ก่อนสิ้นแผ่นดิน
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 24:1-20
อ้างอิง 2พกษ.24:8-10;25:11-14;23:31;21;12,16;20:17-18;13:23;18:7,21,25;5:2
บทนำ คุณเคยตระหนักหรือไม่ว่า การตัดสินใจและการกระทำของคุณ อาจส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างคุณ อย่างมากมายมหาศาลเกินกว่าที่คุณคาดคิดได้ ดังนั้น จงระมัดระวังในการเลือกและการประพฤติปฏิบัติตัวของคุณให้ดี ก่อนที่ความเสียหายและความเจ็บปวดจะมาเยือน!
บทเรียน
24:1 “ในรัชกาลของเยโฮยาคิม เนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลนยกขึ้นมา และเยโฮยาคิมเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ 3 ปี แล้วก็กลับกบฏต่อพระองค์”
(In his days, Nebuchadnezzar king of Babylon came up, and Jehoiakim became his servant for three years. Then he turned and rebelled against him.)
24:2 “และพระยาห์เวห์ทรงใช้คนเคลเดีย คนซีเรีย คนโมอับและคนอัมโมนมาต่อสู้กับเยโฮยาคิม และทรงใช้เขาทั้ง หลายไปต่อสู้ยูดาห์เพื่อจะทำลายเสีย ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งตรัสทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ รับใช้ของพระองค์”
(And the Lord sent against him bands of the Chaldeans and bands of the Syrians and bands of the Moabites and bands of the Ammonites, and sent them against Judah to destroy it, according to the word of the Lord that he spoke by his servants the prophets. )
24:3 “แท้จริงเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับยูดาห์ ตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ เพื่อจะเอาพวกเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ เพราะบรรดาบาปของมนัสเสห์ ตามทุกอย่างซึ่งท่านได้ทำ”
(Surely this came upon Judah at the command of the Lord, to remove them out of his sight, for the sins of Manasseh, according to all that he had done, )
24:4 “และเพราะโลหิตที่ไร้ความผิดซึ่งท่านได้ทำให้ไหลออกนั้นด้วย เพราะท่านได้ทำให้กรุงเยรูซาเล็มเต็มไปด้วยโลหิตที่ไร้ ความผิด และพระยาห์เวห์ไม่ทรงอภัย”
(and also for the innocent blood that he had shed. For he filled Jerusalem with innocent blood, and the Lord would not pardon. )
24:5 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮยาคิม และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่ หรือ?”
(Now the rest of the deeds of Jehoiakim and all that he did, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Judah? )
24:6 “เยโฮยาคิมจึงทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเยโฮยาคีนพระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(So Jehoiakim slept with his fathers, and Jehoiachin his son reigned in his place. )
24:7 “และพระราชาแห่งอียิปต์ไม่ได้ทรงยกออกมาจากแผ่นดินของพระองค์อีก เพราะพระราชาแห่งบาบิโลนได้ยึดแดนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นของพระราชาแห่งอียิปต์ตั้งแต่ลำห้วยของอียิปต์ถึงแม่น้ำยูเฟรติส”
(And the king of Egypt did not come again out of his land, for the king of Babylon had taken all that belonged to the king of Egypt from the Brook of Egypt to the river Euphrates. Jehoiachin Reigns in Judah)
24:8 “เยโฮยาคีนมีพระชนมายุ 18 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือน พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเนหุชทา บุตรหญิงของเอลนาธันชาวเยรูซาเล็ม”
(Jehoiachin was eighteen years old when he became king, and he reigned three months in Jerusalem. His mother’s name was Nehushta the daughter of Elnathan of Jerusalem. )
24:9 “และพระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างที่บรรพบุรุษของพระองค์ทรงกระทำ”
(And he did what was evil in the sight of the Lord, according to all that his father had done. Jerusalem Captured)
24:10 “ในเวลานั้นข้าราชการของเนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน ยกขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็มล้อมกรุงไว้”
(At that time the servants of Nebuchadnezzar king of Babylon came up to Jerusalem, and the city was besieged.)
24:11 “แล้วเนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนเสด็จมาที่เมืองนั้น ขณะที่พวกข้าราชการของพระองค์ยังล้อม เมืองอยู่”
(And Nebuchadnezzar king of Babylon came to the city while his servants were besieging it, )
24:12 “และเยโฮยาคีนพระราชาแห่งยูดาห์ ทรงมอบพระองค์แก่พระราชาแห่งบาบิโลน ทั้งตัวพระองค์เองพร้อมกับพระราชมารดา ข้าราชการ แม่ทัพ และข้าราชสำนักของพระองค์ แล้วพระราชาแห่งบาบิโลนจับพระองค์เป็นเชลยในปีที่ 8 แห่งรัชกาลของพระองค์”
(and Jehoiachin the king of Judah gave himself up to the king of Babylon, himself and his mother and his servants and his officials and his palace officials. The king of Babylon took him prisoner in the eighth year of his reign )
24:13 “และพระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงขนเอาทรัพย์สินในพระนิเวศของ พระยาห์เวห์และทรัพย์สินในพระราชวัง และทรงตัดทอนภาชนะทองคำ ซึ่งซาโลมอนพระราชาแห่งอิสราเอลทรงสร้างไว้ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้ก่อนแล้ว”
(and carried off all the treasures of the house of the Lord and the treasures of the king’s house, and cut in pieces all the vessels of gold in the temple of the Lord, which Solomon king of Israel had made, as the Lord had foretold. )
24:14 “พระองค์ ทรงกวาดต้อนชาวเยรูซาเล็มไปทั้งหมด คือเจ้านายทั้งหมด นักรบกล้าหาญทั้งหมดไปเป็นเชลย 10,000 คน รวมทั้งช่างฝีมือและช่างเหล็กทั้งหมด ไม่มีใครเหลือนอกจากประชาชนของแผ่นดินที่ยากจนที่สุด”
(He carried away all Jerusalem and all the officials and all the mighty men of valor, 10,000 captives, and all the craftsmen and the smiths. None remained, except the poorest people of the land.)
24:15 “และพระองค์ทรงนำเยโฮยาคีนไปยังบาบิโลน ทั้งพระราชมารดา บรรดาพระมเหสี ข้าราชสำนักของพระองค์ และบุคคลชั้นหัวหน้าของแผ่นดิน พระองค์จับเอาไปเป็นเชลยจากกรุงเยรูซาเล็มถึงบาบิโลน”
(And he carried away Jehoiachin to Babylon. The king’s mother, the king’s wives, his officials, and the chief men of the land he took into captivity from Jerusalem to Babylon. )
24:16 “และพระราชาแห่งบาบิโลนทรงนำเชลยมายังบาบิโลนคือ ทหารทั้งหมด 7,000 คน ช่างฝีมือและช่างเหล็ก 1,000 คน ทุกคนแข็งแรง และเหมาะสำหรับการรบ”
(And the king of Babylon brought captive to Babylon all the men of valor, 7,000, and the craftsmen and the metal workers, 1,000, all of them strong and fit for war. )
24:17 “และพระราชาแห่งบาบิโลนตั้งมัทธานิยาห์พระปิตุลาของเยโฮยาคีนเป็นพระราชาแทนพระองค์ และเปลี่ยนพระนามให้ว่า เศเดคียาห์”
(And the king of Babylon made Mattaniah, Jehoiachin’s uncle, king in his place, and changed his name to Zedekiah.)
24:18 “เศเดคียาห์มีพระชนมายุ 21 พรรษา เมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า ฮามุทาลบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์”
(Zedekiah was twenty-one years old when he became king, and he reigned eleven years in Jerusalem. His mother’s name was Hamutal the daughter of Jeremiah of Libnah.)
24:19 “พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างที่เยโฮยาคิมทรงกระทำ”
(And he did what was evil in the sight of the Lord, according to all that Jehoiakim had done. )
24:20 “เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์ต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์ พระองค์จึงทรงเหวี่ยงทั้งสองไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ เศเดคียาห์ได้กบฏต่อพระราชาแห่งบาบิโลน”
(For because of the anger of the Lord it came to the point in Jerusalem and Judah that he cast them out from his presence.And Zedekiah rebelled against the king of Babylon.)
ข้อมูลมีประโยชน์
24:1 “เนบูคัดเนสซาร์” (Nebuchadnezzar) = ชื่อนี้มีความหมายว่า “เทพเจ้าเนบู ปกป้องบุตรชาย/เขตแดนของข้าพเจ้า”
เขา = บุตรของเนโบโปลัสซาร์ (23:29) และเป็นกษัตริย์ที่ทรงอำนาจมากที่สุดของอาณาจักรบาบิโลนใหม่ (612-539 ก.ค.ศ.)
= ครองราชย์ปี 605 – 562 ก.ค.ศ. (ดนล.1-4)
“ยกขึ้นมา” (came up) = มารุกรานดินแดน –ในปี 605 ก.ค.ศ. เนบูคัดเนสซาร์ ซึ่งเป็นรัชทายาทและแม่ทัพของบาบิโลนได้มีชัยชนะต่อฟาโรห์เนโค และอียิปต์ในสงครามคารมิช และที่ฮามัท (23:29;ยรม.46:2)
ชัยชนะเหล่านี้มีผลในวงกว้างต่อโครงสร้างอำนาจของโลกในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
-เนบูคัดเนสซาร์ยังพิชิต “ดินแดนฮัททิ” ซึ่งในบันทึกของบาบิโลนระบุไว้ว่า รวมถึง “เมืองยูดาห์” ด้วย และดาเนียลเป็น 1 ใน บรรดาเชลยที่ถูกกวาดต้อนด้วย (ดนล.1:1)
-เนบูคัดเนสซาร์ขึ้นครองราชย์หลังจากบิดาเสียชีวิต (อาจตั้งแต่วันที่ 6 กย. 605 ก.ค.ศ.)
“3 ปี” (three years) = 604-602 ก.ค.ศ.
-ในปี 604 ก.ค.ศ. เนบูคัดเนสซาร์กลับมาทางทิศตะวันตก และรับบรรณาการจากพระราชาทุกองค์ในดินแดน “ฮัททิ” ซึ่งเยโฮยาคิมคงเป็นหนึ่งในนั้น
“กลับกบฏต่อพระองค์” (turned and rebelled against him) = เปลี่ยนใจมาคิดกบฏ เนื่องในปี 601
ก.ค.ศ. เนบูคัดเนสซาร์ ยกทัพมาทางตะวันตกเพื่อรบกับอียิปต์ แต่ได้รับการต้านทัพอย่างแข็งแรงจากอียิปต์ สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้เยโฮยาคิมก่อกบฎ ทั้งๆ ที่เยเรมีย์ได้เตือนไว้ก่อนหน้าแล้วว่า อย่าทำ (ยรม.27:9-11)
24:2 “คนเคลเคีย คนซีเรีย คนโมอับ และคนอัมโมน” (the Chaldeans and bands of the Syrians and
bands of the Moabites and bands of the Ammonites ) = กองกำลังของบาบิโลน ซึ่งอาจประจำอยู่ในซีเรีย พร้อมกองกำลังจากเมืองขึ้นอื่น ๆ ถูกส่งมากำราบยูดาห์ที่คิดกบฏ
24:3 “บาปของมนัสเสห์” ( the sins of Manasseh) -21:11-12;23:26-27;ยรม.15:3-4
24:4 “เพราะโลหิตที่ไร้ความผิด” (the innocent blood) = เลือดของผู้บริสุทธิ์ ,ดู 21:16
“พระยาห์เวห์ไม่ทรงอภัย” (the Lord would not pardon) = ไม่ทรงเต็มพระทัยที่จะอภัยให้ (22:17)
24:5 “หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์” (the Book of the Chronicles of the Kings of Judah)
– 1พกษ.14:29
24:6 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) –1พกษ.1:21
เยโฮยาคิมเสียชีวิตไม่นานนักก่อนที่กรุงเยรูซาเล็มจะพ่ายแพ้ต่อการรุกรานของบาบิโลน (ข.8-12)
24:7 “พระราชาแห่งอียิปต์ไม่ได้ทรงยกออกมาจากแผ่นดินของพระองค์อีก” (the king of Egypt did not come again out of his land) = ฟาโรห์แห่งอียิปต์ไม่ได้กลับมาที่ยูดาห์อีกเลย หลังจากพ่ายแพ้ที่
คารเคมิช (ยรม.46:2) ในปี 605 ก.ค.ศ. และเป็นเหตุที่ทำให้เยโฮยาคิม ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอียิปต์ในคราวที่เขากบฏต่อบาบิโลน
“ลำห้วยของอียิปต์” (the Brook of Egypt) –1พกษ.8:65
24:8 “3 เดือน” (three months) = ในพงศาวดารของบาบิโลน ระบุว่า เนบูคัดเนสซาร์ เข้ายึดกรุงเยรูซาเล็มในวันที่ 16 มีนาคม ปี 597 ก.ค.ศ.
-หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่า เยโฮยาคีน เริ่มครองราชย์ในเดือนธันวาคมปี 598 ก.ค.ศ. เป็นเวลายาวนาน 3 เดือน 10 วัน (2พศด.36:9-10)
24:9 “ตามทุกอย่างที่บรรพบุรุษของพระองค์ทรงกระทำ” (according to all that his father had done)
-23:37;ยรม.22:20-30
24:12 “ปีที่ 8 “ (eighth year) = เดือนเมษายน ปี 597 ก.ค.ศ. (2พศด.36:10; ปท.ยรม.52:28 – ใช้หลักเกณฑ์การคิดวันที่อีกแบบหนึ่ง)
24:13 “ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้ก่อนแล้ว” (as the Lord had foretold) –20:13,17
24:14 “หนึ่งหมื่นคน” (10,000 captives) = ตัวเลขนี้อาจรวมนักรบจำนวน 7000 คน และช่างฝีมืออีกราว 1000 คน ที่ระบุไว้ในข้อ 16 (แต่ใน ยรม.52:28 –ระบุจำนวนเชลยไว้แตกต่างกัน)
24:15 “นำเยโฮยาคีนไปยังบาบิโลน” (carried away Jehoiachin to Babylon) = ในฐานะเชลย สำเร็จตามคำพยากรณ์ของเยเรมีย์ (ยรม.22:24-27;2พกษ.25:27-30)
24:17 “มัทธานิยาห์พระปิตุลาของเยโฮยาคีน” (Mattaniah, Jehoiachin’s uncle) –มัทธานิยาห์ เป็นบุตรของโยสิยาห์ (1พศด.3:15;ยรม.1:3) และเป็นพี่ชายของเยโฮยาคิมบิดาของเยโฮยาคีน
“เปลี่ยนพระนามให้ว่า ‘เศเดคียาห์’ “ (changed his name to Zedekiah.)
–ชื่อ “มัทธานิยาห์” หมายความว่า “ของขวัญจากพระยาห์เวห์” ส่วน “เศเดคียาห์” แปลว่า “ความชอบธรรมของพระยาห์เวห์”
= เนบูคัดเนสซาร์อาจต้องการสื่อว่า สิ่งที่เขาทำต่อเยรูซาเล็มและเยโฮยาคีน เป็นสิ่งชอบธรรมและเป็นการประกาศถึงการที่ยูดาห์ยอมจำนนต่อเนบูคัดเนสซาร์(หรือบาบิโลน) -23:34
24:18 “ 11 ปี” (eleven years) = ปี 597-586 ก.ค.ศ.
“เยเรมีย์” (Jeremiah ) -23:31
“ลิบนาห์” (Libnah) -8:22
24:19 “ทำสิ่งชั่วร้าย…ตามทุกอย่างที่เยโฮยาคิมทรงกระทำ” (he did what was evil … according to all that Jehoiakim ) –23:27
-ในรัชกาลของเศเดคียาห์ การกราบไหว้รูปเคารพยังคงเพิ่มขึ้นในเยรูซาเล็ม (2พศด.36:14;อสค.8-11)
-เศเดคียาห์ เป็นผู้นำที่อ่อนไม่เข้มแข็งเด็ดขาด (ยรม.38:5,19) และไม่ยอมฟังพระวจนะของพระเจ้าที่ตรัสผ่านเยเรมีย์ (2พศด.36:12)
24:20 “เศเดคียาห์ได้กบฎต่อพระราชาแห่งบาบิโลน ” (Zedekiah rebelled against the king of Babylon)
= นักตีความพระคัมภีร์เชื่อมโยงการกบฎของเศเดคียาห์ เข้ากับการสืบทอดบัลลังก์ในอียิปต์ในปี 589 ก.ค.ศ. ของฟาโรห์ผู้ทะเยอทะยาน (ยรม.44:30)
-เดิมนั้นเศเดคียาห์ถวายบรรณาการให้กับบาบิโลน (ยรม.29:3) และเดินทางไปด้วยตัวเอง (ยรม.51:59)
-แต่ในที่สุดคงคล้อยตามคำชักชวนของพวกที่ต่อต้านบาบิโลนและสนับสนุนอิยิปต์ (ยรม.37:5;สดด.17:15-16) เขาจึงพยายามจะกู้อิสรภาพจากบาบิโลน โดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ผลลัพธ์ก็คือ โศกนาฎกรรม
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยถูกใครรุกรานหรือเล่นงานอะไรในชีวิตบ้าง? เรื่องราวเป็นอย่างไร? เพราะอะไร? และผลลัพธ์เป็นเช่นไร?
- คุณเองเคยเป็นกบฏหรือต่อต้านผู้ใดหรือใครบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วลงเอยอย่างไร?
- คุณเคยถูกพระเจ้าตีสอนเพราะว่าคุณไม่ยอมฟังคำเตือนผ่านผู้รับใช้ของพระเจ้าหรือคำเตือนในพระคัมภีร์บ้างไหม? อย่างไร?
- คุณเชื่อหรือไม่ว่า บางครั้งพระเจ้าทรงใช้คนไม่เป็นคริสเตียนเพื่อตีสอนหรือลงวินัยพวกคริสเตียน คุณเคยเห็นหรือเคยมีประสบการณ์กับการตีสอนดังที่กล่าวถึงหรือไม่? อย่างไร?
- การที่คุณรู้ว่า การสำนึกผิดกลับใจของเรา ไม่ได้ทำให้โทษที่เกิดจากการกระทำบาปของเราที่จะมีต่อคนรุ่นต่อ ๆ ไปของเรานั้นหมดไป ได้เตือนสติอะไรคุณบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร?
- คุณเคยหวังพึ่งผู้ใดหรืออะไร แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าพึ่งผิด และนำผลเสียหายหรือผลร้ายมาสู่คุณและคนที่อยู่กับคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
- ในชีวิตของคุณเคยยอมจำนนต่อผู้ใด? เรื่องอะไร? ทำไม?
- คุณเคยเห็นผู้ปกครองที่ทำชั่วร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า จนส่งผลกระทบเสียหายอย่างหนักต่อตัวของเขาเอง ประชาชนและประเทศชาติบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และในสถานการณ์เช่นนั้นคุณทำอะไรบ้าง?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์