Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เวลาเราเจอความขัดแย้ง

ความขัดแย้ง

สิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบเลย แต่ก็มักจะเจอ ก็คือ… ความขัดแย้ง!

ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ไม่ว่าจะพยายามหลบหลีกมาตลอด

บางทีตัวเราเองเป็นต้นเหตุ        บางทีก็คนอื่นเป็นต้นเหตุ

บางที ทั้งเราและเขานั่นแหละมีส่วนร่วมกันเป็นต้นเหตุ

ดังนั้น การที่จะอยู่ในโลกนี้ ในสังคมนี้ หรือแม้แต่ในโบสถ์นี้ โดยที่คาดหวังหรือเรียกร้องขอไม่ให้มีความขัดหรือความแย้งใด ๆ เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียวคงเป็นความฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ !

บางทีความขัดแย้งนั้นอาจเกิดขึ้นอยู่ในสมอง หรืออยู่ในใจ ถ้ายังไม่มีการกระทบกระทั่ง หรือการระบายออก ก็ยังดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างดูปกติดี แต่เมื่อใดก็ตามที่มันหลุดรอดหรือหลั่งไหลออกมาจากปากของเรา เมื่อนั้นอาจมีอาการช็อคเกิดขึ้นได้!

อย่างไรก็ตาม เราคงไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบในการจัดการแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในท่ามกลางพวกเราได้ แต่คำถามคือ แล้วเราควรจะจัดการอย่างไรจึงจะก่อเกิดผลดีที่สุด หรือผลเสียหายน้อยที่สุด?

ปกติมีหลากหลายวิธีที่คนเราใช้ เวลาเกิดความขัดแย้ง อาทิ

-เอาชนะกันให้ได้ –พังเป็นพัง

-ยอมให้กัน –เสียเท่าไรก็เสียไปไม่อยากปะทะ

-แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ – ไม่มอง ไม่ฟังและไม่พูดถึงคล้ายปัดขยะไว้ใต้พรม

-โวยวายหาแพะ –ต้องการคนมารับผิดให้ได้ดังใจ

-หนีไปให้ไกล – ไม่ยอมอยู่ในสภาวะที่กดดัน จึงหาช่องทางหนีไปให้พ้น

-ประนีประนอมพบกันครึ่งทาง – แม้ไม่ได้ทุกอย่างแต่ก็ไม่อยากเสียทุกอย่างเช่นกัน   ฯลฯ

แล้วพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราแก้ไขความขัดแย้งที่มีอยู่อย่างไร

  1. ให้เรารักคนที่ขัดแย้งกับเราด้วยความรักที่มาจากพระเจ้า – อธิษฐานเผื่อเขาและอวยพรเขา
  2. ให้เราแสดงความรักนั้นออกมาต่อคู่กรณีของเราอย่างจริงใจ –ให้อภัยแก่เขาหรือให้โอกาสแก่เขา
  3. . ให้เราพยายามเข้าใจเขาและช่วยให้เข้าใจซึ่งกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกันเสมอ   ไปในทุกเรื่อง
  4. ให้เราทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันอย่างจริงใจและเปิดใจเพื่อสรุปประเด็นของปัญหาที่เข้าใจตรงกัน
  5. ให้เราต่างหนุนใจกัน ให้ร่วมมือกันแก้ปัญหานั้นตามวิถีทางของพระเจ้า – โดยถือว่า “คนที่ เป็นคู่กรณี” มีความสำคัญมากกว่า “ปัญหาที่ต้องแก้ไข”
  6. ให้เราตกลงในแนวทางและขั้นตอนในการแก้ไขปัญหานั้นด้วยกันตามหลักการของพระคัมภีร์
  7. ให้เราต่างร่วมมือกันปฏิบัติตามแนวทางที่ตกลงกัน โดยยึดความรักและความจริงเป็นพื้นฐาน ด้วยความหวังใจว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น
  8. ให้เราต่างถ่อมใจเข้าหากัน สารภาพบาปของแต่ละฝ่ายทั้งต่อพระเจ้าและต่อกัน ให้เรา อธิษฐานเผื่อกันและอธิษฐานร่วมกันและขอพระเจ้าทรงนำในการแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จตามพระประสงค์และในเวลาของพระองค์
  9. ให้เราอดทน อดกลั้น ไม่เร่งรัด ไม่เร่งรีบ ไม่กล่าวหา ไม่ตำหนิ ไม่ตัดสิน และไม่ซ้ำเติมไม่ทำ สิ่งใดที่จะยั่วยุกันและกันให้เกิดปัญหาเพิ่มซ้ำเข้าไปอีก
  10. ให้เราติดตามความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาและให้กำลังใจกันและกันอยู่เสมอจนกว่าจะเกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างกัน และเกิดการกลับมาคืนดีและรัก กันดังเดิม อันเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าและเกิดผลดีแก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา จะสลายกลายเป็นศูนย์ไปในทันที หากว่าคู่กรณี ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย ไม่ยอมถ่อมใจลงจำเพาะพระเจ้าและต่อหน้ากันและกัน เพื่อขอร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนั้นด้วยกันอย่างจริงใจ และด้วยใจยำเกรงพระเจ้า!

หวังว่า คน ๆ นั้นไม่ใช่คุณก็แล้วกัน!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer,  

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.