Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ บทเรียนที่ 18

เฮเซคียาห์ VS เซนนาเคอริบ

พระธรรม        2พงศกษัตริย์ 18:1-37

อ้างอิง          2พศด.29:1-2;31:1;32:1-19;อสย.36:1-22;กดว.21:9

บทนำ

ชีวิตของเราอาจเผชิญการท้าทายและการทดสอบอยู่เบื้องหน้า เราต้องพิสูจน์ว่าเราเป็นฝ่ายพระเจ้าโดยการเชื่อฟังและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้จะดูยากลำบากและสวนกระแสอยู่ก็ตาม

มีทุกอย่างโดยปราศจากพระเจ้านั้นคือ ความเข้มแข็งปลอม แต่การมีน้อยและมีพระเจ้าอยู่ด้วย คือความเข้มแข้งที่แท้จริง!

บทเรียน

18:1 “ต่อ​มา​ใน​ปี​ที่ 3 แห่ง​รัชกาล​โฮเชยา​บุตร​ยาเอลาห์ พระราชา​แห่ง​อิสราเอล เฮเซคียาห์​พระราชโอรส​ของ​อาหัส​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ได้​ขึ้น​ ครองราชย์”

(In the third year of Hoshea son of Elah, king of Israel, Hezekiah the son of Ahaz, king of Judah, began  to reign. )

   18:2 “เมื่อ​ทรง​เป็น​กษัตริย์​นั้น พระองค์​มี​พระชนมายุ 25 พรรษา และ​ทรง​ครองราชย์​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดา​ของ​พระองค์​มี​พระนาม​ว่า อาบี​บุตร​หญิง​ของ​เศคาริยาห์”

       (He was twenty-five years old when he began to reign, and he reigned twenty-nine years in Jerusalem.   His mother’s name was Abi the daughter of Zechariah.)

18:3 “และ​พระองค์​ทรง​ทำ​สิ่ง​ที่​ชอบ​ธรรม​ใน​สายพระเนตร​ของ​พระยาห์เวห์ ตาม​ทุก​อย่าง​ที่​ดาวิด​บรรพบุรุษ​ของ​พระองค์​ทรง​ กระทำ”

       (And he did what was right in the eyes of the Lord, according to all that David his father had done. )

18:4 “พระองค์​ทรง​รื้อ​ปูชนียสถาน​สูง​ทิ้ง​ไป ทรง​ทำลาย​เสา​ศักดิ์สิทธิ์​ลง​เป็น​ชิ้นๆ ทรง​โค่น​เสา​อาเช-ราห์​ลง​เสีย และ​ทรง​ทุบ​งู​ทอง​สัมฤทธิ์​ซึ่ง​โมเสส​สร้าง​ขึ้น​นั้น​เสีย เพราะว่า​คน​อิสราเอล​ได้​เผา​เครื่อง​หอม​ให้​แก่​งู​นั้น​จน​ถึง​วัน​เหล่านั้น เขา​เรียก​งู​ นั้น​ว่า เนหุชทาน”

       (He removed the high places and broke the pillars and cut down the Asherah. And he broke in pieces  the bronze serpent that Moses had made, for until those days the people of Israel had made offerings  to it (it was called Nehushtan) )

18:5 “พระองค์ ​วางพระทัย​ใน​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​แห่ง​อิสราเอล เพราะ​ฉะนั้น​ใน​บรรดา​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ต่อ​จาก​พระองค์​มา หรือ​ใน​บรรดา​ผู้​อยู่​ก่อน​พระองค์ ไม่มี​ผู้​ใด​เหมือน​พระองค์”

         (He trusted in the Lord, the God of Israel, so that there was none like him among all the kings of Judah after him, nor among those who were before him. )

18:6 “เพราะว่า ​พระองค์​ทรง​ยึด​พระยาห์เวห์​อย่าง​มั่น​คง พระองค์​ไม่​ทรง​หัน​จาก​การ​ติดตาม​พระเจ้า​เลย แต่​ได้​รักษา​พระบัญญัติ​ซึ่ง​พระยาห์เวห์​ทรง​บัญชา​โมเสส”

       (For he held fast to the Lord. He did not depart from following him, but kept the commandments that the  Lord commanded Moses. )

18:7 “และ​พระยาห์เวห์​สถิต​กับ​พระองค์ พระองค์​ทรง​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​กระทำ พระองค์​ทรง​กบฏ​ต่อ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย และ​ไม่​ยอม​ปรนนิบัติ​ท่าน”

       (And the Lord was with him; wherever he went out, he prospered. He rebelled against the king of Assyria and  would not serve him. )

18:8 “พระองค์​ทรง​โจมตี​คน​ฟีลิสเตีย​ไกล​ไป​จน​ถึง​เมือง​กาซา​และ​ชาย​แดน​เมือง​นั้น ตั้งแต่​ที่​ที่​มี​หอ​สังเกต​การณ์​จน​ถึง​เมือง​ที่​มี​ป้อม” (He struck down the Philistines as far as Gaza and its territory, from watchtower to fortified city.)

18:9 “ต่อ​มา​ใน​ปี​ที่ 4 แห่ง​รัชกาล​กษัตริย์​เฮเซคียาห์ ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่ 7 แห่ง​รัชกาล​โฮเชยา​บุตร​เอลาห์ พระราชา​แห่ง​อิสราเอล  แชลมาเนเสอร์​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ได้​ทรง​ยก​ขึ้น​มา​รบ​กับ​ สะมาเรีย และ​ล้อม​เมือง​ไว้”

       (In the fourth year of King Hezekiah, which was the seventh year of Hoshea son of Elah, king of Israel,  Shalmaneser king of Assyria came up against Samaria and besieged it, )

18:10 “และ​เมื่อ​สิ้น 3 ปี​พวกเขา​ก็​ยึด​เมือง​นั้น​ได้ ใน​ปี​ที่ 6 แห่ง​รัชกาล​เฮเซคียาห์ ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่ 9 แห่ง​รัชกาล​โฮเชยา​พระราชา​ แห่ง​อิสราเอล กรุง​สะมาเรีย​ก็​ถูก​ยึด​ไป”

       (and at the end of three years he took it. In the sixth year of Hezekiah, which was the ninth year of Hoshea king of Israel, Samaria was taken. )

18:11 “พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ได้​กวาด​ต้อน​คน​อิสราเอล​ไป​ยัง​อัสซีเรีย ไป​ไว้​ที่​ฮาลาห์ และ​ข้าง​แม่น้ำ​ฮาโบร์​แห่ง​เมือง​โกซาน และ​ใน​เมือง​ต่างๆ ของ​คน​มีเดีย”

         (The king of Assyria carried the Israelites away to Assyria and put them in Halah, and on the Habor,   the river of Gozan, and in the cities of the Medes, )

18:12 “เพราะ ​พวกเขา​ไม่​เชื่อฟัง​พระสุร​เสียง​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ตน แต่​ได้​ทำ​ผิด​ต่อ​พันธสัญญา​ของ​พระองค์ คือ​ทำ​ผิด​ต่อ​ ทุก​อย่าง​ซึ่ง​โมเสส​ผู้​รับใช้​ของ​พระยาห์เวห์​ได้​ สั่ง​ไว้ และ​เขา​ทั้งหลาย​ไม่​ฟัง ไม่​ทำ​ตาม”        

         (because they did not obey the voice of the Lord their God but transgressed his covenant, even all that  Moses the servant of the Lord commanded. They neither listened nor obeyed.)

18:13 “ใน​ปี​ที่ 14 แห่ง​รัชกาล​กษัตริย์​เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ได้​ทรง​ยก​ขึ้น​มา​ต่อสู้​ บรรดาเมือง​ที่​มี​ป้อม​ของ​ ยูดาห์ และ​ยึด​ได้”

             (In the fourteenth year of King Hezekiah, Sennacherib king of Assyria came up against all the fortified  cities of Judah and took them. )

18:14 “และ​เฮเซคียาห์​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ทรง​ใช้​คน​ไป​ทูล​พระราชา​แห่ง​ อัสซีเรีย​ที่​เมือง​ลาคีช​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​ทำ​ผิดขอ​ท่าน​ถอน​ทัพ​ไป​จาก​ข้าพเจ้า ท่าน​จะ​ปรับ​เท่าไร? ข้าพเจ้า​จะ​ยอม​ทั้งสิ้น” และ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ได้​เรียกร้อง​เอา​จาก​เฮเซคียาห์​เป็น​เงิน 300 ตะลันต์ และ​ทองคำ 30 ตะลันต์”

(And Hezekiah king of Judah sent to the king of Assyria at Lachish, saying, “I have done wrong; withdraw from me. Whatever you impose on me I will bear.” And the king of Assyria required of Hezekiah king of Judah three hundred talents of silver and thirty talents of gold. )

18:15 “และ​เฮเซคียาห์​ได้​มอบ​เงิน​ทั้งหมด​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ใน​คลัง​ของ​พระราชวัง”

         (And Hezekiah gave him all the silver that was found in the house of the Lord and in the treasuries of  the king’s house. )

18:16 “ใน​ครั้ง​นั้น เฮเซคียาห์​ทรง​ลอก​ทองคำ​จาก​ประตู​ทั้งหลาย​ของ​พระนิเวศ​ของ​ พระยาห์เวห์ และ​จาก​เสา​ประตู​ซึ่ง​เฮเซคียาห์​  พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ทรง​บุ​ไว้ และ​ทรง​มอบ​แก่​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย”

         (At that time Hezekiah stripped the gold from the doors of the temple of the Lord and from the doorposts  that Hezekiah king of Judah had overlaid and gave it to the king of Assyria. )

18:17 “และ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​มี​รับสั่ง​ให้​ผู้​มี​ตำแหน่ง​ทารทาน รับสารีส และ​รับชาเคห์ กับ​กองทัพ​ใหญ่​ออก​จาก​เมือง​ลาคีช​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​เฮเซคียาห์ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม พวกเขา​ก็​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม เมื่อ​ขึ้น​มา​ก็​ตั้ง​ทัพ​อยู่​ที่​ทาง​ราง​ระบายน้ำ​สระ​ บน ซึ่ง​อยู่​ที่​ถนน​ลาน​ซักฟอก”

         (And the king of Assyria sent the Tartan, the Rab-saris, and the Rabshakeh with a great army from Lachish  to King Hezekiah at Jerusalem. And they went up and came to Jerusalem. When they arrived, they came and stood by the conduit of the upper pool, which is on the highway to the Washer’s Field. )

18:18 “และ​เมื่อ​พวกเขา​เรียก​หา​พระราชา เอลียาคิม​บุตร​ฮิลคียาห์​เจ้า​กรมวัง เชบนาห์​ราชเลขา​และ​โยอาห์​บุตร​ของ​อาสาฟ​เจ้ากรม​ สารบรรณ​ได้​ออก​ มา​พบ​พวกเขา”

         (And when they called for the king, there came out to them Eliakim the son of Hilkiah, who was over the household, and Shebnah the secretary, and Joah the son of Asaph, the recorder.)

18:19 “และ​รับชาเคห์​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “จง​บอก​เฮเซคียาห์​ว่า ‘พระมหาราชา​คือ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ตรัส​ดังนี้​ว่า เจ้า​วางใจ​ใน​อะไร?”

         (And the Rabshakeh said to them, “Say to Hezekiah, ‘Thus says the great king, the king of Assyria: On what   do you rest this trust of yours? )

18:20 “เจ้า​คิด​ว่า​เพียงแต่​ถ้อยคำ​ก็​เป็น​ยุทธศาสตร์​และ​แสนยานุภาพ​หรือ? เดี๋ยวนี้​เจ้า​พึ่ง​ใคร เจ้า​จึง​ได้​กบฏ​ต่อ​เรา?”

         (Do you think that mere words are strategy and power for war? In whom do you now trust, that you have  rebelled against me? )

18:21 “นี่แน่ะเดี๋ยวนี้​เจ้า​พึ่ง​ไม้เท้า​อ้อ​ที่​เดาะ​คือ อียิปต์ ซึ่ง​จะ​ตำ​มือ​คน​ที่​ใช้​ไม้เท้า​นั้น​ค้ำยัน ฟาโรห์​พระราชา​แห่ง​อียิปต์​เป็น​เช่นนี้​ต่อ​ทุก​คน​ที่​พึ่ง​เขา”

         (Behold, you are trusting now in Egypt, that broken reed of a staff, which will pierce the hand of any man  who leans on it. Such is Pharaoh king of Egypt to all who trust in him. )

18:22 “แต่​ถ้า​เจ้า​ทั้งหลาย​จะ​บอก​ข้า​ว่า “เรา​พึ่ง​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​เรา” ก็​ปูชนียสถาน​สูง​และ​แท่น​บูชา​ของ​พระ​เจ้า​นั้น​ไม่​ใช่​หรือ? ที่​เฮเซคียาห์​รื้อ​ทิ้ง​เสีย​และ​กล่าว​กับ​ยูดาห์ และ​เยรูซาเล็ม​ว่า “ท่าน​ทั้งหลาย​จง​นมัสการ​ที่​หน้า​แท่น​บูชา​นี้​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ​เถิด

   (But if you say to me, “We trust in the Lord our God,” is it not he whose high places and altars Hezekiah  has removed, saying to Judah and to Jerusalem, “You shall worship before this altar in Jerusalem”? )

18:23 “มา​เถิด​มา​พนัน​กับ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​นาย​ของ​ข้า แล้ว​ข้า​จะ​ให้​ม้า 2,000 ตัว​แก่​เจ้า ถ้า​เจ้า​หา​คน​ขี่​ม้า​เหล่านั้น​ได้”

         (Come now, make a wager with my master the king of Assyria: I will give you two thousand horses, if you   are able on your part to set riders on them. )

18:24 “เจ้า​จะ​ขับไล่​นายกอง​แต่​เพียง​คน​เดียว​ใน​หมู่​ข้า​ราชการ​ผู้​น้อย​ ที่สุด​ของ​นาย​ข้า​ได้​อย่างไร? แต่​เจ้า​ยัง​พึ่ง​อียิปต์​เรื่อง​รถรบ​และ​ทหารม้า”

         (How then can you repulse a single captain among the least of my master’s servants, when you trust  in Egypt for chariots and for horsemen? )

18:25 “ยิ่งกว่า​นั้น​อีก ข้า​มา​ต่อสู้​สถานที่​นี้​เพื่อ​ทำลาย​เสีย​โดย​ปราศจาก​พระยาห์เวห์​หรือ? พระยาห์เวห์​ตรัส​กับ​ข้า​ว่า จง​ขึ้น​ไป​ต่อสู้​กับ​แผ่นดิน​นี้​และ​ทำลาย​เสีย

         (Moreover, is it without the Lord that I have come up against this place to destroy it? The Lord said to me, Go up against this land, and destroy it.’”)

18:26 “แล้ว​เอลียาคิม​บุตร​ฮิลคียาห์​และ​เชบนาห์​และ​โยอาห์​เรียน​รับชาเคห์​ว่า“ขอ​พูด​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ด้วย​ภาษา​อาราเมค​เถิด เพราะ​เรา​เข้าใจ​ภาษา​นั้น อย่า​พูด​กับ​เรา​ด้วย​ภาษา​ยูดาห์​ให้​เข้า​หู​ประชาชน​ผู้​อยู่​บน​ กำแพง​นั้น​เลย

    (Then Eliakim the son of Hilkiah, and Shebnah, and Joah, said to the Rabshakeh, “Please speak to your  servants in Aramaic, for we understand it. Do not speak to us in the language of Judah within the hearing of  the people who are on the wall.” )

18:27 “แต่​รับชาเคห์​พูด​กับ​เขา​ทั้งหลาย​ว่า “นาย​ของ​ข้า​ใช้​ให้​มา​พูด​ถ้อยคำ​เหล่านี้​แก่​นาย​ของ​เจ้า และ​แก่​เจ้า​เท่า​นั้น​หรือ? ไม่​ใช่​ให้​ พูด​กับ​คน​ที่​นั่ง​อยู่​บน​กำแพง ผู้​ที่​จะ​ต้อง​กิน​ขี้​และ​กิน​เยี่ยว​ของ​เขา​พร้อม​กับ​เจ้า​ด้วย​ หรือ?”

   (But the Rabshakeh said to them, “Has my master sent me to speak these words to your master and to   you, and not to the men sitting on the wall, who are doomed with you to eat their own dung and to  drink their own urine?”)

18:28 “แล้ว​รับชาเคห์​ยืน​ตะโกน​เสียงดัง​เป็น​ภาษา​ยูดาห์​ว่า “จง​ฟัง​พระวจนะ​ของ​พระมหาราชา คือ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย”

          (Then the Rabshakeh stood and called out in a loud voice in the language of Judah: “Hear the word of  the great king, the king of Assyria! )

18:29 “พระราชา​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘อย่า​ให้​เฮเซคียาห์​หลอกลวง​เจ้า​ทั้งหลาย เพราะ​เขา​จะ​ไม่​สามารถ​ช่วย​เจ้า​จาก​มือ​ของ​ข้า”

         (Thus says the king: ‘Do not let Hezekiah deceive you, for he will not be able to deliver you out of my hand.)

18:30 “อย่า​ให้​เฮเซคียาห์​ทำ​ให้​เจ้า​พึ่ง​พระยาห์เวห์​โดย​กล่าว​ว่า ‘พระยาห์เวห์​จะ​ทรง​ช่วย​เรา​แน่ และ​จะ​ไม่​ทรง​มอบ​เมือง​นี้​ไว้​ใน​มือ​ของ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย’”

           (Do not let Hezekiah make you trust in the Lord by saying, The Lord will surely deliver us, and this city  will not be given into the hand of the king of Assyria.’)

18:31 “อย่า ​ฟัง​เฮเซคียาห์ เพราะ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘จง​มี​สัมพันธ​ไมตรี​กับ​เรา และ​ออก​มา​หา​เราแล้ว​เจ้า​แต่​  ละ​คน​จะ​ได้​กิน​จาก​เถาองุ่น​ของ​ตน และ​จาก​ต้น​มะเดื่อ​ของ​ตน และ​จะ​ได้​ดื่ม​น้ำ​จาก​บ่อน้ำ​ของ​ตน”

           (Do not listen to Hezekiah, for thus says the king of Assyria: ‘Make your peace with me and come out to me. Then each one of you will eat of his own vine, and each one of his own fig tree, and each one of you will drink the water of his own cistern, )

18:32 “จน​เรา​จะ​มา​นำ​เจ้า​ไป​ยัง​แผ่นดิน​ที่​เหมือน​แผ่นดิน​ของ​เจ้า​เอง เป็น​แผ่นดิน​ที่​มี​ข้าว​และ​เหล้า​องุ่น เป็น​แผ่นดิน​ที่​มี​ขนม‌ ปัง​และ​สวน​องุ่น แผ่นดิน​ที่​มี​น้ำมัน​มะกอก​และ​น้ำผึ้ง เพื่อ​เจ้า​ทั้งหลาย​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​และ​ไม่​ตาย อย่า​ฟัง​เฮเซคียาห์​เมื่อ​เขา​ล่อ​ชวน​เจ้า​โดย​กล่าว​ว่า พระยาห์เวห์​จะ​ทรง​ช่วย​เรา”

   (until I come and take you away to a land like your own land, a land of grain and wine, a land of bread and  vineyards, a land of olive trees and honey, that you may live, and not die. And do not listen to Hezekiah   when he misleads you by saying, “The Lord will deliver us.” )

18:33 “มี​พระ​องค์​ไหน​ของ​ประชาชาติ​เคย​ช่วย​กู้​แผ่นดิน​ของ​ตน​ให้​พ้น​จาก​พระหัตถ์​ของ​พระราชา​แห่ง​อัสซีเรีย​ได้?”

         (Has any of the gods of the nations ever delivered his land out of the hand of the king of Assyria? )

18:34 “พระ​ของ​เมือง​ฮามัท​และ​เมือง​อารปัด​อยู่​ที่ไหน? พระ​ของ​เมือง​เสฟารวาอิม เฮนา​และ​อิฟวาห์​อยู่​ที่ไหน? พระ​เหล่า​นี้​ได้​ช่วย​กู้​ สะมาเรีย​จาก​มือ​ของ​เรา​หรือ?”

            (Where are the gods of Hamath and Arpad? Where are the gods of Sepharvaim, Hena, and Ivvah? Have  they delivered Samaria out of my hand? )

   18:35 “พระ​องค์​ไหน​ใน​บรรดา​พระ​ทั้งหมด​ของ​ประเทศ​ทั้งหลาย ได้​ช่วย​กู้​ประเทศ​ของ​ตน​จาก​มือ​ของ​เรา​หรือ? พระยาห์เวห์​จะ​ช่วย​กู้​เยรูซาเล็ม​จาก​มือ​ของ​เรา​ได้​หรือ?’

         (Who among all the gods of the lands have delivered their lands out of my hand, that the Lord should deliver Jerusalem out of my hand?’”)

18:36 “แต่​ประชาชน​นิ่ง​ไม่​ตอบ​เขา​สัก​คำ​เดียว เพราะ​พระบัญชา​ของ​พระราชา​มี​ว่า “อย่า​ตอบ​เขา”

       (But the people were silent and answered him not a word, for the king’s command was,“Do not answer him.”)

18:37 “แล้ว​เอลียาคิม​บุตร​ฮิลคียา​เจ้า​กรมวัง และ​เชบนาห์​ราชเลขา และ​โยอาห์​บุตร​อาสาฟ​เจ้ากรม​สารบรรณ ได้​เข้า​เฝ้า​เฮเซคียาห์​ ด้วย​เสื้อผ้า​ฉีก​ขาด และ​กราบทูล​ถ้อยคำ​ของ​รับชาเคห์”

   (Then Eliakim the son of Hilkiah, who was over the household, and Shebna the secretary, and Joah the son of Asaph, the recorder, came to Hezekiah with their clothes torn and told him the words of the   Rabshakeh.)

 ข้อมูลมีประโยชน์

 

18:1     “ในปีที่ 3 แห่งรัชกาลโฮเชยา” ( In the third year of Hoshea) -729 ก.ค.ศ. (17:1)

“เฮเซคียาห์พระราชโอราชโอรสของอาหัส” (Hezekiah the son of Ahaz) = เฮเซคียาห์ร่วมสำเร็จราชการกับอาหัสผู้เป็นบิดาตั้งแต่ปี 729-715 ก.ค.ศ. (16:2;อสย.36:1)

= ในปี 1998 มีการค้นพบรอยประทับดินเหนียวซึ่งเป็นรอยจากตราประทับหลวง อ่านได้ใจความว่า  “ของเฮเซคียาห์ (บุตรของ) อาหัสกษัตริย์แห่งยูดาห์”

= เป็นเพียง 1 ใน 2 ตราประทับ (ตราหลวง) ของราชวงศ์ยูดาห์ที่มีการค้นพบ (14:22)

18:2     “ทรงครองราชย์” (to reign) = ครองราชย์เพียงผู้เดียว 29 ปี (715-686 ก.ค.ศ.)

-รายละเอียดอยู่ใน 2พศด.29-32;อสย.36-39, สิ่งแรก ๆ ที่เฮเซคียาห์ทำคือ เขาเปิดพระวิหารอีกครั้ง ซึ่งอาหัสบิดาของเขาปิดไว้ก่อนหน้านี้ (16:19;2พศด.29:3)

18:3     “สิ่งที่ชอบธรรม” (was right) = ถูกต้อง

-เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์หนึ่งในไม่กี่องค์ที่ถูกเปรียบเทียบกับดาวิดในการทำสิ่งที่ดีหรือชอบธรรม คนอื่นๆ ที่มีคุณลักษณะนี้คือ อาสา (1พกษ.15:11), เยโฮชาฟัท (1พกษ.22:43); และโยสิยาห์ (2พกษ.22:2)

แต่ทั้งเยโฮชาฟัทและอาสาไม่ได้ทำเหมือนกัน คือ พวกเขาไม่ได้ทำลายปูชนียสถานสูง(1พกษ.15:14;22:43)

18:4     “ทรงรื้อปูชนียสถานสูงทิ้งไป” (removed the high places) –เฮเซคียาห์ไม่ใช่กษัตริย์องค์แรกที่รื้อทลายสถานบูชาบนที่สูง (1พกษ.3:2;15:14) แต่เป็นองค์แรกที่ทำลายสถานบูชาบนที่สูงที่ใช้นมัสการพระเจ้า (12:3;14:4;15:4,35;17:9;1พกษ.22:43) ที่แม้แต่กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียยังรู้ข่าว (ข.22)

“เสาศักดิ์สิทธิ์” (the pillars) -3:2;10:26-27;17:10;1พกษ.14:23

“เสาอาเซราห์” (the Asherah)= เสาที่บูชาเจ้าแม่อาเซราห์ (13:6;17:10,16;1พกษ.16:23;1พกษ.14:15)

“คนอิสราเอลได้เผาเครื่องหอมให้แก่งูนั้น” (Israel had made offerings to it) = งูทองสัมฤทธิ์ไม่ใช่วัตถุมงคลที่ประชาชนนมัสการมาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมานับจากที่อิสราเอลเป็นชนชาติ แต่งูนี้กลายมาเป็นรูปเคารพในรัชกาลของอาหัสบิดาของเฮเซคียาห์ (บทที่ 16) การนมัสการงู ในรูปแบบต่าง ๆ หาพบได้ทั่วไปในแถบตะวันออกใกล้โบราณ (กดว.21:8-9)

18:5     “ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์”(so that there was none like him) = เปรียบเทียบข้อนี้กับใน 23:25 จะพบว่าเอกลักษณ์ของเฮเซคียาห์อยู่ที่การวางใจพระเจ้า และของโยสิยาห์ คือ การทำตามบทบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด

18:7     “กบฏต่อพระราชาแห่งอัสซีเรีย” (rebelled against the king of Assyria) = แข็งเมือง ยูดาห์กลายเป็นเมืองขึ้นของอัสซีเรียในรัชกาลของอาหัส (16:7) อย่างน้อยก็ทำให้ยูดาห์ต้องยอมรับเทพเจ้าของอัสซีเรียด้วย และเฮเซคียาห์ดำเนินนโยบายที่ตรงข้ามกับอาหัสบิดาและไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของอัสซีเรีย  เป็นไปได้ว่า หลังจากปี 705 ก.ค.ศ. หรือไม่นานหลังเซนนาเคอริบขึ้นครองบัลลังก์อัสซีเรียแทนซาร์กอนที่ 2 เฮเซคียาห์ก็เลิกส่งบรรณาการประจำปีให้อัสซีเรีย

18:8     “โจมตีคนฟิลิสเตีย” ( struck down the Philistines) = พิชิตชาวฟิลิสเตีย เป็นสภาพที่พลิกผันกับรัชกาลอาหัส ซึ่งฟิลิสเตียยืดเมืองของยูดาห์ในแดนเทือกเขาและเนเกบ (2พกศ.28:18)

-ในเวลานี้ เฮเซคียาห์ สามารถมีชัยเหนือฟิลิสเตียใต้อีกครั้ง และอาจเกลี้ยกล่อมให้ฟิลิสเตียร่วมมือในการต่อต้านอัสซีเรีย

-ในจดหมายเหตุฉบับหนึ่งเซนนาเคอริบ เล่าว่า เขาได้บังคับให้เฮเซคียห์ปล่อยตัว Padi กษัตริย์เมืองเอโครน ของฟิลิสเตีย

-เหตุการณ์นี้สัมพันธ์กับการศึกของเซนนาเคอริบ ในปี 701 ก.ค.ศ.

18:9     “ในปีที่ 4 แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์” (In the fourth year of King Hezekiah) = 725 ก.ค.ศ.

= ปีที่ 4 ที่เฮเซคียาห์ สำเร็จราชการร่วมกับอาหัส (ข.1;17:1), “แชลมาเนเสอร์” (Shalmaneser) -17:3

18:12   “ทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์” (transgressed his covenant) = ละเมิดต่อพันธสัญญาทั้งสิ้นของพระเจ้า (17:7-23)

18:13   “ปีที่ 14” (the fourteenth) = ปี 701 ก.ค.ศ. = ที่เฮเซคียาห์ ครองราชย์เพียงผู้เดียว

“เซนนาเคอริบ” (Sennacherib) = สอดคล้องกับการบันทึกของเซนนาเคอริบ เกี่ยวกับการออกรบกับฟีนิเซีย ยูดาห์ และอียิปต์ ในปี 701

“มาต่อสู้บรรดาเมืองที่มีป้อมของยูดาห์และยึดได้” (came up against all the fortified cities of Judah and took them) = จดหมายเหตุของเซนนาเคอริบ อ้างว่าเขาได้ยึดเมืองป้อมของเฮเซคียาห์ ไป 46 แห่ง พร้อมกับหมู่บ้านอีกจำนวนมาก และได้กวาดต้อนเชลยไป 200,150 คน โดยกล่าวว่า เฮเซคียาห์เป็นนักโทษในเยรูซาเล็มในวังของเขาเอง เหมือนนกในกรงแต่ไม่ได้ระบุว่า ตนได้ยึดครองเยรูซาเล็ม

18:14   “เมืองลาคีช” (Lachish) -14:19;อสย.36:2

“เงิน 300 ตะลันต์ และทองคำ 30 ตะลันต์” (three hundred talents of silver and thirty talents of gold) –เฮเซคียาห์ต้องจ่ายบรรณาการให้แก่เซนนาเคอริบ คือ ทองคำ 30 ตะลันต์ ส่วนเงินนั้นไม่ตรงกัน ในพระคัมภีร์บอกว่า 300 ตะลันต์ แต่เซนนาเคอริบ อ้างว่าได้รับ 800 ตะลันต์

18:15   “เงินทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในพระนิเวศน์ และในคลังของพระราชวัง” (all the silver that was found in the house of the Lordand in the treasuries of the king’s house) -12:10,18;14:14;16:8;1พกษ.7:51;

14:26;15:18;18:17-19:37,อสย.36-37;2พศด.32

18:17   “ทางรางระบายน้ำ ….ถนนลานซักฟอก” (the conduit of the upper pool…highway to the Washer’s Field) –อสย.7:3 , -อัสซีเรียเรียกร้องให้ยูดาห์ยอมแพ้ในสถานที่เดียวกันที่อิสยาห์ได้เตือนอาหัสให้วางใจในพระเจ้า แทนที่จะวางใจพันธมิตรกับอัสซีเรีย ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากการคุกคามของซีเรีย และอิสราเอลอาณาจักรเหนือ (16:5-10;อสย.7:1-17)

18.18   “เจ้ากรมวัง” (the household) –1พกษ.4:6; “ราชเลขา” (the secretary) –2ซมอ.8:17

“เจ้ากรมสารบรรณ” (the recorder) หรืออาลักษณ์หลวง –2ซมอ.8:16

18:19   “พระมหาราชา” (the great king) หรือ “กษัตราธิราช” =คำแสดงตำแหน่งที่มักใช้กับกษัตริย์อัสซีเรีย และบางครั้งก็ใช้กับพระเจ้า (สดด.47:2;48:2;95:3;มลค.1:14;มธ.5:35)

“ตรัส” (Thus says) = ถ้อยคำที่เป็นสงครามเชิงจิตวิทยา และการข่มขู่ ซึ่งเรียบเรียงมาอย่างดีเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม (ข.26-27)

18:21   “เจ้าพึ่งไม้เท้าอ้อที่เคาะ คือ อิยิปต์” (ou are trusting now in Egypt) -19:9;อสย.30:1-5;31:1-3

18:22   “ก็ปูชนียสถานสูง และแท่นบูชาของพระเจ้า ไม่ใช่หรือ? ที่เฮเซคียาห์ รื้อทิ้งเสีย” (is it not he whose high places and altars Hezekiah has removed) = พวกอัสซีเรียวางแผนอุบายเพื่อให้เฮเซคียาห์ และประชาชนแตกแยกกัน โดยพยายามจุดประเด็นความขุ่นเคืองที่ประชาชนมีต่อการปฏิรูปของเฮเซคียาห์ และการรื้อทำลายสถานบูชาบนที่สูง (ข.4)

18:23   “ถ้าเจ้าหาคนขี่ม้าเหล่านั้นได้” (if you are able on your part to set riders on them) = คำถากถางของพวกอัสซีเรียเยาะเย้ยว่า กองกำลังทหารของยูดาห์อ่อนแอมากจนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอนี้ได้เลย (ไม่ปรากฏว่า ยูดาห์เคยใช้พลม้าในการรบหรือไม่? )

18:26   ”ภาษาอาราเมค” (Aramaic) = เป็นภาษาระหว่างประเทศในแถบตะวันออกใกล้ ใช้เป็นภาษาในการค้าและการฑูต

-ในตอนนี้ทหารอัสซีเรียกลับพูดภาษาฮีบรูพื้นเมืองของยูดาห์ได้อย่างน่าประหลดใจ (2พศด.32:18)

18:27   “คนที่นั่งอยู่บนกำแพง” (the men sitting on the wall) = ยุทธศาสตร์ของพวกอัสซีเรียคือ พูดให้ประชาชนได้ยินเพื่อให้เสียกำลังใจและกบฎต่อเฮเซคียาห์

“ต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขา” ( to eat their own dung and to drink their own urine) = ภาพที่พรรณนาถึงความทุกข์ยากลำบากที่จะเกิดขึ้นเมื่อเมืองถูกล้อมไว้นาน

18:28   “จงฟังพระวจนะของพระมหาราชา” (Hear the word of the great king) คำตรัสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียที่พูดกับประชาชนยูดาห์โดยตรง แทนที่จะพูดกับข้าราชการของเฮเซคียาห์ เช่นเดียวกับในข้อ 19-27

18:29   “อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้าทั้งหลาย” (Do not let Hezekiah deceive you) = คำยุยงประชาชนให้กบฎต่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ ที่มีถึง 3 ครั้ง (ข้อนี้และในข้อ 30-31)

18:30   “จะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย” ( this city will not be given into the hand of the king of Assyria) = ถ้อยคำที่เฮเซคียาห์ซึ่งพูดไว้ตามพระสัญญาที่พระเจ้าประทานให้แก่เขา (20;6;อสย.38:6)

18:31   “จะได้กินจากเถาองุ่นของตนและจากต้นมะเดื่อของตนและได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำของตน” (will eat of his own vine, and each one of his own fig tree, and each one of you will drink the water of his own cistern) = ภาพของช่วงเวลาสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง (1พกษ.4:25;มคา.4:4;ศคย.3:10)

18:32   “จนเราจะมานำเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง” (I come and take you away to a land like your own land) = สุดท้ายของการยอมจำนนก็คือ ถูกกวาดต้อนไปอยู่ที่อื่น แต่เซนนาเคอริบวาดภาพให้ดูสวยงาม

          “เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่และไม่ตาย” ( that you may live, and not die) = จงเลือกที่จะอยู่ดีกว่าตาย ทางเลือกของประชาชนยูดาห์มี 2 ทางคือ

  1. วางใจในพระเจ้ากับเฮเซคียาห์ แล้วตาย
  2. วางใจในอัสซีเรียและมีความสุขสงบกับความเจริญก้าวหน้า

ซึ่งทางเลือกที่ 2 นี้ขัดแย้งกับที่โมเสสได้ให้กับชาวอิสราเอลใน ฉธบ.30:15-20

18:33   “มีพระองค์ไหนของประชาชาติเคยช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาแห่ง   อัสซีเรียได้?”(Has any of the gods of the nations ever delivered his land out of the hand of the king of Assyria?) = พวกอัสซีเรียยกย่องตัวเองว่าเข้มแข็งที่สุด

18:34   “เมืองฮามัท” (Hamath) –14:25;17:24

“เมืองอารปัด” (Arpad) = เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองฮามัท และถูกอัสซีเรียยึดไปในปี 40 ก.ค.ศ. (19:13; อสย.10:9;ยรม.49:23), “อิฟวาห์” (Ivvah  ) -17:27

18:35   “พระยาเวห์ จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?” (Lord should deliver Jerusalem out of my hand?) = พวกเขากำลังหมิ่นว่าพระเจ้าผู้เที่ยงแท้และทรงพระชนม์อยู่ไม่ต่างอะไรจากพระจอมปลอมทั้งหลายของชนชาติต่าง ๆ ที่อัสซีเรียพิชิตมา –ฉธบ.32:21;2พกษ.19:4,6;2พศด.32:13-19;อสย.10:9-11

18:36   “อย่าตอบเขา” (Do not answer him) = ความพยายามของอัสซีเรียล้มเหลว เพราะประชาชนเชื่อฟัง   พระบัญชาของกษัตริย์เฮเซคียาห์ไม่ให้ตอบโต้ใดๆ

18:37   “เสื้อผ้าฉีกขาด” (clothes torn) = แสดงถึงความสะเทือนอารมณ์ (6:30;1พกษ.21:27) ในกรณีนี้อาจจะเกิดขึ้น

  1. การที่พวกอัสซีเรียเหยียดหยามพระเจ้า (19:4,6;มธ.26:65;มก.14:63-64)
  2. การที่พวกอัสซีเรียเหยียดหยามองค์กษัตริย์เฮเซคียาห์ และชาวยูดาห์

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยกระทำอะไรบ้างที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าที่คุณภูมิใจมากที่สุดในชีวิต? (แบ่งปัน)
  2. คุณเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างกับการวางใจพระเจ้าที่คุณรู้สึกตื่นเต้นหรือประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยประสบมา? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  3. ชีวิตของคุณยึดมั่น และติดตามพระเจ้าอย่างคงเส้นคงวา เสมอต้นเสมอปลายหรือไม่? (แบ่งปัน)
  4. คุณเคยแข็งขืนหรือต่อต้านกับการทดลองหรืออุปสรรคปัญหาที่โถมเข้าใส่ในชีวิตและมีชัยชนะบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และอย่างไร?
  5. คุณเคยเห็นคนที่บอกว่าเชื่อพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าแล้วถูกลงโทษหนัก ๆ แบบเห็นชัด ๆ บ้างหรือไม่? อย่างไร?
  6. คุณเคยถูกเหยียดหยามหรือสบประมาทอย่างรุนแรงบ้างหรือไม่? เรื่องราวเป็นอย่างไร? แล้วเกิดอะไรขึ้น?
  7. คุณเคยถูกคนอื่นกล่าวหยาบหยามต่อพระเจ้าต่อหน้าคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร แล้วคุณทำอะไรบ้าง?
  8. คุณเคยมีประสบการณ์กับการต้องนิ่งต่อการสบประมาทหรือเยาะเย้ยโดยที่ไม่ตอบโต้สักคำเดียวบ้างหรือไม่? ขอแบ่งปัน และผลลัพธ์เป็นอย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.