แกว่งเท้าหาเสี้ยน
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 14:1-29
อ้างอิง 1พศด.5:17;2พศด.25:1-26:2;26:9,16,23;32:25;33:14;36:19;1พกษ.3:1;9:26;13:12;15:30;22:36; 2พกษ.9:28;12:3-20;13:4,13;15:1;21:24
บทนำ คนบางคนอยู่ดีไม่ว่าดี เมื่อได้ดีหรือประสบความสำเร็จบางอย่างหรือคิดว่าตนเองเก่งหรือดีกว่าคนอื่นก็ ผยองลืมตัว และแล้วก็นำเอาความทุกข์เจ็บปวดมาสู่ตนเองและคนรอบตัวอย่างไม่ควรเลย! คุณเคยเป็นคนเช่นนี้หรือไม่?
บทเรียน
14:1 “ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮอาช พระราชโอรสของเยโฮอาหาสพระราชาแห่งอิสราเอล อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ ได้ขึ้นครองราชย์”
(In the second year of Joash the son of Joahaz, king of Israel, Amaziah the son of Joash, king of Judah, began to reign. )
14:2 “เมื่อพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 25 พรรษา และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุง เยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยโฮอัดดานชาวเยรูซาเล็ม”
(He was twenty-five years old when he began to reign, and he reigned twenty-nine years in Jerusalem. His mother’s name was Jehoaddin of Jerusalem. )
14:3 “และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ยังไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ทรงทำตามทุกสิ่งซึ่งโยอาชพระราชบิดาของพระองค์ได้ ทรงกระทำ”
(And he did what was right in the eyes of the Lord, yet not like David his father. He did in all things as Joash his father had done. )
14:4 “แต่ปูชนียสถานสูงเหล่านั้นยังไม่ได้ทรงรื้อเสีย ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมบนปูชนีย สถานสูงเหล่านั้น”
(But the high places were not removed; the people still sacrificed and made offerings on the high places.)
14:5 “และต่อมาเมื่อราชอาณาจักรอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์อย่าง มั่นคงแล้ว พระองค์ก็ทรงประหารพวกข้าราชการที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา ของพระองค์”
(And as soon as the royal power was firmly in his hand, he struck down his servants who had struck down the king his father. )
14:6 “แต่พระองค์ไม่ได้ทรงประหารลูกหลานของผู้ที่ปลงพระชนม์นั้น ตามที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า “อย่าประหารบิดาเพราะการกระทำของลูกหลาน หรืออย่าประหารลูก หลานเพราะการกระทำของบิดา แต่ละคนต้องถูกประหารเพราะบาปของตนเอง”
(But he did not put to death the children of the murderers, according to what is written in the Book of the Law of Moses, where the Lord commanded, “Fathers shall not be put to death because of their children, nor shall children be put to death because of their fathers. But each one shall die for his own sin.”
14:7 “พระองค์ทรงประหารคนเอโดม 10,000 คนในหุบเขาเกลือ และยึดเมืองเส-ลาด้วยการสงครามและเรียกเมือง นั้นว่า โยกเธเอล ซึ่งเป็นชื่อมาถึงทุกวันนี้”
(He struck down ten thousand Edomites in the Valley of Salt and took Sela by storm, and called it Joktheel, which is its name to this day.)
14:8 “แล้วอามาซิยาห์ทรงส่งคณะทูตไปเฝ้าเยโฮอาช โอรสของเยโฮอาหาสโอรสของเยฮู พระราชาแห่งอิสราเอลทูลว่า “มาเถิด ขอให้เราเผชิญหน้ากัน”
(Then Amaziah sent messengers to Jehoash the son of Jehoahaz, son of Jehu, king of Israel, saying, “Come, let us look one another in the face.” )
14:9 “และเยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลทรงส่งข่าวไปยังอามาซิยาห์ พระราชาแห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวไปหาต้นสนสีดาร์ในเลบานอนว่า ‘จงยกลูกสาวของเจ้าให้เป็นภรรยาลูกชายของเรา’ และสัตว์ป่าตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในเลบานอนผ่านมา และย่ำต้นหนามลงเสีย”
(And Jehoash king of Israel sent word to Amaziah king of Judah, “A thistle on Lebanon sent to a cedar on Lebanon, saying, ‘Give your daughter to my son for a wife,’ and a wild beast of Lebanon passed by and trampled down the thistle. )
14:10 “จริงอยู่ท่านได้โจมตีเอโดม และจิตใจของท่านก็ทำให้ท่านผยองขึ้น จงพอใจในศักดิ์ศรีของท่านเถิด และจงอยู่กับบ้านของตน เพราะทำไมท่านจึงเร้าใจตนเองให้ต่อสู้และล้มลง ทั้งท่านและยูดาห์ด้วย?”
(You have indeed struck down Edom,and your heart has lifted you up. Be content with yourglory, and stay at home, for why should you provoke trouble so that you fall, you and Judah with you?”)
14:11 “แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟังเยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอล จึงทรงขึ้นไป และพระองค์กับอามาซิยาห์พระราชา แห่งยูดาห์ก็ทรงเผชิญหน้า กันที่เมืองเบธเชเมชซึ่งเป็นของยูดาห์”
(But Amaziah would not listen. So Jehoash king of Israel went up, and he and Amaziah king of Judah faced one another in battle at Beth-shemesh, which belongs to Judah. )
14:12 “และยูดาห์ก็พ่ายแพ้อิสราเอล และแต่ละคนก็หนีกลับไปบ้านของตน”
(And Judah was defeated by Israel, and every man fled to his home. )
14:13 “เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงจับอามาซิยาห์ พระราชาแห่งยูดาห์โอรสของโยอาช โอรสของอาหัสยาห์ได้ที่เมืองเบธเชเมช และได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงเยรูซาเล็มลงประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุม”
(And Jehoash king of Israel captured Amaziah king of Judah, the son of Jehoash, son of Ahaziah, at Beth-shemesh, and came to Jerusalem and broke down the wall of Jerusalem for four hundred cubits, from the Ephraim Gate to the Corner Gate. )
14:14 “และพระองค์ทรงริบทองคำและเงินทั้งหมด และของใช้ทั้งหมด ที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังของพระราชวัง พร้อมจับตัวประกันด้วย และพระองค์เสด็จกลับไปยังกรุงสะมาเรีย”
(And he seized all the gold and silver, and all the vessels that were found in the house of the Lord and in the treasuries of the king’s house, also hostages, and he returned to Samaria.)
14:15 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาชที่ทรงกระทำ ทั้งพระราชอำนาจของพระองค์ และการสู้รบกับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์นั้น ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the acts of Jehoash that he did, and his might, and how he fought with Amaziah king of Judah, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel?)
14:16 “เยโฮอาชทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และทรงถูกฝังไว้ในกรุงสะมาเรียกับบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล และเยโรโบอัมพระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(And Jehoash slept with his fathers and was buried in Samaria with the kings of Israel, and Jeroboam his son reigned in his place.)
14:17 “อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ทรงพระชนม์อยู่อีก 15 ปี หลังจากเยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮอาหาสพระราชาแห่งอิสราเอลสิ้นพระชนม์”
(Amaziah the son of Joash, king of Judah, lived fifteen years after the death of Jehoash son of Jehoahaz, king of Israel. )
14:18 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอามาซิยาห์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the deeds of Amaziah, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Judah? )
14:19 “พวกเขาได้ร่วมกันกบฏต่อพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงหนีไปยังเมืองลาคีช แต่เขาทั้งหลายส่งคนตามพระองค์ไปที่เมืองลาคีช และประหารพระองค์ที่นั่น”
(And they made a conspiracy against him in Jerusalem, and he fled to Lachish. But they sent after him to Lachish and put him to death there. )
14:20 “และพวกเขานำพระศพบรรทุกม้ากลับมา และฝังไว้กับบรรพบุรุษในกรุงเยรูซาเล็ม คือนครดาวิด”
(And they brought him on horses; and he was buried in Jerusalem with his fathers in the city of David. )
14:21 “และประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ก็ตั้งอาซาริยาห์ ซึ่งมีพระชนมายุ 16 พรรษา ให้เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์ พระราชบิดาของพระองค์”
(And all the people of Judah took Azariah, who was sixteen years old, and made him king instead of his father Amaziah. )
14:22 “พระองค์ทรงสร้างเมืองเอลัทและให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์ หลังจากที่พระราชาอามาซิยาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษเยโรโบอัมที่ 2 ทรงครองอิสราเอล”
(He built Elath and restored it to Judah, after the king slept with his fathers.)
14:23 “ในปีที่ 15 แห่งรัชกาลอามาซิยาห์ พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ เยโรโบอัมพระราชโอรสของเยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงครองราชย์ในกรุงสะมาเรียอยู่ 41 ปี”
(In the fifteenth year of Amaziah the son of Joash, king of Judah, Jeroboam the son of Joash, king of Israel, began to reign in Samaria, and he reigned forty-one years. )
14:24 “พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ทรงหันจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย”
(And he did what was evil in the sight of the Lord. He did not depart from all the sins of Jeroboam the son of Nebat, which he made Israel to sin. )
14:25 “พระองค์ทรงตีเอาดินแดนอิสราเอลคืนมา ตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัท ไกลไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ซึ่งตรัสโดยผู้รับใช้ของพระองค์ คือโยนาห์บุตรอามิททัยผู้ เผยพระวจนะผู้มาจากกัธเฮเฟอร์”
(He restored the border of Israel from Lebo-hamath as far as the Sea of the Arabah, according to the word of the Lord, the God of Israel, which he spoke by his servant Jonah the son of Amittai, the prophet, who was from Gath-hepher. )
14:26 “เพราะพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรเห็นว่า ความทุกข์ของอิสราเอลนั้นขมขื่นนัก เพราะไม่มีใครเหลือ ไม่ว่า ทาสหรือไท ไม่มีใครช่วยอิสราเอล”
(For the Lord saw that the affliction of Israel was very bitter, for there was none left, bond or free, and there was none to help Israel. )
14:27 “พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสว่า จะลบนามอิสราเอลจากใต้ฟ้าสวรรค์ แต่พระองค์ทรงช่วยเขาโดยพระหัตถ์ของเยโรโบอัมพระราชโอรส ของเยโฮอาช”
(But the Lord had not said that he would blot out the name of Israel from under heaven, so he saved them by the hand of Jeroboam the son of Joash.)
14:28 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโรโบอัม และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชอำนาจของพระองค์ การสู้รบของพระองค์ และเรื่องที่ทรงตีเอากรุงดามัสกัสและเมืองฮามัท ซึ่งเคยเป็นของยูดาห์คืนแก่อิสราเอล ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the acts of Jeroboam and all that he did, and his might, how he fought, and how he restored Damascus and Hamath to Judah in Israel, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel? )
14:29 “และเยโรโบอัมทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ คือบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล แล้วเศคาริยาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(And Jeroboam slept with his fathers, the kings of Israel, and Zechariah his son reigned in his place.)
ข้อมูลมีประโยชน์
14:1 “ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮอาช” (In the second year of Joash ) –ข.23,27
= ในภาษาฮีบรูมีอีกชื่อว่า “โยอาช” (Joash)
“ปีที่ 2” = 796 ก.ค.ศ. (13:10)
14:2 “29 ปี” ( twenty-nine years ) = 796-767 ก.ค.ศ
โดยปกครองแผ่นดินร่วมกับอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรราว 24 ปี (ข.21;15:1-2)
14:.3 “ยังไม่เหมือนกับดาวิด” (yet not like David) = อามาซิยาห์ไม่ตัดขาดจากการนมัสการพระต่างชาติอย่างสิ้นเชิง (2พกศ.25:14-16) เขายังจงรักภักดีต่อพระเจ้าน้อยกว่าอาสาและเยโฮชาฟัท ก่อนหน้านี้
(1พกษ.15:11,14;22:43;1พกษ.9:4;11:4)
14:4 “…ยังไม่ได้ทรงรื้อเสีย” (were not removed) = ไม่ทำลายปูชนียสถานสูงทั้งหลาย (1พกษ.15:14)
14:7 “ประหารคนเอโดม 10,000 คน” (struck down ten thousand Edomites ) = อามาซิยาห์ทำให้ยูดาห์กลับมามีอำนาจเหนือดินแดนเอโดมได้ชั่วคราว (2พกศ.28:17) ซึ่งสูญเสียไปในรัชกาลเยโฮรัม (8:20-22)
“หุบเขาเกลือ” (Valley of Salt ) = สมรภูมิเดียวกับที่ดาวิดพิชิตชาวเอโดม (2ซมอ.8:13;1พศด.8:12;สดด.60) โดยทั่วไปเชื่อว่า คืออาราบาห์ ซึ่งอยู่ทางใต้ติดกับทะเลตาย
“เมืองเส-ลา” ( Sela) = มีความหมายว่า “หิน” มักสื่อถึงป้อมปราการของเอโดมที่รู้จักในชื่อเปตราในปัจจุบัน (เปตรา ในภาษากรีกมีความหมายว่า หิน –วนฉ.1:36;อสย.16:1;42:11;อบด.3
“มาถึงทุกวันนี้” (to this day) = ถึงเวลาที่เขียนเรื่องราวในรัชกาลอามาซิยาห์ ซึ่งผู้เขียนใช้อ้างอิง (1พกษ.8:8)
14:8 “มาเถิด ขอให้เราเผชิญหน้ากัน” (Come, let us look one another in the face) = เป็นคำท้าทายเท่ากับการประกาศสงคราม อาจจะมีสาเหตุต่าง ๆ นานา อาทิ เยโฮอาช ปฏิเสธที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับอามาซิยาห์ผ่านการแต่งงาน (ข.9) ปท.2พศด.25:10,13
14:9 “ทรงส่งข่าวไปยังอามาซิยาห์” (sent word to Amaziah) = เยโฮอาชตอบอามาซิยาห์โดยใช้คำอุปมา (วนฉ.9:8-15) โดยเปรียบตัวเขาเองเป็นต้นสนที่แข็งแกร่ง และอามาซิยาห์เป็นเพียงต้นหนามเล็ก ๆ ที่เขาสามารถบดขยี้ได้ด้วยเท้า
14:11 “แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟัง” (But Amaziah would not listen) –2พศด.25:20
“เมืองเบธเชเมช” (Beth-shemesh) = อยู่ประมาณ 24 กม. ทางตะวันตกของเยรูซาเล็ม (ยชว.15:10;1ซมอ.6:9)
14:13 “ทรงจับอามาซิยาห์” (captured Amaziah) = อาจเป็นไปได้ว่า อามาซิยาห์ ถูกจับตัวไปคุมขังที่อาณาจักรเหนือในฐานะนักโทษ จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวกลับยูดาห์ หลังจากที่เยโฮอาชสิ้นชีวิต (ข.15-16,21)
“ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุม” (from the Ephraim Gate to the Corner Gate) –ยรม.31:38;ศคย.14:10
“ประตูมุม” = มุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกำแพงรอบเยรูซาเล็ม ส่วนประตู “เอฟราอิม” อยู่ทางเหนือของเยรูซาเล็ม (นหม.12:39) ห่างจากประตูมุมประมาณ 183 เมตร
-กำแพงเยรูซาเล็มฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือนี้เป็นจุดที่ถูกโจมตีได้ง่ายที่สุด
14:14 “ทองคำและเงินทั้งหมดและของใช้ทั้งหมดที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังของพระราชวัง”( the gold and silver, and all the vessels that were found in the house of the Lord and in the treasuries of the king’s house) = ทรัพย์สินในครั้งนี้ที่ถูกริบ/ปล้นไป คือ ทรัพย์สินที่เหลือจากที่ก่อนหน้านี้โยอาชนำไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่อาซาเอล แห่งดามัสกัสไปแล้ว (12:17-18)
“จับตัวประกันด้วย” (also hostages) = อาจเพื่อใช้จ่ายเป็นเครื่องบรรณาการเพิ่มเติมเพราะที่ถูกยึดไปนั้นน้อยไป
14:16 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ”( slept with his fathers) -13:12-13;1พกษ.1:21
14:17 “ทรงพระชนม์อยู่อีก 15 ปี หลังจากเยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮหาสสิ้นพระชนม์” ( lived fifteen years after the death of Jehoash son of Jehoahaz, king of Israel) –เยโฮอาชเสียชีวิตในปี 782 ก.ค.ศ และอามาซิยาห์เสียชีวิตในปี 767 ก.ค.ศ.
14:19 “ร่วมกันกบฏต่อพระองค์” (they made a conspiracy against him) = คิดร้ายหมายปลงพระชนม์กษัตริย์อามาซิยาห์ –2พศด.25:17 ,ผู้เขียนโยงว่า นี่เกิดจากการที่อามาซิยาห์หันหลังให้กับพระเจ้า
“เมืองลาคีช” (Lachish) = เมืองป้อมปราการทางตอนใต้ของยูดาห์ห่างจากเฮโบรนไปทางตะวันตกประมาณ 24 กิโลเมตร (ปัจจุบันคือ Tell – ed- Duweir) –18:14;2พศด.11:9)
14:21 “ประชาชนทั้งหมดก็ตั้งอาซาริยาห์” (all the people of Judah took Azariah) = อาจตั้งแต่ตอนอามาซิยาห์ถูกจับไปคุมขัง โดยเยโฮอาช (ข.13)หรือในตอนนี้ หากเป็นตามข้อสันนิษฐานแรกแสดงว่า รัชกาลของอาซาริยาห์ทับซ้อนกับอามาซิยาห์ ผู้เป็นบิดายาวนานพอสมควร (ข.2;15:2)
14:22 “สร้างเมืองเอลัท และให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์”( built Elath and restored it to Judah) = อาซาริยาห์ สืบทอดอำนาจเหนือเอโดมต่อจากที่บิดาได้ตั้งต้นไว้ (ข.7) และได้ชิงเมืองท่าสำคัญบนอ่าวอคาบากลับมาอีกครั้ง(1พกษ.9:26)
-มีการขุดพบตราหลวงที่สลักว่า “ของโยธาม” (15:32) ในพื้นที่ใกล้เมืองเอลัทโบราณ นับเป็นหลักฐานว่ายูดาห์มีอิทธิพลที่นั่นในช่วงเวลาดังกล่าว
14:23 “ในปีที่ 15 แห่งรัชกาลอามาซิยาห์” (In the fifteenth year of Amaziah) = ปี 782 ก.ค.ศ. (ข.2) ตอนนี้
เยโรโบอัม (ที่ 2 ) เริ่มครองราชย์เพียงผู้เดียว หลังจากที่ได้สำเร็จราชการร่วมกับเยโฮอาชผู้เป็นบิดา 41 ปี (ปี 793-753, ซึ่งรวมเวลาสำเร็จราชการร่วมกับบิดาด้วย)
14:24 “บาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม” (all the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32;13:33-34;14:16;อมส.3:13-14;4:4-5;5:4-6;7:10-14
14:25 “ทางเข้าเมืองฮามัท” (from Lebo-hamath) = เยโรโบอัมที่ 2 สามารถปลดปล่อยอาณาจักรเหนือจากการกดขี่ข่มเหง โดยน้ำมือของฮาซาเอลและเบนฮาดัดได้ (10:32;12:17;13:3,22,25) นอกจากนี้ยังได้ขยายอำนาจทางการเมืองของอิสราเอลเหนือชาวอารัม(ซีเรีย) แห่งดามัสกัส ซึ่งเป็นสิ่งที่เยโฮอาชราชบิดาของเขาได้ตั้งต้นไว้ (13:25) การที่อัสซีเรียกดดันชาวซีเรีย รวมทั้งโจมตีดามัสกัน โดยชัลมาเนเสอร์ที่ 4 ในปี 773 ก.ค.ศ. และอาชูร์คานที่ 3 ในปีที่ 772 ก.ค.ศ. ทำให้พวกซีเรีย (อารัม) อ่อนแอลง จนเยโรโบอัมที่ 2 เป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ทะเลแห่งอาราบาห์” (Sea of the Arabah) –อมส.6:4 = พรมแดนฝั่งใต้ของอาณาจักรเยโรโบอัม 2 ในอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนคือ “หุบเขาอารายาห์” ซึ่งน่าจะเป็นหุบเขาเกลือ (ข.7)
-ถ้าใช่ แสดงว่า เยโรโบอัมสามารถพิชิตโมอับและอัมโมนได้ด้วย
“โยนาห์” (Jonah) = ไม่ปรากฏเรื่องนี้อยู่ในพระธรรมโยนาห์ แต่การกล่าวถึงผู้เผยพระวจนะคนนี้ทำให้เรารู้เวลาที่โยนาห์กระทำพันธกิจ
“กัธเฮเฟอร์” (Gath-hepher)= อยู่ในเขตเผ่าเศบูลุน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนาซาเร็ธ (ยชว.19:13)
14:26 “ความทุกข์…ขมขื่นนัก” (the affliction ….. very bitter) = ทุกข์ลำเค็ญ โดยน้ำมือของชาวซีเรีย (อารัม) (10:32-33;13:3-7), ชาวโมอับ (13:20), ชาวอัมโมน (อมส.1:13)
“ไม่ว่าทาสหรือไท” (bond or free) –1พกษ.14:10
14:27 “ไม่ได้ตรัส” (not said) = บาปของอิสราเอลเองยังไม่ถึงที่สุด พระเจ้าทรงเมตตาได้ยืดเวลาแห่งพระคุณออกไปเพื่อให้โอกาสชาวอิสราเอลกลับใจ (13:23) แต่หากพวกเขายังละทิ้งพระเจ้า การพิพากษาก็จะมาถึงอย่างแน่นอน (อมส.4:2-3;6:14)
“ทรงช่วยเขาโดยพระหัตถ์ของเยโรโบอัม” (so he saved them by the hand of Jeroboam) = พระเจ้าใช้เยโรโบอัมที่ 2 ช่วยชาวอิสราเอล (13:5)
14:28 “พระราชกิจอื่น ๆ” (the rest) = พระราชกิจทั้งปวงในรัชกาลของเยโรโบอัม ทำให้อาณาจักรเหนือเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัตถุมากกว่าครั้งใด ตั้งแต่สมัยของดาวิดและซาโลมอน แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ศาสนาเป็นเพียงแค่พิธีกรรม ประชาชนทิ้งพระเจ้า และสังคมไร้ความยุติธรรม (ดูพระธรรมอาโมสและโฮเชยา ซึ่งทั้ง 2 เผยพระวจนะในยุคของเยโรโบอัมที่ 2)
14:29 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) –1พกษ.1:21
“เศคาริยาห์ พระราชโอรส…ขึ้นครองราชย์แทน”(Zechariah his son reigned in his place.)–15:8-12
คำถามนำอภิปราย
1. ในชีวิตของคุณ คุณได้กระทำเรื่องอะไรที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า ที่คุณภูมิใจมากที่สุด? อย่างไร?
2. ใครเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของคุณบ้าง?
1.1) ในอดีตคือ ………………………………………………………………………………………………………………
เป็นแบบอย่างในเรื่องอะไร?…………………………………………………………………………………………
1.2) ในปัจจุบันคือ ………………………………………………………………………………………………………….
เป็นแบบอย่างในเรื่องอะไร?…………………………………………………………………………………………
3.คุณเคยมีเรื่องเคืองแค้นในใจที่รอจังหวะตอบโต้และแก้แค้นบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร? คุณคิดว่าคุณกระทำเกินเลยไปบ้างหรือไม่? ทำไม? และอย่างไร?
4.คุณเคยกระทำสิ่งใดที่รุนแรง แต่มีสติยับยั้งได้ไม่ให้ทำเกินควร (ตามคำสอนในพระคัมภีร์)บ้างหรือไม่ที่คุณรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง?
5. คุณเคยประสบความสำเร็จจนฮึกเหิมผยองเกินตัวและก่อเกิดผลเสียหรือผลร้ายตามมาบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? อย่างไร?
6. คุณเคยหรือเคยเห็นผู้ใดในคริสตจักรหรือในครอบครัวประสบความเสียหายแบบ “แกว่งเท้าหาเสี้ยน” บ้างหรือไม่? (แบ่งปัน) และอย่างไร?
7. คุณเคยได้รับความเจ็บปวดเพราะไม่ฟังคำเตือนบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร?
8. คุณเคยเห็นความหายนะเพราะผู้นำหรือผู้ปกครองไม่ได้เลิกกระทำบาปหรือกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าบ้างหรือไม่? อย่างไร?
9.คุณเคยได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ลำเค็ญเพราะคนบางคนที่พระเจ้าส่งมาช่วยหรือไม่? เขาเป็นใคร? และอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์