Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 13)

กษัตริย์ผู้ละทิ้งโอกาสสำคัญ!

 พระธรรม        2พงศ์กษัตริย์ 13:1-25

อ้างอิง            1พกษ.10:26;12:26-33;15:31;16:33;19:17;2พกษ.2:12;5:2;10:32-33;13:3,24-25;14:15,23;17:18; 24:3,20

บทนำ           น่าเสียใจที่หลายคนเชื่อพระเจ้า แต่ไม่เต็มที่และน่าเสียดายที่หลายคนทิ้งโอกาสแห่งชัยชนะที่พระเจ้าพร้อมจะประทานให้ เพราะเขาไม่กระตือรือร้นในการกระทำตามพระบัญชาของพระองค์

คุณเป็นหนึ่งในคนประเภทนี้หรือไม่?

บทเรียน

13:1 “ใน ​ปี​ที่ 23 แห่ง​รัชกาล​โยอาช พระราชโอรส​ของ​อาหัสยาห์​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์ เยโฮอาหาส​พระราชโอรส​ของ​ เยฮู​ทรง​ครอง​อิสราเอล​ใน​กรุง​ สะมาเรีย​อยู่ 17 ปี”

        (In the twenty-third year of Joash the son of Ahaziah, king of Judah, Jehoahaz the son of Jehu   began to reign over Israel in Samaria, and he reigned seventeen years. )

13:2 “พระองค์ ​ทรง​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย​ใน​สายพระเนตร​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ทำ​ตาม​บาป​ทั้งหลาย​ของ​เยโรโบอัม​บุตร​ เนบัท ผู้​ได้​นำ​อิสราเอล​ให้​ทำ​บาป​ด้วย พระองค์​ไม่ได้​ทรง​หัน​จาก​บาป​นั้น”

        (He did what was evil in the sight of the Lord and followed the sins of Jeroboam the son of   Nebat, which he made Israel to sin; he did not depart from them. )

13:3 “และ​พระพิโรธ​ของ​พระยาห์เวห์​ก็​พลุ่ง​ขึ้น​ต่อ​อิสราเอล และ​พระองค์​ทรง​มอบ​เขา​ทั้งหลาย​ไว้​ใน​มือ​ของ​ฮาซาเอล​ พระราชา​ แห่ง​ซีเรีย และ​ใน​มือ​ของ​เบนฮาดัด​โอรส​ของ​ฮาซาเอล​อยู่​เนืองๆ”

       (And the anger of the Lord was kindled against Israel, and he gave them continually into the  hand of Hazael king of Syria and into the hand of Ben-hadad the son of Hazael. )

13:4 “แล้ว​เยโฮอาหาส​ได้​วิงวอน​พระยาห์เวห์ และ​พระยาห์เวห์​ทรง​ฟัง​ท่าน เพราะ​พระองค์​ทรง​เห็น​การ​กด​ขี่​อิสราเอล  คือ​ที่​พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​กด​ขี่​พวกเขา​อย่างไร”

       (Then Jehoahaz sought the favor of the Lord, and the Lord listened to him, for he saw the oppression of Israel, how the king of Syria oppressed them. )

13:5 “(เพราะ ​ฉะนั้น พระยาห์เวห์​ประทาน​ผู้ช่วย​ผู้หนึ่ง​แก่​อิสราเอล พวกเขา​จึง​รอดพ้น​จาก​มือ​คน​ซีเรีย และ​คน​ อิสราเอล​ก็​ได้​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ตน​อย่าง​เดิม”

       (Therefore the Lord gave Israel a savior, so that they escaped from the hand of the Syrians, and   the people of Israel lived in their homes as formerly. )

13:6 “ถึง​กระนั้น​พวกเขา​ก็​ไม่ได้​หัน​จาก​บาป​ของ​ราชวงศ์​เยโรโบอัม ซึ่ง​พระองค์​ทรง​กระทำ​ให้​อิสราเอล​ทำ​ด้วย แต่​ดำ‍เนิน​ใน​บาป​นั้น และ​พระอาเช-ราห์​ก็​ยัง​คง​อยู่​ใน​สะมาเรีย​ด้วย)”

       (Nevertheless, they did not depart from the sins of the house of Jeroboam, which he made Israel   to sin, but walked in them; and the Asherah also remained in Samaria.)

13:7 “เพราะ ​ไม่ได้​เหลือ​กองทัพ​ไว้​ให้​เยโฮอาหาส​เกิน​กว่า​ทหาร​ม้า 50 คน และ​รถรบ 10 คัน​และ​ทหาร​ราบ 10,000  คน เพราะ​พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​ได้​ทำลาย​เขา​ทั้งหลาย​เสีย ให้​เป็น​อย่าง​ละออง​เวลา​นวดข้าว”

      (For there was not left to Jehoahaz an army of more than fifty horsemen and ten chariots and ten  thousand footmen, for the king of Syria had destroyed them and made them like the dust at

      threshing. )

13:8 “ส่วน​พระราชกิจ​อื่นๆ ของ​เยโฮอาหาส และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​กระทำ และ​พระราชอำนาจ​ของ​พระองค์ ได้​บันทึก​ไว้​ใน​ หนังสือ​พงศาวดาร​กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​ไม่​ใช่​ หรือ?”

      (Now the rest of the acts of Jehoahaz and all that he did, and his might, are they not written in  the Book of the Chronicles of the Kings of Israel? )

13:9 “และ​เยโฮอาหาส​ทรง​ล่วงหลับ​ไป​อยู่​กับ​บรรพบุรุษ และ​เขา​ฝัง​พระองค์​ไว้​ใน​สะมาเรีย และ​เยโฮอาช​พระราชโอรส​ของ​พระองค์​ได้​ขึ้น​ครองราชย์​แทน”

       (So Jehoahaz slept with his fathers, and they buried him in Samaria, and Joash his son reigned  in his place.)

13:10 “ใน​ปี​ที่ 37 แห่ง​รัชกาล​โยอาช​พระราชา​แห่ง​ยูดาห์ เยโฮอาช​พระราชโอรส​ของ​เยโฮอาหาส​ได้​ทรง​ครอง​อิสราเอล​ใน​ สะมาเรีย 16 ปี”

      (In the thirty-seventh year of Joash king of Judah, Jehoash the son of Jehoahaz began to reign  over Israel in Samaria, and he reigned sixteen years. )

13:11 “พระองค์ ​ทรง​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย​ใน​สายพระเนตร​ของ​พระยาห์เวห์ พระองค์​ไม่ได้​ทรง​หัน​จาก​บาป​ทั้งสิ้น​ของ​เยโร​โบ‍อัม​บุตร​เนบัท ผู้​ได้​นำ​อิสราเอล​ให้​ทำ​บาป​ด้วย แต่​ทรง​ดำเนิน​ใน​บาป​นั้น”

       (He also did what was evil in the sight of the Lord. He did not depart from all the sins of  Jeroboam the son of Nebat, which he made Israel to sin, but he walked in them. )

13:12 “ส่วน​พระราชกิจ​อื่นๆ ของ​เยโฮอาช และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​กระทำ และ​พระราช​อำนาจ​ซึ่ง​พระองค์​ทรง​สู้รบ​กับ​ อามาซิยาห์​พระราชา​ แห่ง​ยูดาห์ ได้​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือ​พงศาวดาร​กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​ไม่​ใช่หรือ?”

     (Now the rest of the acts of Joash and all that he did, and the might with which he fought   against Amaziah king of Judah, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings  of Israel? )

13:13 “เยโฮอาช​จึง​ทรง​ล่วงหลับ​ไป​อยู่​กับ​บรรพบุรุษ และ​เยโรโบอัม​ประทับ​บน​พระ​ที่นั่ง​ของ​พระองค์ และ​เขา​ฝัง​พระ‌ศพ​เยโฮอาช​ไว้​ใน​สะมาเรีย​กับ​บรรดา​พระราชา​แห่ง​ อิสราเอล”

                 (So Joash slept with his fathers, and Jeroboam sat on his throne. And Joash was buried in    Samaria with the kings of Israel.)

13:14 “เมื่อ​เอลีชา​ล้ม​ป่วย​ด้วย​โรค​ที่​จะ​ต้อง​สิ้น​ชีวิต เยโฮอาช​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ได้​เสด็จ​ลง​ไป​หา​ท่าน และ​ทรง​ กันแสง​ต่อ​หน้า​ท่าน ตรัส​ว่า “พ่อ​ของ​ข้า พ่อ​ของ​ข้า รถรบ​แห่ง​อิสราเอล และ​ทหารม้า​ประจำ​รถ

       (Now when Elisha had fallen sick with the illness of which he was to die, Joash king of Israel went  down to him and wept before him, crying, “My father, my father! The chariots of Israel and its  horsemen!” )

13:15 “และ​เอลีชา​ทูล​พระองค์​ว่า “ขอ​ทรง​เอา​คันธนู​และ​ลูกธนู​มา” พระองค์​จึง​ทรง​เอา​คันธนู​และ​ลูกธนู​มา”

                 (And Elisha said to him, “Take a bow and arrows.” So he took a bow and arrows. )

13:16 “แล้ว​ท่าน​ทูล​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ว่า “ขอ​ทรง​เหนี่ยว​คันธนู” และ​พระองค์​ทรง​เหนี่ยว​ด้วย​พระหัตถ์ และ​ เอลีชา​เอา​มือ​ของ​ตน​วาง​บน​พระหัตถ์​ของ​พระราชา”

                (Then he said to the king of Israel, “Draw the bow,” and he drew it. And Elisha laid his hands on  the king’s hands.)

13:17 “และ​ท่าน​ทูล​ว่า “ขอ​ทรง​เปิด​หน้าต่าง​ด้าน​ตะวันออก” และ​พระองค์​ทรง​เปิด​แล้ว เอลีชา​ทูล​ว่า “ขอ​ทรง​ยิง”  และ​พระองค์​ก็​ทรง​ยิง​และ​ท่าน​ทูล​ว่า “ลูกธนู​ชัยชนะ​ของ​พระยาห์เวห์ ลูกธนู​ชัยชนะ​เหนือ​ซีเรีย เพราะ​ฝ่า​พระ‌ บาท​จะ​ทรง​ต่อสู้​กับ​คน​ซีเรีย​ที่​อาเฟก จน​กว่า​จะ​ทรง​ทำ​ให้​เขา​สิ้น​ไป

    (And he said, “Open the window eastward,” and he opened it. Then Elisha said, “Shoot,” and he  shot. And he said, “The Lord’s arrow of victory, the arrow of victory over Syria! For you shall fight   the Syrians in Aphek until you have made an end of them.” )

13:18 “และ​ท่าน​ทูล​ว่า “ขอ​ทรง​หยิบ​ลูกธนู​เหล่านั้น” และ​พระองค์​ก็​ทรง​หยิบ และ​ท่าน​ทูล​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ว่า  “เอา​ลูกธนู​ตี​พื้นดิน” และ​พระองค์​ทรง​ตี​สาม​ครั้ง แล้ว​ทรง​หยุด​เสีย”

        (And he said, “Take the arrows,” and he took them. And he said to the king of Israel,   “Strike the ground with them.” And he struck three times and stopped. )

13:19 “แล้ว​คน​ของ​พระเจ้า​ก็​โกรธ​พระองค์ และ​ทูล​ว่า “ฝ่า​พระบาท​ควร​จะ​ตี​สัก​ห้า​หรือ​หก​ครั้ง แล้ว​ฝ่า​พระบาท​จะ​ได้​ ตี​ซีเรีย​จน​กว่า​จะ​ทรง​ทำ​ให้​เขา​สิ้น​ไป แต่​บัดนี้​ฝ่า​พระบาท​จะ​ตี​ซีเรีย​ได้​เพียง​สาม​ครั้ง​เท่านั้น

   (Then the man of God was angry with him and said, “You should have struck five or six times;  then you would have struck down Syria until you had made an end of it, but now you will strike down Syria only three times.”)

13:20 “และ​เอลีชา​สิ้น​ชีวิต เขา​ก็​ฝัง​ท่าน​ไว้ กลุ่ม​โจร​ชาว​โมอับ​เคย​ปล้น​แผ่นดิน​นั้น​ใน​ฤดู​แล้ง”

               (So Elisha died, and they buried him. Now bands of Moabites used to invade the land in the   spring of the year. )

13:21 “ครั้ง​หนึ่งเมื่อ​เขา​กำลัง​ฝัง​ศพ​คน​หนึ่ง นี่แน่ะ เขา​เห็น​โจร​กลุ่ม​หนึ่ง เขา​จึง​โยน​ศพ​ชาย​คน​นั้น​ลง​ไป​ใน​อุโมงค์​ของ​ เอลีชา พอ​ศพ​ชาย​คน​นั้น​แตะต้อง​กระดูก​ของ​เอลีชา ชาย​นั้น​ก็​คืน​ชีวิต​ลุกขึ้น​ยืน”

        (And as a man was being buried, behold, a marauding band was seen and the man was   thrown into the grave of Elisha, and as soon as the man touched the bones of Elisha, he revived and stood on his feet.)

13:22 “ฮาซาเอล พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​ได้​กด​ขี่​คน​อิสราเอล​อยู่​ตลอด​รัชกาล​ของ​เยโฮอาหาส”

                  (Now Hazael king of Syria oppressed Israel all the days of Jehoahaz.)

13:23 “แต่​พระยาห์เวห์​ทรง​พระกรุณา​และ​ทรง​พระเมตตา​พวกเขา และ​พระองค์​ทรง​หัน​มา​หา​พวกเขา เพราะ​พันธ‍สัญญา​ของ​พระองค์​ที่​ทรง​กระทำ​กับ​อับราฮัม อิสอัค และ​ยาโคบ และ​จะ​ไม่​ทรง​ทำลาย หรือ​ขับไล่​พวกเขา​ไป​ให้​พ้น​พระพักตร์​จน​บัดนี้”

   (But the Lord was gracious to them and had compassion on them, and he turned toward them,  because of his covenant with Abraham, Isaac, and Jacob, and would not destroy them, nor has         he cast them from his presence until now.)

13:24 “เมื่อ​ฮาซาเอล​พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​สิ้น​พระชนม์ เบนฮาดัด พระราชโอรส​ของ​พระองค์​ได้​ขึ้น​ครองราชย์​แทน”

           (When Hazael king of Syria died, Ben-hadad his son became king in his place. )

13:25 “แล้ว​เยโฮอาช​โอรส​ของ​เยโฮอาหาส​ได้​ยึด​บรรดา​เมือง​จาก​เบนฮาดัด​ บุตร​ฮาซาเอล​กลับ​คืน​มาเป็น​เมือง​ที่​ พระองค์​ตี​ไป​ได้​จาก​เยโฮอาหาส​พระราชบิดา​ของ​เยโฮอาช​เมื่อ​ทำ​สงคราม​กัน เยโฮอาช​ได้​รบ​ชนะ​พระองค์​ สาม​ครั้ง​และ​ได้​บรรดา​เมือง​อิสราเอล​กลับ​คืน​มา”

    (Then Jehoash the son of Jehoahaz took again from Ben-hadad the son of Hazael the cities  that he had taken from Jehoahaz his father in war. Three times Joash defeated him and  recovered  the cities of Israel.)

 ข้อมูลมีประโยชน์

13:1     “ในปีที่ 23  แห่งรัชกาลโยอาช” (In the twenty-third year of Joash) = ปี 814 ก.ค.ศ. (12:1)

“ 17 ปี” (seventeen years) = ช่วงเวลาปี 814 – 798 ก.ค.ศ. –เป็นช่วงเวลาที่เยโฮอาหาสโอรสของเยฮู ครองราชย์ในกรุงสะมาเรีย

13:2     “ทำตามบาปทั้งหลายของเยโรโบอัม” (followed the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32; 13:33-34;14:16

13:3     “ฮาซาเอล” (Hazael) –8:12-13,15;10:33

“เบนฮาดัด” (Ben-hadad) ข.24, รัชกาลของเบนฮาดัดเริ่มต้นในปี 806 หรือไม่ก็ปี 796 ก.ค.ศ

13:4     “พระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน” (the Lord listened to him) = แม้การช่วยกู้จะไม่ได้มาในช่วงอายุของเยโฮอาหาส (ข.22)  แต่พระเจ้าก็ทรงเมตตาต่อชนชาติของพระองค์ ตามพันธสัญญาที่มีกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ (ข.23) แม้ว่าพวกเขาจะทำบาป

13:5     “ผู้ช่วยผู้หนึ่ง” (a savior) น่าจะเป็น

  1. ฮาดัดนิรารีที่ 3 (813-783 ก.ค.ศ.) ผู้ปกครองอัสซีเรีย ซึ่งโจมตีซีเรียในดามัสกัสปี 806  และ 804     ก.ค.ศ. ทำให้อิสราเอลหลุดจากการครอบครองของซีเรีย (ข.25;14:25) หรือ
  2. เยโฮอาช บุตรของเยโฮอาหาส (ข.17,19,25) หรือ
  3. เยโรโบอัมที่ 2 ที่สามารถขยายพรมแดนอิสราเอลขึ้นไปทางเหนือได้บั่นทอนอำนาจทางทหารของซีเรีย

13:6     “พระอาเชราห์ก็ยังคงอยู่” (the Asherah also remained) = เสาของเจ้าแม่อาเซราห์ที่อาหับเป็นผู้ตั้งไว้ (1พกษ.16:33) ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายโดยเยฮู เมื่อครั้งที่เขาจัดการกับการบูชาพระบาอัลในสะมาเรีย (10:27-28)หรือมิฉะนั้นก็อาจตั้งขึ้นใหม่ในรัชกาลของเยโฮอาหาส

13:7     “รถรบสิบคับ” (ten chariots) = กองกำลังที่น้อยมาก เทียบกับรถม้าศึก 2000 คัน ที่อาหับนำไปสู้รบกับชาวอัสซีเรียในสงครามคาร์คาร์ ในปี 853 ก.ค.ศ. (1พกษ.22:1)

“ทหาร 10000 คน” (ten thousand footmen) = พลเดินเท้าในสงคราม คาร์คาร์ อาหับได้จัดพลเดินเท้าหนึ่งหมื่นคนไปสมทบกับกองทหารที่จะสู้รบกับอัสซีเรีย ในเวลานั้น ทหารจำนวนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกองทัพอิสราเอล แต่ในเวลานี้ กลับกลายเป็นทั้งหมดในกองทัพ  และในปี 857 ก.ค.ศ อาหับสังหารพลเดินเท้าของซีเรียได้หนึ่งแสนคนในการสู้รบเพียงวันเดียว (1พกษ.20:29)

13:8     “หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล” (the Book of the Chronicles of the Kings of Israel)  -1พกษ.14:19

13:9     “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) –1พกษ.1:21

13:10   “ปีที่ 37 แห่งรัชกาลโยอาช” (the thirty-seventh year of Joash king) =798 ก.ค.ศ. (12:1)

“16 ปี” (sixteen years) = 798 -782 ก.ค.ศ.

13:11   “บาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม” (all the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32;12:33-34;14:16

13:12   “สู้รบกับอามาซิยาห์” (fought against Amaziah) -14:8-14;2พศด.25:17-24

“หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล” ( the Book of the Chronicles of the Kings of Israel)       =  จดหมายเหตุของกษัตริย์อิสราเอล –1พกษ.14:16

13:13   “ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” ( slept with his fathers) –1พกษ.1:21

“เยโรโบอัมประทับบนพระที่นั่งของพระองค์” (Jeroboam sat on his throne) = เยโรโบอัมที่ 2 ขึ้น ครองราชย์แทน-14:23-29

13:14   “เมื่อเอลีชาล้มป่วยด้วยโรคที่จะต้องเสียชีวิต” (when Elisha had fallen sick with the illness of which he was to die) = เรื่องราวเอลีชาล่าสุดอยู่ในบทที่ 9 เยฮูได้รับการเจิมตั้งในปี 841 ก.ค.ศ. (10:36) และเยโฮอาชขึ้นครองราชย์ในปี 798 ก.ค.ศ. (ข.10) ดังนั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 43 ปีที่ไม่มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพันธกิจของเอลีชา (เอลีชาน่าจะเกิดก่อนปี 880 ก.ค.ศ. และมีอายุยืนกว่า 80 ปี)

“รถรบแห่งอิสราเอลและทหารม้าประจำรถ” (The chariots of Israel and its horsemen!) = เยโฮอาชกล่าวแสดงความยอมรับว่าเอลีชามีความสำคัญต่อความสำเร็จทางทหารของอิสราเอลมากกว่ากองทัพของอิสราเอล (2:12;6:13,16-23)

13:16   “เอามือของตนวางบนพระหัตถ์ของพระราชา” ( his hands on the king’s hands) = เอลีชาแสดงท่าทีเชิงสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าพระพรของพระเจ้าจะอยู่เหนือเยโฮอาช เมื่อเขาทำสงครามกับซีเรีย

13:17   “ขอทรงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” (Open the window eastward) = หันไปทางฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของซีเรีย (10:32-33)

“อาเฟก” (Aphek) = ประมาณ 60 ปีก่อนหน้านี้ อาหับมีชัยชนะเหนือซีเรีย และเบนฮาดัดที่ 2 ที่อาเฟก (1พกษ.20:26-30)

13:18   “ทรงตีสามครั้งแล้วทรงหยุดเสีย” (he struck three times and stopped) = ฟาด 3 ครั้งเท่านั้น เยโฮอาชสนองตอบต่อคำสั่งของเอลีชาแบบไม่ค่อยกระตือรือร้น แสดงให้เห็นถึงความไม่ตั้งใจที่จะกระทำพันธกิจให้สำเร็จ

13:19   “จะตีซีเรียได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น” (will strike down Syria only three times) = ความไม่กระตือรือร้นของเยโฮอาช ที่ตีลูกศพแบบเฉื่อย ๆ เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นถึงความสำเร็จแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่เขาจะได้รับจากการสู้รบกับชาวซีเรีย

-ต่อมา เยโรโบอัมที่ 2 บุตรของเยโฮอาชจะเป็นผู้พิชิตซีเรียอย่างสิ้นเชิง (14:15,28)

13:21   “พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของเอลีชา ชายนั้นก็คืนชีวิตลุกขึ้นยืน” ( the man touched the bones of Elisha, he revived and stood on his feet) = การกล่าวถึงเอลีชาเป็นครั้งสุดท้ายในพระคัมภีร์เดิม และยืนยันว่า เอลีชาเป็นตัวแทนของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ในการให้ชีวิต (ฟื้นคืนขึ้นมา) -4:32-37;1พกษ.17:17-24, ปท.เอลียาห์ (2:11-12)

13:23   “ไม่ทรงทำลายหรือขับไล่พวกเขา” (would not destroy them, nor has he cast them) = พระเจ้าทรงอดทนอดกลั้นต่อชนชาติของพระองค์ด้วยความเมตตา พระองค์ทรงยับยั้งคำสาปสูงสุดตามพันธสัญญาที่จะเนรเทศพวกเขาออกจากคานาอัน (10:32) –การเลื่อนการพิพากษาออกไปทำให้อิสราเอลมีโอกาสกลับใจและหันกลับมาซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญากับพระเจ้า

“จนบัดนี้” (until now)  = จนถึงวันเวลาที่เขียน (1พกษ.8:8)

13:25   “เมืองที่พระองค์ตีไปได้จากเยโฮอาหาส” (the cities that he had taken from Jehoahaz) = เมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน เพราะพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของจอร์แดนนั้นสูญเสียไปแล้วในสมัยของเยฮู (10:32-33)

-ในสมัยของเยโรโบอัมที่ 2 พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของจอร์แดนจึงได้กลับมาเป็นของอิสราเอลอย่างสมบูรณ์ (14:25)

“รบชนะพระองค์ 3 ครั้ง” (Three times Joash defeated him) = สำเร็จจริงตามคำพยากรณ์ของเอลีชาในข้อ 19

คำถามนำอภิปราย

  1. เวลาที่ผู้ปกครอง(ประเทศ)กระทำบาปชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า อะไรคือผลตามมา? ประชาชนมักได้รับผลกระทบอะไรบ้าง?
  2. ในประเทศไทยของเราเวลานี้มีอะไรบ้างที่เป็นผลกระทบจากการที่ผู้ปกครองประเทศ (ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน) กระทำบาปชั่วบ้าง? มีผลกระทบใดที่เลวร้ายที่สุดในความคิดของคุณ?  อย่างไร?
  3. คุณคิดว่าเวลาคนบาปที่กระทำชั่วอธิษฐานต่อพระเจ้า พระองค์จะทรงสดับฟังหรือไม่? ทำไมคุณคิดอย่างนั้น? มีอะไรยืนยันบ้าง?
  4. คุณเคยเห็นคนชั่วที่พระเจ้าช่วยเหลือเขาให้รอดจากความทุกข์ยากลำบากแล้วกลับไปกระทำชั่วเหมือนเดิมบ้างหรือไม่?  อย่างไร? คุณรู้สึกอย่างไร? และคุณเคยเปน็น็นเช่นเดียวกันอย่างนี้บ้างหรือไม่?
  5. มีบาปใดที่คุณเห็นผู้นำประเทศของเรากระทำผิดซ้ำซากอยู่เรื่อยมา? คุณคิดว่าจะมีวิธีหรือวิถีทางใดที่จะช่วยประเทศชาติของเราให้พ้นจากความผิดบาปซ้ำซากเหล่านั้นได้ และคุณจะมีส่วนช่วยอะไรได้บ้าง?
  6. มีผู้รับใช้ของพระเจ้าคนใดที่สำคัญต่อส่วนรวมและเวลานี้ชราหรือป่วยหนักที่คุณรู้สึกเสียใจหรือโศกเศร้าที่เห็นท่านอยู่ในสภาพเช่นนั้นบ้าง? และคุณทำอะไรแก่ท่านบ้าง? (หรือหากว่าผู้รับใช้ผู้นั้นยังไม่ชราหรือยังไม่ป่วยหนัก คุณจะทำอะไรเพื่อท่านเป็นพิเศษบ้างหรือไม่?  อย่างไร? ทำไม?)
  7. มีสิ่งใดบ้างที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าบอกให้คุณกระทำ  แต่คุณสนองอย่างไม่เต็มใจหรือไม่เต็มที่บ้าง? และผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร?
  8. คุณเคยกระทำอะไรให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่พอใจบ้าง? สิ่งนั้นส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง?
  9. คุณเคยเห็นการอัศจรรย์อะไรที่พระเจ้ากระทำแบบเกินความคาดคิดบ้าง? สอนอะไรคุณบ้าง?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.