ยามดีและยามร้าย
พระธรรม ปัญญาจารย์ 7:1-29
อ้างอิง สภษ.30:10;22:1,14;20:9;15:31-32;14:13,29;13:18;11:19;8:14;7:23;2:16-19;5:3-5;ปญจ.1:1,15,17; 2:13-14,24;3:14;8:12-14;11:7
บทนำ เราไม่ควรดำเนินชีวิตแบบสุดโต่ง เราต้องรู้จักปล่อยวางในเรื่องที่ควรปล่อยวาง แต่ต้องไม่หย่อนยานในหลักการ และรู้จักสำรวจดูตัวเองว่า เราดีกว่าผู้อื่นอย่างที่เราคิดจริง ๆ หรือไม่ !
เราต้องระมัดระวังกับดักในชีวิต เราต้องเที่ยงธรรมซื่อตรงในทางของพระเจ้าตลอดชีวิตของเรา!
บทเรียน
7:1 “ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างดี และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด”
(A good name is better than precious ointment,and the day of death than the day of birth.)
7:2 “ไปยังเรือนที่มีการคร่ำครวญ ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ”
(It is better to go to the house of mourningthan to go to the house of feasting,for this is the end of all mankind,and the living will lay it to heart.)
7:3 “ความโศกเศร้าก็ดีกว่าการหัวเราะ เพราะความโศกเศร้าบนใบหน้าทำให้จิตใจยินดี”
(Sorrow is better than laughter,for by sadness of face the heart is made glad.)
7:4 “จิตใจของคนมีปัญญา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีการคร่ำครวญ แต่จิตใจของคนเขลา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีการสนุกสนาน”
(The heart of the wise is in the house of mourning,but the heart of fools is in the house of mirth.)
7:5 “ฟังคำตำหนิของคนที่มีปัญญา ยังดีกว่าฟังเพลงของคนเขลา”
(It is better for a man to hear the rebuke of the wisethan to hear the song of fools.)
7:6 “เสียงเรียวหนามไหม้แตกอยู่ใต้หม้ออย่างไร เสียงหัวเราะของคนเขลาก็เป็นอย่างนั้นนี่ก็อนิจจังด้วย”
(For as the crackling of thorns under a pot,so is the laughter of the fools;this also is vanity.)
7:7 “แท้จริงการกดขี่ข่มเหงทำให้ผู้มีปัญญาโง่ไป และสินบนก็ทำลายสามัญสำนึกเสีย”
(Surely oppression drives the wise into madness,and a bribe corrupts the heart.)
7:8 “เบื้องปลายของสิ่งใดๆ ก็ดีกว่าเบื้องต้นของสิ่งนั้นๆ จิตใจที่อดกลั้นก็ดีกว่าจิตใจที่อหังการ”
(Better is the end of a thing than its beginning,and the patient in spirit is better than the proud inspirit.)
7:9 “อย่าให้จิตใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธฝังอยู่ในทรวงอกของคนเขลา”
(Be not quick in your spirit to become angry,for anger lodges in the heart of fools.)
7:10 “อย่าว่า “ทำไมอดีตดีกว่าปัจจุบัน?” เพราะที่เจ้าถามเช่นนั้นไม่ได้ถามด้วยใช้ปัญญา”
(Say not, “Why were the former days better than these?”For it is not from wisdom that you ask this.)
7:11 “ปัญญาดีกว่ามรดก และเป็นประโยชน์แก่คนที่ได้เห็นดวงตะวัน”
(Wisdom is good with an inheritance,an advantage to those who see the sun.)
7:12 “เพราะว่า ปัญญาเป็นเครื่องป้องกันเช่นเดียวกับที่เงินเป็นเครื่องป้องกัน แต่ประโยชน์ของความเข้าใจคือ ปัญญาให้ชีวิตแก่ผู้เป็นเจ้าของปัญญานั้น”
(For the protection of wisdom is like the protection of money,and the advantage of knowledge is that wisdom preserves the life of him who has it.)
7:13 “จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้เล่า?”
(Consider the work of God:who can make straight what he has made crooked?)
7:14 “ในเวลาที่ได้รับสิ่งดีๆ ก็จงชื่นชมยินดี แต่ในเวลาที่ได้รับสิ่งร้ายๆ ก็จงพินิจพิจารณา พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งสองอย่าง เพื่อมนุษย์จะค้นไม่พบว่า เมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรตามเขามาในภายหลัง”
(In the day of prosperity be joyful, and in the day of adversity consider: God has made the one as well as the other, so that man may not find out anything that will be after him.)
7:15 “ข้าพเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นในชีวิตอนิจจังของข้าพเจ้าคือ มีคนชอบธรรมพินาศในความชอบธรรมของเขาและมีคนอธรรมมีชีวิตยืนยาวในการอธรรมของเขา
(In my vain life I have seen everything. There is a righteous man who perishes in his righteousness, and there is a wicked man who prolongs his life in his evildoing. )
7:16 “อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด เหตุใดเจ้าจะทำลายตัวเองเสียเล่า?”
(Be not overly righteous, and do not make yourself too wise. Why should you destroy yourself? )
7:17 “อย่าอธรรมเกินไป และอย่าทำตัวเป็นคนเขลา ทำไมเจ้าจะไปตายก่อนเวลาของเจ้าเล่า?”
(Be not overly wicked, neither be a fool. Why should you die before your time? )
7:18 “เป็นการดีที่เจ้าจะยึดถือคำเตือนนี้ไว้ เออ และไม่ปล่อยมือจากอีกคำเตือนหนึ่ง เพราะว่าผู้เกรงกลัวพระเจ้าจะ พ้นจากทั้งสองเรื่อง”
(It is good that you should take hold of this, and from that withhold not your hand, for the one who fears God shall come out from both of them.)
7:19 “ปัญญาให้กำลังแก่คนมีปัญญา มากกว่าผู้ครอบครองสิบคนที่อยู่ในเมือง”
( Wisdom gives strength to the wise man more than ten rulers who are in a city.)
7:20 “แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย”
(Surely there is not a righteous man on earth who does good and never sins.)
7:21 “อย่าสนใจฟังทุกถ้อยคำที่คนกล่าว เพื่อเจ้าจะไม่ได้ยินทาสของเจ้าแช่งด่าเจ้า
(Do not take to heart all the things that people say, lest you hear your servant cursing you.)
7:22 “เพราะเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจของเจ้าว่า ตัวเจ้าเองได้แช่งด่าคนอื่นหลายครั้งเหมือนกัน”
(Your heart knows that many times you yourself have cursed others.)
7:23 “ข้าพเจ้าพิสูจน์ทั้งหมดนี้ด้วยใช้ปัญญา ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะมีปัญญา” แต่ปัญญานั้นกลับอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
(All this I have tested by wisdom. I said, “I will be wise,” but it was far from me. )
7:24 “สิ่งที่เป็นอยู่ก็อยู่ไกล และลึกล้ำเหลือเกิน ใครจะค้นพบได้?”
(That which has been is far off, and deep, very deep; who can find it out?)
7:25 “ข้าพเจ้าตั้งใจหันกลับมาเรียนรู้ สำรวจและแสวงหาปัญญา และต้นเหตุของสิ่งต่างๆ และเรียนรู้ความอธรรมความโง่ ความเขลา และความบ้าบอ”
( I turned my heart to know and to search out and to seek wisdom and the scheme of things, and to know the wickedness of folly and the foolishness that is madness.)
7:26 “ข้าพเจ้าได้พบอีกสิ่งหนึ่งซึ่งขมขื่นยิ่งกว่าความตายคือ ผู้หญิงซึ่งมีใจเป็นบ่วงแร้วและตาข่าย มือของนางเป็นโซ่ตรวน คนที่พระเจ้าพอพระทัยจะหนีพ้นนาง แต่คนบาปจะถูกผู้หญิงคนนั้นจับเอาไป”
(And I find something more bitter than death: the woman whose heart is snares and nets, and whose hands are fetters. He who pleases God escapes her, but the sinner is taken by her. )
7:27 “ปัญญาจารย์กล่าวว่า ดูเถิด ข้าพเจ้าพบดังต่อไปนี้ เมื่อเอาสิ่งหนึ่งมาเพิ่มเข้าไปในอีกสิ่งหนึ่งจะได้ข้อสรุป”
(Behold, this is what I found, says the Preacher, while adding one thing to another to find the scheme of things)
7:28 “สิ่งซึ่งข้าพเจ้าทุ่มตัวหาแล้วหาอีก แต่ข้าพเจ้าหาไม่พบคือ ในมนุษย์พันคนจะพบแต่เพียงคนเดียว และคนเดียวที่พบนั้นไม่เคยเป็นผู้หญิงเลย”
(which my soul has sought repeatedly, but I have not found. One man among a thousand I found, but a woman among all these I have not found. )
7:29 “ดูเถิด สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าพบคือ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนเที่ยงธรรม แต่เขาทั้งหลายได้ค้นคว้ากลอุบายต่างๆ ออกมา”
(See, this alone I found, that God made man upright, but they have sought out many schemes.)
ข้อมูลมีประโยชน์
7:1 “ชื่อเสียงดีก็ดีว่าน้ำมันหอมอย่างดี” (A good name is better than precious ointment) = มีค่ามากกว่าน้ำมันหอมราคาแพง –สภษ.22:1;พซม.1:3
“วันตายก็ดีกว่าวันเกิด” (the day of death than the day of birth) –2คร.5:1-10;ฟป.1:21-23 –แม้จะมีเหตุผลมากมาย แต่ในปัญญจารย์ตอนนี้ มีเหตุผลอธิบายไว้ใน ข้อ 2-6 นั่นคือ ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นให้บทเรียนแก่เราน้อยกว่าช่วงเวลาแห่งความทุกข์โศกเศร้า หรือความยากลำบาก –โยบ 10:18
7:2 “วาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน” (for this is the end of all mankind) = ความตายเป็นจุดหมายปลายทางของทุกชีวิตบนโลก –สภษ.11:19;ปญจ.2:14
7:3 “ความโศกเศร้าก็ดีกว่าการหัวเราะ” (Sorrow is better than laughter) –สภษ.14:13
7:4 “อยู่ในเรือนที่มีการคร่ำครวญ” (is in the house of mourning) –ปญจ.2:1;ยรม.16:8
7:5 “ฟังคำตำหนิของคนที่มีปัญญา”(to hear the rebuke of the wise) –สภษ.13:18;15:31-32
7:6 “เสียงเรียวหนามไหม้แตกอยู่ใต้หม้อ” ( For as the crackling of thorns under a pot) = เสียงแตกปะทุของหนามในไฟใต้หม้อ –สดด.58:9
“เสียงหัวเราะของคนเขลา” ( the laughter of the fools) = เปรียบเสียงหัวเราะของคนโง่ กับเสียงแตกปะทุของหนามในไฟที่แม้จะดัง แต่อยู่ได้ไม่นาน –สดด.58:9,สภษ.14:13
7:7 “สินบน” (a bribe) –มธ.28:11-15;ลก.22:4-6
7:9 “โกรธเร็ว” (quick in your spirit to become angry) –สภษ.16:32;17:14;1คร.13:4-5;มธ.5:22
“ฝังอยู่ในทรวงอกของคนเขลา” (lodges in the heart of fools) –สภษ.14:29
7:10 “อย่าถาม ‘ทำไมอดีตดีกว่าปัจจุบัน’?”(Say not, “Why were the former days better than these?”)
–สดด.77:5
7:11 “ปัญญาดีกว่ามรดก” (Wisdom is good with an inheritance) –ปญจ.2:13
“เป็นประโยชน์แก่คนที่ได้เห็นดวงตะวัน” (an advantage to those who see the sun) –ปญจ.11:7
7:12 “ปัญญาให้ชีวิตแก่ผู้เป็นเจ้าของปัญญานั้น” (wisdom preserves the life of him who has it) = ปัญญาสงวนชีวิตของผู้ที่มีปัญญานั้น
คำว่า “ให้ชีวิต” ในภาษาฮีบรูยังหมายถึง “ฟื้นฟูชีวิต” ด้วย (ดู สภษ.3:13-18;13:14)
7:13 “จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า” (Consider the work of God) –ปญจ.2:24
“สิ่งที่พระจ้าทรงทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้เล่า?” ((who can make straight what he has made crooked?)
= คำเตือนว่า มนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนเปลงสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดได้ แต่ไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องโชคชะตาหรือพรหมลิขิต
7:14 “พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งสองอย่าง” (God has made the one as well as the other) = พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งยามดีและยามร้าย –ปท. รม.8:28-29;โยบ 1:21;ปญจ.2:24
7:15 “ในชีวิตอิจจัง” (In my vain life ) โยบ 7:7
“มีคนชอบธรรมพินาศในความชอบธรรมของเขา” (There is a righteous man who perishes in his righteousness) = ความชอบธรรมไม่ได้ปกป้องมนุษย์จากความยากลำบากหรือการเสียชีวิต(ที่ดูเหมือน)ก่อนเวลาเสมอไป
“มีคนอธรรมมีชีวิตยืนยาวในการอธรรมของเขา” (there is a wicked man who prolongs his life in his evildoing) = บางทีคนชั่วร้ายกลับอายุยืน –โยบ 21:7;ปญจ.8:12-14;ยรม.12:1
7:16 “อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด” ( not overly righteousand do not make yourself too wise) = ถ้าความชอบธรรมและปัญญาที่ แท้จริงยังไม่สามารถป้องกันความพินาศได้เสมอไป ความชอบธรรม และปัญญาแบบเคร่งครัดสุดโต่งย่อมช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน
7:17 “อย่าอธรรมเกินไป” (not overly wicked) = อย่าชั่วร้ายเกินไป ความชั่วร้ายแบบสุดโต่งก็ยิ่งโง่เขลากว่านั้นอีกมากมาย
“ทำไมเจ้าจะไปตายก่อนเวลาของเจ้าเล่า?” (Why should you die before your time?) = เรื่องอะไรจะต้องไปตายก่อนกำหนด –โยบ 15:32
7:18 “คำเตือนนี้…อีกคำเตือนหนึ่ง” (should take hold of this… that withhold not your hand) = ผู้ที่ ยำเกรงพระเจ้าจะหลีกเลี่ยงความสุดโต่งต่อคำเตือนทั้ง 2 ด้าน ต้องไม่ยึดถือพระบัญญัติมากเกินไป และต้องไม่ทำอะไรตามใจชอบโดยไม่สนใจกฎบัญญัติ
= ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างสมดุล คือ ทั้งชอบธรรมและมีปัญญา (ปท.รม.6:14)
“พ้นจากทั้งสองเรื่อง” (come out from both of them) = หลีกเลี่ยงเรื่องสุดโต่งทั้งหมดไปได้ –ปญจ.3:14
7:19 “ปัญญาให้กำลังแก่คนมีปัญญา” (Wisdom gives strength to the wise man) = สติปัญญาทำให้คนฉลาดมีอำนาจ –ปญจ.2:13;สภษ.8:14
7:20 “ไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก” (not a righteous man on earth) = ไม่มีคนสักคนเดียวในโลกนี้ที่ดีพร้อม –รม.3:10-20,23
“ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย” (who does good and never sins) –2พศด.6:36;โยบ 4:17;สภษ.20:9;รม.3:12
7:21 “เพื่อเจ้าจะไม่ได้ยิน” (Do not take to heart) –สภษ.30:10
7:23 “ข้าพเจ้าจะมีปัญญา” (I will be wise ) = ข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นคนฉลาด -ปญจ.1:17
7:24 “ใครจะค้นพบได้“ (who can find it) โยบ 28:12-28;1คร.2:9-16
7:25 “ต้นเหตุของสิ่งต่าง ๆ “ (the scheme of things) -โยบ 28:3
“…ความเขลาและความบ้าบอ” (folly and the foolishness that is madness) –ปญจ.1:17
7:26 “ผู้หญิงซึ่งมีใจเป็นบ่วงแร้วและตาข่าย” (the woman whose heart is snares and nets ) –อพย.10:7;วนฉ.14:15;สภษ.7:6-27
“แต่คนบาปจะถูกผู้หญิงคนนั้นจับเอาไป”( but the sinner is taken by her)- สภษ.2:16-19;5:3-5;7:23; 22:14
7:27 “ดูเถิด ข้าพเจ้าพบดังต่อไปนี้” (this is what I found) -1:1
“เมื่อเอาสิ่งหนึ่งมาเพิ่มเข้าไปในอีกสิ่งหนึ่ง จะได้ข้อสรุป” (while adding one thing to another to find the scheme of things) =การนำเอาสิ่งหนึ่งมาปะติดปะต่อกับอีกสิ่งหนึ่งเพื่อหามูลเหตุ
= วิธีหาข้อสรุปแบบนี้ไม่สมบูรณ์ และเราเองก็ไม่สามารถตีความทุกสิ่งที่เราสังเกตุได้ (3:11ข)
= ปัญหาและความเข้าใจของมนุษย์ต้องยอมสยบให้กับความจริงที่ถูกปิดบังไว้
7:28 “ในมนุษย์พันคนจะพบแค่เพียงคนเดียว และคนเดียวที่พบนั้นไม่เคยเป็นผู้หญิงเลย” ( I have not found. One man among a thousand I found, but a woman among all these I have not found) –ใน NIV อธิบายว่า “ข้าพเจ้าพบว่าในพันคน จะมีผู้ชายซื่อตรงคนหนึ่ง แต่ไม่มีผู้หญิงซื่อตรงสักคน” –1พกษ.11:3
= มาจากประสบการณ์ของปัญญาจารย์ ไม่มีพระคัมภีร์ในตอนอื่น ๆ หรือเล่มอื่นที่ยืนยันว่า ผู้หญิงมีศิลธรรมที่ต่ำกว่าผูชาย
7:29 “พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนเที่ยงธรรม แต่….” ( that God made man upright, but…)
–ปฐก.3:1-6;รม.5:12
คำถามนำอภิปราย
- ทำไมการมี “ชื่อเสียงดี” จึงมีค่ามากกว่า การมี “น้ำ(มัน)หอมราคาแพง” ?
- ทำไม “วันตาย” จึงดีกว่า “วันเกิด” ?
- ทำไม “โศกเศร้า” จึงดีกว่า “หัวเราะ” ?
- ทำไม “ฟังคำตำหนิของคนฉลาดมีปัญญา” จึงดีกว่า “การฟังคนโง่ร้องเพลงสรรเสริญเยินยอ” ?
- ทำไมการรับ “สินบน“ จึงทำลายสามัญสำนึกและทำให้ชีวิตเสื่อมทรามลง? แล้วทำไมคนยังทำอย่างนั้นอยู่?
- ทำไม “ตอนจบ” (เบื้องปลาย) จึงดีกว่า “ตอนเริ่ม” (เบื้องต้น)?
- ทำไม “ความอดทนอดกลั้น” จึงดีกว่า “ความเย่อหยิ่งจองหอง” (อหังการ)?
- ทำไมไม่ควรถามว่า “ทำไมอดีตดีกว่าปัจจุบัน” หรือ “ทำไมสมัยก่อนดีกว่าสมัยนี้”?
- การที่คุณเห็น “คนชอบธรรม” พินาศ ทั้ง ๆ ที่ชอบธรรม และ “คนชั่วร้าย(อธรรม)” กลับมีอายุยืน ทั้ง ๆ ที่ชั่วร้าย ส่งผลกระทบต่อจิตใจและความคิดของคุณอย่างไรบ้าง?
- ทำไมเราไม่ควร “ชอบธรรมเกินไป” หรือ “(อวด) ฉลาดเกินไป” ?
- คุณได้รับบทเรียนอะไรเป็นพิเศษจากพระธรรมปัญญจารย์บทที่ 7 นี้?
1……………………………………………………………………………………….
2……………………………………………………………………………………….
3……………………………………………………………………………………….
และคุณจะนำบทเรียนเหล่านั้นมาปฏิบัติในชีวิตจริงของคุณอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์