ปลาติดอยู่ในอวนที่เลวร้ายฉันใด และนกถูกดักติดอยู่ในบ่วงแร้วฉันใด บรรดามนุษย์ก็ถูกวาระอันเลวร้ายนั้นดักจับโดยฉับพลันเหมือนกันฉันนั้น”
(For man does not know his time. Like fish that are taken in an evil net, and like birds that are caught in a snare, so the children of man are snared at an evil time, when it suddenly falls upon them.)
9:13 “ข้าพเจ้าเห็นเรื่องปัญญาภายใต้ดวงอาทิตย์ และเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตดังต่อไปนี้”
(I have also seen this example of wisdom under the sun, and it seemed great to me.)
9:14 “ยังมีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง มีคนอยู่ในเมืองนั้นน้อยคน แล้วมีมหาราชามาตีเมืองนั้น และล้อมเมืองนั้นไว้ และ สร้างเครื่องล้อมโจมตีไว้รอบเมือง”
(There was a little city with few men in it, and a great king came against it and besieged it, building great siegeworks against it. )
9:15 “อย่างไรก็ดีในเมืองนั้นมีชายยากจนแต่มีปัญญาอยู่คนหนึ่ง และชายคนนี้ช่วยเมืองนั้นไว้ให้รอดด้วยปัญญาของตน แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนี้”
(But there was found in it a poor, wise man, and he by his wisdom delivered the city. Yet no one remembered that poor man.)
9:16 “แต่ข้าพเจ้าว่า ปัญญาก็ดีกว่ากำลัง ถึงปัญญาของชายคนนั้นถูกดูหมิ่น และถ้อยคำของเขาไม่มีใครฟังก็ตามที”
(But I say that wisdom is better than might, though the poor man’s wisdom is despised and his words are not heard.)
9:17 “ถ้อยคำอ่อนโยนของคนมีปัญญาก็น่าฟังกว่าเสียงตะโกนของผู้ครอบครองท่ามกลางคนเขลา”
(The words of the wise heard in quiet are better than the shouting of a ruler among fools.)
9:18 “ปัญญาดีกว่าอาวุธสงครามแต่คนบาปคนเดียวย่อมทำลายความดีเป็นอย่างมากได้”
(Wisdom is better than weapons of war, but one sinner destroys much good.)
ข้อมูลมีประโยชน์
9:1 “กิจการของเขาทั้งหลายก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า” (their deeds are in the hand of God)
= อนาคตอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าจะดีหรือร้าย
9:2 “เคราะห์อันเดียวกัน ตกแก่คนทั้งปวงเหมือนกันหมด” (It is the same for all, since the same event happens) = ไม่ใช่เฉพาะของคนฉลาด และคนโง่ แต่รวมทั้งคนดีและคนเลวด้วยที่เสมอภาคกันในบั้นปลาย (คือตาย) –3:19-20
9:3 “สิ่งสามานย์…ใจมนุษย์ก็เต็มด้วยความชั่ว” (This is an evil … of man are full of evil) = จุดหมายปลายทางของคนนั้นเห็นได้ชัด แต่น่าเศร้าคือ ความจริงนี้กลับส่งเสริมให้คนบางคนทำบาป
9:5 “แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย เขาไม่อาจรับรางวัลอีก” ( but the dead know nothing, and they have no more reward) = คนที่ตายก็หมดโอกาสที่จะชื่นชมยินดี และรับรางวัลจากการตรากตรำในชีวิตนี้ (ข.6)
9:6 “เขาทั้งหลายจะไม่มีส่วนในสิ่งใดที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป” ( forever they have no more share in all that is done under the sun) –โยบ 12:21
9:7 “ดื่มเหล้าองุ่น” (drink your wine) –กดว.6:20
“ด้วยความร่าเริงใจ” (bread with joy) –ปญจ.2:24 , ปท.ปญจ.8:15
9:8 “จงให้เสื้อผ้าของเจ้าขาว…ศีรษะของเจ้าก็อย่าให้ขาดน้ำมัน” (Let your garments be always white. Let not oil be lacking on your head) = เครื่องหมายแสดงถึงความชื่นชมยินดี ปท. วว.3:4
9:9 “จงชื่นชมยินดีในชีวิตกับภรรยาที่เจ้ารัก” (Enjoy life with the wife whom you love) = สภษ.5:18
= คือส่วนในชีวิตของท่าน–โยบ 31:2
“รางวัลสำหรับชีวิต” (that is your portion in life)
9:10 “มือของเจ้าจับงานอะไร” (your hand finds to do) –1ซมอ.10:7
“จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง” (do it with your might) = เต็มกำลังความสามารถ –ปญจ.11:6
“ในแดนคนตาย” (in Sheol) –กดว.16:33;สดด.6:5;อสย.38:18
“ความรู้หรือปัญญา” ( knowledge or wisdom) –ปญจ.2:24
9:11 “คนเก่งกาจไม่ชนะสงครามเสมอไป” (nor the battle to the strong) = คนเข้มแข็งไม่ชนะศึกเสมอไป –อมส.2:14-15
“คนมีปัญญาไม่มีอาหารเสมอไป” (nor bread to the wise) -โยบ 32:13;อสย.4:7;10;ยรม.9:23
“วาระและโอกาส” (time and chance) = ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน สุดท้ายมนุษย์ก็ไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ –ปญจ.2:14
“มีมาถึงเขาทุกคน” (happen to them all) –ฉธบ.8:18
9:12 “วาระของตน” (his time ) = วาระแห่งความหายนะ
“บรรดามนุษย์ก็ถูกวาระอันเลวร้ายนั้นดักจับ” (man are snared at an evil time, when it suddenly falls upon them) = คนติดกับดักที่เขาไม่มีทางรู้เลย เขาไม่มีปัญญาฉลาดพอที่จะคาดเดาได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหายนะ –สภษ.29:6
“โดยฉับพลัน” (suddenly) = ไม่นึกไม่ฝัน –สดด.73:22;ปญจ.2:14
9:13 “เรื่องปัญญา” (wisdom) –2ซมอ.20:22
9:15 “แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนี้” (no one remembered that poor man) = คำเตือนว่า อย่าพึ่งพาสติปัญญาของตนมากเกินไป เพราะทุกอย่างที่เราทำ เราได้มา รวมทั้งชื่อเสียงก็จะจางหายไป และในไม่ช้าคนก็จะค่อย ๆ ลืมไปหมด (ข.18) คนฉลาดก็ตายเช่นเดียวกับคนเขลา (2:15-16)
คำถามนำอภิปราย
- การที่เรารู้ว่าอนาคตของมนุษย์เรา (ไม่ว่าดีหรือร้าย) ล้วนอยู่ในพระพัตถ์ของพระเจ้า ส่งผลอะไรต่อท่าทีในการดำเนินชีวิตของคุณบ้าง?
- การที่คนดีได้เลว และคนเลวได้ดี หรือเคราะห์อันเดียวกันตกแก่ทั้งคนดี(ชอบธรรม) และเลว (อธรรม) บั่นทอนจิตใจของคุณในการทำดีต่อไปหรือไม่? อย่างไร?
- “การมีชีวิตอยู่ต่อ” กับ “การตายจากไป” มีความสำคัญอย่างไรต่อชีวิตของคุณบ้าง?
- คุณเห็นด้วยหรือไม่ต่อคำกล่าวที่ว่า “สุนัขเป็นก็ยังดีกว่าสิงโตตาย”? ทำไม?
- พระคัมภีร์ตอนนี้ แนะนำให้คุณทำอะไรกับการใช้ชีวิต และคุณจะนำไปปฏิบัติตามได้อย่างไร?
- วิถีและท่าทีที่เราควรมี ควรเป็นอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรักและครอบครัว?
- ทัศนคติของเราที่ควรมีต่ออาชีพการงานของเราควรเป็นอย่างไร? และทำไมจึงควรเป็นเช่นนั้น?
- คุณเคยเห็นหรือมีประสบการณ์กับความไม่แน่นอนของชีวิตบ้างหรือไม่ อาทิ
1) คนวิ่งเร็วไม่ชนะ
2) คนเก่งไม่ชนะ
3) คนมีปัญญาไม่มีอาหาร
4) คนฉลาดไม่ร่ำรวย
5) คนรอบรู้ ไม่ได้รับความโปรดปรานเสมอไป
และส่งผลต่อความคิดจิตใจ และชีวิตของคุณอย่างไร?
- ในชีวิตของคุณ คุณเคยติดกับดักหรือถูกวาระอันร้ายดักจับบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร และอย่างไร? และผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?
- คุณเคยเห็นหรือรู้จักคนดีที่ถูกลืมบ้างหรือไม่? แบ่งปัน
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์