Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ บทเรียนที่ 25

แผ่นดินพินาศ!

พระธรรม        2พงษ์กษัตริย์ 25:1-30

อ้างอิง               3พศด.36:15-21;ยรม.52:3-30;34:1-5;21:10;4:2-5,16;3:15-17;อสค.12:13;17:15;24:2;33:21;   1พกษ.7:45;9:8,7:15-22;23-26

บทนำ           ทำไมเราจึงต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวด และพินาศเพราะความบาป ทำไมไม่สำนึกกลับตัวกลับใจ หันจากบาป อันเกิดจาก “ทิฐิ” หรือ “อัตตา” ของตัวเราเอง !   อย่าให้เราต้องพินาศหรือทำให้ตัวเองพินาศอย่างไม่สมควรเลย!

บทเรียน

25:1 “และ​อยู่​มา​เมื่อ​วัน​ที่ 10 เดือน 10 ปี​ที่ 9 แห่ง​รัชกาล​ของ​เศเดคียาห์ เนบูคัดเนสซาร์​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ได้​ทรง​ยก​ทัพ​ทั้งสิ้น​ของ​ พระองค์​มา​โจม​ตี​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​ล้อม​กรุง​นั้น​ไว้ และ​เขา​ทั้งหลาย​ได้​สร้าง​เครื่อง​ล้อม​ไว้​รอบ”

       (And in the ninth year of his reign, in the tenth month, on the tenth day of the month, Nebuchadnezzar  king of Babylon came with all his army against Jerusalem and laid siege to it. And they built  siegeworks all around it. )

25:2 “กรุง​นั้น​จึง​ถูก​ล้อม​อยู่​ถึง​ปี​ที่ 11 แห่ง​รัชกาล​กษัตริย์​เศเดคียาห์”

       (So the city was besieged till the eleventh year of King Zedekiah. )

25:3 “เมื่อ​ถึง​วัน​ที่ 9 ของ​เดือน​ที่ 4 เกิด​การ​กันดาร​อาหาร​รุน​แรง​ใน​กรุง​นั้น ไม่มี​อาหาร​ให้​แก่​ประชาชน​ของ​แผ่นดิน”

       (On the ninth day of the fourth month the famine was so severe in the city that there was no food  for the people of the land. )

25:4 “แล้ว​กรุง​นั้น​ก็​แตก ทหาร​ทั้งสิ้น​หนี​ออก​ไป​ใน​เวลา​กลางคืน​ตาม​ทาง​ประตู​เมือง ระหว่าง​กำแพง​ทั้งสอง​ซึ่ง​อยู่​ริม​พระราช​อุทยาน (ทั้งๆ ที่​คน​เคลเดีย​อยู่​รอบ​เมือง) และ​พระราชา​ก็​เสด็จ​ตาม​ทาง​ไป​ลุ่ม​แม่น้ำ​จอร์แดน”

(Then a breach was made in the city, and all the men of war fled by night by the way of the gate between the two walls, by the king’s garden, and the Chaldeans were around the city. And they went in the direction of the Arabah. )

25:5 “แต่​กองทัพ​ของ​คน​เคลเดีย​ได้​ไล่​ตาม​พระราชา และ​มา​ทัน​พระองค์​ใน​ที่ราบ​เมือง​เยรีโค และ​กองทัพ​ทั้งสิ้น​ของ​พระองค์​ก็​กระจัด​กระจาย​ไป​จาก​พระองค์”

       (But the army of the Chaldeans pursued the king and overtook him in the plains of Jericho, and   all his army was scattered from him. )

25:6 “แล้ว​พวกเขา​จึง​จับ​พระราชา แล้ว​นำ​ขึ้น​มา​ยัง​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ที่​เมือง​ริบลาห์ และ​กล่าว​พิพากษา​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์”

        (Then they captured the king and brought him up to the king of Babylon at Riblah, and they passed sentence on him. )

25:7 “พวกเขา​ได้​ประหาร​ชีวิต​บรรดา​พระราชโอรส​ของ​เศเดคียาห์​ต่อ​พระพักตร์ของ​พระองค์ แล้ว​ควัก​พระเนตร​ของ​เศเดคียาห์​ออก และ​ตี​ตรวน​พระองค์ แล้ว​พา​พระองค์​ไป​ยัง​บาบิโลน”

         (They slaughtered the sons of Zedekiah before his eyes, and put out the eyes of Zedekiah and bound  him in chains and took him to Babylon.)

25:8 “เมื่อ​วัน​ที่ 7 เดือน​ที่ 5 ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่ 19 ของ​รัชกาล​กษัตริย์​เนบูคัดเนสซาร์ พระราชา​แห่ง​บาบิโลน เนบูซาระดาน​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์ ข้า​ราชการ​คน​หนึ่ง​ของ​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ได้​มา​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม”

       (In the fifth month, on the seventh day of the month that was the nineteenth year of King ebuchadnezzar,  king of Babylon—Nebuzaradan, the captain of the bodyguard, a servant of the king of Babylon, came to  Jerusalem. )

25:9 “ท่าน​ได้​เผา​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ พระราชวัง และ​บ้านเรือน​ทั้งหมด​ของ​เยรูซาเล็ม ท่าน​เผา​บ้าน​ใหญ่​ทุก​หลัง​ลง​หมด​ด้วย​ไฟ”

        (And he burned the house of the Lord and the king’s house and all the houses of Jerusalem; every  great house he burned down. )

25:10 “และ​ทหาร​คน​เคลเดีย​ทั้งหมด​ผู้​อยู่​กับ​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์ ได้​ทลาย​กำแพง​รอบ​เยรูซาเล็ม​ลง”

         (And all the army of the Chaldeans, who were with the captain of the guard, broke down the walls  around Jerusalem. )

25:11 “และ​ประชาชน​ที่​เหลือ​อยู่​ซึ่ง​อยู่​ใน​เมือง และ​คน​หลบ​หนี​ซึ่ง​หลบ​หนี​ไป​หา​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน พร้อม​กับ​มวลชน​ที่​เหลือ​อยู่​นั้น เนบูซาระดาน​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์​ได้​กวาด​ต้อน​ไป​ เป็น​เชลย”

       (And the rest of the people who were left in the city and the deserters who had deserted to the king of  Babylon, together with the rest of the multitude, Nebuzaradan the captain of the guard carried into exile. )

25:12 “แต่​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์​ได้​ละ​คนจน​ที่สุด​แห่ง​แผ่นดิน​ไว้​ให้​เป็น​คน​ทำ​สวนองุ่น​และ​เป็น​คน​ทำไร่​ไถนา”

         (But the captain of the guard left some of the poorest of the land to be vinedressers and plowmen.)

25:13 “และ​เสา​ทอง​สัมฤทธิ์ ซึ่ง​อยู่​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​แท่น​กับ​อ่าง​สาคร​ทอง​สัมฤทธิ์ ซึ่ง​อยู่​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์​นั้น คน​เคลเดีย​ได้​ทุบ​เป็น​ชิ้นๆ และ​ขน​เอา​ทอง​สัมฤทธิ์​ไป​ยัง​บาบิโลน”

     (And the pillars of bronze that were in the house of the Lord, and the stands and the bronze sea that  were in the house of the Lord, the Chaldeans broke in pieces and carried the bronze to Babylon. )

25:14 “พวกเขา​ขน​หม้อ พลั่ว และ​ตะไกร​ตัด​ไส้​ตะเกียง และ​ชาม​เครื่อง​หอม และ​เครื่อง​ใช้​ทอง​สัมฤทธิ์​ทั้งหมด​ซึ่ง​ใช้​ใน​งาน​ของ​พระวิหาร​เอา​ไป​เสีย”

        (And they took away the pots and the shovels and the snuffers and the dishes for incense and all the  vessels of bronze used in the temple service, )

25:15 “ทั้ง​กระถางไฟ​ด้วย กับ​ชาม​อ่าง สิ่งใด​ที่​ทำ​ด้วย​ทองคำ​หรือ​เงิน ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์​ก็​ขน​เอา​ไป”

         (the fire pans also and the bowls. What was of gold the captain of the guard took away as gold, and  what was of silver, as silver. )

 25:16 “ส่วน​เสาใหญ่​สอง​ต้น อ่าง​สาคร​หนึ่ง​ใบ และ​แท่น​ซึ่ง​ซาโลมอน​ทรง​สร้าง​สำหรับ​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์​นั้นทอง​สัมฤทธิ์​ของ​ภาชนะ​เหล่านี้​ก็​หนัก​เกิน​กว่า​ที่​จะ​ชั่ง​ได้”

       (As for the two pillars, the one sea, and the stands that Solomon had made for the house of the Lord,  the bronze of all these vessels was beyond weight. )

25:17 “เสาใหญ่​ต้นหนึ่ง​สูง​ประมาณ 8 เมตร และ​มี​บัวคว่ำ​ทอง​สัมฤทธิ์​บน​เสา บัวคว่ำ​นั้น​สูง​ประมาณ 1 เมตร มี​ตาข่าย​กับ​ ลูก​ทับทิม​ที่​ล้วน​เป็น​ทอง​สัมฤทธิ์​อยู่​บน​บัวคว่ำ​โดย​รอบ และ​เสาใหญ่​ต้น​ที่​สอง​พร้อม​ตาข่าย​ก็​เหมือน​กัน”

        (The height of the one pillar was eighteen cubits, and on it was a capital of bronze. The height of the capital was three cubits. A latticework and pomegranates, all of bronze, were all around the capital.   And the second pillar had the same, with the latticework.)

25:18 “และ​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์​ก็​จับ​เสไรอาห์​มหาปุโรหิต และ​เศฟันยาห์​ปุโรหิต​รอง กับ​ผู้​เฝ้า​ธรณี​ประตู 3 คน​ไป​ด้วย”

       (And the captain of the guard took Seraiah the chief priest and Zephaniah the second priest and the three keepers of the threshold; )

  25:19 “และ​จาก​เมือง​นั้น​ท่าน​ได้​จับ​ข้า​ราช​สำนัก ซึ่ง​เป็น​ผู้​บัญชา​การ​กองทัพ​กับ​ที่​ปรึกษา​ของ​พระราชา อีก 5 คน​ที่​พบ​ใน​เมือง​นั้น และ​อาลักษณ์​ซึ่ง​เป็น​ผู้​บัญชา​การ​กองทัพ​ผู้​เกณฑ์​ประชาชน​ของ​ แผ่นดิน และ​อีก 60 คน​จาก​ประชาชน​ของ​ แผ่นดิน​ซึ่ง​พบ​ใน​เมือง”

      (and from the city he took an officer who had been in command of the men of war, and five men of  the king’s council who were found in the city; and the secretary of the commander of the army, who  mustered the people of the land; and sixty men of the people of the land, who were found in the city.

25:20 “และ​เนบูซาระดาน​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​รักษา​พระองค์​ได้​จับ​คน​เหล่านี้​พา​มา​เฝ้า​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ที่​ริบลาห์

         (And Nebuzaradan the captain of the guard took them and brought them to the king of Babylon at  Riblah.)

25:21 “และ​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ได้​ทรง​ฟัน​เขา และ​ประหาร​ชีวิต​เขา​ทั้งหลาย​เสีย​ที่​ริบลาห์​ใน​แผ่นดิน​ฮามัท ยูดาห์​จึง​ถูก​กวาด​ไป​เป็น​เชลย​จาก​แผ่นดิน​ของ​ตน”

        (And the king of Babylon struck them down and put them to death at Riblah in the land of Hamath.    So Judah was taken into exile out of its land.)

25:22 “พระองค์​ทรง​ตั้ง​เกดาลิยาห์​บุตร​อาหิคัม บุตร​ชาฟาน​ให้​เป็น​เจ้าเมือง ปกครอง​ประชาชน​ผู้​เหลือ​อยู่​ใน​แผ่นดิน​ยูดาห์ผู้​ซึ่ง​เนบูคัดเนสซาร์ พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ได้​ทรง​เหลือ​ไว้”

        (And over the people who remained in the land of Judah, whom Nebuchadnezzar king of Babylon  had left, he appointed Gedaliah the son of Ahikam, son of Shaphan, governor. )

25:23 “เมื่อ​บรรดา​ผู้​บังคับ​บัญชา​กองทัพ​ทั้ง​ตัว​เขา​ทั้งหลาย และ​คน​ของ​เขา​ได้​ยิน​ว่า พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ทรง​แต่งตั้ง​เกดาลิยาห์​ให้​เป็น​เจ้าเมือง พวกเขา​มา​หา​เกดาลิยาห์​ที่​มิสปาห์ คน​เหล่า​นี้​คือ​อิชมาเอล​บุตร​เนธานิยาห์ และ         ​โยฮานัน​บุตร​คาเรอาห์ และ​เสไรอาห์​บุตร​ทันหุเมท​ชาว​เนโทฟาห์ และ​ยาอาซันยาห์​บุตร​คน​ตระกูล​มาอาคาห์ ทั้ง​ตัว​พวกเขา​และ​คน​ของ​เขา

       (Now when all the captains and their men heard that the king of Babylon had appointed Gedaliah  governor, they came with their men to Gedaliah at Mizpah, namely, Ishmael the son of Nethaniah, and  Johanan the son of Kareah, and Seraiah the son of Tanhumeth the Netophathite, and Jaazaniah the son of the Maacathite. )

25:24 “และ​เกดาลิยาห์​ก็​ทำ​สัตย์​สาบาน​แก่​พวกเขา​และ​คน​ของ​เขา​ว่า “อย่า​กลัว​ข้า​ราชการ​เคลเดีย​เลย จง​อาศัย​ใน​แผ่นดิน​ และ​ปรนนิบัติ​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน แล้ว​ท่าน​ก็​จะ​อยู่​เย็น​เป็น​สุข

        (And Gedaliah swore to them and their men, saying, “Do not be afraid because of the Chaldean  officials. Live in the land and serve the king of Babylon, and it shall be well with you.”)

25:25 “แต่​ใน​เดือน​ที่ 7 อิชมาเอล​บุตร​เนธานิยาห์ บุตร​เอลีชามา ผู้​เป็น​เชื้อ​พระวงศ์ ได้​เข้า​มา​พร้อม​กับ​ชาย 10 คน ได้​โจมตี​และ​ฆ่า​เกดาลิยาห์​และ​คน​ยูดาห์​กับ​คน​เคลเดีย​ผู้​อยู่ ​กับ​ท่าน​ที่​มิสปาห์​เสีย”

        (But in the seventh month, Ishmael the son of Nethaniah, son of Elishama, of the royal family, came   with ten men and struck down Gedaliah and put him to death along with the Jews and the Chaldeans   who were with him at Mizpah.)

25:26 “แล้ว​ประชาชน​ทั้งสิ้น ทั้ง​ผู้​น้อย และ​ผู้​ใหญ่ และ​ผู้​บังคับ​บัญชา​พลรบ​ได้​ลุกขึ้น และ​ไป​ยัง​อียิปต์เพราะ​เขา​กลัว​คน​เคลเดีย”

          (Then all the people, both small and great, and the captains of the forces arose and went to Egypt,   for they were afraid of the Chaldeans.)

25:27 “และ​อยู่​มา​ใน​ปี​ที่ 37 ที่​เยโฮยาคีน​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ถูก​เนรเทศ ใน​เดือน​ที่ 12 เมื่อ​วัน​ที่ 27 ของ​เดือน​นั้นใน​ปี​ที่ ​เอวิลเมโรดัก​พระราชา​แห่ง​บาบิโลน​ทรง​ขึ้นเป็น​กษัตริย์ พระองค์​ทรง​ให้​เยโฮยาคีน​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​พ้น​จาก​เรือนจำ”

         ( And in the thirty-seventh year of the exile of Jehoiachin king of Judah, in the twelfth month, on the   twenty-seventh day of the month, Evil-merodach king of Babylon, in the year that he began to reign,   graciously freed Jehoiachin king of Judah from prison. )

25:28 “พระองค์​ตรัส​อย่าง​เมตตา​แก่​ท่าน และ​ให้​ที่​นั่ง​ที่​มี​เกียรติ​กว่า​บรรดา​ที่นั่ง​ของ​บรรดา​กษัตริย์ ​ที่​อยู่​ใน​กรุง​บาบิโลน​กับ​พระองค์”

         (And he spoke kindly to him and gave him a seat above the seats of the kings who were with him in  Babylon. )

25:29 “เยโฮยาคีน​จึง​ได้​ถอด​เครื่อง​แต่งกาย​ของ​นักโทษ​ออก และ​ได้​รับประทาน​ที่​โต๊ะเสวย​ของ​พระราชา​เป็น​ประจำทุกวัน​ตลอด​ชีวิต”

          (So Jehoiachin put off his prison garments. And every day of his life he dined regularly at the king’s table,)

25:30 “ส่วน​ค่า​ใช้จ่าย​นั้น​ก็​ได้​รับ​พระราชทาน​จาก​กษัตริย์ ตาม​ความ​ต้องการ​ใน​แต่​ละ​วัน​ตลอด​ชีวิต​ของ​ท่าน”

           (and for his allowance, a regular allowance was given him by the king, according to his daily needs,   as long as he lived.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

 25:1     “วันที่ 10 เดือน 10 ปีที่ 9” (in the ninth year of his reign, in the tenth month, on the tenth day of the month) = วันที่ 15 ม.ค. ปี 588 ก่อน ค.ศ. (ดู ยรม.39:1;52:4;อสค.24:1-2)

“เนบูคัดเนสซาร์…ยกทัพทั้งสิ้นของพระองค์มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม” (Nebuchadnezzar king of Babylon came with all his army against Jerusalem ) = เนบูคัดเนสซาร์ได้กำราบเมืองทั้งหมดในยูดาห์แล้ว ยกเว้น ลาคีช และอาเชคาห์ (ยรม.34:7) (ได้มีการขุดค้นพบเศษหม้อแตกจำนวนหนึ่งจารึกภาษาฮีบรูที่ลาคีชในปี 1935 และ 1938 บรรยายถึงสภาพความเป็นอยู่ในลาคีชและอาเชคาห์ ระหว่างที่ถูกบาบิโลนล้อมเมือง

25:2    “ปีที่ 11… วันที่ 9 ของเดือนที่4” (the eleventh year …on the ninth day of the fourth month) = วันที่ 18 ก.ค.ปี 586 ก.ค.ศ. (ยรม.39:2;52:5-7) มีผู้เชี่ยวชาญบางคนใช้เกณฑ์การนับปีแตกต่างออกไปและระบุว่า เยรูซาเล็มล่มสลายในฤดูร้อนปี 587

25:3     “เกิดกันดารอาหารรุนแรง” (the famine was so severe) –ยรม.38:2-9

25:6     “พระราชาแห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์” (the king of Babylon at Riblah) -23:33;ยรม.39:5;52:9

25:7    “ประหารชีวิตบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์” (They slaughtered the sons of Zedekiah)

–ยรม.32:4-5;34:2-3;38:18;39:6-7;52:10-11;อสค.12:13

= ได้พยากรณ์ไว้ว่า เศเดคียาห์ จะถูกนำตัวไปยังบาบิโลน แต่จะไม่ได้เห็นเมืองนั้น เศเดคียาห์จะรอดชีวิต และป้องกันความพินาศของเยรูซาเล็มได้ หากเขาเชื่อฟังเยเรมีย์ (ยรม.38:14-28)

25:8     “วันที่ 7 เดือนที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่ 19” (In the fifth month, on the seventh day of the month that was the nineteenth)= วันที่ 14 ส.ค. ปี 586 ก.ค.ศ. (ยรม.52:12)

25:9     “ได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์” (he burned the house of the Lord) 2พศด.36:19;ยรม.39:8;52:13

25:13   “เสาทองสัมฤทธิ์” (the pillars of bronze)-1พกษ.7:15-22

“แท่น” (            the stands) = แท่นเคลื่อนที่ –1พกษ.7:27-39

“อ่างสาครทองสัมฤทธิ์” (the bronze sea) = บางทีเรียกว่า “ขันสาคร” (1พกษ.7:23-26)

25:14  “เครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ทั้งหมด ซึ่งใช้ในงานของพระวิหารเอาไปเสีย” (all the vessels of bronze used in the temple service) –1พกษ.7:40,45

25:17   “บัวคว่ำนั้นสูงประมาณ 1 เมตร” (The height of the capital was three cubits.) –ใน 1พกษ.7:16; ยรม.52:22 –ระบุว่า หัวเสาสูง 2.3 เมตร (5 ศอก)

25:18   “เสไรอาห์มหาปุโรหิต” (Seraiah the chief priest   ) = เป็นหลานของฮิลคียาห์ (22:4; ดู.22:8;1พศด.6:13-14) บุตรชายของเขาคือ เยโฮซาดัก ถูกนำตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน เอสราเป็นลูกหลานคนหนึ่งของเยโฮซาดัก (อสร.7:1)

25:20   “นำคนเหล่านี้พามาเฝ้าพระราชาแห่งบาบิโลนที่ริบลาห์” (took them and brought them to the king of Babylon at Riblah.) –ข.6

25:21   “ยูดาห์จึงถูกกวาดไปเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน” (Judah was taken into exile out of its land)

= การกวาดต้อนชนยูดาห์ไปจากคานาอันเป็นไปตามคำพิพากษาที่มาถึงในรัชกาลมนัสเสห์ (23:27) ถือเป็นคำสาปขั้นรุนแรงที่สุดในพันธสัญญา (ลนต.26:33;ฉธบ.28:36;ยรม.25:8-11)

25:22   “เกดาลิยาห์” (Gedaliah  ) -22:12, เขามีแนวคิดไม่ต่อต้านบาบิโลน (ข.24) เช่นเดียวกับเยเรมีย์ ทำให้บาบิโลนไว้ใจแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ว่าการยูดาห์ (ยรม.41:10)

25:23   “มิสปาห์” (Mizpah) = เคยเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางการเมืองในช่วงก่อนที่จะมีระบอบกษัตริย์     (1ซมอ.7:5) เยเรมีย์ไปพบกับเกดาสิยาห์ที่นั่น (ยรม.40:1-6)

“อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์” (Ishmael the son of Nethaniah) = ดูลำดับวงศ์ที่ครบถ้วนอยู่ในข้อ 25

เอลีชามา ปู่ของอิชมาเอลเป็นราชเลขาของเยโฮยาคิม (ยรม.36:12)

“ยาอาซันยาห์” (Jaazaniah) –ในปี 1932 มีการขุดพบตราประทับหินที่เทลเอนนาสเบห์ (มิสปาห์) ที่ชื่อ   ยาอาซันยาห์ พร้อมคำจารึกว่า “ของยาอาซันยาห์ผู้รับใช้ของกษัตริย์”

25:24   “จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและปรนนิบัติพระราชาแห่งบาบิโลน” (Live in the land and serve the king of Babylon) = เกดาลิยาห์ สนับสนุนให้ยอมจำนนต่อบาบิโลนเพราะเป็นการพิพากษาจากพระเจ้า เขาสนับสนุนให้ประชาชนดำเนินชีวิตและทำกิจกรรมตามปกติ (ยรม.27)

-เยเรมีย์ก็สนับสนุนแนวคิดเดียวกันนี้กับเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปยังบาบิโลนในปี 597 ก.ค.ศ. (ยรม.29:4-7)

25:25   “ในเดือนที่ 7” (in the seventh month) =เดือนตุลาคม ปี 586 ก.ค.ศ.

“ฆ่าเกดาสิยาห์” (put him to death ) –ยรม.40:13-41:15

ดูเหมือนว่าอิชมาเอลก็อยากขึ้นครองราชย์และไม่พอใจที่เกดาสิยาห์ยอมจำนนต่อบาบิโลน และอิชมาเอลก็อาจถูกพวกอัมโมนหลอกใช้ เพราะชาวอัมโมนเองก็ไม่พอใจการปกครองของบาบิโลนเช่นกัน                    (ยรม.40:14;41:10,15)

25:26  “ไปยังอียิปต์” (went to Egypt) = หนี้ไปที่อียิปต์ ซึ่งมีฟาโรห์โฮฟรา ปกครองอยู่ (24:20)

25:27   “ในปีที่ 37… วันที่ 27 ของเดือนนี้” (in the thirty-seventh year… on the twenty-seventh day of the month) = วันที่ 22 มีนาคม ปี 561 ก.ค.ศ.

“ปีที่เอวิลเมโรดัก พระราชาแห่งบาบิโลนทรงขึ้นเป็นกษัตริย์” (  Evil-merodach king of Babylon, in the year that he began to reign,) = ปี 561 ก.ค.ศ. (บางคนระบุว่า เขาได้สืบทอดบัลลังก์ในเดือนตุลาคม 562 ก.ค.ศ. (24:1) ชื่อของเขามีความหมายว่า “คนของ(เทพเจ้า)มาร์คุค”

“ทรงให้เยโฮยาคีน…พ้นจากเรือนจำ”(graciously freed Jehoiachin king of Judah from prison) = ในบันทึกของบาบิโลน ได้เอ่ยถึงการจ่ายเสบียงเป็นน้ำมันและข้าวบาร์เลย์ให้แก่นักโทษที่ถูกคุมขังในบาบิโลน และกล่าวถึงเยโฮยาคีน และบุตรชายทั้ง 5 คน (24:15)

25:28   “ตรัสอย่างเมตตาแก่ท่านและให้ที่นั่งที่มีเกียรติกว่า” (he spoke kindly to him and gave him a seat above the seats of the kings) = การพิพากษาชนชาวยูดาห์ให้ตกเป็นเชลยนี้ไม่ได้ทำลายวงศ์วานของ

ดาวิดทั้งหมด พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับวงศ์วานดาวิดยังคงดำรงอยู่ต่อไป (2ซมอ.7:14-16)

คำถามนอภิปราย

  1. คุณเคยเผชิญกับศึกหนักที่สุดในชีวิตเรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  2. ในชีวิตของคุณ คุณเคยหนีอะไรหรือหนีใครบ้าง? เพราะอะไร? และในที่สุดเป็นอย่างไร?
  3. คุณเคยเห็นภัยหรือความหายนะใดที่สยดสยองหรือสะเทือนใจคุณมากที่สุดบ้าง? เพราะอะไร? และสอนอะไรคุณบ้าง?
  4. ถ้าคุณต้องถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยและต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเหมือนชาวยูดาห์ คุณจะรู้สึกและมีปฏิกริยาตอบสนองอย่างไร? ทำไม?
  5. การที่พระนิเวศของพระเจ้าถูกทำลาย และข้าวของถูกยึดเอาไป ได้สอนใจอะไรคุณบ้าง? ทำไมพระเจ้าไม่ช่วยปกป้องวิหารของพระองค์
  6. คุณเคยมุ่งร้ายคิดทำลายล้างผู้ใดหรือไม่? ทำไม? หรือเคยมีคนมุ่งร้ายคิดทำลายล้างคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? และเพราะอะไร?
  7. คุณเคยได้รับการปลดปล่อย หรือความเมตตาจากผู้ใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? เมื่อไร? และอย่างไร?
  8. คุณเคยมีประสบการณ์กับ “การมีความหวัง” ในสภาวะที่สิ้นหวังบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร?

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.