พบหนังสือพระบัญญัติ
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 22:1-20
อ้างอิง 2พศด.34:1-2,8-28;อสย.5:25;42:25;47:11;57:1;21:2;25:3;ยรม.1:2;18:11;24:9;15:18;26:6;37:3,7
บทนำ ในท่ามกลางความมืดมิดสิ้นหวัง พระเจ้ามักประทานความหวังให้เกิดขึ้นเสมอ แต่ในทำนองกลับกัน ในท่ามกลางความหวัง บางครั้งคนบางคนหรือคนที่มาต่อในภายหลังอาจทำให้ความหวังนั้นดับลงก็เป็นได้!
บทเรียน
22:1 “โยสิยาห์มี พระชนมายุ 8 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยดีดาห์บุตรหญิงของอาดายาห์ชาวโบสคาท”
(Josiah was eight years old when he began to reign, and he reigned thirty-one years in Jerusalem. His mother’s name was Jedidah the daughter of Adaiah of Bozkath. )
22:2 “พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย”
(And he did what was right in the eyes of the Lord and walked in all the way of David his father, and he did not turn aside to the right or to the left.)
22:3 “ต่อมาในปีที่ 18 แห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ พระราชาทรงใช้ชาฟานบุตรอาซาลิยาห์ บุตรเมชุลลามราชเลขาปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ตรัสว่า”
(In the eighteenth year of King Josiah, the king sent Shaphan the son of Azaliah, son of Meshullam, the secretary, to the house of the Lord, saying, )
22:4 “จงขึ้นไปหาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต เพื่อให้ท่านนับเงินที่เขานำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เว ห์ ซึ่งผู้เฝ้าธรณีประตูเก็บจากประชาชน”
(“Go up to Hilkiah the high priest, that he may count the money that has been brought into the house of the Lord, which the keepers of the threshold have collected from the people. )
22:5 “และให้มอบไว้ในมือของผู้ทำหน้าที่ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เว ห์ และให้เขาจ่ายแก่คนงานผู้อยู่ในพระ นิเวศของพระยาห์เวห์ เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศ”
(And let it be given into the hand of the workmen who have the oversight of the house of the Lord, and let them give it to the workmen who are at the house of the Lord, repairing the house )
22:6 “คือให้แก่ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง และช่างปูน ทั้งสำหรับซื้อไม้และหินสกัดเพื่อซ่อมแซมพระนิเวศ”
(that is, to the carpenters, and to the builders, and to the masons), and let them use it for buying timber and quarried stone to repair the house. )
22:7 “แต่ไม่ต้องขอบัญชีจากเขาเรื่องเงินที่มอบไว้ในมือของพวกเขา เพราะเขาทำอย่างซื่อสัตย์”
(But no accounting shall be asked from them for the money that is delivered into their hand, for they deal honestly.”)
22:8 “และฮิลคียาห์มหาปุโรหิตพูดกับชาฟานราชเลขาว่า “ข้าพเจ้าได้พบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของ พระยาห์เวห์” และฮิลคียาห์ได้มอบหนังสือนั้นให้ชาฟานและท่านก็อ่าน”
(And Hilkiah the high priest said to Shaphan the secretary, “I have found the Book of the Law in the house of the Lord.” And Hilkiah gave the book to Shaphan, and he read it. )
22:9 “และชาฟานราชเลขาได้เข้าเฝ้าพระราชาและทูลรายงานต่อพระราชาว่า “พวกข้าราชการของพระองค์ได้เทเงินที่พบในพระนิเวศออก และได้มอบไว้ในมือของผู้ทำหน้าที่ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(And Shaphan the secretary came to the king, and reported to the king, “Your servants have emptied out the money that was found in the house and have delivered it into the hand of the workmen who have the oversight of the house of the Lord.” )
22:10 “แล้วชาฟานราชเลขาได้ทูลพระราชาว่า “ฮิลคียาห์ปุโรหิตมอบหนังสือแก่ข้าพระบาทม้วนหนึ่ง” และชาฟานก็อ่านถวายพระราชา”
(Then Shaphan the secretary told the king, “Hilkiah the priest has given me a book.” And Shaphan read it before the king.)
22:11 “ต่อมาเมื่อพระราชาทรงสดับถ้อยคำของหนังสือธรรมบัญญัตินั้น พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์”
(When the king heard the words of the Book of the Law, he tore his clothes. )
22:12 “แล้วพระราชาทรงบัญชาฮิลคียาห์ปุโรหิต และอาหิคัมบุตรชาฟาน และอัคโบร์บุตรมีคายาห์และชาฟานราชเลขา และอาสายาห์คนรับใช้ของพระราชา ตรัสว่า”
(And the king commanded Hilkiah the priest, and Ahikam the son of Shaphan, and Achbor the son of Micaiah, and Shaphan the secretary, and Asaiah the king’s servant, saying, )
22:13 “จง ไปทูลถามพระยาห์เวห์ให้กับเรา และให้กับประชาชน และให้กับยูดาห์ทั้งหมด เกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือนี้ที่ได้พบ เพราะว่าพระพิโรธของพระยาห์เวห์ซึ่งพลุ่งขึ้นต่อพวกเรานั้น ใหญ่หลวงนัก เพราะว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำของหนังสือนี้ ที่จะทำทุกสิ่งตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับพวกเรา”
(“Go, inquire of the Lord for me, and for the people, and for all Judah, concerning the words of this book that has been found. For great is the wrath of the Lord that is kindled against us, because our fathers have not obeyed the words of this book, to do according to all that is written concerning us.”)
22:14 “ฮิลคียาห์ปุโรหิต และอาหิคัม และอัคโบร์ และชาฟาน และอาสายาห์ จึงไปหาฮุลดาห์ผู้เผยพระวจนะหญิงผู้เป็นภรรยาของชัลลูม บุตรของทิกวาห์บุตรฮารฮัสผู้ดูแลเสื้อผ้า (นางอยู่ในเยรูซาเล็มเขตสอง) และพวกเขาได้สนทนากับนาง”
(So Hilkiah the priest, and Ahikam, and Achbor, and Shaphan, and Asaiah went to Huldah the prophetess, the wife of Shallum the son of Tikvah, son of Harhas, keeper of the wardrobe (now she lived in Jerusalem in the Second Quarter), and they talked with her. )
22:15 “และนางบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘จงบอกคนที่ใช้พวกเจ้ามาหาเราว่า”
(And she said to them, “Thus says the Lord, the God of Israel: ‘Tell the man who sent you to me, )
22:16 “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมายังสถานที่นี้ และมายังชาวเมืองนี้ ตามถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือซึ่งพระราชาแห่งยูดาห์ได้อ่านนั้น”
(Thus says the Lord, Behold, I will bring disaster upon this place and upon its inhabitants, all the words of the book that the king of Judah has read. )
22:17 “เพราะพวกเขาละทิ้งเรา และเผาเครื่องหอมถวายพระอื่นๆ ซึ่งทำให้เราโกรธด้วยการกระทำทั้งหมดจากมือ ของเขา ดังนั้นความโกรธของเราจะจุดขึ้นต่อสถานที่นี้ และจะดับไม่ได้”
(Because they have forsaken me and have made offerings to other gods, that they might provoke me to anger with all the work of their hands, therefore my wrath will be kindled against this place, and it will not be quenched. )
22:18 “ส่วนพระราชาแห่งยูดาห์ผู้ใช้พวกเจ้ามาถามพระยาห์เวห์นั้น จงไปบอกเขาว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เรื่องบรรดาถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน”
(But to the king of Judah, who sent you to inquire of the Lord, thus shall you say to him, Thus says the Lord, the God of Israel: Regarding the words that you have heard, )
22:19 “เพราะใจของเจ้าอ่อนน้อม และเจ้าถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำซึ่งเรากล่าวโทษสถานที่นี้และชาวเมือง นี้ ซึ่งจะกลายเป็นที่ร้างและที่ถูกแช่งสาป และเจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า และร้องไห้ต่อหน้าเรา เราเองก็ได้ยินเจ้าด้วย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
(because your heart was penitent, and you humbled yourself before the Lord, when you heard how I spoke against this place and against its inhabitants, that they should become a desolation and a curse, and you have torn your clothes and wept before me, I also have heard you, declares the Lord. )
22:20 “เพราะฉะนั้น ดูสิ เราจะนำเจ้าไปไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า และเจ้าจะถูกนำไปยังอุโมงค์ฝังศพของเจ้าอย่าง สงบสุข และตาของเจ้าจะไม่เห็นเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราจะนำมายัง สถานที่นี้’ ” และเขาทั้งหลายได้นำพระวจนะนั้นมาทูลพระราชา”
(Therefore, behold, I will gather you to your fathers, and you shall be gathered to your grave in peace, and your eyes shall not see all the disaster that I will bring upon this place.’” And they brought back word to the king.)
ข้อมูลมีประโยชน์
22:1 “โยสิยาห์” (Josiah) –ยรม.1:2;25:3
“มีประชนมายุ 8 พรรษา” (was eight years old)
“ครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี” ( he reigned thirty-one years in Jerusalem) = 640-609 ก.ค.ศ. (21:19)
“เยดีดาห์ ธิดาของอาดายาห์จากโบสคาท” (Jedidah the daughter of Adaiah of Bozkath) –ยชว .15:39, โบสคาทตั้งอยู่ในยูดาห์ ในบริเวณลาคีช (ยชว.15:39)
22:2 “พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์”(he did what was right in the eyes of the Lord) = กระทำสิ่งที่ถูกต้อง, ฉธบ.17:19;1พกษ.14:8
“ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์” (walked in all the way of David his father) -18:3, โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ที่ดีองค์สุดท้ายในวงศ์วานของดาวิดก่อนที่จะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและตกเป็นเชลยของบาบิโลน
-เยเรมีย์เป็นผู้เผยพระวจนะในรัชกาลนี้ (ยรม.1:2) และได้กล่าวยกย่องโยสิยาห์อย่างมาก (ยรม.22:15-16)
-เศฟันยาห์ก็เผยพระวจนะในช่วงต้นรัชกาลของโยสิยาห์เช่นกัน (ศฟย.1:1)
22:3 “ในปีที่ 18”(In the eighteenth year) = ปี 622 ก.ค.ศ. ในเวลานั้นโยสิยาห์ อายุ 26 ปี (ข.1) เขาเริ่มรับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์เมื่ออายุ 16 ปี (ปีที่ 8 ของรัชกาล, 2พศด.34:3) ,เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี (ปีที่ 12 ของรัชกาล, 2พศด.34:3) เขาเริ่มขจัดการกราบไหว้รูปเคารพออกไปจากแผ่นดิน
“ชาฟาน”(Shaphan)= ราชเลขา (2ซมอ.8:17) และยังกล่าวถึงบุคคลอีก 2 คนร่วมกับชาฟานใน2พศด.34:8
22:4 “ฮิลคียาห์”(Hilkiah) = มหาปุโรหิต
= เป็นบิดาของอาซาริยาห์ และเป็นปู่ของเสไรอาห์ ซึ่งเป็นมหาปุโรหิตที่ถูกประหารชีวิตในช่วงที่เยรูซาเล็มถูกทำลายโดยบาบิโลน (25:18-21) (แต่ไม่น่าจะเป็นบิดาของเยเรมีย์ –ยรม.1:1)
“นับเงิน …ซึ่งผู้เฝ้าธรณีประตูเก็บจากประชาชน” (count the money …. which the keepers of the threshold have collected from the people.) = เงินที่ปุโรหิตที่เฝ้าประตูพระวิหารเก็บ ในเวลานี้โยสิยาห์ใช้วิธีที่โยอาชคิดค้นเพื่อเก็บเงินสำหรับการฟื้นฟูพระวิหาร (12:1-16;2พศด.34:9)
22:5 “ผู้ทำหน้าที่ดูแลพระนิเวศ” ( the workmen who have the oversight of the house) = ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้บังคับบัญชางานพระวิหาร –2พศด.34:12-13
“คนงาน…เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศ” (the workmen … repairing the house) –2พกษ.12:5,11-14
22:6 “ซ่อมแซมพระนิเวศ” (repair the house) –2พกษ.12:11-12
22:7 “เขาทำอย่างซื่อสัตย์” (for they deal honestly.) –2พกษ.12:15
22:8 “หนังสือธรรมบัญญัติ” ( the Book of the Law) =อาจเป็นสำเนาของพระคัมภีร์หมวดเบญจบรรณทั้งหมด (หรือเป็นเพียงสำเนาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งของพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ) (ฉธบ.31:24-26; 2พศด.34:14) ปท. ฉธบ.28:61;กท.3:10
22:10 “ชาฟานก็อ่านถวายพระราชา” (Shaphan read it before the king) –ยรม.36:21
22:11 “พระราชาทรงสดับถ้อยคำของหนังสือธรรมบัญญัตินั้น” (the king heard the words of the Book of the Law) –2พกษ.22:8
“พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์” (he tore his clothes) -18:37;ยชว.7:6
-เปรียบเทียบปฏิกิริยาของโยสิยาห์กับชองเยโฮยาคิม เมื่อได้อ่านถ้อยคำในหนังสือม้วนของเยเรมีย์ –ยรม.36:24
-คำสาปตามพันธสัญญาใน ลนต.26 และ/หรือ ฉธบ.28 ซึ่งมีโทษสูงสุด คือการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย อาจทำให้โยสิยาห์ทุกขทรมานใจมากที่สุด
22:12 “อาหิคัม” (Ahikam)= บิดาของเกดาสิยาห์ ซึ่งภายหลังเนบูคัดเนสซาร์ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการของยูดาห์ (25:22;ยรม.26:24;39:14)
-เกดาสิยาห์ยังเป็นผู้ช่วยชีวิตเยเรมีย์ตอนที่เขาถูกคุกคามในช่วงรัชกาลของเยโฮยาคิม (ยรม.26:24)
“อัคโบร์” ( Achbor) = บิดาของเอลนาธันซึ่งถูกกล่าวถึงใน 24:8;ยรม.26:22;36:12
“อาสายาห์คนรับใช้ของพระราชา” (Asaiah the king’s servant) = มหาดเล็ก –1ซมอ.8:14
22:13 “จงไปทูลถาม” (Go, inquire) – ปฐก.25:22;1ซมอ.9:9
“พระพิโรธของพระยาห์เวห์ซึ่งพลุ่งขึ้นต่อพวกเรา” (the wrath of the Lord that is kindled against us) –ฉธบ.29:24-28;31:17;อสย.5:25;42:25;อมส.2:4
22:14 “ฮุลดาห์ผู้เผยพระวจนะหญิง” (Huldah the prophetess ) = ภรรยาของชัลลูม -ปท. อพย.15:20; วนฉ.4:4
= อาจเป็นชัลลูมผู้เป็นอาหรือลุงของเยเรมีย์ (ยรม.32:7)
“เขตสอง” (Second Quarter) หรือ = แขวงสอง
= ส่วนหนึ่งของเมือง (ในภาษาฮีบรู วลีนี้แปลว่า “ย่านใหม่” ใน ศฟย.1:10)
= อาจตั้งอยู่บริเวณที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ ระหว่างกำแพงชั้นแรกและชั้นที่สองทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเยรูซาเล็ม –2พกษ.33:14
22:16 “เราจะนำเหตุร้ายมายังสถานที่นี้” ( I will bring disaster upon this place) = เราจะนำหายนะทุกอย่างมายังที่แห่งนี้ –ฉธบ.31:29;ยชว.23:15;ยรม.6:19;11:11;18:11;35:17
“สถานที่นี้”= เยรูซาเล็ม
“ตามถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือ” ( all the words of the book) –ดนล.9:11
22:17 “พวกเขาละทิ้งเรา” (they have forsaken me) –1พกษ.9:9
22:18 “ถามพระยาห์เวห์” ( inquire of the Lord) –ยรม.21:2;327:3,7
22:19 “เพราะใจของเจ้าอ่อนน้อม” (your heart was penitent)= เนื่องด้วยใจของเจ้าน้อมรับ –ข.11
“เจ้าถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” ( you humbled yourself before the Lord) –อพย.10:3;อสย.57:15;16:1;มคา.6:8
“ซึ่งจะกลายเป็นที่ร้างและที่ถูกแช่งสาป” (become a desolation and a curse) –ยรม.24:9; 25:18;26:6; ปท.ลนต.26:31
22:20 “เราจะนำเจ้าไปไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า” (I will gather you to your fathers)= รวบรวมเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษ –1พกษ.1:21
“เจ้าจะถูกนำไปยังอุโมงค์ฝังศพของเจ้าอย่างสงบสุข” (you shall be gathered to your grave in peace) = คำพยากรณ์ว่า โยสิยาห์จะตายก่อนที่พระเจ้าจะพิพากษาเยรูซาเล็มผ่านทางเนบูคัดเนสซาร์
= จึงไม่ขัดแย้งกับการที่โยสิยาห์ตายในสงครามกับฟาโรห์เนโคแห่งอียิปต์ (23:29-30)
= โยสิยาห์ได้รับคำยืนยันว่า การพิพากษาขั้นสุดท้ายสำหรับยูดาห์และเยรูซาเล็มจะไม่เกิดขึ้นในสมัยของเขา –อสย.47:11;57:1;ยรม.18:11;1พกษ.21:29
คำถามนำอภิปราย
1.คุณเคยได้รับมอบหมายหรือให้มีความรับผิดชอบใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ บ้างหรือไม่? อย่างไร?
2.ในชีวิตของคุณ คุณได้ทำอะไรบ้างที่เข้าข่ายว่า “ทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์?” มีเรื่องใดที่คุณภูมิใจมากที่สุด? อย่างไร ?
3.ในชีวิตของคุณมีเรื่องใดที่ทำให้คุณเสียใจมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณออกนอกลู่นอกทางของพระเจ้าไป? อย่างไร?
4.คุณเคยมีส่วนอะไรในการพัฒนาหรือฟื้นฟูคริสตจักรของคุณบ้าง? อย่างไร?
5.คุณเคยมีทีมงานที่ซื่อสัตย์ มีฝีมือที่คุณไว้ใจได้บ้างหรือไม่? คุณทำอะไรด้วยกันและอย่างไร?
6.คุณเคยสัมผัสกับพระเจ้าหรือฤทธิ์เดชของพระเจ้าผ่านการอ่านหรือฟังพระวจนะของพระเจ้าบ้างหรือไม่อย่างไร?
7.คุณเคยแสดงความเชื่อฟังต่อพระวจนะของพระเจ้าที่เด่นชัดที่สุดคือในเรื่องอะไร? อย่างไร? และผลที่ตามมาคืออะไร?
8. คุณเคยได้ยินข่าวร้ายใดที่ทำให้คุณอกสั่นขวัญแขวนมากที่สุดในชีวิตบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และทำไม? แล้วคุณทำอะไรบ้าง? และผลเป็นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์