เฮเซคียาห์ VS เซนนาเคอริบ
พระธรรม 2พงศกษัตริย์ 18:1-37
อ้างอิง 2พศด.29:1-2;31:1;32:1-19;อสย.36:1-22;กดว.21:9
บทนำ
ชีวิตของเราอาจเผชิญการท้าทายและการทดสอบอยู่เบื้องหน้า เราต้องพิสูจน์ว่าเราเป็นฝ่ายพระเจ้าโดยการเชื่อฟังและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้จะดูยากลำบากและสวนกระแสอยู่ก็ตาม
มีทุกอย่างโดยปราศจากพระเจ้านั้นคือ ความเข้มแข็งปลอม แต่การมีน้อยและมีพระเจ้าอยู่ด้วย คือความเข้มแข้งที่แท้จริง!
บทเรียน
18:1 “ต่อมาในปีที่ 3 แห่งรัชกาลโฮเชยาบุตรยาเอลาห์ พระราชาแห่งอิสราเอล เฮเซคียาห์พระราชโอรสของอาหัสพระราชาแห่งยูดาห์ได้ขึ้น ครองราชย์”
(In the third year of Hoshea son of Elah, king of Israel, Hezekiah the son of Ahaz, king of Judah, began to reign. )
18:2 “เมื่อทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า อาบีบุตรหญิงของเศคาริยาห์”
(He was twenty-five years old when he began to reign, and he reigned twenty-nine years in Jerusalem. His mother’s name was Abi the daughter of Zechariah.)
18:3 “และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ทรง กระทำ”
(And he did what was right in the eyes of the Lord, according to all that David his father had done. )
18:4 “พระองค์ทรงรื้อปูชนียสถานสูงทิ้งไป ทรงทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ลงเป็นชิ้นๆ ทรงโค่นเสาอาเช-ราห์ลงเสีย และทรงทุบงูทองสัมฤทธิ์ซึ่งโมเสสสร้างขึ้นนั้นเสีย เพราะว่าคนอิสราเอลได้เผาเครื่องหอมให้แก่งูนั้นจนถึงวันเหล่านั้น เขาเรียกงู นั้นว่า เนหุชทาน”
(He removed the high places and broke the pillars and cut down the Asherah. And he broke in pieces the bronze serpent that Moses had made, for until those days the people of Israel had made offerings to it (it was called Nehushtan) )
18:5 “พระองค์ วางพระทัยในพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นในบรรดาพระราชาแห่งยูดาห์ต่อจากพระองค์มา หรือในบรรดาผู้อยู่ก่อนพระองค์ ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์”
(He trusted in the Lord, the God of Israel, so that there was none like him among all the kings of Judah after him, nor among those who were before him. )
18:6 “เพราะว่า พระองค์ทรงยึดพระยาห์เวห์อย่างมั่นคง พระองค์ไม่ทรงหันจากการติดตามพระเจ้าเลย แต่ได้รักษาพระบัญญัติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส”
(For he held fast to the Lord. He did not depart from following him, but kept the commandments that the Lord commanded Moses. )
18:7 “และพระยาห์เวห์สถิตกับพระองค์ พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ พระองค์ทรงกบฏต่อพระราชาแห่งอัสซีเรีย และไม่ยอมปรนนิบัติท่าน”
(And the Lord was with him; wherever he went out, he prospered. He rebelled against the king of Assyria and would not serve him. )
18:8 “พระองค์ทรงโจมตีคนฟีลิสเตียไกลไปจนถึงเมืองกาซาและชายแดนเมืองนั้น ตั้งแต่ที่ที่มีหอสังเกตการณ์จนถึงเมืองที่มีป้อม” (He struck down the Philistines as far as Gaza and its territory, from watchtower to fortified city.)
18:9 “ต่อมาในปีที่ 4 แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 7 แห่งรัชกาลโฮเชยาบุตรเอลาห์ พระราชาแห่งอิสราเอล แชลมาเนเสอร์พระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทรงยกขึ้นมารบกับ สะมาเรีย และล้อมเมืองไว้”
(In the fourth year of King Hezekiah, which was the seventh year of Hoshea son of Elah, king of Israel, Shalmaneser king of Assyria came up against Samaria and besieged it, )
18:10 “และเมื่อสิ้น 3 ปีพวกเขาก็ยึดเมืองนั้นได้ ในปีที่ 6 แห่งรัชกาลเฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 9 แห่งรัชกาลโฮเชยาพระราชา แห่งอิสราเอล กรุงสะมาเรียก็ถูกยึดไป”
(and at the end of three years he took it. In the sixth year of Hezekiah, which was the ninth year of Hoshea king of Israel, Samaria was taken. )
18:11 “พระราชาแห่งอัสซีเรียได้กวาดต้อนคนอิสราเอลไปยังอัสซีเรีย ไปไว้ที่ฮาลาห์ และข้างแม่น้ำฮาโบร์แห่งเมืองโกซาน และในเมืองต่างๆ ของคนมีเดีย”
(The king of Assyria carried the Israelites away to Assyria and put them in Halah, and on the Habor, the river of Gozan, and in the cities of the Medes, )
18:12 “เพราะ พวกเขาไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน แต่ได้ทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์ คือทำผิดต่อ ทุกอย่างซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้ สั่งไว้ และเขาทั้งหลายไม่ฟัง ไม่ทำตาม”
(because they did not obey the voice of the Lord their God but transgressed his covenant, even all that Moses the servant of the Lord commanded. They neither listened nor obeyed.)
18:13 “ในปีที่ 14 แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทรงยกขึ้นมาต่อสู้ บรรดาเมืองที่มีป้อมของ ยูดาห์ และยึดได้”
(In the fourteenth year of King Hezekiah, Sennacherib king of Assyria came up against all the fortified cities of Judah and took them. )
18:14 “และเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ทรงใช้คนไปทูลพระราชาแห่ง อัสซีเรียที่เมืองลาคีชว่า “ข้าพเจ้าได้ทำผิดขอท่านถอนทัพไปจากข้าพเจ้า ท่านจะปรับเท่าไร? ข้าพเจ้าจะยอมทั้งสิ้น” และพระราชาแห่งอัสซีเรียได้เรียกร้องเอาจากเฮเซคียาห์เป็นเงิน 300 ตะลันต์ และทองคำ 30 ตะลันต์”
(And Hezekiah king of Judah sent to the king of Assyria at Lachish, saying, “I have done wrong; withdraw from me. Whatever you impose on me I will bear.” And the king of Assyria required of Hezekiah king of Judah three hundred talents of silver and thirty talents of gold. )
18:15 “และเฮเซคียาห์ได้มอบเงินทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังของพระราชวัง”
(And Hezekiah gave him all the silver that was found in the house of the Lord and in the treasuries of the king’s house. )
18:16 “ในครั้งนั้น เฮเซคียาห์ทรงลอกทองคำจากประตูทั้งหลายของพระนิเวศของ พระยาห์เวห์ และจากเสาประตูซึ่งเฮเซคียาห์ พระราชาแห่งยูดาห์ทรงบุไว้ และทรงมอบแก่พระราชาแห่งอัสซีเรีย”
(At that time Hezekiah stripped the gold from the doors of the temple of the Lord and from the doorposts that Hezekiah king of Judah had overlaid and gave it to the king of Assyria. )
18:17 “และพระราชาแห่งอัสซีเรียมีรับสั่งให้ผู้มีตำแหน่งทารทาน รับสารีส และรับชาเคห์ กับกองทัพใหญ่ออกจากเมืองลาคีชไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อขึ้นมาก็ตั้งทัพอยู่ที่ทางรางระบายน้ำสระ บน ซึ่งอยู่ที่ถนนลานซักฟอก”
(And the king of Assyria sent the Tartan, the Rab-saris, and the Rabshakeh with a great army from Lachish to King Hezekiah at Jerusalem. And they went up and came to Jerusalem. When they arrived, they came and stood by the conduit of the upper pool, which is on the highway to the Washer’s Field. )
18:18 “และเมื่อพวกเขาเรียกหาพระราชา เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์เจ้ากรมวัง เชบนาห์ราชเลขาและโยอาห์บุตรของอาสาฟเจ้ากรม สารบรรณได้ออก มาพบพวกเขา”
(And when they called for the king, there came out to them Eliakim the son of Hilkiah, who was over the household, and Shebnah the secretary, and Joah the son of Asaph, the recorder.)
18:19 “และรับชาเคห์พูดกับพวกเขาว่า “จงบอกเฮเซคียาห์ว่า ‘พระมหาราชาคือพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า เจ้าวางใจในอะไร?”
(And the Rabshakeh said to them, “Say to Hezekiah, ‘Thus says the great king, the king of Assyria: On what do you rest this trust of yours? )
18:20 “เจ้าคิดว่าเพียงแต่ถ้อยคำก็เป็นยุทธศาสตร์และแสนยานุภาพหรือ? เดี๋ยวนี้เจ้าพึ่งใคร เจ้าจึงได้กบฏต่อเรา?”
(Do you think that mere words are strategy and power for war? In whom do you now trust, that you have rebelled against me? )
18:21 “นี่แน่ะเดี๋ยวนี้เจ้าพึ่งไม้เท้าอ้อที่เดาะคือ อียิปต์ ซึ่งจะตำมือคนที่ใช้ไม้เท้านั้นค้ำยัน ฟาโรห์พระราชาแห่งอียิปต์เป็นเช่นนี้ต่อทุกคนที่พึ่งเขา”
(Behold, you are trusting now in Egypt, that broken reed of a staff, which will pierce the hand of any man who leans on it. Such is Pharaoh king of Egypt to all who trust in him. )
18:22 “แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายจะบอกข้าว่า “เราพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” ก็ปูชนียสถานสูงและแท่นบูชาของพระเจ้านั้นไม่ใช่หรือ? ที่เฮเซคียาห์รื้อทิ้งเสียและกล่าวกับยูดาห์ และเยรูซาเล็มว่า “ท่านทั้งหลายจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชานี้ในกรุงเยรูซาเล็ม เถิด”
(But if you say to me, “We trust in the Lord our God,” is it not he whose high places and altars Hezekiah has removed, saying to Judah and to Jerusalem, “You shall worship before this altar in Jerusalem”? )
18:23 “มาเถิดมาพนันกับพระราชาแห่งอัสซีเรียนายของข้า แล้วข้าจะให้ม้า 2,000 ตัวแก่เจ้า ถ้าเจ้าหาคนขี่ม้าเหล่านั้นได้”
(Come now, make a wager with my master the king of Assyria: I will give you two thousand horses, if you are able on your part to set riders on them. )
18:24 “เจ้าจะขับไล่นายกองแต่เพียงคนเดียวในหมู่ข้าราชการผู้น้อย ที่สุดของนายข้าได้อย่างไร? แต่เจ้ายังพึ่งอียิปต์เรื่องรถรบและทหารม้า”
(How then can you repulse a single captain among the least of my master’s servants, when you trust in Egypt for chariots and for horsemen? )
18:25 “ยิ่งกว่านั้นอีก ข้ามาต่อสู้สถานที่นี้เพื่อทำลายเสียโดยปราศจากพระยาห์เวห์หรือ? พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าว่า จงขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินนี้และทำลายเสีย’ ”
(Moreover, is it without the Lord that I have come up against this place to destroy it? The Lord said to me, Go up against this land, and destroy it.’”)
18:26 “แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์และเชบนาห์และโยอาห์เรียนรับชาเคห์ว่า“ขอพูดกับผู้รับใช้ของท่านด้วยภาษาอาราเมคเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับเราด้วยภาษายูดาห์ให้เข้าหูประชาชนผู้อยู่บน กำแพงนั้นเลย”
(Then Eliakim the son of Hilkiah, and Shebnah, and Joah, said to the Rabshakeh, “Please speak to your servants in Aramaic, for we understand it. Do not speak to us in the language of Judah within the hearing of the people who are on the wall.” )
18:27 “แต่รับชาเคห์พูดกับเขาทั้งหลายว่า “นายของข้าใช้ให้มาพูดถ้อยคำเหล่านี้แก่นายของเจ้า และแก่เจ้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ให้ พูดกับคนที่นั่งอยู่บนกำแพง ผู้ที่จะต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขาพร้อมกับเจ้าด้วย หรือ?”
(But the Rabshakeh said to them, “Has my master sent me to speak these words to your master and to you, and not to the men sitting on the wall, who are doomed with you to eat their own dung and to drink their own urine?”)
18:28 “แล้วรับชาเคห์ยืนตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดาห์ว่า “จงฟังพระวจนะของพระมหาราชา คือพระราชาแห่งอัสซีเรีย”
(Then the Rabshakeh stood and called out in a loud voice in the language of Judah: “Hear the word of the great king, the king of Assyria! )
18:29 “พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้าทั้งหลาย เพราะเขาจะไม่สามารถช่วยเจ้าจากมือของข้า”
(Thus says the king: ‘Do not let Hezekiah deceive you, for he will not be able to deliver you out of my hand.)
18:30 “อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าพึ่งพระยาห์เวห์โดยกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเราแน่ และจะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย’”
(Do not let Hezekiah make you trust in the Lord by saying, The Lord will surely deliver us, and this city will not be given into the hand of the king of Assyria.’)
18:31 “อย่า ฟังเฮเซคียาห์ เพราะพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ‘จงมีสัมพันธไมตรีกับเรา และออกมาหาเราแล้วเจ้าแต่ ละคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน และจากต้นมะเดื่อของตน และจะได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำของตน”
(Do not listen to Hezekiah, for thus says the king of Assyria: ‘Make your peace with me and come out to me. Then each one of you will eat of his own vine, and each one of his own fig tree, and each one of you will drink the water of his own cistern, )
18:32 “จนเราจะมานำเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีขนม ปังและสวนองุ่น แผ่นดินที่มีน้ำมันมะกอกและน้ำผึ้ง เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่และไม่ตาย อย่าฟังเฮเซคียาห์เมื่อเขาล่อชวนเจ้าโดยกล่าวว่า พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเรา”
(until I come and take you away to a land like your own land, a land of grain and wine, a land of bread and vineyards, a land of olive trees and honey, that you may live, and not die. And do not listen to Hezekiah when he misleads you by saying, “The Lord will deliver us.” )
18:33 “มีพระองค์ไหนของประชาชาติเคยช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาแห่งอัสซีเรียได้?”
(Has any of the gods of the nations ever delivered his land out of the hand of the king of Assyria? )
18:34 “พระของเมืองฮามัทและเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน? พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน? พระเหล่านี้ได้ช่วยกู้ สะมาเรียจากมือของเราหรือ?”
(Where are the gods of Hamath and Arpad? Where are the gods of Sepharvaim, Hena, and Ivvah? Have they delivered Samaria out of my hand? )
18:35 “พระองค์ไหนในบรรดาพระทั้งหมดของประเทศทั้งหลาย ได้ช่วยกู้ประเทศของตนจากมือของเราหรือ? พระยาห์เวห์จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?’ ”
(Who among all the gods of the lands have delivered their lands out of my hand, that the Lord should deliver Jerusalem out of my hand?’”)
18:36 “แต่ประชาชนนิ่งไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของพระราชามีว่า “อย่าตอบเขา”
(But the people were silent and answered him not a word, for the king’s command was,“Do not answer him.”)
18:37 “แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาเจ้ากรมวัง และเชบนาห์ราชเลขา และโยอาห์บุตรอาสาฟเจ้ากรมสารบรรณ ได้เข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลถ้อยคำของรับชาเคห์”
(Then Eliakim the son of Hilkiah, who was over the household, and Shebna the secretary, and Joah the son of Asaph, the recorder, came to Hezekiah with their clothes torn and told him the words of the Rabshakeh.)
ข้อมูลมีประโยชน์
18:1 “ในปีที่ 3 แห่งรัชกาลโฮเชยา” ( In the third year of Hoshea) -729 ก.ค.ศ. (17:1)
“เฮเซคียาห์พระราชโอราชโอรสของอาหัส” (Hezekiah the son of Ahaz) = เฮเซคียาห์ร่วมสำเร็จราชการกับอาหัสผู้เป็นบิดาตั้งแต่ปี 729-715 ก.ค.ศ. (16:2;อสย.36:1)
= ในปี 1998 มีการค้นพบรอยประทับดินเหนียวซึ่งเป็นรอยจากตราประทับหลวง อ่านได้ใจความว่า “ของเฮเซคียาห์ (บุตรของ) อาหัสกษัตริย์แห่งยูดาห์”
= เป็นเพียง 1 ใน 2 ตราประทับ (ตราหลวง) ของราชวงศ์ยูดาห์ที่มีการค้นพบ (14:22)
18:2 “ทรงครองราชย์” (to reign) = ครองราชย์เพียงผู้เดียว 29 ปี (715-686 ก.ค.ศ.)
-รายละเอียดอยู่ใน 2พศด.29-32;อสย.36-39, สิ่งแรก ๆ ที่เฮเซคียาห์ทำคือ เขาเปิดพระวิหารอีกครั้ง ซึ่งอาหัสบิดาของเขาปิดไว้ก่อนหน้านี้ (16:19;2พศด.29:3)
18:3 “สิ่งที่ชอบธรรม” (was right) = ถูกต้อง
-เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์หนึ่งในไม่กี่องค์ที่ถูกเปรียบเทียบกับดาวิดในการทำสิ่งที่ดีหรือชอบธรรม คนอื่นๆ ที่มีคุณลักษณะนี้คือ อาสา (1พกษ.15:11), เยโฮชาฟัท (1พกษ.22:43); และโยสิยาห์ (2พกษ.22:2)
แต่ทั้งเยโฮชาฟัทและอาสาไม่ได้ทำเหมือนกัน คือ พวกเขาไม่ได้ทำลายปูชนียสถานสูง(1พกษ.15:14;22:43)
18:4 “ทรงรื้อปูชนียสถานสูงทิ้งไป” (removed the high places) –เฮเซคียาห์ไม่ใช่กษัตริย์องค์แรกที่รื้อทลายสถานบูชาบนที่สูง (1พกษ.3:2;15:14) แต่เป็นองค์แรกที่ทำลายสถานบูชาบนที่สูงที่ใช้นมัสการพระเจ้า (12:3;14:4;15:4,35;17:9;1พกษ.22:43) ที่แม้แต่กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียยังรู้ข่าว (ข.22)
“เสาศักดิ์สิทธิ์” (the pillars) -3:2;10:26-27;17:10;1พกษ.14:23
“เสาอาเซราห์” (the Asherah)= เสาที่บูชาเจ้าแม่อาเซราห์ (13:6;17:10,16;1พกษ.16:23;1พกษ.14:15)
“คนอิสราเอลได้เผาเครื่องหอมให้แก่งูนั้น” (Israel had made offerings to it) = งูทองสัมฤทธิ์ไม่ใช่วัตถุมงคลที่ประชาชนนมัสการมาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมานับจากที่อิสราเอลเป็นชนชาติ แต่งูนี้กลายมาเป็นรูปเคารพในรัชกาลของอาหัสบิดาของเฮเซคียาห์ (บทที่ 16) การนมัสการงู ในรูปแบบต่าง ๆ หาพบได้ทั่วไปในแถบตะวันออกใกล้โบราณ (กดว.21:8-9)
18:5 “ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์”(so that there was none like him) = เปรียบเทียบข้อนี้กับใน 23:25 จะพบว่าเอกลักษณ์ของเฮเซคียาห์อยู่ที่การวางใจพระเจ้า และของโยสิยาห์ คือ การทำตามบทบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด
18:7 “กบฏต่อพระราชาแห่งอัสซีเรีย” (rebelled against the king of Assyria) = แข็งเมือง ยูดาห์กลายเป็นเมืองขึ้นของอัสซีเรียในรัชกาลของอาหัส (16:7) อย่างน้อยก็ทำให้ยูดาห์ต้องยอมรับเทพเจ้าของอัสซีเรียด้วย และเฮเซคียาห์ดำเนินนโยบายที่ตรงข้ามกับอาหัสบิดาและไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของอัสซีเรีย เป็นไปได้ว่า หลังจากปี 705 ก.ค.ศ. หรือไม่นานหลังเซนนาเคอริบขึ้นครองบัลลังก์อัสซีเรียแทนซาร์กอนที่ 2 เฮเซคียาห์ก็เลิกส่งบรรณาการประจำปีให้อัสซีเรีย
18:8 “โจมตีคนฟิลิสเตีย” ( struck down the Philistines) = พิชิตชาวฟิลิสเตีย เป็นสภาพที่พลิกผันกับรัชกาลอาหัส ซึ่งฟิลิสเตียยืดเมืองของยูดาห์ในแดนเทือกเขาและเนเกบ (2พกศ.28:18)
-ในเวลานี้ เฮเซคียาห์ สามารถมีชัยเหนือฟิลิสเตียใต้อีกครั้ง และอาจเกลี้ยกล่อมให้ฟิลิสเตียร่วมมือในการต่อต้านอัสซีเรีย
-ในจดหมายเหตุฉบับหนึ่งเซนนาเคอริบ เล่าว่า เขาได้บังคับให้เฮเซคียห์ปล่อยตัว Padi กษัตริย์เมืองเอโครน ของฟิลิสเตีย
-เหตุการณ์นี้สัมพันธ์กับการศึกของเซนนาเคอริบ ในปี 701 ก.ค.ศ.
18:9 “ในปีที่ 4 แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์” (In the fourth year of King Hezekiah) = 725 ก.ค.ศ.
= ปีที่ 4 ที่เฮเซคียาห์ สำเร็จราชการร่วมกับอาหัส (ข.1;17:1), “แชลมาเนเสอร์” (Shalmaneser) -17:3
18:12 “ทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์” (transgressed his covenant) = ละเมิดต่อพันธสัญญาทั้งสิ้นของพระเจ้า (17:7-23)
18:13 “ปีที่ 14” (the fourteenth) = ปี 701 ก.ค.ศ. = ที่เฮเซคียาห์ ครองราชย์เพียงผู้เดียว
“เซนนาเคอริบ” (Sennacherib) = สอดคล้องกับการบันทึกของเซนนาเคอริบ เกี่ยวกับการออกรบกับฟีนิเซีย ยูดาห์ และอียิปต์ ในปี 701
“มาต่อสู้บรรดาเมืองที่มีป้อมของยูดาห์และยึดได้” (came up against all the fortified cities of Judah and took them) = จดหมายเหตุของเซนนาเคอริบ อ้างว่าเขาได้ยึดเมืองป้อมของเฮเซคียาห์ ไป 46 แห่ง พร้อมกับหมู่บ้านอีกจำนวนมาก และได้กวาดต้อนเชลยไป 200,150 คน โดยกล่าวว่า เฮเซคียาห์เป็นนักโทษในเยรูซาเล็มในวังของเขาเอง เหมือนนกในกรงแต่ไม่ได้ระบุว่า ตนได้ยึดครองเยรูซาเล็ม
18:14 “เมืองลาคีช” (Lachish) -14:19;อสย.36:2
“เงิน 300 ตะลันต์ และทองคำ 30 ตะลันต์” (three hundred talents of silver and thirty talents of gold) –เฮเซคียาห์ต้องจ่ายบรรณาการให้แก่เซนนาเคอริบ คือ ทองคำ 30 ตะลันต์ ส่วนเงินนั้นไม่ตรงกัน ในพระคัมภีร์บอกว่า 300 ตะลันต์ แต่เซนนาเคอริบ อ้างว่าได้รับ 800 ตะลันต์
18:15 “เงินทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในพระนิเวศน์ และในคลังของพระราชวัง” (all the silver that was found in the house of the Lordand in the treasuries of the king’s house) -12:10,18;14:14;16:8;1พกษ.7:51;
14:26;15:18;18:17-19:37,อสย.36-37;2พศด.32
18:17 “ทางรางระบายน้ำ ….ถนนลานซักฟอก” (the conduit of the upper pool…highway to the Washer’s Field) –อสย.7:3 , -อัสซีเรียเรียกร้องให้ยูดาห์ยอมแพ้ในสถานที่เดียวกันที่อิสยาห์ได้เตือนอาหัสให้วางใจในพระเจ้า แทนที่จะวางใจพันธมิตรกับอัสซีเรีย ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากการคุกคามของซีเรีย และอิสราเอลอาณาจักรเหนือ (16:5-10;อสย.7:1-17)
18.18 “เจ้ากรมวัง” (the household) –1พกษ.4:6; “ราชเลขา” (the secretary) –2ซมอ.8:17
“เจ้ากรมสารบรรณ” (the recorder) หรืออาลักษณ์หลวง –2ซมอ.8:16
18:19 “พระมหาราชา” (the great king) หรือ “กษัตราธิราช” =คำแสดงตำแหน่งที่มักใช้กับกษัตริย์อัสซีเรีย และบางครั้งก็ใช้กับพระเจ้า (สดด.47:2;48:2;95:3;มลค.1:14;มธ.5:35)
“ตรัส” (Thus says) = ถ้อยคำที่เป็นสงครามเชิงจิตวิทยา และการข่มขู่ ซึ่งเรียบเรียงมาอย่างดีเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม (ข.26-27)
18:21 “เจ้าพึ่งไม้เท้าอ้อที่เคาะ คือ อิยิปต์” (ou are trusting now in Egypt) -19:9;อสย.30:1-5;31:1-3
18:22 “ก็ปูชนียสถานสูง และแท่นบูชาของพระเจ้า ไม่ใช่หรือ? ที่เฮเซคียาห์ รื้อทิ้งเสีย” (is it not he whose high places and altars Hezekiah has removed) = พวกอัสซีเรียวางแผนอุบายเพื่อให้เฮเซคียาห์ และประชาชนแตกแยกกัน โดยพยายามจุดประเด็นความขุ่นเคืองที่ประชาชนมีต่อการปฏิรูปของเฮเซคียาห์ และการรื้อทำลายสถานบูชาบนที่สูง (ข.4)
18:23 “ถ้าเจ้าหาคนขี่ม้าเหล่านั้นได้” (if you are able on your part to set riders on them) = คำถากถางของพวกอัสซีเรียเยาะเย้ยว่า กองกำลังทหารของยูดาห์อ่อนแอมากจนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอนี้ได้เลย (ไม่ปรากฏว่า ยูดาห์เคยใช้พลม้าในการรบหรือไม่? )
18:26 ”ภาษาอาราเมค” (Aramaic) = เป็นภาษาระหว่างประเทศในแถบตะวันออกใกล้ ใช้เป็นภาษาในการค้าและการฑูต
-ในตอนนี้ทหารอัสซีเรียกลับพูดภาษาฮีบรูพื้นเมืองของยูดาห์ได้อย่างน่าประหลดใจ (2พศด.32:18)
18:27 “คนที่นั่งอยู่บนกำแพง” (the men sitting on the wall) = ยุทธศาสตร์ของพวกอัสซีเรียคือ พูดให้ประชาชนได้ยินเพื่อให้เสียกำลังใจและกบฎต่อเฮเซคียาห์
“ต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขา” ( to eat their own dung and to drink their own urine) = ภาพที่พรรณนาถึงความทุกข์ยากลำบากที่จะเกิดขึ้นเมื่อเมืองถูกล้อมไว้นาน
18:28 “จงฟังพระวจนะของพระมหาราชา” (Hear the word of the great king) คำตรัสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียที่พูดกับประชาชนยูดาห์โดยตรง แทนที่จะพูดกับข้าราชการของเฮเซคียาห์ เช่นเดียวกับในข้อ 19-27
18:29 “อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้าทั้งหลาย” (Do not let Hezekiah deceive you) = คำยุยงประชาชนให้กบฎต่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ ที่มีถึง 3 ครั้ง (ข้อนี้และในข้อ 30-31)
18:30 “จะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย” ( this city will not be given into the hand of the king of Assyria) = ถ้อยคำที่เฮเซคียาห์ซึ่งพูดไว้ตามพระสัญญาที่พระเจ้าประทานให้แก่เขา (20;6;อสย.38:6)
18:31 “จะได้กินจากเถาองุ่นของตนและจากต้นมะเดื่อของตนและได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำของตน” (will eat of his own vine, and each one of his own fig tree, and each one of you will drink the water of his own cistern) = ภาพของช่วงเวลาสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง (1พกษ.4:25;มคา.4:4;ศคย.3:10)
18:32 “จนเราจะมานำเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง” (I come and take you away to a land like your own land) = สุดท้ายของการยอมจำนนก็คือ ถูกกวาดต้อนไปอยู่ที่อื่น แต่เซนนาเคอริบวาดภาพให้ดูสวยงาม
“เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่และไม่ตาย” ( that you may live, and not die) = จงเลือกที่จะอยู่ดีกว่าตาย ทางเลือกของประชาชนยูดาห์มี 2 ทางคือ
- วางใจในพระเจ้ากับเฮเซคียาห์ แล้วตาย
- วางใจในอัสซีเรียและมีความสุขสงบกับความเจริญก้าวหน้า
ซึ่งทางเลือกที่ 2 นี้ขัดแย้งกับที่โมเสสได้ให้กับชาวอิสราเอลใน ฉธบ.30:15-20
18:33 “มีพระองค์ไหนของประชาชาติเคยช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาแห่ง อัสซีเรียได้?”(Has any of the gods of the nations ever delivered his land out of the hand of the king of Assyria?) = พวกอัสซีเรียยกย่องตัวเองว่าเข้มแข็งที่สุด
18:34 “เมืองฮามัท” (Hamath) –14:25;17:24
“เมืองอารปัด” (Arpad) = เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองฮามัท และถูกอัสซีเรียยึดไปในปี 40 ก.ค.ศ. (19:13; อสย.10:9;ยรม.49:23), “อิฟวาห์” (Ivvah ) -17:27
18:35 “พระยาเวห์ จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?” (Lord should deliver Jerusalem out of my hand?) = พวกเขากำลังหมิ่นว่าพระเจ้าผู้เที่ยงแท้และทรงพระชนม์อยู่ไม่ต่างอะไรจากพระจอมปลอมทั้งหลายของชนชาติต่าง ๆ ที่อัสซีเรียพิชิตมา –ฉธบ.32:21;2พกษ.19:4,6;2พศด.32:13-19;อสย.10:9-11
18:36 “อย่าตอบเขา” (Do not answer him) = ความพยายามของอัสซีเรียล้มเหลว เพราะประชาชนเชื่อฟัง พระบัญชาของกษัตริย์เฮเซคียาห์ไม่ให้ตอบโต้ใดๆ
18:37 “เสื้อผ้าฉีกขาด” (clothes torn) = แสดงถึงความสะเทือนอารมณ์ (6:30;1พกษ.21:27) ในกรณีนี้อาจจะเกิดขึ้น
- การที่พวกอัสซีเรียเหยียดหยามพระเจ้า (19:4,6;มธ.26:65;มก.14:63-64)
- การที่พวกอัสซีเรียเหยียดหยามองค์กษัตริย์เฮเซคียาห์ และชาวยูดาห์
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยกระทำอะไรบ้างที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าที่คุณภูมิใจมากที่สุดในชีวิต? (แบ่งปัน)
- คุณเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างกับการวางใจพระเจ้าที่คุณรู้สึกตื่นเต้นหรือประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยประสบมา? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- ชีวิตของคุณยึดมั่น และติดตามพระเจ้าอย่างคงเส้นคงวา เสมอต้นเสมอปลายหรือไม่? (แบ่งปัน)
- คุณเคยแข็งขืนหรือต่อต้านกับการทดลองหรืออุปสรรคปัญหาที่โถมเข้าใส่ในชีวิตและมีชัยชนะบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และอย่างไร?
- คุณเคยเห็นคนที่บอกว่าเชื่อพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าแล้วถูกลงโทษหนัก ๆ แบบเห็นชัด ๆ บ้างหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยถูกเหยียดหยามหรือสบประมาทอย่างรุนแรงบ้างหรือไม่? เรื่องราวเป็นอย่างไร? แล้วเกิดอะไรขึ้น?
- คุณเคยถูกคนอื่นกล่าวหยาบหยามต่อพระเจ้าต่อหน้าคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร แล้วคุณทำอะไรบ้าง?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการต้องนิ่งต่อการสบประมาทหรือเยาะเย้ยโดยที่ไม่ตอบโต้สักคำเดียวบ้างหรือไม่? ขอแบ่งปัน และผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์