แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์” (มัทธิว 9:37-38)
หลายปีที่แล้ว ตอนผมเป็นศิษยาภิบาลในฟลอริดา คริสตจักรของเราตั้งอยู่ติดกับที่โล่งกว้างริมมหาสมุทรแอตแลนติก เราจึงจัดให้มีกิจกรรมทางศาสนากลางที่โล่งตรงนั้น เราจัดนมัสการบนหาดเรียกกันว่า “โบสถ์ริมทะเล” พวกเราจะยืนกันบนหัวเรือและสอนพระคัมภีร์
เมื่อเราเทศนา ผู้คนหลากหลายต่างพากันมาฟังเรื่องราวความรอด มีทั้งพวกอาบแดด คนตากอากาศ เจ้าของเรือยอชท์ … พวกเขาต่างก็อยากฟังสิ่งที่เรากำลังสื่อสารออกไป นั่นเป็นเพราะข่าวประเสริฐต้องออกไปสู่ภายนอก และมันเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งช่วงยุคมืด คริสตจักรค่อยๆเริ่มเก็บเสื่อม้วนเข้าไปอยู่ข้างใน สร้างมหาวิหารใหญ่โตสง่างาม ภายในโอ่โถงน่าเกรงขาม และหอระฆังโดดเด่น แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป ก็จะเจอสมาชิกที่จิตใจอ่อนปวกเปียก เจ็บป่วย อดอยากหิวโหย ใกล้ตาย และจิตวิญญาณที่ฟอนเฟะ
ครับ ข่าวประเสริฐแห่งความรอดต้องนำออกไปนอกประตู นอกกำแพงคริสตจักร อย่าเน้นแต่เรื่องความสนุกสนาน ความรักและสามัคคีธรรมกันเองภายในคริสตจักร สิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำคือนำข่าวประเสริฐออกไปเติมเต็มทั่วท้องถนน ข่าวที่ให้ชีวิตนิรันดร์ขององค์พระเยซูคริสต์ นี่คือหน้าที่แท้จริงของคริสตจักร!
เติมเต็มหน้าที่การทรงเรียกของคริสตจักรโดยนำข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณออกจากห้องประชุมนมัสการไปที่ท้องถนนนะครับ
อนุญาตโดย :Pastor Jack Graham
Jack Graham Power Point Ministry : www.jggraham.org