การปฏิรูปของโยสิยาห์
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 23:1-38
อ้างอิง 2พศด.34:29-34;35:1-36:1
บทนำ ไม่ว่าเราจะเจตนาดีอย่างไรในการกำจัดสิ่งเลว และปฏิรูปให้ดีขึ้น แต่ประวัติศาสตร์มักจะยืนยันให้เห็นสัจธรรมเสมอว่า เมื่อคนดีจากไปคนชั่วก็มักกลับเข้ามาแทนที่ และทำให้สิ่งดีที่ได้ทำไว้ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ครั้งแล้วครั้งเล่า!
บทเรียน
23:1 “แล้วพระราชาทรงใช้พวกเขาไปรวบรวมผู้ใหญ่ทั้งหมดของยูดาห์และของเยรูซาเล็มให้มาเฝ้าพระองค์”
(Then the king sent, and all the elders of Judah and Jerusalem were gathered to him. )
23:2 “พระราชา เสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พร้อมกับคนยูดาห์ทั้งหมด และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งสิ้น รวมทั้งพวกปุโรหิต และพวกผู้เผยพระวจนะ กับประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ และพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือพันธสัญญา ที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาฟัง”
(And the king went up to the house of the Lord, and with him all the men of Judah and all the inhabitants of Jerusalem and the priests and the prophets, all the people, both small and great. And he read in their hearing all the words of the Book of the Covenant that had been found in the house of the Lord. )
23:3 “พระราชา ทรงยืนข้างเสา และทรงทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ว่าจะดำเนินตามพระยาห์เวห์ และจะรักษาพระบัญญัติ พระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ด้วยสุดจิตสุดใจ จะสถาปนาถ้อยคำของพันธสัญญานี้ที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็เข้าร่วมในพันธสัญญานั้น”
(And the king stood by the pillar and made a covenant before the Lord, to walk after the Lord and to keep his commandments and his testimonies and his statutes with all his heart and all his soul, to perform the words of this covenant that were written in this book. And all the people joined in the covenant.)
23:4 “แล้วพระราชาทรงบัญชาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต และพวกปุโรหิตรอง และผู้เฝ้าธรณีประตู ให้นำเครื่องใช้ทั้งสิ้นที่ทำขึ้น สำหรับพระบาอัล สำหรับพระอาเช-ราห์ และสำหรับบริวารทั้งสิ้นของฟ้าสวรรค์ออกมาจากพระวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็ทรงเผาเสียที่ภายนอกกรุงเยรูซาเล็มในทุ่งนา แห่งขิดโรน และขนมูลเถ้าของมันไปยังเบธเอล”
(And the king commanded Hilkiah the high priest and the priests of the second order and the keepers of the threshold to bring out of the temple of the Lord all the vessels made for Baal, for Asherah, and for all the host of heaven. He burned them outside Jerusalem in the fields of the Kidron and carried their ashes to Bethel. )
23:5 “และพระองค์ทรงกำจัดพวกปุโรหิตของรูปเคารพ ผู้ที่บรรดาพระราชาแห่งยูดาห์ได้แต่งตั้งให้เผาเครื่องหอมในปูชนียสถาน สูง ที่เมืองต่างๆ ของยูดาห์ และที่รอบๆ กรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งคนเหล่านั้นที่เผาเครื่องหอมถวายพระบาอัล ถวายดวง อาทิตย์ ดวงจันทร์ และหมู่ดาวประจำราศี และบริวารทั้งสิ้นของฟ้าสวรรค์”
(And he deposed the priests whom the kings of Judah had ordained to make offerings in the high places at the cities of Judah and around Jerusalem; those also who burned incense to Baal, to the sun and the moon and the constellations and all the host of the heavens. )
23:6 “และพระองค์ทรงนำพระอาเช-ราห์ออกจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ไปยังลำธารขิดโรนภายนอกเยรูซาเล็ม และเผาเสีย ที่ลำธารขิดโรน และทรงทุบให้เป็นผงคลีและเหวี่ยงผงคลีนั้นลงบนหลุมศพของ สามัญชน”
(And he brought out the Asherah from the house of the Lord, outside Jerusalem, to the brook Kidron, and burned it at the brook Kidron and beat it to dust and cast the dust of it upon the graves of the common people.)
23:7 “และพระองค์ทรงรื้อที่พักของเทวทาส ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์และเป็นที่ที่ผู้หญิงทอม่านสำหรับพระอาเช-ราห์”
(And he broke down the houses of the male cult prostitutes who were in the house of the Lord, where the women wove hangings for the Asherah. )
23:8 “และพระองค์ทรงให้ปุโรหิตทั้งหมดออกจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และทรงทำให้ปูชนียสถานสูงคือที่ซึ่งปุโรหิตได้เผาเครื่อง หอมเสียความศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เมืองเกบาถึงเบเออร์เชบา และพระองค์ทรงทำลายปูชนียสถานสูงของประตู ซึ่งอยู่ตรงทาง เข้าประตูของโยชูวาผู้ว่าราชการเมือง ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือที่ประตูเมือง”
(And he brought all the priests out of the cities of Judah, and defiled the high places where the priests had made offerings, from Geba to Beersheba. And he broke down the high places of the gates that were at the entrance of the gate of Joshua the governor of the city, which were on one’s left at the gate of the city. )
23:9 “ถึงอย่างไรก็ดี ปุโรหิตแห่งปูชนียสถานสูงไม่ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาของพระยา ห์เวห์ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่เขาทั้งหลายกิน ขนมปังไร้เชื้อ ท่ามกลางพวกพี่น้องของเขาเอง”
(However, the priests of the high places did not come up to the altar of the Lord in Jerusalem, but they ate unleavened bread among their brothers. )
23:10 “และพระองค์ทรงทำให้โทเฟทที่อยู่ในหุบเขาเบนฮินโนมเสียความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะไม่มีใครถวายบุตรชายหญิงของตน ให้ ลุยไฟเป็นเครื่องบูชาต่อพระโมเลค”
(And he defiled Topheth, which is in the Valley of the Son of Hinnom, that no one might burn his son or his daughter as an offering to Molech. )
23:11 “และพระองค์ทรงกำจัดม้าซึ่งบรรดาพระราชาแห่งยูดาห์ได้ถวายแก่ ดวงอาทิตย์ ที่ตรงทางเข้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ข้างห้องนาธันเมเลคข้าราชสำนักซึ่งอยู่ในบริเวณที่โล่ง และพระองค์ทรงเผารถรบของดวงอาทิตย์เสียด้วยไฟ”
(And he removed the horses that the kings of Judah had dedicated to the sun, at the entrance to the house of the Lord, by the chamber of Nathan-melech the chamberlain, which was in the precincts. And he burned the chariots of the sun with fire. )
23:12 “และแท่นบูชาบนหลังคาห้องชั้นบนของอาหัส ซึ่งบรรดาพระราชาของยูดาห์ได้สร้างไว้ และแท่นบูชาซึ่งมนัสเสห์ได้สร้างไว้ในลานทั้งสองของพระนิเวศ ของพระยาห์เวห์ พระราชาทรงรื้อลงมาและหักเสียเป็นชิ้นๆ และทรงเหวี่ยงผงคลีของมัน ลงไปในลำธารขิดโรน”
(And the altars on the roof of the upper chamber of Ahaz, which the kings of Judah had made, and the altars that Manasseh had made in the two courts of the house of the Lord, he pulled down and broke in pieces and cast the dust of them into the brook Kidron.)
23:13 “และพระราชาทรงทำให้ปูชนียสถานสูงซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกรุง เยรูซาเล็ม และอยู่ทางใต้ของภูเขาแห่งความพินาศนั้นเสียความศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่นซาโลมอนพระราชาแห่งยูดาห์ได้สร้างไว้สำหรับ พระอัชทาโรทสิ่งน่าเกลียดน่าชังของชาวไซดอน และสำหรับพระเคโมชสิ่งน่าเกลียดน่าชังของโมอับ และสำหรับพระมิลโคมสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของคนอัมโมน”
(And the king defiled the high places that were east of Jerusalem, to the south of the mount of corruption, which Solomon the king of Israel had built for Ashtoreth the abomination of the Sidonians, and for Chemosh the abomination of Moab, and for Milcom the abomination of the Ammonites. )
23:14 “และพระองค์ทรงทุบเสาศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นๆ และโค่นบรรดาเสาอาเช-ราห์ลงเสีย แล้วเอากระดูกมนุษย์ถมที่นั้น”
(And he broke in pieces the pillars and cut down the Asherim and filled their places with the bones of men.)
23:15 “ยิ่งกว่านั้นอีก แท่นบูชาที่เบธเอลกับปูชนียสถานสูงซึ่งตั้งขึ้นโดยเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย พระองค์ทรงรื้อแท่นบูชากับปูชนียสถานสูงนั้นลง และทรงเผาปูชนียสถานสูงนั้น แล้วบดให้เป็นผงและพระองค์ทรงเผา เสาอาเช-ราห์ด้วย”
(Moreover, the altar at Bethel, the high place erected by Jeroboam the son of Nebat, who made Israel to sin, that altar with the high place he pulled down and burned, reducing it to dust. He also burned the Asherah. )
23:16 “และเมื่อโยสิยาห์ทรงหันไป ทอดพระเนตรอุโมงค์ฝังศพซึ่งอยู่บนภูเขา พระองค์ทรงใช้ให้ไปเอากระดูกออกมาจากอุโมงค์ และเผาเสียบนแท่นบูชา และทรงทำให้เสียความศักดิ์สิทธิ์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งคนของพระเจ้าผู้ซึ่งป่าว ร้อง ถึงสิ่งเหล่านี้ได้ป่าวร้องไว้”
(And as Josiah turned, he saw the tombs there on the mount. And he sent and took the bones out of the tombs and burned them on the altar and defiled it, according to the word of the Lord that the man of God proclaimed, who had predicted these things. )
23:17 “แล้วพระองค์ตรัสว่า “อนุสาวรีย์ที่เรามองเห็นข้างโน้นคืออะไร?” คนเมืองนั้นก็ทูลพระองค์ว่า “เป็นอุโมงค์ฝังศพของคน ของพระเจ้า”
(Then he said, “What is that monument that I see?” And the men of the city told him, “It is the tomb of the man of God who came from Judah and predicted these things that you have done against the altar at Bethel.” )
23:18 “และพระองค์ตรัสว่า “ให้เขาอยู่ที่นั่นแหละ อย่าให้ใครย้ายกระดูกของเขา” เขาทั้งหลายจึงทิ้งกระดูกของเขาไว้อย่างนั้น พร้อมกับกระดูกของผู้เผยพระวจนะผู้ออกมาจากสะมาเรีย”
(And he said, “Let him be; let no man move his bones.” So they let his bones alone, with the bones of the prophet who came out of Samaria.
23:19 “โยสิยา ห์ทรงกำจัดนิเวศทั้งสิ้นของปูชนียสถานสูง ที่อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย ซึ่งบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอลได้ ทรงสร้างไว้ ทำให้พระยาห์เวห์กริ้ว พระองค์ทรงทำต่อที่เหล่านั้นเหมือนทุกอย่างที่ทรงทำที่เบธเอล”
(And Josiah removed all the shrines also of the high places that were in the cities of Samaria, which kings of Israel had made, provoking the Lord to anger. He did to them according to all that he had done at Bethel. )
23:20 “และพระองค์ทรงประหารปุโรหิตทั้งหมดแห่งปูชนียสถานสูง ผู้อยู่ที่นั่นข้างแท่นบูชา และทรงเผากระดูกคนบนแท่นเหล่านั้น แล้วพระองค์ก็เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม”
(And he sacrificed all the priests of the high places who were there, on the altars, and burned human bones on them. Then he returned to Jerusalem.)
23:21 “พระราชาทรงบัญชาประชาชนทั้งหมดว่า “จงถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ดังที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้”
(And the king commanded all the people, “Keep the Passover to the Lord your God, as it is written in this Book of the Covenant.” )
23:22 “เพราะว่าเทศกาลปัสกาเหมือนอย่างนี้ไม่เคยถือกันมาตั้งแต่สมัยผู้ วินิจฉัยปกครองอิสราเอล จนถึงสมัยบรรดาพระราชา แห่งอิสราเอลและพระราชาแห่งยูดาห์”
(For no such Passover had been kept since the days of the judges who judged Israel, or during all the days of the kings of Israel or of the kings of Judah. )
23:23 “แต่ในปีที่ 18 แห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ มีการถือเทศกาลปัสกาอย่างนี้ถวายแด่พระยาห์เวห์ในกรุงเยรูซาเล็ม”
(But in the eighteenth year of King Josiah this Passover was kept to the Lord in Jerusalem.)
23:24 “ยิ่งกว่านั้นอีก โยสิยาห์ได้กำจัดคนทรงและแม่มด เทราฟิม และรูปเคารพ และสิ่งน่าเกลียดน่าชังซึ่งเห็นกันอยู่ในแผ่นดิน ยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพระองค์จะทรงสถาปนาถ้อยคำแห่งธรรมบัญญัติ ซึ่งเขียนอยู่ในหนังสือที่ฮิลคียาห์ ปุโรหิตได้พบใน พระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(Moreover, Josiah put away the mediums and the necromancers and the household gods and the idols and all the abominations that were seen in the land of Judah and in Jerusalem, that he might establish the words of the law that were written in the book that Hilkiah the priest found in the house of the Lord. )
23:25 “ก่อนพระองค์ก็ไม่มีพระราชาองค์ใดเหมือนพระองค์ ผู้หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจและด้วยสุดกำลัง ตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส หลังพระองค์ก็ไม่มีพระราชาองค์ใดขึ้นมาเหมือนพระองค์”
(Before him there was no king like him, who turned to the Lord with all his heart and with all his soul and with all his might, according to all the Law of Moses, nor did any like him arise after him.)
23:26 “ถึงกระนั้น พระยาห์เวห์ก็ไม่ทรงหันจากพระพิโรธอันแรงกล้าและยิ่งใหญ่ ของพระองค์ พระพิโรธของพระองค์ได้พลุ่งขึ้นอยูดาห์ เนื่องด้วยการกระทำของมนัสเสห์ที่ทำให้พระองค์กริ้ว”
(Still the Lord did not turn from the burning of his great wrath, by which his anger was kindled against Judah, because of all the provocations with which Manasseh had provoked him. )
23:27 “ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะให้ยูดาห์ออกไปให้พ้นหน้าเราด้วย เหมือนที่เราได้ทำต่ออิสราเอล และเราจะเหวี่ยงเมืองนี้ซึ่งเราได้เลือกออกไปเสียคือ เยรูซาเล็มกับนิเวศ ซึ่งเราได้บอกว่านามของเราจะอยู่ที่นั่น”
(And the Lord said, “I will remove Judah also out of my sight, as I have removed Israel, and I will cast off this city that I have chosen, Jerusalem, and the house of which I said, My name shall be there.”)
23:28 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ได้บันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the acts of Josiah and all that he did, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Judah? )
23:29 “ในสมัยของพระองค์ ฟาโรห์เนโคพระราชาแห่งอียิปต์เสด็จขึ้นไปยังพระราชาแห่ง อัสซีเรียถึงแม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์เสด็จไปปะทะกับฟาโรห์ และเมื่อฟาโรห์ทรงเห็นพระองค์ก็ประหารพระองค์เสียที่เมืองเมกิดโด”
(In his days Pharaoh Neco king of Egypt went up to the king of Assyria to the river Euphrates. King Josiah went to meet him, and Pharaoh Neco killed him at Megiddo, as soon as he saw him.)
23:30 “ข้าราชการของพระองค์ก็นำพระศพใส่รถรบไปจากเมืองเมกิดโด และนำมายังกรุงเยรูซาเล็ม และฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของพระองค์ แล้วประชาชนในแผ่นดินนั้นก็นำเยโฮอาหาสพระราชโอรสของ โยสิยาห์มาและเจิมพระองค์ แล้วตั้งให้เป็นพระราชาแทนพระราชบิดา”
(And his servants carried him dead in a chariot from Megiddo and brought him to Jerusalem and buried him in his own tomb. And the people of the land took Jehoahaz the son of Josiah, and anointed him, and made him king in his father’s place.)
23:31 “เยโฮอา หาสมีพระชนมายุ 23 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือน พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า ฮามุทาล บุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์”
(Jehoahaz was twenty-three years old when he began to reign, and he reigned three months in Jerusalem. His mother’s name was Hamutal the daughter of Jeremiah of Libnah.)
23:32 “พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ”
(And he did what was evil in the sight of the Lord, according to all that his fathers had done.
23:33 “และฟาโรห์เนโคก็ทรงจับพระองค์ขังไว้ที่ริบลาห์ในแผ่นดิน ฮามัท เพื่อไม่ให้พระองค์ปกครองในเยรูซาเล็มและกำหนด บรรณาการจากแผ่นดินนั้นเป็นเงิน 100 ตะลันต์ และทองคำ 1 ตะลันต์”
(And Pharaoh Neco put him in bonds at Riblah in the land of Hamath, that he might not reign in Jerusalem, and laid on the land a tribute of a hundred talents of silver and a talent of gold. )
23:34 “และฟาโรห์เนโคทรงตั้งเอลียาคิมพระราชโอรสของโยสิยาห์เป็น พระราชาแทนโยสิยาห์พระราชบิดา และทรงเปลี่ยนชื่อให้เป็นเยโฮยาคิม แต่ได้ทรงพาเยโฮอาหาสไปเสีย และท่านมาถึงอียิปต์และสิ้นชีวิตที่นั่น”
(And Pharaoh Neco made Eliakim the son of Josiah king in the place of Josiah his father, and changed his name to Jehoiakim. But he took Jehoahaz away, and he came to Egypt and died there. )
23:35 “เยโฮยาคิมทรงมอบเงินและทองคำแก่ฟาโรห์ แต่พระองค์ทรงเก็บภาษีจากประชาชนของแผ่นดิน เพื่อมอบเงินตามบัญชาของฟาโรห์ พระองค์ทรงเร่งรัดเอาเงินและทองคำจากทุกคน ตามการประเมินเพื่อมอบแก่ฟาโรห์เนโค”
(And Jehoiakim gave the silver and the gold to Pharaoh, but he taxed the land to give the money according to the command of Pharaoh. He exacted the silver and the gold of the people of the land, from everyone according to his assessment, to give it to Pharaoh Neco.)
23:36 “เยโฮยาคิม มีพระชนมายุ 25 พรรษา เมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เศบิดาห์บุตรหญิงของเปดายาห์ชาวรูมาห์”
(Jehoiakim was twenty-five years old when he began to reign, and he reigned eleven years in Jerusalem. His mother’s name was Zebidah the daughter of Pedaiah of Rumah. )
23:37 “และพระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ”
(And he did what was evil in the sight of the Lord, according to all that his fathers had done.)
ข้อมูลมีประโยชน์
23:1“ผู้ใหญ่ทั้งหมด” (all the elders) -10:1
23:2“ทรงอ่านถ้อยคำ” (read in their hearing all the words)
“ในหนังสือพันธสัญญา” (the Book of the Covenant ) –ใน อพย.24:7 คำ ๆ นี้หมายถึงเนื้อหาใน อพยพ 20-23 แต่ในที่นี้หมายถึงพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติส่วนหนึ่งหรือทั้งเล่ม หรือหมายถึง ธรรมบัญญัติทั้งหมดของโมเสส -แต่ไม่ว่าจะหมายถึงเล่มใด แต่ก็มีคำสาปตามพันธสัญญา ใน ลนต.26 และหรือ ฉธบ.28 รวมอยู่ด้วย (ข.21;22:8,11)
23:3“เสา”(the pillar) -11:14, “ทรงทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” (made a covenant before the Lord)
= ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญา, = โยสิยาห์ได้ทำหน้าที่คนกลางตามพันธสัญญาเทียบกับโมเสส (อพย.24:3-8,ฉธบ) โยชูวา
(ยชว.24), 1 ซามูเอล (1ซมอ.11:14-12:25), เยโฮยาดา 2พกษ.11:17)
“ว่าจะดำเนินตามพระยาห์เวห์” (to walk after the Lord) = จะติดตามพระเจ้า –1ซมอ.12:14,20
“เข้าร่วมในพันธสัญญานั้น” (joined in the covenant)= เป็นไปได้ว่า มีการประกอบพิธียืนยันพันธสัญญา ซึ่งประชาชน
เข้าร่วมและปฏิญาณว่าจะซื่อสัตย์ต่อเงื่อนไขของพันธสัญญา อาจเป็นการกระทำเป็นสัญลักษณ์
23:4“ผู้เฝ้าธรณีประตู” (the keepers of the threshold) = นายประตู -12:9, “พระบาอัล…พระอาเชราห์” (for Baal, for Asherah)
–1พกษ.14:15, “บริวารทั้งสิ้นของฟ้าสวรรค์” (all the host of heaven) = ดวงดาวทั้งปวง -17:16
“ทุ่งนาแห่งขิดโรน” ( the fields of the Kidron) = หุบเขาขิดโรน –อสย.22:7;1พกษ.15:13
“ขน…ไปยังเบธเอล” (carried their ashes to Bethel) = เบธเอล ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนระหว่างยูดาห์ และอาณาจักรเหนือในอดีต เป็นพื้นที่ซึ่งปกติอยู่ภายใต้การควบคุมของอัสซีเรีย เมื่ออำนาจของอัสซีเรียน้อยลง โยสิยาห์สามารถขยายอิทธิพลขึ้นมาทางเหนือ -เขาคงทิ้งเถ้าถ่านที่เบธเอลเพื่อทำให้สถานที่นมัสการลูกวัวทองคำหมดความศักดิ์สิทธิ์ (ข.14;1พกษ.12:28-30)
23:5“ปุโรหิตของรูปเคารพ” (the priests) = ของพระทั้งหลาย –ฮชย.10:5;ศฟย.1:4
“บรรดาพระราชาแห่งยูดาห์”(whom the kings of Judah)= มนัสเสห์และอาโมน (อาจรวมถึงอาหัสด้วย)
“ปูชนียสถานสูง” (the high places) = สถานนมัสการบนที่สูง -18:4
23:6 “พระอาเชราห์” ( the Asherah) = เสาเจ้าแม่อาเซราห์ –1พกษ.14:15 =เสาที่เฮเซคียาห์ทำลายไป (18:4) ถูกนำกลับมาอีกครั้งโดยนมัสเสห์ (21:7) เมื่อนมัสเสห์กลับใจมาหาพระเจ้า แต่เขาอาจมีอายุมากเกินกว่าจะกำจัดเสาเจ้าแม่อาเซราห์ (2พศด.33:15) ต่อมาอาโมนจึงได้นำเสาเหล่านี้กลับมานมัสการ (2พกษ.21:21;2พศด.33:22)
“เหวี่ยงผลคลีนั้นลงบนหลุมศพของสามัญชน” (cast the dust of it upon the graves of the common people)
= ตั้งใจดูหมิ่นเจ้าแม่อาเชราห์ (ยรม.26:23)
23:7“เทวทาส” ( the houses of the male) = โสเภณีชาย ,1พกษ.14:24
23:8“ทำลายปูชนียสถานสูง” (defiled the high places) -18:4 , “เกบาถึงเบเออร์เชบา” (Geba to Beersheba) = เกบา
เป็นชายแดนทางเหนือของอาณาจักรใต้ (1พกษ.15:22) และเบเออร์เชบา อยู่ที่ชายแดนทางใต้ของยูดาห์ (1ซมอ.3:30)
23:9“กินขนมปังไร้เชื้อ” (ate unleavened bread) = แม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้รับใช้ที่แท่นบูชาในพระวิหาร แต่ปุโรหิตเหล่านี้ก็ เลี้ยงชีพด้วยส่วนแบ่งอาหารของปุโรหิต(ลนต.2:10;6:16-18)โดยถือว่าอยู่ในสถานะเดียวกับปุโรหิตที่พิการ(ลนต.21:16-23)
23:10 “โทเฟท…พระโมเลค” (Topheth … to Molech) –1พกษ.11:5; โทเฟทอยู่ในบริเวณหุบเขาฮินโนมซึ่งมีแท่นบูชา สำหรับบูชายัญเด็กแก่พระโมเลคตั้งอยู่ (อสย.30:33;ยรม.7:31;19:5-6)
“ถวายบุตรชายหญิงของตนให้ลุยไฟเป็นเครื่องบูชา”(burn his son or his daughter as an offering)17:17;21:6;16:3
23:11 “กำจัดม้า…ถวายแก่ดวงอาทิตย์” (removed the horses … dedicated to the sun) = รูปปั้นม้า ถ้าเป็นม้าที่มีชีวิตก็คงเป็นม้าที่ใช้ลากรถม้าศึกที่มีรูปของเทพดวงอาทิตย์ในพิธีกรรมทางศาสนา
“นาธันเมเลค”(Nathan-melech) = อาจเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลรับผิดชอบรถม้าศึก
23:12 “แท่นบูชาบนหลังคาห้องชั้นบน” (the altars on the roof of the upper chamber) = แท่นบูชาบนดาดฟ้าใช้นมัสการดวงดาว (ยรม.19:13;ศฟย.1:5), ตั้งขึ้นโดยอาหัส (2พกษ.16:3-4,10-16), มนัสเสห์ (21:3), และอาโมน(21:21-22)
23:14 “เอากระดูกมนุษย์ถมที่นั่น” (the bones of men) กระดูกคนตายจะทำให้สถานที่เหล่านั้นแปอเปื้อนและใช้การไม่ได้ สำหรับการบูชาพระต่างชาติในอนาคต (กดว.19:16)
23:15 “แท่นบูชาที่เบธเอล” (the altar at Bethel) –ดู 1พกษ.12:32-33 ไม่มีการกล่าวถึงลูกวัวทองคำซึ่งคงถูกส่งไปบรรณาการแก่อัสซีเรียแล้วเมื่ออาณาจักรเหนือถูกยึดครอง (ฮชย.10:5-6)
23:16 “อุโมงค์ฝังศพ” (the tombs ) = สุสานของปุโรหิตแห่งสถานบูชาที่เบธเอล (1พกษ.13:2)
“เผาเสียบนแท่นบูชา” (burned them on the altar) = เพื่อทำให้แท่นนี้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ –ข.6,14
“ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งคนของพระเจ้าผู้ซึ่งป่าวร้องถึงสิ่งเหล่านี้” (the word of the Lord that the man of God proclaimed) –1พกษ.13:1-2,32
23:18 “ผู้เผยพระวจนะผู้ออกมาจากสะมาเรีย” (the prophet who came out of Samaria) –1พกษ.13:31-32
-สะมาเรียในที่นี้ไม่ใช่เมืองสะมาเรีย เนื่องจากผู้เผยพระวจนะผู้นี้มาจากเบธเอล (1พกษ.13:11) และเมืองสะมาเรียยังไม่ได้ก่อตั้งขึ้น (1พกษ.16:24) จึงน่าจะหมายถึงชื่อที่ใช้เรียกอาณาจักรเหนือโดยรวมในอดีต (17:24,29;1พกษ.13:32)
23:20 “ประหารปุโรหิตทั้งหมดแห่งปูชนียสถานสูง” ( the priests of the high places) = พวกปุโรหิตที่ไม่ได้มาจากเผ่าเลวี แต่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อประกอบพิธีการนมัสการพระต่างชาติในอาณาจักรเหนือ (17:27-28,33-34) โยสิยาห์ ปฏิบัติต่อ คนเหล่านี้ตรงข้ามกับบรรดาปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงในยูดาห์(ข.8-9) ซึ่งการกระทำของโยสิยาห์ในที่นี้เป็นไปตาม ข้อกำหนดใน ฉธบ.13:17:2-7
23:21 “จงถือเทศกาลปัสกา” (Keep the Passover) =จงฉลองปัสกา (2พศด.35:1-19)
“ดังที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้” (written in this Book of the Covenant) –ข.2 ดูเหมือนจะอ้างอิงถึง ฉธบ.16:1-8 ซึ่งบรรยายว่า ปัสกาคือการชุมนุมร่วมกันในสถานนมัสการ (อยพ.23:15-17;34:23-24;ลนต.23:4-14) แทนที่อยู่ในครอบครัวเหมือนใน อพย.12:1-14,43-49
23:22 “เทศการปัสกา” (Passover) = ในที่นี้ลักษณะเด่นของการฉลองปัสกาของโยสิยาห์อยู่ที่แกะปัสกาทุกตัวถูกฆ่าโดยคนเลวี ทั้งหมด (2พศด.35:1-19 เปรียบกับ 2พศด.30:2-3,17-20 )ซึ่งกล่าวถึงปัสกาในรัชกาลของเฮเซคียาห์)
23:23“ปีที่ 18” (eighteenth year ) -22:3
23:24“เทราฟิม” (the household gods) = เทพประจำเรือน ,ปฐก.31:19, “รูปเคารพ” (the idols) –ลนต.26:30
23:25“ไม่มีพระราชาองค์ใดเหมือนพระองค์” ( no king like him) -18:5
23:26“ไม่ทรงหันจากพระพิโรธอันแรงกล้าและยิ่งใหญ่ของพระองค์” (did not turn from the burning of his great wrath)
= การพิพากษาต่อยูดาห์และเยรูซาเล็มเพียงเลื่อนเวลาออกไป แต่ไม่ได้ล้มเลิกเพราะการปฏิรูปของโยสิยาห์(21:15;22:20)
23:27“เหมือนที่เราได้ทำต่ออิสราเอล” (as I have removed Israel) = ขจัดอิสราเอล (17:18-23)
“เหวี่ยงเมืองนี้…คือเยรูซาเล็มกับนิเวศ” (cast off this city that I have chosen, Jerusalem, and the house)
-21:4,7,13 , “นามของเราจะอยู่ที่นั่น” ( My name shall be there) –1พกษ.8:16
23:29 “ฟาโรห์เนโคแห่งอียิปต์” (Pharaoh Neco king of Egypt ) = ครองในปี 610 – 595 ก.ค.ศ.
“เสด็จขึ้นไปยังพระราชาแห่งอัสซีเรีย” (went up to the king of Assyria) = เพื่อช่วยอาซูร์อูบัลลิทที่ 2 กษัตริย์องค์
สุดท้ายของอัสซีเรียในการสู้กับบาบิโลนที่กำลังเป็นมหาอำนาจใหม่ ภายใต้เนโบโปลัสซาร์(ในเวลานั้น นีนะเวห์เมืองหลวงของอัสซีเรียตกเป็นของบาบิโลน และมีเดียไปแล้วในปี 612 ก.ค.ศ. (ดูพระธรรมนาฮูม) -กองกำลังที่เหลือของอัสซีเรียรวมตัวกันที่ฮาราน แต่ในปี 609 ก.ค.ศ. -พวกเขาถูกให้เคลื่อนไปทางทิศตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และช่วงนี้เป็นช่วงที่เนโคแห่งอียิปต์เดินทางมาช่วยเหลือ
“กษัตริย์โยสิยาห์เสด็จไปปะทะกับฟาโรห์” (King Josiah went to meet him) = โยสิยาห์อาจไม่ยอมให้ทัพของเนโค ผ่านเมกิดโด (2พศด.35:20-24) เพราะเกรงว่า หากอำนาจของอัสซีเรียหรืออียิปต์เพิ่มขึ้น อาจส่งผลร้ายอการรักษาอิสราภาพของยูดาห์, “เมืองเมกิดโด” (Megiddo) –วนฉ.5:19
23:30 “ฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของพระองค์”(buried him in his own tomb)–2พศด.35:24-25, “ประชาชน”(the people)-21:24
“เยโฮอาหาส” (Jehoahaz) = เขามีชื่อเดิมว่า ชัลลูม (1พศด.3:15;ยรม.22:11) คงเปลี่ยนเป็น เยโฮอาหาสตอนขึ้นครองราชย์ ที่ประชาชนเลือกเยโฮอาหาสแทนที่จะเป็นเยโฮยาคิม เพราะเป็นที่รู้กันว่า เยโฮยาคิมมีนโยบายสนับสนุนอียิปต์ ไม่ใช่ต่อต้านแบบโยสิยาห์และเยโฮอาหาส, “ตั้งให้เป็นพระราชา” (made him king) = เจิมตั้ง –1ซมอ.9:16
23:31 “ 3 เดือน”(three months)=ปี 609 ก.ค.ศ., “เยเรมีย์”(Jeremiah)–ไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์(ยรม.1:1)
“ลิบนาห์”(Libnah)8:22
23:32 “ทำสิ่งชั่วร้าย…ตามทุกอย่างซึ่งบรรพบุรุษ…ได้ทรงกระทำ” (did what was evil … all that his fathers had done) -16:3;21:2,21;อสค.19:3
23:33 “จับพระองค์ขังไว้ที่ริบลาห์” ( put him in bonds at Riblah) = อียิปต์สามารถจับเยโฮอาหาสเป็นนักโทษ และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการ (2พศด.36:3) โดยที่คุมขังไว้ที่กองบัญชาการทหารของเนโคที่ริบลาห์ใกล้แม่น้ำไอรอนเทส ซึ่ง ภายหลังเนบูคัดเนสซาร์ ตั้งกองบัญชาไว้ที่นี่เช่นกัน (25:6,20)
“เงิน 100 ตะลันต์”(hundred talents of silver)= 3.4 ตัน, “ทองคำ 1 ตะลันต์”(a talent of gold)=34 กิโลกรัม
23:34 “เอลียาคิม” (Eliakim)= โอรสของโยสิยาห์เป็นพี่ชายของเยโฮอาหาส (1พศด.3:15) ก่อนหน้านี้ไม่ได้สืบทอดบัลลังก์เพราะมu นโยบายสนับสนุนอียิปต์,
“เยโฮยาคิม” (Jehoiakim) = เปลี่ยนชื่อทั้ง ๆ ที่ความหมายคล้ายกันมาก
“เอลียาคิม” แปลว่า พระเจ้าทรงสถาปนาเปลี่ยนเป็น ”เยโฮยาคิม” แปลว่า “พระยาห์เวห์ทรงสถาปนา” ,เนโคเปลี่ยนชื่อให้คงต้องการสื่อว่า การกระทำของเขานั้น โดยรับการอนุญาตจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของยูดาห์ (18:25;2พศด.35:21) แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เยโฮยาคิมอยู่ภายใต้อำนาจของเนโค
“ทรงพาเยโฮอาหาสไปเสีย…มาถึงอียิปต์และสิ้นชีวิตที่นั่น” (he took Jehoahaz away… came to Egypt and died there) –2พศด.36:4;ยรม.22:10-12
23:35 “ภาษีจากประชาชน” (he taxed) = บรรณาการสำหรับเนโคนี้ได้มาจากการเก็บภาษีประชาชนเพื่อสนับสนุนการขึ้น ครองราชย์ของเยโฮอาหาส (ข.30;21:24) กษัตริย์เมนาเฮมแห่งอาณาจักรเหนือ ก็ใช้วิธีเดียวกันนี้เพื่อหาเงินส่งเป็นเครื่องบรรณาการ (15:20)
23:36 “11 ปี” (eleven years) = ช่วงปี 609-598 ก.ค.ศ.
23:37 “ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์” (did what was evil in the sight of the Lord) = เยโฮยาคิม ต้อง รับผิดชอบต่อการสังหารผู้เผยพระวจนะอุรียาห์ จากคีริยาทเยอาริม (ยรม.26:20-24) และความไม่ซื่อสัตย์ การกดขี่และความอยุตธรรม (ยรม.22:13-19) -เยโฮยาคิมนำการกราบไหว้รูปเคารพกลับเข้ามาในพระวิหารอีกครั้ง (อสค.8:5-17) และไม่ยอมฟังพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางเยเรมีย์ (ยรม.36)
“บรรพบุรุษของพระองค์” (his fathers had done) = มนัสเสห์ (21:1-18) และอาโมน (21:19-26)
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
คำถามนำอภิปราย
1. การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
2. คุณเคยทำพันธสัญญาอะไรกับพระเจ้าโดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นบ้าง? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณทำตามนั้นสำเร็จ
หรือไม่? อย่างไร?
3. คุณเคยกำจัดอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ง่ายหรือยาก? อย่างไร? แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
4. คุณเคยลงทุนหรือเสี่ยงอะไรมากที่สุดในการปฏิรูป?
1) ปฏิรูปชีวิตตัวเอง? 2) ปฏิรูปครอบครัว? 3) ปฏิรูปที่ทำงาน?
4) ปฏิรูปคริสตจักร? 5) ปฏิรูปสังคม/ประเทศ?
ทำอย่างไร? แล้วผลที่ได้คุ้มค่าหรือไม่? อย่างไร?
5. คุณเคย “หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจ และด้วยสุดกำลัง” หรือไม่? แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์?
6. คุณเคยเห็นสิ่งดีที่กระทำโดยคนหนึ่งถูกทำลาย โดยคนที่มาสานต่อบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร?
7. มีความชั่วร้ายใดบ้างที่คุณคิดว่าพระเจ้า
|
ทรงรังเกียจมากในท่ามกลางคริสตจักรและสังคมไทย? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
คำถามนำอภิปราย
1. การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
2. คุณเคยทำพันธสัญญาอะไรกับพระเจ้าโดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นบ้าง? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณทำตามนั้นสำเร็จ
หรือไม่? อย่างไร?
3. คุณเคยกำจัดอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ง่ายหรือยาก? อย่างไร? แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
4. คุณเคยลงทุนหรือเสี่ยงอะไรมากที่สุดในการปฏิรูป?
1) ปฏิรูปชีวิตตัวเอง? 2) ปฏิรูปครอบครัว? 3) ปฏิรูปที่ทำงาน?
4) ปฏิรูปคริสตจักร? 5) ปฏิรูปสังคม/ประเทศ?
ทำอย่างไร? แล้วผลที่ได้คุ้มค่าหรือไม่? อย่างไร?
5. คุณเคย “หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจ และด้วยสุดกำลัง” หรือไม่? แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์?
คำถามนำอภิปราย
การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
คุณเคยทำพันธสัญญาอะไรกับพระเจ้าโดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นบ้าง? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณทำตามนั้นสำเร็จ
หรือไม่? อย่างไร?
คุณเคยกำจัดอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ง่ายหรือยาก? อย่างไร? แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
คุณเคยลงทุนหรือเสี่ยงอะไรมากที่สุดในการปฏิรูป?
ปฏิรูปชีวิตตัวเอง? 2) ปฏิรูปครอบครัว? 3) ปฏิรูปที่ทำงาน?
4) ปฏิรูปคริสตจักร? 5) ปฏิรูปสังคม/ประเทศ?
ทำอย่างไร? แล้วผลที่ได้คุ้มค่าหรือไม่? อย่างไร?
คุณเคย “หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจ และด้วยสุดกำลัง” หรือไม่? แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์?
คุณเคยเห็นสิ่งดีที่กระทำโดยคนหนึ่งถูกทำลาย โดยคนที่มาสานต่อบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร?
มีความชั่วร้ายใดบ้างที่คุณคิดว่าพระเจ้า
|
ทรงรังเกียจมากในท่ามกลางคริสตจักรและสังคมไทย? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
คำถามนำอภิปราย
การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
คุณเคยทำพันธสัญญาอะไรกับพระเจ้าโดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นบ้าง? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณทำตามนั้นสำเร็จ
หรือไม่? อย่างไร?
คุณเคยกำจัดอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ง่ายหรือยาก? อย่างไร? แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
คุณเคยลงทุนหรือเสี่ยงอะไรมากที่สุดในการปฏิรูป?
ปฏิรูปชีวิตตัวเอง? 2) ปฏิรูปครอบครัว? 3) ปฏิรูปที่ทำงาน?
4) ปฏิรูปคริสตจักร? 5) ปฏิรูปสังคม/ประเทศ?
ทำอย่างไร? แล้วผลที่ได้คุ้มค่าหรือไม่? อย่างไร?
คุณเคย “หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจ และด้วยสุดกำลัง” หรือไม่? แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์?
การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?
การปฏิรูปจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจากทุก ๆ ฝ่าย( โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกผู้ใหญ่หรือผู้นำ) คุณเคยมีประสบการณ์ในการร่วมปฏิรูปอะไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่? อย่างไร?