แผ่นดินพินาศ!
พระธรรม 2พงษ์กษัตริย์ 25:1-30
อ้างอิง 3พศด.36:15-21;ยรม.52:3-30;34:1-5;21:10;4:2-5,16;3:15-17;อสค.12:13;17:15;24:2;33:21; 1พกษ.7:45;9:8,7:15-22;23-26
บทนำ ทำไมเราจึงต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวด และพินาศเพราะความบาป ทำไมไม่สำนึกกลับตัวกลับใจ หันจากบาป อันเกิดจาก “ทิฐิ” หรือ “อัตตา” ของตัวเราเอง ! อย่าให้เราต้องพินาศหรือทำให้ตัวเองพินาศอย่างไม่สมควรเลย!
บทเรียน
25:1 “และอยู่มาเมื่อวันที่ 10 เดือน 10 ปีที่ 9 แห่งรัชกาลของเศเดคียาห์ เนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงยกทัพทั้งสิ้นของ พระองค์มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม และล้อมกรุงนั้นไว้ และเขาทั้งหลายได้สร้างเครื่องล้อมไว้รอบ”
(And in the ninth year of his reign, in the tenth month, on the tenth day of the month, Nebuchadnezzar king of Babylon came with all his army against Jerusalem and laid siege to it. And they built siegeworks all around it. )
25:2 “กรุงนั้นจึงถูกล้อมอยู่ถึงปีที่ 11 แห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์”
(So the city was besieged till the eleventh year of King Zedekiah. )
25:3 “เมื่อถึงวันที่ 9 ของเดือนที่ 4 เกิดการกันดารอาหารรุนแรงในกรุงนั้น ไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน”
(On the ninth day of the fourth month the famine was so severe in the city that there was no food for the people of the land. )
25:4 “แล้วกรุงนั้นก็แตก ทหารทั้งสิ้นหนีออกไปในเวลากลางคืนตามทางประตูเมือง ระหว่างกำแพงทั้งสองซึ่งอยู่ริมพระราชอุทยาน (ทั้งๆ ที่คนเคลเดียอยู่รอบเมือง) และพระราชาก็เสด็จตามทางไปลุ่มแม่น้ำจอร์แดน”
(Then a breach was made in the city, and all the men of war fled by night by the way of the gate between the two walls, by the king’s garden, and the Chaldeans were around the city. And they went in the direction of the Arabah. )
25:5 “แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามพระราชา และมาทันพระองค์ในที่ราบเมืองเยรีโค และกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ก็กระจัดกระจายไปจากพระองค์”
(But the army of the Chaldeans pursued the king and overtook him in the plains of Jericho, and all his army was scattered from him. )
25:6 “แล้วพวกเขาจึงจับพระราชา แล้วนำขึ้นมายังพระราชาแห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ และกล่าวพิพากษาพระราชาแห่งยูดาห์”
(Then they captured the king and brought him up to the king of Babylon at Riblah, and they passed sentence on him. )
25:7 “พวกเขาได้ประหารชีวิตบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์ต่อพระพักตร์ของพระองค์ แล้วควักพระเนตรของเศเดคียาห์ออก และตีตรวนพระองค์ แล้วพาพระองค์ไปยังบาบิโลน”
(They slaughtered the sons of Zedekiah before his eyes, and put out the eyes of Zedekiah and bound him in chains and took him to Babylon.)
25:8 “เมื่อวันที่ 7 เดือนที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่ 19 ของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ข้าราชการคนหนึ่งของพระราชาแห่งบาบิโลนได้มายังกรุงเยรูซาเล็ม”
(In the fifth month, on the seventh day of the month that was the nineteenth year of King ebuchadnezzar, king of Babylon—Nebuzaradan, the captain of the bodyguard, a servant of the king of Babylon, came to Jerusalem. )
25:9 “ท่านได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระราชวัง และบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม ท่านเผาบ้านใหญ่ทุกหลังลงหมดด้วยไฟ”
(And he burned the house of the Lord and the king’s house and all the houses of Jerusalem; every great house he burned down. )
25:10 “และทหารคนเคลเดียทั้งหมดผู้อยู่กับผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้ทลายกำแพงรอบเยรูซาเล็มลง”
(And all the army of the Chaldeans, who were with the captain of the guard, broke down the walls around Jerusalem. )
25:11 “และประชาชนที่เหลืออยู่ซึ่งอยู่ในเมือง และคนหลบหนีซึ่งหลบหนีไปหาพระราชาแห่งบาบิโลน พร้อมกับมวลชนที่เหลืออยู่นั้น เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้กวาดต้อนไป เป็นเชลย”
(And the rest of the people who were left in the city and the deserters who had deserted to the king of Babylon, together with the rest of the multitude, Nebuzaradan the captain of the guard carried into exile. )
25:12 “แต่ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ละคนจนที่สุดแห่งแผ่นดินไว้ให้เป็นคนทำสวนองุ่นและเป็นคนทำไร่ไถนา”
(But the captain of the guard left some of the poorest of the land to be vinedressers and plowmen.)
25:13 “และเสาทองสัมฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และแท่นกับอ่างสาครทองสัมฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น คนเคลเดียได้ทุบเป็นชิ้นๆ และขนเอาทองสัมฤทธิ์ไปยังบาบิโลน”
(And the pillars of bronze that were in the house of the Lord, and the stands and the bronze sea that were in the house of the Lord, the Chaldeans broke in pieces and carried the bronze to Babylon. )
25:14 “พวกเขาขนหม้อ พลั่ว และตะไกรตัดไส้ตะเกียง และชามเครื่องหอม และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดซึ่งใช้ในงานของพระวิหารเอาไปเสีย”
(And they took away the pots and the shovels and the snuffers and the dishes for incense and all the vessels of bronze used in the temple service, )
25:15 “ทั้งกระถางไฟด้วย กับชามอ่าง สิ่งใดที่ทำด้วยทองคำหรือเงิน ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็ขนเอาไป”
(the fire pans also and the bowls. What was of gold the captain of the guard took away as gold, and what was of silver, as silver. )
25:16 “ส่วนเสาใหญ่สองต้น อ่างสาครหนึ่งใบ และแท่นซึ่งซาโลมอนทรงสร้างสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้นทองสัมฤทธิ์ของภาชนะเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าที่จะชั่งได้”
(As for the two pillars, the one sea, and the stands that Solomon had made for the house of the Lord, the bronze of all these vessels was beyond weight. )
25:17 “เสาใหญ่ต้นหนึ่งสูงประมาณ 8 เมตร และมีบัวคว่ำทองสัมฤทธิ์บนเสา บัวคว่ำนั้นสูงประมาณ 1 เมตร มีตาข่ายกับ ลูกทับทิมที่ล้วนเป็นทองสัมฤทธิ์อยู่บนบัวคว่ำโดยรอบ และเสาใหญ่ต้นที่สองพร้อมตาข่ายก็เหมือนกัน”
(The height of the one pillar was eighteen cubits, and on it was a capital of bronze. The height of the capital was three cubits. A latticework and pomegranates, all of bronze, were all around the capital. And the second pillar had the same, with the latticework.)
25:18 “และผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็จับเสไรอาห์มหาปุโรหิต และเศฟันยาห์ปุโรหิตรอง กับผู้เฝ้าธรณีประตู 3 คนไปด้วย”
(And the captain of the guard took Seraiah the chief priest and Zephaniah the second priest and the three keepers of the threshold; )
25:19 “และจากเมืองนั้นท่านได้จับข้าราชสำนัก ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพกับที่ปรึกษาของพระราชา อีก 5 คนที่พบในเมืองนั้น และอาลักษณ์ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพผู้เกณฑ์ประชาชนของ แผ่นดิน และอีก 60 คนจากประชาชนของ แผ่นดินซึ่งพบในเมือง”
(and from the city he took an officer who had been in command of the men of war, and five men of the king’s council who were found in the city; and the secretary of the commander of the army, who mustered the people of the land; and sixty men of the people of the land, who were found in the city.
25:20 “และเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้จับคนเหล่านี้พามาเฝ้าพระราชาแห่งบาบิโลนที่ริบลาห์
(And Nebuzaradan the captain of the guard took them and brought them to the king of Babylon at Riblah.)
25:21 “และพระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงฟันเขา และประหารชีวิตเขาทั้งหลายเสียที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ยูดาห์จึงถูกกวาดไปเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน”
(And the king of Babylon struck them down and put them to death at Riblah in the land of Hamath. So Judah was taken into exile out of its land.)
25:22 “พระองค์ทรงตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัม บุตรชาฟานให้เป็นเจ้าเมือง ปกครองประชาชนผู้เหลืออยู่ในแผ่นดินยูดาห์ผู้ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงเหลือไว้”
(And over the people who remained in the land of Judah, whom Nebuchadnezzar king of Babylon had left, he appointed Gedaliah the son of Ahikam, son of Shaphan, governor. )
25:23 “เมื่อบรรดาผู้บังคับบัญชากองทัพทั้งตัวเขาทั้งหลาย และคนของเขาได้ยินว่า พระราชาแห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์ให้เป็นเจ้าเมือง พวกเขามาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คนเหล่านี้คืออิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ และ โยฮานันบุตรคาเรอาห์ และเสไรอาห์บุตรทันหุเมทชาวเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์บุตรคนตระกูลมาอาคาห์ ทั้งตัวพวกเขาและคนของเขา
(Now when all the captains and their men heard that the king of Babylon had appointed Gedaliah governor, they came with their men to Gedaliah at Mizpah, namely, Ishmael the son of Nethaniah, and Johanan the son of Kareah, and Seraiah the son of Tanhumeth the Netophathite, and Jaazaniah the son of the Maacathite. )
25:24 “และเกดาลิยาห์ก็ทำสัตย์สาบานแก่พวกเขาและคนของเขาว่า “อย่ากลัวข้าราชการเคลเดียเลย จงอาศัยในแผ่นดิน และปรนนิบัติพระราชาแห่งบาบิโลน แล้วท่านก็จะอยู่เย็นเป็นสุข”
(And Gedaliah swore to them and their men, saying, “Do not be afraid because of the Chaldean officials. Live in the land and serve the king of Babylon, and it shall be well with you.”)
25:25 “แต่ในเดือนที่ 7 อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ บุตรเอลีชามา ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ ได้เข้ามาพร้อมกับชาย 10 คน ได้โจมตีและฆ่าเกดาลิยาห์และคนยูดาห์กับคนเคลเดียผู้อยู่ กับท่านที่มิสปาห์เสีย”
(But in the seventh month, Ishmael the son of Nethaniah, son of Elishama, of the royal family, came with ten men and struck down Gedaliah and put him to death along with the Jews and the Chaldeans who were with him at Mizpah.)
25:26 “แล้วประชาชนทั้งสิ้น ทั้งผู้น้อย และผู้ใหญ่ และผู้บังคับบัญชาพลรบได้ลุกขึ้น และไปยังอียิปต์เพราะเขากลัวคนเคลเดีย”
(Then all the people, both small and great, and the captains of the forces arose and went to Egypt, for they were afraid of the Chaldeans.)
25:27 “และอยู่มาในปีที่ 37 ที่เยโฮยาคีนพระราชาแห่งยูดาห์ถูกเนรเทศ ในเดือนที่ 12 เมื่อวันที่ 27 ของเดือนนั้นในปีที่ เอวิลเมโรดักพระราชาแห่งบาบิโลนทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงให้เยโฮยาคีนพระราชาแห่งยูดาห์พ้นจากเรือนจำ”
( And in the thirty-seventh year of the exile of Jehoiachin king of Judah, in the twelfth month, on the twenty-seventh day of the month, Evil-merodach king of Babylon, in the year that he began to reign, graciously freed Jehoiachin king of Judah from prison. )
25:28 “พระองค์ตรัสอย่างเมตตาแก่ท่าน และให้ที่นั่งที่มีเกียรติกว่าบรรดาที่นั่งของบรรดากษัตริย์ ที่อยู่ในกรุงบาบิโลนกับพระองค์”
(And he spoke kindly to him and gave him a seat above the seats of the kings who were with him in Babylon. )
25:29 “เยโฮยาคีนจึงได้ถอดเครื่องแต่งกายของนักโทษออก และได้รับประทานที่โต๊ะเสวยของพระราชาเป็นประจำทุกวันตลอดชีวิต”
(So Jehoiachin put off his prison garments. And every day of his life he dined regularly at the king’s table,)
25:30 “ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ ตามความต้องการในแต่ละวันตลอดชีวิตของท่าน”
(and for his allowance, a regular allowance was given him by the king, according to his daily needs, as long as he lived.)
ข้อมูลมีประโยชน์
25:1 “วันที่ 10 เดือน 10 ปีที่ 9” (in the ninth year of his reign, in the tenth month, on the tenth day of the month) = วันที่ 15 ม.ค. ปี 588 ก่อน ค.ศ. (ดู ยรม.39:1;52:4;อสค.24:1-2)
“เนบูคัดเนสซาร์…ยกทัพทั้งสิ้นของพระองค์มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม” (Nebuchadnezzar king of Babylon came with all his army against Jerusalem ) = เนบูคัดเนสซาร์ได้กำราบเมืองทั้งหมดในยูดาห์แล้ว ยกเว้น ลาคีช และอาเชคาห์ (ยรม.34:7) (ได้มีการขุดค้นพบเศษหม้อแตกจำนวนหนึ่งจารึกภาษาฮีบรูที่ลาคีชในปี 1935 และ 1938 บรรยายถึงสภาพความเป็นอยู่ในลาคีชและอาเชคาห์ ระหว่างที่ถูกบาบิโลนล้อมเมือง
25:2 “ปีที่ 11… วันที่ 9 ของเดือนที่4” (the eleventh year …on the ninth day of the fourth month) = วันที่ 18 ก.ค.ปี 586 ก.ค.ศ. (ยรม.39:2;52:5-7) มีผู้เชี่ยวชาญบางคนใช้เกณฑ์การนับปีแตกต่างออกไปและระบุว่า เยรูซาเล็มล่มสลายในฤดูร้อนปี 587
25:3 “เกิดกันดารอาหารรุนแรง” (the famine was so severe) –ยรม.38:2-9
25:6 “พระราชาแห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์” (the king of Babylon at Riblah) -23:33;ยรม.39:5;52:9
25:7 “ประหารชีวิตบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์” (They slaughtered the sons of Zedekiah)
–ยรม.32:4-5;34:2-3;38:18;39:6-7;52:10-11;อสค.12:13
= ได้พยากรณ์ไว้ว่า เศเดคียาห์ จะถูกนำตัวไปยังบาบิโลน แต่จะไม่ได้เห็นเมืองนั้น เศเดคียาห์จะรอดชีวิต และป้องกันความพินาศของเยรูซาเล็มได้ หากเขาเชื่อฟังเยเรมีย์ (ยรม.38:14-28)
25:8 “วันที่ 7 เดือนที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่ 19” (In the fifth month, on the seventh day of the month that was the nineteenth)= วันที่ 14 ส.ค. ปี 586 ก.ค.ศ. (ยรม.52:12)
25:9 “ได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์” (he burned the house of the Lord) 2พศด.36:19;ยรม.39:8;52:13
25:13 “เสาทองสัมฤทธิ์” (the pillars of bronze)-1พกษ.7:15-22
“แท่น” ( the stands) = แท่นเคลื่อนที่ –1พกษ.7:27-39
“อ่างสาครทองสัมฤทธิ์” (the bronze sea) = บางทีเรียกว่า “ขันสาคร” (1พกษ.7:23-26)
25:14 “เครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ทั้งหมด ซึ่งใช้ในงานของพระวิหารเอาไปเสีย” (all the vessels of bronze used in the temple service) –1พกษ.7:40,45
25:17 “บัวคว่ำนั้นสูงประมาณ 1 เมตร” (The height of the capital was three cubits.) –ใน 1พกษ.7:16; ยรม.52:22 –ระบุว่า หัวเสาสูง 2.3 เมตร (5 ศอก)
25:18 “เสไรอาห์มหาปุโรหิต” (Seraiah the chief priest ) = เป็นหลานของฮิลคียาห์ (22:4; ดู.22:8;1พศด.6:13-14) บุตรชายของเขาคือ เยโฮซาดัก ถูกนำตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน เอสราเป็นลูกหลานคนหนึ่งของเยโฮซาดัก (อสร.7:1)
25:20 “นำคนเหล่านี้พามาเฝ้าพระราชาแห่งบาบิโลนที่ริบลาห์” (took them and brought them to the king of Babylon at Riblah.) –ข.6
25:21 “ยูดาห์จึงถูกกวาดไปเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน” (Judah was taken into exile out of its land)
= การกวาดต้อนชนยูดาห์ไปจากคานาอันเป็นไปตามคำพิพากษาที่มาถึงในรัชกาลมนัสเสห์ (23:27) ถือเป็นคำสาปขั้นรุนแรงที่สุดในพันธสัญญา (ลนต.26:33;ฉธบ.28:36;ยรม.25:8-11)
25:22 “เกดาลิยาห์” (Gedaliah ) -22:12, เขามีแนวคิดไม่ต่อต้านบาบิโลน (ข.24) เช่นเดียวกับเยเรมีย์ ทำให้บาบิโลนไว้ใจแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ว่าการยูดาห์ (ยรม.41:10)
25:23 “มิสปาห์” (Mizpah) = เคยเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางการเมืองในช่วงก่อนที่จะมีระบอบกษัตริย์ (1ซมอ.7:5) เยเรมีย์ไปพบกับเกดาสิยาห์ที่นั่น (ยรม.40:1-6)
“อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์” (Ishmael the son of Nethaniah) = ดูลำดับวงศ์ที่ครบถ้วนอยู่ในข้อ 25
เอลีชามา ปู่ของอิชมาเอลเป็นราชเลขาของเยโฮยาคิม (ยรม.36:12)
“ยาอาซันยาห์” (Jaazaniah) –ในปี 1932 มีการขุดพบตราประทับหินที่เทลเอนนาสเบห์ (มิสปาห์) ที่ชื่อ ยาอาซันยาห์ พร้อมคำจารึกว่า “ของยาอาซันยาห์ผู้รับใช้ของกษัตริย์”
25:24 “จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและปรนนิบัติพระราชาแห่งบาบิโลน” (Live in the land and serve the king of Babylon) = เกดาลิยาห์ สนับสนุนให้ยอมจำนนต่อบาบิโลนเพราะเป็นการพิพากษาจากพระเจ้า เขาสนับสนุนให้ประชาชนดำเนินชีวิตและทำกิจกรรมตามปกติ (ยรม.27)
-เยเรมีย์ก็สนับสนุนแนวคิดเดียวกันนี้กับเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปยังบาบิโลนในปี 597 ก.ค.ศ. (ยรม.29:4-7)
25:25 “ในเดือนที่ 7” (in the seventh month) =เดือนตุลาคม ปี 586 ก.ค.ศ.
“ฆ่าเกดาสิยาห์” (put him to death ) –ยรม.40:13-41:15
ดูเหมือนว่าอิชมาเอลก็อยากขึ้นครองราชย์และไม่พอใจที่เกดาสิยาห์ยอมจำนนต่อบาบิโลน และอิชมาเอลก็อาจถูกพวกอัมโมนหลอกใช้ เพราะชาวอัมโมนเองก็ไม่พอใจการปกครองของบาบิโลนเช่นกัน (ยรม.40:14;41:10,15)
25:26 “ไปยังอียิปต์” (went to Egypt) = หนี้ไปที่อียิปต์ ซึ่งมีฟาโรห์โฮฟรา ปกครองอยู่ (24:20)
25:27 “ในปีที่ 37… วันที่ 27 ของเดือนนี้” (in the thirty-seventh year… on the twenty-seventh day of the month) = วันที่ 22 มีนาคม ปี 561 ก.ค.ศ.
“ปีที่เอวิลเมโรดัก พระราชาแห่งบาบิโลนทรงขึ้นเป็นกษัตริย์” ( Evil-merodach king of Babylon, in the year that he began to reign,) = ปี 561 ก.ค.ศ. (บางคนระบุว่า เขาได้สืบทอดบัลลังก์ในเดือนตุลาคม 562 ก.ค.ศ. (24:1) ชื่อของเขามีความหมายว่า “คนของ(เทพเจ้า)มาร์คุค”
“ทรงให้เยโฮยาคีน…พ้นจากเรือนจำ”(graciously freed Jehoiachin king of Judah from prison) = ในบันทึกของบาบิโลน ได้เอ่ยถึงการจ่ายเสบียงเป็นน้ำมันและข้าวบาร์เลย์ให้แก่นักโทษที่ถูกคุมขังในบาบิโลน และกล่าวถึงเยโฮยาคีน และบุตรชายทั้ง 5 คน (24:15)
25:28 “ตรัสอย่างเมตตาแก่ท่านและให้ที่นั่งที่มีเกียรติกว่า” (he spoke kindly to him and gave him a seat above the seats of the kings) = การพิพากษาชนชาวยูดาห์ให้ตกเป็นเชลยนี้ไม่ได้ทำลายวงศ์วานของ
ดาวิดทั้งหมด พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับวงศ์วานดาวิดยังคงดำรงอยู่ต่อไป (2ซมอ.7:14-16)
คำถามนอภิปราย
- คุณเคยเผชิญกับศึกหนักที่สุดในชีวิตเรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- ในชีวิตของคุณ คุณเคยหนีอะไรหรือหนีใครบ้าง? เพราะอะไร? และในที่สุดเป็นอย่างไร?
- คุณเคยเห็นภัยหรือความหายนะใดที่สยดสยองหรือสะเทือนใจคุณมากที่สุดบ้าง? เพราะอะไร? และสอนอะไรคุณบ้าง?
- ถ้าคุณต้องถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยและต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเหมือนชาวยูดาห์ คุณจะรู้สึกและมีปฏิกริยาตอบสนองอย่างไร? ทำไม?
- การที่พระนิเวศของพระเจ้าถูกทำลาย และข้าวของถูกยึดเอาไป ได้สอนใจอะไรคุณบ้าง? ทำไมพระเจ้าไม่ช่วยปกป้องวิหารของพระองค์
- คุณเคยมุ่งร้ายคิดทำลายล้างผู้ใดหรือไม่? ทำไม? หรือเคยมีคนมุ่งร้ายคิดทำลายล้างคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? และเพราะอะไร?
- คุณเคยได้รับการปลดปล่อย หรือความเมตตาจากผู้ใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? เมื่อไร? และอย่างไร?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับ “การมีความหวัง” ในสภาวะที่สิ้นหวังบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร?
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์