“ภารกิจของคำอธิษฐานไม่ใช่เพื่อโน้มน้าวพระเจ้า แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของคนที่อธิษฐานนั้นต่างหาก”
(The function of prayer is not to influence God, But rather to change the nature of the one who prays.) -Soren Kierkegaard-
ใคร ๆ ก็อธิษฐานได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนอธิษฐานเป็น เหมือนใคร ๆ ก็พูดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนพูดเป็น !
การอธิษฐานที่ปราศจากความคิด หรือการอธิษฐานอย่างไม่เข้าใจ ย่อมไม่ใช่การอธิษฐานอย่างที่พึงจะเป็น!
คนบางคนอาจอธิษฐานได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง แต่นั่นอาจไม่ใช่คำอธิษฐานอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะได้ยิน
สำหรับคนที่ทำบาปหน้าตาเฉย หรือทำบาปภายใต้นามของศาสนานั้น พระเจ้าทรงเกลียดชัง!
พระเจ้าตรัสว่า หากผู้ใดปรารถนาที่จะอธิษฐานอย่างที่พระเจ้าพร้อมจะสดับ –เขาต้องชำระตัว ชำระใจให้สะอาด
-เขาต้องเอาความชั่วของเขาไปให้พ้นพระพักตร์ และสายพระเนตรพระเจ้า
-เขาต้องเลิกทำชั่ว และฝึกทำดี!
“จงชำระตัว และทำตัวเจ้าให้สะอาด จงเอาความชั่วของเจ้าไปให้พ้นจากสายตาเรา จงเลิกทำชั่ว” (อิสยาห์ 1:16)
พระเจ้าบอกว่า หากผู้ใดไม่ทำตามที่กล่าวมาข้างต้น พระเจ้าจะไม่สดับฟังคำอธิษฐานของเขา ไม่ว่าเขาจะทำตัวดูร้อนรน พูดจาแบบฟังดูน่าเลื่อมใสและรักษากฎบัญญัติประเพณีหรือปฏิบัติศาสนกิจอย่างจริงจังมากสักขนาดไหน
พระเจ้าตรัสว่า พระเจ้าเกลียดชังพฤติกรรมแบบหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น!
ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า…
“ใจของเราเกลียดชังวันเทศกาลเลี้ยงข้างขึ้นและวันเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดของเจ้า มันกลายเป็นภาระหนักบนตัวเรา เราแบกจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว เมื่อพวกเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะปิดตาของเราจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมายเราก็จะไม่ฟัง ด้วยมือของพวกเจ้าเต็มด้วยเลือด” (อิสยาห์ 1:14-15)
ดังนั้น คำอธิษฐานของคนที่จริงใจต่อพระเจ้าและต่อตัวเอง จะเป็นคำอธิษฐานที่เปลี่ยนแปลงตัวของเขาเอง เพราะคำอธิษฐานที่ออกมาจากใจของเขาเหล่านั้น จะตรงกับสิ่งที่อยู่ในพระทัยของพระเจ้า และนั่นคือ สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ที่จะให้เขาทำและเป็น!
ดังนั้น หากวันนี้ คุณไม่กล้าอธิษฐานต่อพระเจ้า นั่นเป็นตัวบ่งบอกว่า มีบางสิ่งในใจหรือในชีวิตของคุณที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
หรือตรงกันข้าม หากคุณกล้าหาญมากในการอธิษฐานต่อหน้าฝูงชน และอธิษฐานได้อย่างสละสลวยคล่องแคล่ว
ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่คุณกระทำออกมาผ่านชีวิตของคุณนั้นช่างตรงกันข้ามกับคำอธิษฐานของคุณซะเหลือเกิน นั่นก็เป็นอีกตัวบ่งชี้ที่บอกว่า มีบางอย่างที่ไม่ปกติอยู่ในจิตวิญญาณของคุณ!
ใช่! คุณอาจจะหลอกคนทั้งโลกได้ว่า คุณเป็นคนมีธรรมะ แต่แท้จริงแล้ว คุณหลอกพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าพระองค์ทรงทราบและทรงเห็น “ใจ” ที่แท้จริงของคุณว่าเป็นอย่างไร?
หากคุณยังเล่นบทบาทของ “คนหน้าซื่อใจคด” ที่ปากปราศรัยใจเชือดคอ หรือ ปากว่าตาขยิบ ควบคู่ไปกับการทำร้ายผู้อื่นด้วยคำพูดหรือการกระทำ ทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง หรือทำให้พระเจ้าเสียพระทัยจากพฤติกรรมที่ไม่คงเส้นคงวาในทางของพระเจ้า พระเจ้าจะตีสอนหรืออาจลงโทษคุณ !
แต่หากว่าคุณสำนึกตัว และตระหนักว่า สิ่งที่คุณพูด หรือคุณทำหรือที่คุณอธิษฐานอยู่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ชอบในสาย พระเนตรของพระเจ้า และคุณถ่อมใจกลับใจละทิ้งความคิดและพฤติกรรมบาปชั่วของคุณและรีบเข้ามาหาพระเจ้า ขอ พระเมตตาจากพระองค์ คุณก็จะได้รับการช่วยเหลือและการอวยพรจากพระเจ้ามาแทนที่!
ดังที่พระเจ้าตรัสว่า…
“พระยาห์เวห์ตรัสว่า “มาเถิด ให้พวกเราสู้ความกันถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงเหมือนผ้าแดงก็จะเป็นอย่างขนแกะ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน แต่ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธและกบฏ เจ้าจะถูกกลืนกินด้วยคมดาบ” เพราะว่าพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว” (อิสยาห์ 1:18-20)
ดังนั้น วันนี้ หากว่าคุณจะอธิษฐาน ก็ขอให้คุณอธิษฐานด้วยใจที่อธิษฐานอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ด้วยปากแค่นั้น
และขอให้คำอธิษฐานของคุณในวันนี้ จะเป็นคำอธิษฐานที่เปลี่ยนชีวิตของตัวคุณเอง!
…จะดีไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer