“พระเจ้ามีเหตุผลสำหรับการอนุญาตให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น เราไม่มีทางเข้าใจสติปัญญาของพระองค์ เราทำได้แต่เพียงวางใจในน้ำพระทัยของพระองค์!”
(God has a reason for allowing things to happen. We may never understand His wisdom but we simply have to trust His will.)
วันนี้ เราอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เหมือนกับที่เราเคยไม่เข้าใจในบางสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตในชีวิตของเรา แต่พอวันเวลาผ่านไป เราจึงเข้าใจเหตุผลของพระเจ้าที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น เราจึงได้แต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความล้ำลึกในแผนการของพระเจ้า!
สิ่งเดียวที่เราจะต้องทำในการดำเนินชีวิตคริสเตียนก็คือ การมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าแบบวันต่อวัน ให้สมอง ใจ และจิตวิญญาณของเราเต็มด้วยพระวจนะ และพระวิญญาณอย่างเปี่ยมล้น เพื่อเราจะรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง และเต็มใจที่จะจ่ายราคา ไม่ว่าสูงมากสักแค่ไหน เพื่อกระทำให้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระองค์อย่างสุดจิต สุดใจและสุดกำลังความคิดของเรา โดยเราจะไม่ยอมให้อุปสรรคใด บุคคลใด สิ่งใดหรือเหตุผลใด มาขัดขวางการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการเป็นอุปกรณ์อันมีคุณภาพและก่อเกิดผลสูงสุดต่อการขยายแผ่นดินของพระเจ้า !
เราจะต้องตระหนักและตื่นตัวในประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงปรารถนาให้เรารู้จักพระองค์ เข้าใจน้ำพระทัยพระองค์ และการกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่การดำรงอยู่เพื่อทำตามใจของเราเอง ดังที่พระเจ้าทรงเรียกอาจารย์เปาโลและตรัสผ่าน อานาเนีย ว่า…
“… ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกท่านเพื่อให้รู้จักพระทัยของพระองค์ ให้ท่านเห็นพระองค์ผู้ชอบธรรม และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะว่าท่านจะเป็นสักขีพยานของพระองค์ต่อคนทั้งปวงในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินนั้น บัดนี้ท่านจะชักช้ารออยู่ทำไม? จงลุกขึ้นรับบัพติศมา รับการชำระบาปของท่าน โดยร้องทูลออกพระนามของพระองค์’ (กจ.22:14-16)
เราจึงควรยอมจำนนและทำตามพระประสงค์นั้นอย่างไม่ชักช้า!
และเราสามารถจะทำเช่นนั้นได้ง่ายขึ้นเมื่อ เรายอมจำนน และถวายตัวของเราแด่พระเจ้าก่อน โดยไม่จำเป็นต้องพบกับการทรงเรียกแบบรุนแรง ฉับพลันอย่างที่ อ.เปาโลได้ประสบมา
“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อ ท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:1-2)
ดังนั้นเราจึงสมควรที่จะดำเนินชีวิตตามพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำพรวจนะ ส่งต่อพระวจนะของพระเจ้าผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง หรือพูดสอนพระวจนะ แต่กลับดำเนินชีวิตตรงกันช้ามกับพระวจนะ และพระทัยของพระเจ้า จนเป็นเหตุให้คนรอบตัวสับสน สะดุด และหยาบหยามพระนามของพระเจ้า!
ย้ำอีกครั้ง เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าอย่างแท้จริง และหนึ่งในหลักฐานที่ว่า เราดำเนินชีวิตอย่างคนของพระเจ้าก็คือ เรามีความรักอย่างที่พระเยซูคริสต์มีต่อเรา เราจะสามารถรักทุกคนได้ง่าย และสามารถให้อภัยแก่ทุกคนได้เร็ว เพราะเราตระหนักว่า เราเองก็เป็นคนบาปที่รอดโดยพระคุณ เราจึงไม่มีอะไรดีจะอวดได้ เราไม่เหลือตัวตน หรือ “อัตตา” ให้ยึดหรือรักษาไว้อีกต่อไป สิ่งที่เหลืออยู่ในชีวิตของเราก็คือ ใจที่ปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดที่พระเจ้า และกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ โดยยอมถวายตัวและชำระตัวให้เป็นภาชนะที่สะอาด และเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตที่เข้าใจน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างชัดเจนและดำเนินตามนั้น!
“เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าอะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (อฟ.5:17)
ดังนั้น วันนี้ เราต้องรู้จักและรักพระเจ้า เราจะเดินหน้าปรนนิบัติรับใช้พระองค์ต่อไปด้วยความเชื่อและเชื่อฟัง ไม่ว่าเราจะเผชิญกับอุปสรรคอะไรที่ขวางหน้าด้วยความไว้วางใจในพระองค์ แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจเหตุผลที่ก่อเกิดอุปสรรคนั้นก็ตาม เพราะเรามั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงให้เกิดผลดีในบั้นปลาย เพียงแต่ขออย่างเดียว นั่นก็คือ อย่าให้ตัวของเราเองเป็น “อุปสรรค” ที่ขัดขวางน้ำพระทัยอันดีเลิศของพระเจ้า (ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเรา) ก็แล้วกัน!
…อาเมนไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์–
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer,