Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 14)

แกว่งเท้าหาเสี้ยน

 พระธรรม      2พงศ์กษัตริย์ 14:1-29

อ้างอิง             1พศด.5:17;2พศด.25:1-26:2;26:9,16,23;32:25;33:14;36:19;1พกษ.3:1;9:26;13:12;15:30;22:36; 2พกษ.9:28;12:3-20;13:4,13;15:1;21:24

บทนำ             คนบางคนอยู่ดีไม่ว่าดี เมื่อได้ดีหรือประสบความสำเร็จบางอย่างหรือคิดว่าตนเองเก่งหรือดีกว่าคนอื่นก็    ผยองลืมตัว และแล้วก็นำเอาความทุกข์เจ็บปวดมาสู่ตนเองและคนรอบตัวอย่างไม่ควรเลย!  คุณเคยเป็นคนเช่นนี้หรือไม่?

บทเรียน

14:1 “ใน​ปี​ที่ 2 แห่ง​รัชกาล​เยโฮอาช​ พระราชโอรส​ของ​เยโฮอาหาส​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล อามาซิยาห์​พระราชโอรส​ของ​โยอาช​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์ ได้​ขึ้น​ครองราชย์”

        (In the second year of Joash the son of Joahaz, king of Israel, Amaziah the son of Joash, king  of Judah, began to reign. )

14:2 “เมื่อ​พระองค์​ทรง​เป็น​กษัตริย์​นั้น พระองค์​มี​พระชนมายุ 25 พรรษา และ​พระองค์​ทรง​ครองราชย์​ใน​กรุง​ เยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดา​ของ​พระองค์​มี​พระนาม​ว่า เยโฮอัดดาน​ชาว​เยรูซาเล็ม”

                  (He was twenty-five years old when he began to reign, and he reigned twenty-nine years in   Jerusalem. His mother’s name was Jehoaddin of Jerusalem. )

14:3 “และ​พระองค์​ทรง​ทำ​สิ่ง​ที่​ชอบ​ธรรม​ใน​สายพระเนตร​ของ​พระยาห์เวห์ แต่​ยัง​ไม่​เหมือน​กับ​ดาวิด​บรรพบุรุษ​ของ​พระองค์ พระองค์​ทรง​ทำ​ตาม​ทุก​สิ่ง​ซึ่ง​โยอาช​พระราชบิดา​ของ​พระองค์​ได้​ ทรง​กระทำ”

                 (And he did what was right in the eyes of the Lord, yet not like David his father. He did in all  things as Joash his father had done. )

14:4 “แต่​ปูชนียสถาน​สูง​เหล่านั้น​ยัง​ไม่ได้​ทรง​รื้อ​เสีย ประชาชน​ยัง​คง​ถวาย​สัตวบูชา และ​เผา​เครื่อง​หอม​บน​ปูชนีย‍ สถาน​สูง​เหล่านั้น”

                 (But the high places were not removed; the people still sacrificed and made offerings on the  high places.)

14:5 “และ​ต่อ​มา​เมื่อ​ราชอาณาจักร​อยู่​ใน​พระหัตถ์​ของ​พระองค์​อย่าง​ มั่นคง​แล้ว พระองค์​ก็​ทรง​ประหาร​พวก​ข้า​ราช‍การ​ที่​ปลง​พระชนม์​พระราชบิดา​ ของ​พระองค์”

                (And as soon as the royal power was firmly in his hand, he struck down his servants who had  struck down the king his father. )

14:6 “แต่​พระองค์​ไม่ได้​ทรง​ประหาร​ลูก​หลาน​ของ​ผู้​ที่​ปลง​พระชนม์​นั้น ตาม​ที่​ได้​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือ​ธรรม​บัญญัติ​ของ​โมเสส ซึ่ง​พระยาห์เวห์​ทรง​บัญชา​ว่า “อย่า​ประหาร​บิดา​เพราะ​การ​กระทำ​ของ​ลูก​หลาน หรือ​อย่า​ประหาร​ลูก​ หลาน​เพราะ​การ​กระทำ​ของ​บิดา แต่​ละคน​ต้อง​ถูก​ประหาร​เพราะ​บาป​ของ​ตน​เอง

       (But he did not put to death the children of the murderers, according to what is written in the  Book of the Law of Moses, where the Lord commanded, “Fathers shall not be put to death  because of their children, nor shall children be put to death because of their fathers. But each  one shall die for his own sin.”

14:7 “พระองค์​ทรง​ประหาร​คน​เอโดม 10,000 คน​ใน​หุบเขา​เกลือ และ​ยึด​เมือง​เส-ลา​ด้วย​การ​สงคราม​และ​เรียก​เมือง​ นั้น​ว่า โยกเธเอล ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​มา​ถึง​ทุก​วันนี้”

       (He struck down ten thousand Edomites in the Valley of Salt and took Sela by storm, and called it  Joktheel, which is its name to this day.)

14:8 “แล้ว​อามาซิยาห์​ทรง​ส่ง​คณะ​ทูต​ไป​เฝ้า​เยโฮอาช โอรส​ของ​เยโฮอาหาส​โอรส​ของ​เยฮู พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ทูล​ว่า “มา​เถิด ขอ​ให้​เรา​เผชิญ​หน้า​กัน”

      (Then Amaziah sent messengers to Jehoash the son of Jehoahaz, son of Jehu, king of Israel,  saying, “Come, let us look one another in the face.” )

14:9 “และ​เยโฮอาช​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ทรง​ส่ง​ข่าว​ไป​ยัง​อามาซิยาห์​ พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ว่า “ต้น​หนาม​ใน​เลบา‍นอน​ส่ง​ข่าว​ไป​หา​ต้น​สน​สีดาร์​ใน​เลบานอน​ว่า ‘จง​ยก​ลูกสาว​ของ​เจ้า​ให้​เป็น​ภรรยา​ลูกชาย​ของ​เรา’ และ​สัตว์​ป่า​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​อยู่​ใน​เลบานอน​ผ่าน​มา และ​ย่ำ​ต้น​หนาม​ลง​เสีย”

       (And Jehoash king of Israel sent word to Amaziah king of Judah, “A thistle on Lebanon sent to a  cedar on Lebanon, saying, ‘Give your daughter to my son for a wife,’ and a wild beast of              Lebanon passed by and trampled down the thistle. )

14:10 “จริง​อยู่​ท่าน​ได้​โจมตี​เอโดม และ​จิตใจ​ของ​ท่าน​ก็​ทำ​ให้​ท่าน​ผยอง​ขึ้น จง​พอใจ​ใน​ศักดิ์ศรี​ของ​ท่าน​เถิด และ​จง​อยู่​กับ​บ้าน​ของ​ตน เพราะ​ทำไม​ท่าน​จึง​เร้าใจ​ตน​เอง​ให้​ต่อสู้​และ​ล้ม​ลง ทั้ง​ท่าน​และ​ยูดาห์​ด้วย?”

   (You have indeed struck down Edom,and your heart has lifted you up. Be content with yourglory,   and stay at home, for why should you provoke trouble so that you fall, you and Judah with you?”)

14:11 “แต่​อามาซิยาห์​ไม่​ทรง​ฟัง​เยโฮอาช​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล จึง​ทรง​ขึ้น​ไป และ​พระองค์​กับ​อามาซิยาห์​พระราชา​  แห่ง​ยูดาห์​ก็​ทรง​เผชิญ​หน้า​ กัน​ที่​เมือง​เบธเชเมช​ซึ่ง​เป็น​ของ​ยูดาห์”

      (But Amaziah would not listen. So Jehoash king of Israel went up, and he and Amaziah king of    Judah faced one another in battle at Beth-shemesh, which belongs to Judah. )

14:12 “และ​ยูดาห์​ก็​พ่ายแพ้​อิสราเอล และ​แต่ละ​คน​ก็​หนี​กลับ​ไป​บ้าน​ของ​ตน”

                 (And Judah was defeated by Israel, and every man fled to his home. )

14:13 “เยโฮอาช​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ก็​ทรง​จับ​อามาซิยาห์ พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​โอรส​ของ​โยอาช โอรส​ของ​อาหัสยาห์​ได้​ที่​เมือง​เบธเชเมช และ​ได้​เสด็จ​เข้า​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​ทรง​พัง​กำแพง​เยรูซาเล็ม​ลง​ประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่​ประตู​เอฟราอิม​จน​ถึง​ประตู​มุม”

     (And Jehoash king of Israel captured Amaziah king of Judah, the son of Jehoash, son of   Ahaziah, at Beth-shemesh, and came to Jerusalem and broke down the wall of Jerusalem for  four hundred cubits, from the Ephraim Gate to the Corner Gate. )

14:14 “และ​พระองค์​ทรง​ริบ​ทองคำ​และ​เงิน​ทั้งหมด และ​ของใช้​ทั้งหมด ที่​พบ​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ใน​คลัง​ของ​พระราชวัง พร้อม​จับ​ตัว​ประกัน​ด้วย และ​พระองค์​เสด็จ​กลับ​ไป​ยัง​กรุง​สะมาเรีย”

    (And he seized all the gold and silver, and all the vessels that were found in the house of the  Lord and in the treasuries of the king’s house, also hostages, and he returned to Samaria.)

14:15 “ส่วน​พระราชกิจ​อื่นๆ ของ​เยโฮอาช​ที่​ทรง​กระทำ ทั้ง​พระราช​อำนาจ​ของ​พระองค์ และ​การ​สู้รบ​กับ​อามาซิยาห์พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​นั้น ได้​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือ​พงศาวดาร​กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​ไม่​ใช่หรือ?”

    (Now the rest of the acts of Jehoash that he did, and his might, and how he fought with  Amaziah king of Judah, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel?)

14:16 “เยโฮอาช​ทรง​ล่วงหลับ​ไป​อยู่​กับ​บรรพบุรุษ และ​ทรง​ถูก​ฝัง​ไว้​ใน​กรุง​สะมาเรีย​กับ​บรรดา​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล และ​เยโรโบอัม​พระราชโอรส​ของ​พระองค์​ได้​ขึ้น​ครองราชย์​แทน”

    (And Jehoash slept with his fathers and was buried in Samaria with the kings of Israel, and Jeroboam his son reigned in his place.)

14:17 “อามาซิยาห์​พระราชโอรส​ของ​โยอาช​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์​ทรง​พระชนม์​อยู่​อีก 15 ปี หลังจาก​เยโฮอาช​พระราช‍โอรส​ของ​เยโฮอาหาส​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​สิ้น​พระชนม์”

                  (Amaziah the son of Joash, king of Judah, lived fifteen years after the death of Jehoash son of         Jehoahaz, king of Israel. )

14:18 “ส่วน​พระราชกิจ​อื่นๆ ของ​อามาซิยาห์ ได้​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือ​พงศาวดาร​กษัตริย์​แห่ง​ยูดาห์​ไม่​ใช่​หรือ?”

                   (Now the rest of the deeds of Amaziah, are they not written in the Book of the Chronicles of the     Kings of Judah? )

14:19 “พวกเขา​ได้​ร่วม​กัน​กบฏ​ต่อ​พระองค์​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​พระองค์​ทรง​หนี​ไป​ยัง​เมือง​ลาคีช แต่​เขา​ทั้งหลาย​ส่ง​คน​ตาม​พระองค์​ไป​ที่​เมือง​ลาคีช และ​ประหาร​พระองค์​ที่นั่น”

                  (And they made a conspiracy against him in Jerusalem, and he fled to Lachish. But they sent    after him to Lachish and put him to death there. )

14:20 “และ​พวกเขา​นำ​พระศพ​บรรทุก​ม้า​กลับ​มา และ​ฝัง​ไว้​กับ​บรรพบุรุษ​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม คือนคร​ดาวิด”

                 (And they brought him on horses; and he was buried in Jerusalem with his fathers in the city of David. )

14:21 “และ​ประชาชน​ทั้งหมด​ของ​ยูดาห์​ก็​ตั้ง​อาซาริยาห์ ซึ่ง​มี​พระชนมายุ 16 พรรษา ให้​เป็น​กษัตริย์​แทน​อามาซิยาห์​  พระราชบิดา​ของ​พระองค์”

                 (And all the people of Judah took Azariah, who was sixteen years old, and made him king  instead of his father Amaziah. )

14:22 “พระองค์​ทรง​สร้าง​เมือง​เอลัท​และ​ให้​กลับ​มา​ขึ้น​กับ​ยูดาห์ หลังจาก​ที่​พระราชา​อามาซิยาห์​ทรง​ล่วงหลับ​ไป​อยู่​กับ​บรรพบุรุษเยโรโบอัม​ที่ 2 ทรง​ครอง​อิสราเอล”

             (He built Elath and restored it to Judah, after the king slept with his fathers.)

14:23 “ใน​ปี​ที่ 15 แห่ง​รัชกาล​อามาซิยาห์ พระราชโอรส​ของ​โยอาช​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์ เยโรโบอัม​พระราชโอรส​ของ​เยโฮอาช​แห่ง​อิสราเอล​ทรง​ครองราชย์​ใน​กรุง​สะมาเรีย​อยู่ 41 ปี”

            (In the fifteenth year of Amaziah the son of Joash, king of Judah, Jeroboam the son of Joash,  king of Israel, began to reign in Samaria, and he reigned forty-one years. )

14:24 “พระองค์ทรง​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย​ใน​สายพระเนตร​ของ​พระยาห์เวห์ พระองค์​ไม่​ทรง​หัน​จาก​บาป​ทั้งสิ้น​ของ​เยโรโบอัม​บุตร​เนบัท ผู้​ได้​นำ​อิสราเอล​ให้​ทำ​บาป​ด้วย”

                 (And he did what was evil in the sight of the Lord. He did not depart from all the sins of  Jeroboam the son of Nebat, which he made Israel to sin. )

14:25 “พระองค์​ทรง​ตี​เอา​ดินแดน​อิสราเอล​คืน​มา ตั้งแต่​ทางเข้า​เมือง​ฮามัท ไกล​ไป​จน​ถึง​ทะเล​แห่ง​อาราบาห์ ตาม​พระวจนะ​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​แห่ง​อิสราเอล ซึ่ง​ตรัส​โดย​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์ คือ​โยนาห์​บุตร​อามิททัย​ผู้​ เผย​พระวจนะ​ผู้​มา​จาก​กัธเฮเฟอร์”

        (He restored the border of Israel from Lebo-hamath as far as the Sea of the Arabah, according  to the word of the Lord, the God of Israel, which he spoke by his servant Jonah the son of        Amittai, the prophet, who was from Gath-hepher. )

14:26 “เพราะ​พระยาห์เวห์​ทอดพระเนตร​เห็น​ว่า ความ​ทุกข์​ของ​อิสราเอล​นั้น​ขมขื่น​นัก เพราะ​ไม่มี​ใคร​เหลือ ไม่​ว่า​ ทาส​หรือ​ไท ไม่มี​ใคร​ช่วย​อิสราเอล”

                  (For the Lord saw that the affliction of Israel was very bitter, for there was none left, bond or    free, and there was none to help Israel. )

14:27 “พระยาห์เวห์​ไม่ได้​ตรัส​ว่า จะ​ลบ​นาม​อิสราเอล​จาก​ใต้​ฟ้า​สวรรค์ แต่​พระองค์​ทรง​ช่วย​เขา​โดย​พระหัตถ์​ของ​เยโรโบอัม​พระราชโอรส​ ของ​เยโฮอาช”

        (But the Lord had not said that he would blot out the name of Israel from under heaven, so he  saved them by the hand of Jeroboam the son of Joash.)

14:28 “ส่วน​พระราชกิจ​อื่นๆ ของ​เยโรโบอัม และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​กระทำ และ​พระราชอำนาจ​ของ​พระองค์ การ​สู้รบ​ของ​พระองค์ และ​เรื่อง​ที่​ทรง​ตี​เอา​กรุง​ดามัสกัส​และ​เมือง​ฮามัท ซึ่ง​เคย​เป็น​ของ​ยูดาห์​คืน​แก่​อิสราเอล ได้​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือ​พงศาวดาร​กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​ไม่​ใช่​หรือ?”
        (Now the rest of the acts of Jeroboam and all that he did, and his might, how he fought, and  how he restored Damascus and Hamath to Judah in Israel, are they not written in the Book of  the Chronicles of the Kings of Israel? )

14:29 “และ​เยโรโบอัม​ทรง​ล่วงหลับ​ไป​อยู่​กับ​บรรพบุรุษ คือ​บรรดา​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล แล้ว​เศคาริยาห์​พระราช‍โอรส​ของ​พระองค์​ได้​ขึ้น​ครองราชย์​แทน”

         (And Jeroboam slept with his fathers, the kings of Israel, and Zechariah his son reigned in his  place.)

ข้อมูลมีประโยชน์

14:1     “ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮอาช” (In the second year of Joash ) –ข.23,27

= ในภาษาฮีบรูมีอีกชื่อว่า “โยอาช” (Joash)

“ปีที่ 2” = 796 ก.ค.ศ. (13:10)

14:2     “29 ปี” ( twenty-nine years ) = 796-767 ก.ค.ศ

โดยปกครองแผ่นดินร่วมกับอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรราว 24 ปี  (ข.21;15:1-2)

14:.3    “ยังไม่เหมือนกับดาวิด” (yet not like David) = อามาซิยาห์ไม่ตัดขาดจากการนมัสการพระต่างชาติอย่างสิ้นเชิง (2พกศ.25:14-16) เขายังจงรักภักดีต่อพระเจ้าน้อยกว่าอาสาและเยโฮชาฟัท ก่อนหน้านี้

(1พกษ.15:11,14;22:43;1พกษ.9:4;11:4)

14:4     “…ยังไม่ได้ทรงรื้อเสีย” (were not removed) = ไม่ทำลายปูชนียสถานสูงทั้งหลาย (1พกษ.15:14)

14:7     “ประหารคนเอโดม 10,000 คน” (struck down ten thousand Edomites ) = อามาซิยาห์ทำให้ยูดาห์กลับมามีอำนาจเหนือดินแดนเอโดมได้ชั่วคราว (2พกศ.28:17) ซึ่งสูญเสียไปในรัชกาลเยโฮรัม (8:20-22)

“หุบเขาเกลือ” (Valley of Salt ) = สมรภูมิเดียวกับที่ดาวิดพิชิตชาวเอโดม (2ซมอ.8:13;1พศด.8:12;สดด.60) โดยทั่วไปเชื่อว่า คืออาราบาห์ ซึ่งอยู่ทางใต้ติดกับทะเลตาย

“เมืองเส-ลา” ( Sela) = มีความหมายว่า “หิน” มักสื่อถึงป้อมปราการของเอโดมที่รู้จักในชื่อเปตราในปัจจุบัน (เปตรา ในภาษากรีกมีความหมายว่า หิน –วนฉ.1:36;อสย.16:1;42:11;อบด.3

“มาถึงทุกวันนี้” (to this day) = ถึงเวลาที่เขียนเรื่องราวในรัชกาลอามาซิยาห์ ซึ่งผู้เขียนใช้อ้างอิง (1พกษ.8:8)

14:8     “มาเถิด ขอให้เราเผชิญหน้ากัน” (Come, let us look one another in the face) = เป็นคำท้าทายเท่ากับการประกาศสงคราม อาจจะมีสาเหตุต่าง ๆ นานา อาทิ  เยโฮอาช ปฏิเสธที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับอามาซิยาห์ผ่านการแต่งงาน (ข.9) ปท.2พศด.25:10,13

14:9     “ทรงส่งข่าวไปยังอามาซิยาห์” (sent word to Amaziah) = เยโฮอาชตอบอามาซิยาห์โดยใช้คำอุปมา (วนฉ.9:8-15) โดยเปรียบตัวเขาเองเป็นต้นสนที่แข็งแกร่ง และอามาซิยาห์เป็นเพียงต้นหนามเล็ก ๆ ที่เขาสามารถบดขยี้ได้ด้วยเท้า

14:11   “แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟัง” (But Amaziah would not listen) –2พศด.25:20

“เมืองเบธเชเมช” (Beth-shemesh) = อยู่ประมาณ 24 กม. ทางตะวันตกของเยรูซาเล็ม (ยชว.15:10;1ซมอ.6:9)

14:13   “ทรงจับอามาซิยาห์” (captured Amaziah) = อาจเป็นไปได้ว่า อามาซิยาห์ ถูกจับตัวไปคุมขังที่อาณาจักรเหนือในฐานะนักโทษ จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวกลับยูดาห์ หลังจากที่เยโฮอาชสิ้นชีวิต (ข.15-16,21)

“ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุม” (from the Ephraim Gate to the Corner Gate) –ยรม.31:38;ศคย.14:10

“ประตูมุม” = มุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกำแพงรอบเยรูซาเล็ม ส่วนประตู “เอฟราอิม” อยู่ทางเหนือของเยรูซาเล็ม (นหม.12:39) ห่างจากประตูมุมประมาณ 183 เมตร

-กำแพงเยรูซาเล็มฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือนี้เป็นจุดที่ถูกโจมตีได้ง่ายที่สุด

14:14   “ทองคำและเงินทั้งหมดและของใช้ทั้งหมดที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังของพระราชวัง”( the gold and silver, and all the vessels that were found in the house of the Lord and in the treasuries of the king’s house) = ทรัพย์สินในครั้งนี้ที่ถูกริบ/ปล้นไป คือ ทรัพย์สินที่เหลือจากที่ก่อนหน้านี้โยอาชนำไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่อาซาเอล แห่งดามัสกัสไปแล้ว (12:17-18)

“จับตัวประกันด้วย” (also hostages) = อาจเพื่อใช้จ่ายเป็นเครื่องบรรณาการเพิ่มเติมเพราะที่ถูกยึดไปนั้นน้อยไป

14:16   “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ”( slept with his fathers)  -13:12-13;1พกษ.1:21

14:17   “ทรงพระชนม์อยู่อีก 15 ปี หลังจากเยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮหาสสิ้นพระชนม์” ( lived fifteen years after the death of Jehoash son of Jehoahaz, king of Israel) –เยโฮอาชเสียชีวิตในปี 782 ก.ค.ศ และอามาซิยาห์เสียชีวิตในปี 767 ก.ค.ศ.

14:19   “ร่วมกันกบฏต่อพระองค์” (they made a conspiracy against him) = คิดร้ายหมายปลงพระชนม์กษัตริย์อามาซิยาห์ –2พศด.25:17  ,ผู้เขียนโยงว่า นี่เกิดจากการที่อามาซิยาห์หันหลังให้กับพระเจ้า

“เมืองลาคีช” (Lachish) = เมืองป้อมปราการทางตอนใต้ของยูดาห์ห่างจากเฮโบรนไปทางตะวันตกประมาณ 24 กิโลเมตร (ปัจจุบันคือ Tell – ed- Duweir) –18:14;2พศด.11:9)

14:21   “ประชาชนทั้งหมดก็ตั้งอาซาริยาห์” (all the people of Judah took Azariah) = อาจตั้งแต่ตอนอามาซิยาห์ถูกจับไปคุมขัง โดยเยโฮอาช (ข.13)หรือในตอนนี้ หากเป็นตามข้อสันนิษฐานแรกแสดงว่า รัชกาลของอาซาริยาห์ทับซ้อนกับอามาซิยาห์ ผู้เป็นบิดายาวนานพอสมควร (ข.2;15:2)

14:22   “สร้างเมืองเอลัท และให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์”( built Elath and restored it to Judah) = อาซาริยาห์ สืบทอดอำนาจเหนือเอโดมต่อจากที่บิดาได้ตั้งต้นไว้ (ข.7) และได้ชิงเมืองท่าสำคัญบนอ่าวอคาบากลับมาอีกครั้ง(1พกษ.9:26)

-มีการขุดพบตราหลวงที่สลักว่า “ของโยธาม” (15:32) ในพื้นที่ใกล้เมืองเอลัทโบราณ นับเป็นหลักฐานว่ายูดาห์มีอิทธิพลที่นั่นในช่วงเวลาดังกล่าว

14:23   “ในปีที่ 15 แห่งรัชกาลอามาซิยาห์” (In the fifteenth year of Amaziah) = ปี 782 ก.ค.ศ. (ข.2) ตอนนี้

เยโรโบอัม (ที่ 2 ) เริ่มครองราชย์เพียงผู้เดียว หลังจากที่ได้สำเร็จราชการร่วมกับเยโฮอาชผู้เป็นบิดา 41 ปี (ปี 793-753, ซึ่งรวมเวลาสำเร็จราชการร่วมกับบิดาด้วย)

14:24   “บาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม” (all the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32;13:33-34;14:16;อมส.3:13-14;4:4-5;5:4-6;7:10-14

14:25   “ทางเข้าเมืองฮามัท” (from Lebo-hamath) = เยโรโบอัมที่ 2 สามารถปลดปล่อยอาณาจักรเหนือจากการกดขี่ข่มเหง โดยน้ำมือของฮาซาเอลและเบนฮาดัดได้ (10:32;12:17;13:3,22,25) นอกจากนี้ยังได้ขยายอำนาจทางการเมืองของอิสราเอลเหนือชาวอารัม(ซีเรีย) แห่งดามัสกัส ซึ่งเป็นสิ่งที่เยโฮอาชราชบิดาของเขาได้ตั้งต้นไว้ (13:25)  การที่อัสซีเรียกดดันชาวซีเรีย รวมทั้งโจมตีดามัสกัน โดยชัลมาเนเสอร์ที่ 4 ในปี 773 ก.ค.ศ. และอาชูร์คานที่ 3 ในปีที่ 772 ก.ค.ศ. ทำให้พวกซีเรีย (อารัม) อ่อนแอลง จนเยโรโบอัมที่ 2 เป็นฝ่ายได้เปรียบ

“ทะเลแห่งอาราบาห์” (Sea of the Arabah) –อมส.6:4 =  พรมแดนฝั่งใต้ของอาณาจักรเยโรโบอัม 2 ในอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนคือ “หุบเขาอารายาห์” ซึ่งน่าจะเป็นหุบเขาเกลือ (ข.7)

-ถ้าใช่ แสดงว่า เยโรโบอัมสามารถพิชิตโมอับและอัมโมนได้ด้วย

“โยนาห์” (Jonah)  = ไม่ปรากฏเรื่องนี้อยู่ในพระธรรมโยนาห์ แต่การกล่าวถึงผู้เผยพระวจนะคนนี้ทำให้เรารู้เวลาที่โยนาห์กระทำพันธกิจ

“กัธเฮเฟอร์” (Gath-hepher)= อยู่ในเขตเผ่าเศบูลุน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนาซาเร็ธ (ยชว.19:13)

14:26   “ความทุกข์…ขมขื่นนัก” (the affliction ….. very bitter) = ทุกข์ลำเค็ญ โดยน้ำมือของชาวซีเรีย (อารัม) (10:32-33;13:3-7), ชาวโมอับ (13:20), ชาวอัมโมน (อมส.1:13)

“ไม่ว่าทาสหรือไท” (bond or free) –1พกษ.14:10

14:27   “ไม่ได้ตรัส” (not said) = บาปของอิสราเอลเองยังไม่ถึงที่สุด พระเจ้าทรงเมตตาได้ยืดเวลาแห่งพระคุณออกไปเพื่อให้โอกาสชาวอิสราเอลกลับใจ (13:23) แต่หากพวกเขายังละทิ้งพระเจ้า การพิพากษาก็จะมาถึงอย่างแน่นอน (อมส.4:2-3;6:14)

“ทรงช่วยเขาโดยพระหัตถ์ของเยโรโบอัม” (so he saved them by the hand of Jeroboam) = พระเจ้าใช้เยโรโบอัมที่ 2 ช่วยชาวอิสราเอล (13:5)

14:28   “พระราชกิจอื่น ๆ” (the rest) = พระราชกิจทั้งปวงในรัชกาลของเยโรโบอัม ทำให้อาณาจักรเหนือเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัตถุมากกว่าครั้งใด ตั้งแต่สมัยของดาวิดและซาโลมอน แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ศาสนาเป็นเพียงแค่พิธีกรรม ประชาชนทิ้งพระเจ้า และสังคมไร้ความยุติธรรม (ดูพระธรรมอาโมสและโฮเชยา ซึ่งทั้ง 2 เผยพระวจนะในยุคของเยโรโบอัมที่ 2)

14:29  “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) –1พกษ.1:21

“เศคาริยาห์ พระราชโอรส…ขึ้นครองราชย์แทน”(Zechariah his son reigned in his place.)–15:8-12

คำถามนำอภิปราย

1. ในชีวิตของคุณ คุณได้กระทำเรื่องอะไรที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า ที่คุณภูมิใจมากที่สุด? อย่างไร?

2. ใครเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของคุณบ้าง?

1.1)      ในอดีตคือ ………………………………………………………………………………………………………………

เป็นแบบอย่างในเรื่องอะไร?…………………………………………………………………………………………

1.2)      ในปัจจุบันคือ ………………………………………………………………………………………………………….

เป็นแบบอย่างในเรื่องอะไร?…………………………………………………………………………………………

3.คุณเคยมีเรื่องเคืองแค้นในใจที่รอจังหวะตอบโต้และแก้แค้นบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร? คุณคิดว่าคุณกระทำเกินเลยไปบ้างหรือไม่?  ทำไม? และอย่างไร?

4.คุณเคยกระทำสิ่งใดที่รุนแรง แต่มีสติยับยั้งได้ไม่ให้ทำเกินควร (ตามคำสอนในพระคัมภีร์)บ้างหรือไม่ที่คุณรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง?

5. คุณเคยประสบความสำเร็จจนฮึกเหิมผยองเกินตัวและก่อเกิดผลเสียหรือผลร้ายตามมาบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? อย่างไร?

6. คุณเคยหรือเคยเห็นผู้ใดในคริสตจักรหรือในครอบครัวประสบความเสียหายแบบ “แกว่งเท้าหาเสี้ยน” บ้างหรือไม่? (แบ่งปัน) และอย่างไร?

7. คุณเคยได้รับความเจ็บปวดเพราะไม่ฟังคำเตือนบ้างหรือไม่?  ในเรื่องอะไร? และอย่างไร?

8. คุณเคยเห็นความหายนะเพราะผู้นำหรือผู้ปกครองไม่ได้เลิกกระทำบาปหรือกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าบ้างหรือไม่?  อย่างไร?

9.คุณเคยได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ลำเค็ญเพราะคนบางคนที่พระเจ้าส่งมาช่วยหรือไม่? เขาเป็นใคร? และอย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.