จะล่มจม!
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 19:1-37
อ้างอิง อสย.37:1-13,14-20;21-38;2พศด.32:20-21
บทนำ คนที่หมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยคำพูดและการกระทำ จะล่มจม!
เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเวลาที่พระเจ้าจะจัดการ หากเราอยู่ฝ่ายพระเจ้า เราก็ไม่เหลืออะไรให้กังวล มีแต่ต้องวางใจ และอดทนรอคอยเวลาของพระองค์เท่านั้น
บทเรียน
19:1 “ต่อมาเมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยิน ก็ฉีกฉลองพระองค์ และเอาผ้ากระสอบคลุมพระองค์ แล้วเสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(As soon as King Hezekiah heard it, he tore his clothes and covered himself with sackcloth and went into the house of the Lord. )
19:2 “และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิมเจ้ากรมวัง เชบนาห์ราชเลขาและพวกปุโรหิตอาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบไปหาผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอส”
(And he sent Eliakim, who was over the household, and Shebna the secretary, and the senior priests, covered with sackcloth, to the prophet Isaiah the son of Amoz. )
19:3 “เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า “เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า ‘วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันถูกติเตียนและอดสู เด็กก็ถึงกำหนดคลอดแต่ไม่มี กำลังเบ่งให้คลอด”
(They said to him, “Thus says Hezekiah, This day is a day of distress, of rebuke, and of disgrace; children have come to the point of birth, and there is no strength to bring them forth. )
19:4 “บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงได้ยินถ้อยคำทั้งสิ้นของ รับชาเคห์ ผู้ที่พระราชาแห่งอัสซีเรียนายของเขาได้ส่งมาเยาะเย้ย พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และพระองค์จะทรงว่ากล่าวเขาด้วยเรื่องถ้อยคำซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงได้ ยิน เพราะฉะนั้นขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่เหลืออยู่นี้’ ”
(It may be that the Lord your God heard all the words of the Rabshakeh, whom his master the king of Assyria has sent to mock the living God, and will rebuke the words that the Lord your God has heard; therefore lift up your prayer for the remnant that is left.” )
19:5 “เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์”
(When the servants of King Hezekiah came to Isaiah, )
19:6 “อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า “จงทูลนายของท่านเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้นซึ่งข้าราชการของพระราชาแห่งอัสซีเรียได้หมิ่นประมาทเรา”
(Isaiah said to them, “Say to your master, ‘Thus says the Lord: Do not be afraid because of the words that you have heard, with which the servants of the king of Assyria have reviled me. )
19:7 “ดูสิ เราจะบรรจุจิตใจอย่างหนึ่งในเขา เพื่อเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วย ดาบในแผ่นดินของเขาเอง’ ”
(Behold, I will put a spirit in him, so that he shall hear a rumor and return to his own land, and I will make him fall by the sword in his own land.’”)
19:8 “รับชาเคห์ได้กลับไป และพบพระราชาแห่งอัสซีเรียกำลังสู้รบกับเมืองลิบนาห์ เพราะเขาได้ยินว่าพระราชาเสด็จออกจาก เมืองลาคีชแล้ว”
(The Rabshakeh returned, and found the king of Assyria fighting against Libnah, for he heard that the king had left Lachish. )
19:9 “และเมื่อพระราชาทรงได้ยินพวกเขากล่าวถึงทีรหะคาห์พระราชาแห่ง คูชว่า “ดูสิ เขาได้ยกออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว” พระองค์จึงส่งบรรดาผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์อีก ตรัสว่า”
(Now the king heard concerning Tirhakah king of Cush, “Behold, he has set out to fight against you.” So he sent messengers again to Hezekiah, saying, )
19:10 “เจ้าจงพูดกับเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ดังนี้ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าของท่านซึ่งท่านพึ่งนั้นหลอกลวงท่านว่า เยรูซาเล็มจะไม่ถูกมอบไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย’”
(“Thus shall you speak to Hezekiah king of Judah: ‘Do not let your God in whom you trust deceive you by promising that Jerusalem will not be given into the hand of the king of Assyria. )
19:11 “ดูสิท่านได้ยินแล้วว่า บรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทำอะไรกับแผ่นดินทั้งหมดบ้าง คือทำลายจนสิ้น แล้วท่านเองจะรอดพ้นหรือ?”
(Behold, you have heard what the kings of Assyria have done to all lands, devoting them to destruction. And shall you be delivered? )
19:12 “บรรดาพระของประชาชาติซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ทำลาย ได้ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นหรือ? คือชนชาติโกซาน ฮาราน เรเซฟและประชาชนของเอเดนซึ่งอยู่ในเทลอัสสาร์”
(Have the gods of the nations delivered them, the nations that my fathers destroyed, Gozan, Haran, Rezeph, and the people of Eden who were in Telassar? )
19:13 “พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน?’ ”
(Where is the king of Hamath, the king of Arpad, the king of the city of Sepharvaim, the king of Hena, or the king of Ivvah?’”Hezekiah’s Prayer)
19:14 “เฮเซ ยาห์ทรงรับจดหมายจากมือของผู้สื่อสารและทรงอ่าน และเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์”
(Hezekiah received the letter from the hand of the messengers and read it; and Hezekiah went up to the house of the Lord and spread it before the Lord. )
19:15 “และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์แต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของ แผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้า สวรรค์และแผ่นดินโลก”
(And Hezekiah prayed before the Lord and said: “O Lord, the God of Israel, enthroned above the cherubim, you are the God, you alone, of all the kingdoms of the earth; you have made heaven and earth.)
19:16 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรมองดู และขอทรงฟังถ้อยคำของเซนนาเคอริบซึ่งเขาได้ส่งมาเย้ย พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์”
(Incline your ear, O Lord, and hear; open your eyes, O Lord, and see; and hear the words of Sennacherib, which he has sent to mock the living God. )
19:17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่พระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทำให้ประชาชาติและแผ่นดินของพวกเขาร้างเปล่า”
(Truly, O Lord, the kings of Assyria have laid waste the nations and their lands )
19:18 “และได้เหวี่ยงพระของพวกเขาลงในกองไฟ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ เป็นไม้และหินเพราะฉะนั้นจึงถูกทำลาย”
(and have cast their gods into the fire, for they were not gods, but the work of men’s hands, wood and stone. Therefore they were destroyed. )
19:19 “ฉะนั้นบัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว”
(So now, O Lord our God, save us, please, from his hand, that all the kingdoms of the earth may know that you, O Lord, are God alone.”)
19:20 “แล้วอิสยาห์บุตรอามอสได้ใช้คนไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าเรื่องเซนนาเคอริบ พระราชาแห่งอัสซีเรียแล้ว’”
(Then Isaiah the son of Amoz sent to Hezekiah, saying, “Thus says the Lord, the God of Israel: Your prayer to me about Sennacherib king of Assyria I have heard. )
19:21 “ต่อไปนี้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับท่านนั้นว่า ‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และเย้ยเจ้าธิดาแห่งเยรูซาเล็มสั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า”
(This is the word that the Lord has spoken concerning him:“She despises you, she scorns you—the virgin daughter of Zion;she wags her head behind you—the daughter of Jerusalem.)
19:22 “เจ้าเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใด? เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด? แล้วเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใด? ต่อองค์ บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ”
(“Whom have you mocked and reviled?Against whom have you raised your voiceand lifted your eyes to the heights?Against the Holy One of Israel!)
19:23 “เจ้าได้เย้ยองค์เจ้านายด้วยผู้สื่อสารของเจ้า และเจ้าได้ว่า “ด้วยรถรบมากมายของข้า ข้าได้ขึ้นไปที่สูงของภูเขา ถึงที่ไกลสุดของเลบานอน ข้าโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลง ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน ข้าเข้าไปยังที่พักไกลลิบที่สุด ของมัน ที่ป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน”
( By your messengers you have mocked the Lord,and you have said, ‘With my many chariotsI have gone up the heights of the mountains,to the far recesses of Lebanon;I felled its tallest cedars,its choicest cypresses;I entered its farthest lodging place,its most fruitful forest.)
19:24 “ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำในดินแดนต่างด้าว ข้าเอาฝ่าเท้าของข้า ทำให้ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์แห้งไป”
(I dug wellsand drank foreign waters,and I dried up with the sole of my footall the streams of Egypt.’)
19:25 “‘เจ้า ไม่ได้ยินหรือ? เราได้จัดไว้นานแล้ว เราได้กะแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์ ณ บัดนี้เราให้เป็นไปแล้ว คือเจ้าจะทำเมือง ที่มีป้อมให้พังลง ให้เป็นกองสิ่งปรักหักพัง”
(“Have you not heardthat I determined it long ago?I planned from days of old what now I bring to pass,that you should turn fortified cities into heaps of ruins, )
19:26 “ส่วนชาวเมืองนั้นก็หมดอำนาจ ตกตลึงและอับอาย กลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่ทุ่งนา และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าบนหลังคาเรือน แห้งไปก่อนที่จะงอกงาม”
(while their inhabitants, shorn of strength,are dismayed and confounded,and have become like plants of the field and like tender grass,like grass on the housetops,blighted before it is grown.)
19:27 “‘แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลง การที่เจ้าออกไปและการที่เจ้าเข้ามา และการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา”
(“But I know your sitting down and your going out and coming in,and your raging against me.)
19:28 “เพราะ การเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา และความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเรา ฉะนั้นเราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า แล้วเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง ซึ่งเจ้ามานั้น”
(Because you have raged against me and your complacency has come into my ears,I will put my hook in your nose and my bit in your mouth,and I will turn you back on the way by which you came.)
19:29 “‘และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือ ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิม แล้วในปีที่สามจงหว่านและเกี่ยวและทำสวนองุ่น และกินผลของมัน”
(“And this shall be the sign for you: this year eat what grows of itself, and in the second year what springs of the same. Then in the third year sow and reap and plant vineyards, and eat their fruit. )
19:30 “คนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ของยูดาห์จะหยั่งรากลงล่าง และเกิดผลขึ้นบน”
(And the surviving remnant of the house of Judah shall again take root downward and bear fruit upward. )
19:31 “เพราะคนที่รอดจะออกจากเยรูซาเล็ม และคนที่เหลืออยู่จะออกจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จะทำ การนี้’”
(For out of Jerusalem shall go a remnant, and out of Mount Zion a band of survivors. The zeal of the Lord will do this.)
19:32 “เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับพระราชาแห่งอัสซีเรียดังนี้ว่า ‘เขาจะไม่เข้าในเมืองนี้ หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาหน้าเมือง หรือสร้างเชิงเทินสู้มัน”
(“Therefore thus says the Lord concerning the king of Assyria: He shall not come into this city or shoot an arrow there, or come before it with a shield or cast up a siege mound against it. )
19:33 “เขามาทางไหน เขาจะกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้าเมืองนี้ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
(By the way that he came, by the same he shall return, and he shall not come into this city, declares the Lord. )
19:34 “เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ไว้ให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ ”
(For I will defend this city to save it, for my own sake and for the sake of my servant David.”)
19:35 “และอยู่มาในคืนนั้น ทูตของพระยาห์เวห์ได้ออกไป และได้ประหารคนในค่ายอัสซีเรียเสีย 185,000 คน และเมื่อคนลุก ขึ้นในเวลาเช้ามืด ดูสิ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นศพ.
(And that night the angel of the Lord went out and struck down 185,000 in the camp of the Assyrians. And when people arose early in the morning, behold, these were all dead bodies. )
19:36 “ดังนั้นเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียจึงยกกลับไป และอยู่ในกรุงนีนะเวห์”
(Then Sennacherib king of Assyria departed and went home and lived at Nineveh. )
19:37 “และอยู่มาเมื่อท่านนมัสการในนิเวศของพระนิสโรค พระของท่าน อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์ พระราชโอรสของท่านก็ประหารท่านด้วยดาบ และหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนพระราชโอรสของท่านก็ขึ้นครองราชย์แทน”
(And as he was worshiping in the house of Nisroch his god, Adrammelech and Sharezer, his sons, struck him down with the sword and escaped into the land of Ararat. And Esarhaddon his son reigned in his place.)
ข้อมูลมีประโยชน์
19:1 “ผ้ากระสอบ” (sackcloth) –6:30
19:2 “เจ้ากรมวัง” (the household) –1พกษ.4:6
“ราชเลขา” (the secretary) –2ซมอ.8:17
“ปุโรหิตอาวุโส” (the senior priests) = อาจเป็นสมาชิกสูงอายุในตระกูลปุโรหิต (ยรม.19:1)
-วิกฤติครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น แต่เกี่ยวพันกับพระวิหารด้วย
“ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์” (the prophet Isaiah) = การกล่าวอ้างถึงอิสยาห์เป็นครั้งแรกในพระธรรมพงศ์กษัตริย์ ทั้ง ๆ ที่อิสยาห์ได้รับใช้กระทำพันธกิจมาตั้งแต่ในสมัยกษัตริย์อุสซียาห์ , โยธาม และอาหัสมาแล้ว (อสย.1:1)
19:3 “เด็กก็ถึงกำหนดคลอด แต่ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด” (hildren have come to the point of birth, and there is no strength to bring them forth) = ภาพเปรียบของภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นกับเมืองนั้นถึงจุดวิกฤติแล้ว
19:4 “พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์” (the living God) = ตรงข้ามกับพระเทียมเท็จใน 18:33-35
ปท. การเย้ยหยันพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ และทรงพระชนม์ ใน 1ซมอ.17:26,36,45
“ขอท่านอธิษฐานเผื่อคนที่เหลืออยู่” (prayer for the remnant) = การอธิษฐานร้องทูลเป็นพันธกิจที่สำคัญของผู้เผยพระวจนะ
ตย. การร้องทูลของโมเสสและซามูเอล ใน อพย.32:31-32;33:12-17;กดว.14:13-19;1ซมอ.7:8-9; 12:19,23;สดด.99:6;ยรม.15:1
“คนที่เหลืออยู่” (that is left) = พวกที่หลงเหลืออยู่ในยูดาห์ หลังจากที่เซนนาเคอริบยึดครองเมืองหลายเมือง และกวาดต้อนคนไปเป็นจำนวนมาก (18:13, ปท. อสย.10:23-32)
หลักฐานทางโบราณคดีเปิดเผยว่า มีชาวอิสราเอลจำนวนมากที่หนีจากแผ่นดินเหนือ (อิสราเอล) ซึ่งถูกอัสซีเรียรุกรานไปตั้งรกรากในยูดาห์ ดังนั้น ยูดาห์จึงกลายเป็นชนชาติของชนอิสราเอลทั้งหมดที่เหลืออยู่
19:7 “เราจะบรรจุจิตใจอย่างหนึ่งในเขา” ( I will put a spirit in him) = พระเจ้าจะบรรจุวิญญาณของความไม่มั่นคงและความกลัวลงไปในพวกเขา
“ข่าวลือ” (a rumor) =
- อาจเป็นรายงานที่กล่าวถึงคำท้าทายเซนนาเคอริบ จากทีรหะคาห์ แห่งอิยิปต์ (ข.9) หรือ
- เป็นข่าวคราว /ข่าวลือหรือข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับบ้านเกิดเมืองนอนของเซนนาเคอริบเอง
“เราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง” ( I will make him fall by the sword in his own land.) = การลอบปลงพระชนม์เซนนาเคอริบ ในภายหลังอันเป็นผลมาจากการที่เขาดูหมิ่นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ (ข.37)
19:8 “ลิบนาห์” (Libnah) –8:22
19:9 “ทีรหะคาห์” (Tirhakah) –อสย.37:9
19:12 “โกซาน” (Gozan) -17:6
“ฮาราน” (Haran) –ปฐก 11:31
“เรเซฟ” (Rezeph) = ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำยูเฟรติส และทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮามัท
“เอเดน” (Eden) = บริเวณริมแม่น้ำยูเฟรติสทางตอนใต้ของฮาราน (อสค.27:23;อมส.1:5) แต่ไม่ใช่สวนเอเดนในปฐมกาล
= เมืองนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอัสซีเรียในรัชกาลของซัลมาเนเสอร์ ที่ 3 ในปี 855 ก.ค.ศ.
19:13 “ฮามัท…อิฟวาห์” (Hamath … Ivvah) –17:24
19:14 “จดหมาย” ( the letter) =สาส์น (2พศด.32:17)
19:15 “ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ” ( enthroned above the cherubim) –อพย.25:18;1ซมอ.4:4
“พระองค์แต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้า” (you are the God, you alone) –ข.19;ฉธบ.4:35,39; 2พกษ.18:33-35;อสย.43:11
19:18 “เป็นผลงานของมือมนุษย์” (the work of men’s hands) = เป็นสิ่งดูโง่เขลาและไร้ประโยชน์ในการกราบไหว้รูปเคารพเหล่านั้น –สดด.115:3-8;135:15-18;อสย.2:20;40:19-20;41:7;44:9-20
19:19 “เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า…” (that all the kingdoms of the earth may know that…) = เฮเซคียาห์ เล็งเห็นว่าชื่อเสียงของพระเจ้านั้นเป็นหลักประกันสำคัญในสวัสดิภาพของชนชาติแห่งพันธสัญญาของพระองค์ –1ซมอ.12:22;ยชว.7:9;2ซมอ.7:23;สดด.23:3;อสค.5:13
19:20 “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า” (Your prayer to me) = ในตอนนี้เฮเซคียาห์ ไม่ได้เรียกร้องถ้อยคำอะไรจากอิสยาห์ (ปท.ข.2) –1พกษ.9:3
19:21-28 = ความหยิ่งผยองของอัสซีเรียและการเยาะเย้ยพระเจ้า กับชนชาติอิสราเอล เป็นเหตุให้พวกเขาได้รับการประกาศการพิพากษาอย่างเย้ยหยัน (สดด.2) อัสซีเรียหยิ่งผยองด้วยความเข้าใจแบบผิด ๆ (อสย.10:5-34)
19:21 “ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน…ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม” (the virgin daughter of Zion…the daughter of Jerusalem) –ในบทกวีฮีบรู มีหลักว่า เมื่อเวลากล่าวถึงเมืองหลวง ประเทศ หรือชนชาติ จะแสดงลักษณะบุคคลเป็นเพศหญิง
19:22 “องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล” (the Holy One of Israel) = พระลักษณะของพระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งโดดเด่นในอิสยาห์ (ลนต.11:44;อสย.1:4)
19:23 “เลบานอน…ต้นส้นสีดาห์ที่สูงที่สุด” (Lebanon… tallest cedars) –1พกษ.5:6
19:24 “ทำให้ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์แห้งไป” (all the streams of Egypt.) = คำโอ้อวดล่วงหน้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้ชัยต่ออียิปต์เลย
19:25 “เราได้จัดไว้นานแล้ว… ณ บัดนี้ เราให้เป็นไปแล้ว”(t I determined it long ago?…what now I bring to pass ) = เราได้บัญชาไว้…บัดนี้เราก็ทำให้เป็นไปตามนั้น
= พระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นพระเจ้าผู้ครอบครองเหนือชนทุกชาติและประวัติศาสตร์
-อัสซีเรียเชื่อว่าพวกเขาได้รับชัยชนะเพราะความเก่งกล้าเกรียงไกรทางการทหารของพวกเขาเอง แต่อิสยาห์กล่าวว่า พระเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่กำหนดชัยชนะเหล่านี้ (อสย.10:5-19;อสค.30:24-26)
19:28 “เราจะเอาขอเราเกี่ยวจมูกเจ้า“ (I will put my hook in your nose) = ที่ยอดเสาโอเบลิสก์ของอัสซีเรีย มีภาพกษัตริย์อัสซีเรีย (อาจเป็นเอสารฮัดโดน ผู้ครองราชย์ 681-669 ก.ค.ศ.) ถือเชือกเกี่ยวจมูกศัตรู 4 คน
-ในที่นี้ อิสยาห์สื่อว่าเป็นสิ่งเดียวกันที่จะเกิดกับเซนนาเคอริบ (อสย.37:29;อสค.38:4;อมส.4:2)
19:29 “ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง” ( this year eat what grows of itself) = ดูเหมือนเซนนาเคอริบ จะทำลายหรือริบพืชผลทั้งหมดซึ่งหว่านในฤดูใบไม้ร่วงของปีที่ผ่านมา ประชาชนจะมีเพียงพืชชุดที่ 2 ซึ่งงอกจากเมล็ดพันธุ์ที่หลงเหลือจากการเก็บเกี่ยวในปีก่อน (ลนต.25:5)
ดังนั้น เซนนาเคอริบ คงมาถึงยูดาห์ในเดือนมีนาคม หรือเมษายน ในช่วงการเก็บเกี่ยว
“ในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิม” (in the second year what springs of the same) = ปีที่ 2 ก็จะกินพืชพันธุ์ที่ออกผลตามมา
= เซนานาเคอริบ จะจากไปในปลายฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม) ซึ่งสายเกินกว่าที่จะปลูกพืชพันธุ์ใหม่สำหรับปีถัดไป
-ในยูดาห์ พืชจะหว่านกันในเดือนกันยายน – ตุลาคม
“ในปีที่ 3 จงหว่านและเกี่ยว” (in the third year sow and reap) = หว่านและเกี่ยวเก็บผลได้ตามเวลาปกติในปีถัดไป ปีที่ 3 น่าจะหมายถึงปีที่ 3 ของการเก็บเกี่ยวซึ่งได้รับความเสียหายจากพวกอัสซีเรีย
19:30-31 “คนที่เหลืออยู่…” (the surviving) ข.4
= ดูการเปรียบเทียบของคนที่เหลืออยู่ “หยิบมือหนึ่ง” กับผู้ที่จะมีส่วนในแผนการช่วยกู้ของพระเจ้าในอนาคต (อสย.11:11,6;28:5;มคา.4:7;รม.11:5)
19:32 “เขาจะไม่เข้าในเมืองนี้” (He shall not come into this city) = เซนนาเคอริบ ที่เวลานั้นอยู่ที่ ลิบนาห์ (ข.8;8:22) ไม่สามารถทำตามคำที่ขู่ต่อเยรูซาเล็มได้ (18:13)
19:34 “…เห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” (… my servant David) 1พกษ.11:13
19:35 “ทูตของพระยาห์เวห์” (angel of the Lord) –ปฐก.16:7
“185,000 คน” (185,000 ) –อสย.37:36
19:36 “กรุงนีนะเวห์” ( Nineveh)= เมืองหลวงของมหาอำนาจอัสซีเรีย
19:37 “อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์” (Adrammelech and Sharezer) = ราชโอรสของเซนนาเคอริบ
-บันทึกโบราณเปิดเผยว่า เซนนาเคอริบ ถูกสังหารในปีที่ 23 ของรัชกาลของเขา
“เอสารฮัดโดน” (Esarhaddon) = โอรสของเซนนาเคอริบ ขึ้นครองราชย์แทน (681-669 ก.ค.ศ.)
-ในประวัติศาสตร์อัสซีเรียจารึกว่า บรรดาบุตรของเซนนาเคอริบ ต่างแก่งแย่งอำนาจและสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์ การแต่งตั้งเอสารฮัดโดน เป็นรัชทายาทอาจทำให้อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์ ก่อการกบฎแต่ไม่สำเร็จ
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยทุกข์ระทมใจอย่างหนักในชีวิตบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณทำอย่างไร?
- ในยามที่คุณเผชิญกับภาวะวิกฤตชีวิตเช่นนั้น ใครคือบุคคลที่คุณคิดถึงหรือเข้าหาเป็นคนแรก? ทำไม? และขอให้เขาทำอะไร?
- คุณคิดว่า “การอธิษฐาน” มีความสำคัญอย่างไรต่อสถานการณ์ยากลำบากในชีวิตของคุณ? คุณเคยมีประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนที่เกี่ยวข้องกับการอธิษฐานบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- พระเจ้าเคยช่วยคุณผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ บ้างหรือไม่? พระองค์ทรงกระทำอะไร และอย่างไร?
- คุณเคยเจ็บปวดเพราะคำสบประมาทหรือคำเยาะเย้ย ถากถางให้อับอายอย่างมากที่สุดหรือไม่? โดยใคร และอย่างไร? แล้วคุณรับมืออย่างไร?
- การที่คุณรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดและวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งผลอะไรต่อจิตใจ การงาน และชีวิตของคุณบ้าง?
- คุณเคยเห็นหรือประสบการณ์กับการที่พระเจ้าจัดการกับศัตรูของคุณ(ที่ลบหลู่พระเจ้า) บ้างหรือไม่? อย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์