กษัตริย์ผู้ละทิ้งโอกาสสำคัญ!
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 13:1-25
อ้างอิง 1พกษ.10:26;12:26-33;15:31;16:33;19:17;2พกษ.2:12;5:2;10:32-33;13:3,24-25;14:15,23;17:18; 24:3,20
บทนำ น่าเสียใจที่หลายคนเชื่อพระเจ้า แต่ไม่เต็มที่และน่าเสียดายที่หลายคนทิ้งโอกาสแห่งชัยชนะที่พระเจ้าพร้อมจะประทานให้ เพราะเขาไม่กระตือรือร้นในการกระทำตามพระบัญชาของพระองค์
คุณเป็นหนึ่งในคนประเภทนี้หรือไม่?
บทเรียน
13:1 “ใน ปีที่ 23 แห่งรัชกาลโยอาช พระราชโอรสของอาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ เยโฮอาหาสพระราชโอรสของ เยฮูทรงครองอิสราเอลในกรุง สะมาเรียอยู่ 17 ปี”
(In the twenty-third year of Joash the son of Ahaziah, king of Judah, Jehoahaz the son of Jehu began to reign over Israel in Samaria, and he reigned seventeen years. )
13:2 “พระองค์ ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทำตามบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตร เนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย พระองค์ไม่ได้ทรงหันจากบาปนั้น”
(He did what was evil in the sight of the Lord and followed the sins of Jeroboam the son of Nebat, which he made Israel to sin; he did not depart from them. )
13:3 “และพระพิโรธของพระยาห์เวห์ก็พลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของฮาซาเอล พระราชา แห่งซีเรีย และในมือของเบนฮาดัดโอรสของฮาซาเอลอยู่เนืองๆ”
(And the anger of the Lord was kindled against Israel, and he gave them continually into the hand of Hazael king of Syria and into the hand of Ben-hadad the son of Hazael. )
13:4 “แล้วเยโฮอาหาสได้วิงวอนพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน เพราะพระองค์ทรงเห็นการกดขี่อิสราเอล คือที่พระราชาแห่งซีเรียกดขี่พวกเขาอย่างไร”
(Then Jehoahaz sought the favor of the Lord, and the Lord listened to him, for he saw the oppression of Israel, how the king of Syria oppressed them. )
13:5 “(เพราะ ฉะนั้น พระยาห์เวห์ประทานผู้ช่วยผู้หนึ่งแก่อิสราเอล พวกเขาจึงรอดพ้นจากมือคนซีเรีย และคน อิสราเอลก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของตนอย่างเดิม”
(Therefore the Lord gave Israel a savior, so that they escaped from the hand of the Syrians, and the people of Israel lived in their homes as formerly. )
13:6 “ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หันจากบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม ซึ่งพระองค์ทรงกระทำให้อิสราเอลทำด้วย แต่ดำเนินในบาปนั้น และพระอาเช-ราห์ก็ยังคงอยู่ในสะมาเรียด้วย)”
(Nevertheless, they did not depart from the sins of the house of Jeroboam, which he made Israel to sin, but walked in them; and the Asherah also remained in Samaria.)
13:7 “เพราะ ไม่ได้เหลือกองทัพไว้ให้เยโฮอาหาสเกินกว่าทหารม้า 50 คน และรถรบ 10 คันและทหารราบ 10,000 คน เพราะพระราชาแห่งซีเรียได้ทำลายเขาทั้งหลายเสีย ให้เป็นอย่างละอองเวลานวดข้าว”
(For there was not left to Jehoahaz an army of more than fifty horsemen and ten chariots and ten thousand footmen, for the king of Syria had destroyed them and made them like the dust at
threshing. )
13:8 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาหาส และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชอำนาจของพระองค์ ได้บันทึกไว้ใน หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่ หรือ?”
(Now the rest of the acts of Jehoahaz and all that he did, and his might, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel? )
13:9 “และเยโฮอาหาสทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเขาฝังพระองค์ไว้ในสะมาเรีย และเยโฮอาชพระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(So Jehoahaz slept with his fathers, and they buried him in Samaria, and Joash his son reigned in his place.)
13:10 “ในปีที่ 37 แห่งรัชกาลโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ เยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮอาหาสได้ทรงครองอิสราเอลใน สะมาเรีย 16 ปี”
(In the thirty-seventh year of Joash king of Judah, Jehoash the son of Jehoahaz began to reign over Israel in Samaria, and he reigned sixteen years. )
13:11 “พระองค์ ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงหันจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย แต่ทรงดำเนินในบาปนั้น”
(He also did what was evil in the sight of the Lord. He did not depart from all the sins of Jeroboam the son of Nebat, which he made Israel to sin, but he walked in them. )
13:12 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาช และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชอำนาจซึ่งพระองค์ทรงสู้รบกับ อามาซิยาห์พระราชา แห่งยูดาห์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the acts of Joash and all that he did, and the might with which he fought against Amaziah king of Judah, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel? )
13:13 “เยโฮอาชจึงทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเยโรโบอัมประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และเขาฝังพระศพเยโฮอาชไว้ในสะมาเรียกับบรรดาพระราชาแห่ง อิสราเอล”
(So Joash slept with his fathers, and Jeroboam sat on his throne. And Joash was buried in Samaria with the kings of Israel.)
13:14 “เมื่อเอลีชาล้มป่วยด้วยโรคที่จะต้องสิ้นชีวิต เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลได้เสด็จลงไปหาท่าน และทรง กันแสงต่อหน้าท่าน ตรัสว่า “พ่อของข้า พ่อของข้า รถรบแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถ”
(Now when Elisha had fallen sick with the illness of which he was to die, Joash king of Israel went down to him and wept before him, crying, “My father, my father! The chariots of Israel and its horsemen!” )
13:15 “และเอลีชาทูลพระองค์ว่า “ขอทรงเอาคันธนูและลูกธนูมา” พระองค์จึงทรงเอาคันธนูและลูกธนูมา”
(And Elisha said to him, “Take a bow and arrows.” So he took a bow and arrows. )
13:16 “แล้วท่านทูลพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ขอทรงเหนี่ยวคันธนู” และพระองค์ทรงเหนี่ยวด้วยพระหัตถ์ และ เอลีชาเอามือของตนวางบนพระหัตถ์ของพระราชา”
(Then he said to the king of Israel, “Draw the bow,” and he drew it. And Elisha laid his hands on the king’s hands.)
13:17 “และท่านทูลว่า “ขอทรงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” และพระองค์ทรงเปิดแล้ว เอลีชาทูลว่า “ขอทรงยิง” และพระองค์ก็ทรงยิงและท่านทูลว่า “ลูกธนูชัยชนะของพระยาห์เวห์ ลูกธนูชัยชนะเหนือซีเรีย เพราะฝ่าพระ บาทจะทรงต่อสู้กับคนซีเรียที่อาเฟก จนกว่าจะทรงทำให้เขาสิ้นไป”
(And he said, “Open the window eastward,” and he opened it. Then Elisha said, “Shoot,” and he shot. And he said, “The Lord’s arrow of victory, the arrow of victory over Syria! For you shall fight the Syrians in Aphek until you have made an end of them.” )
13:18 “และท่านทูลว่า “ขอทรงหยิบลูกธนูเหล่านั้น” และพระองค์ก็ทรงหยิบ และท่านทูลพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “เอาลูกธนูตีพื้นดิน” และพระองค์ทรงตีสามครั้ง แล้วทรงหยุดเสีย”
(And he said, “Take the arrows,” and he took them. And he said to the king of Israel, “Strike the ground with them.” And he struck three times and stopped. )
13:19 “แล้วคนของพระเจ้าก็โกรธพระองค์ และทูลว่า “ฝ่าพระบาทควรจะตีสักห้าหรือหกครั้ง แล้วฝ่าพระบาทจะได้ ตีซีเรียจนกว่าจะทรงทำให้เขาสิ้นไป แต่บัดนี้ฝ่าพระบาทจะตีซีเรียได้เพียงสามครั้งเท่านั้น”
(Then the man of God was angry with him and said, “You should have struck five or six times; then you would have struck down Syria until you had made an end of it, but now you will strike down Syria only three times.”)
13:20 “และเอลีชาสิ้นชีวิต เขาก็ฝังท่านไว้ กลุ่มโจรชาวโมอับเคยปล้นแผ่นดินนั้นในฤดูแล้ง”
(So Elisha died, and they buried him. Now bands of Moabites used to invade the land in the spring of the year. )
13:21 “ครั้งหนึ่งเมื่อเขากำลังฝังศพคนหนึ่ง นี่แน่ะ เขาเห็นโจรกลุ่มหนึ่ง เขาจึงโยนศพชายคนนั้นลงไปในอุโมงค์ของ เอลีชา พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของเอลีชา ชายนั้นก็คืนชีวิตลุกขึ้นยืน”
(And as a man was being buried, behold, a marauding band was seen and the man was thrown into the grave of Elisha, and as soon as the man touched the bones of Elisha, he revived and stood on his feet.)
13:22 “ฮาซาเอล พระราชาแห่งซีเรียได้กดขี่คนอิสราเอลอยู่ตลอดรัชกาลของเยโฮอาหาส”
(Now Hazael king of Syria oppressed Israel all the days of Jehoahaz.)
13:23 “แต่พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและทรงพระเมตตาพวกเขา และพระองค์ทรงหันมาหาพวกเขา เพราะพันธสัญญาของพระองค์ที่ทรงกระทำกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และจะไม่ทรงทำลาย หรือขับไล่พวกเขาไปให้พ้นพระพักตร์จนบัดนี้”
(But the Lord was gracious to them and had compassion on them, and he turned toward them, because of his covenant with Abraham, Isaac, and Jacob, and would not destroy them, nor has he cast them from his presence until now.)
13:24 “เมื่อฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรียสิ้นพระชนม์ เบนฮาดัด พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(When Hazael king of Syria died, Ben-hadad his son became king in his place. )
13:25 “แล้วเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสได้ยึดบรรดาเมืองจากเบนฮาดัด บุตรฮาซาเอลกลับคืนมาเป็นเมืองที่ พระองค์ตีไปได้จากเยโฮอาหาสพระราชบิดาของเยโฮอาชเมื่อทำสงครามกัน เยโฮอาชได้รบชนะพระองค์ สามครั้งและได้บรรดาเมืองอิสราเอลกลับคืนมา”
(Then Jehoash the son of Jehoahaz took again from Ben-hadad the son of Hazael the cities that he had taken from Jehoahaz his father in war. Three times Joash defeated him and recovered the cities of Israel.)
ข้อมูลมีประโยชน์
13:1 “ในปีที่ 23 แห่งรัชกาลโยอาช” (In the twenty-third year of Joash) = ปี 814 ก.ค.ศ. (12:1)
“ 17 ปี” (seventeen years) = ช่วงเวลาปี 814 – 798 ก.ค.ศ. –เป็นช่วงเวลาที่เยโฮอาหาสโอรสของเยฮู ครองราชย์ในกรุงสะมาเรีย
13:2 “ทำตามบาปทั้งหลายของเยโรโบอัม” (followed the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32; 13:33-34;14:16
13:3 “ฮาซาเอล” (Hazael) –8:12-13,15;10:33
“เบนฮาดัด” (Ben-hadad) ข.24, รัชกาลของเบนฮาดัดเริ่มต้นในปี 806 หรือไม่ก็ปี 796 ก.ค.ศ
13:4 “พระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน” (the Lord listened to him) = แม้การช่วยกู้จะไม่ได้มาในช่วงอายุของเยโฮอาหาส (ข.22) แต่พระเจ้าก็ทรงเมตตาต่อชนชาติของพระองค์ ตามพันธสัญญาที่มีกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ (ข.23) แม้ว่าพวกเขาจะทำบาป
13:5 “ผู้ช่วยผู้หนึ่ง” (a savior) น่าจะเป็น
- ฮาดัดนิรารีที่ 3 (813-783 ก.ค.ศ.) ผู้ปกครองอัสซีเรีย ซึ่งโจมตีซีเรียในดามัสกัสปี 806 และ 804 ก.ค.ศ. ทำให้อิสราเอลหลุดจากการครอบครองของซีเรีย (ข.25;14:25) หรือ
- เยโฮอาช บุตรของเยโฮอาหาส (ข.17,19,25) หรือ
- เยโรโบอัมที่ 2 ที่สามารถขยายพรมแดนอิสราเอลขึ้นไปทางเหนือได้บั่นทอนอำนาจทางทหารของซีเรีย
13:6 “พระอาเชราห์ก็ยังคงอยู่” (the Asherah also remained) = เสาของเจ้าแม่อาเซราห์ที่อาหับเป็นผู้ตั้งไว้ (1พกษ.16:33) ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายโดยเยฮู เมื่อครั้งที่เขาจัดการกับการบูชาพระบาอัลในสะมาเรีย (10:27-28)หรือมิฉะนั้นก็อาจตั้งขึ้นใหม่ในรัชกาลของเยโฮอาหาส
13:7 “รถรบสิบคับ” (ten chariots) = กองกำลังที่น้อยมาก เทียบกับรถม้าศึก 2000 คัน ที่อาหับนำไปสู้รบกับชาวอัสซีเรียในสงครามคาร์คาร์ ในปี 853 ก.ค.ศ. (1พกษ.22:1)
“ทหาร 10000 คน” (ten thousand footmen) = พลเดินเท้าในสงคราม คาร์คาร์ อาหับได้จัดพลเดินเท้าหนึ่งหมื่นคนไปสมทบกับกองทหารที่จะสู้รบกับอัสซีเรีย ในเวลานั้น ทหารจำนวนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกองทัพอิสราเอล แต่ในเวลานี้ กลับกลายเป็นทั้งหมดในกองทัพ และในปี 857 ก.ค.ศ อาหับสังหารพลเดินเท้าของซีเรียได้หนึ่งแสนคนในการสู้รบเพียงวันเดียว (1พกษ.20:29)
13:8 “หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล” (the Book of the Chronicles of the Kings of Israel) -1พกษ.14:19
13:9 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) –1พกษ.1:21
13:10 “ปีที่ 37 แห่งรัชกาลโยอาช” (the thirty-seventh year of Joash king) =798 ก.ค.ศ. (12:1)
“16 ปี” (sixteen years) = 798 -782 ก.ค.ศ.
13:11 “บาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม” (all the sins of Jeroboam) –1พกษ.12:26-32;12:33-34;14:16
13:12 “สู้รบกับอามาซิยาห์” (fought against Amaziah) -14:8-14;2พศด.25:17-24
“หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล” ( the Book of the Chronicles of the Kings of Israel) = จดหมายเหตุของกษัตริย์อิสราเอล –1พกษ.14:16
13:13 “ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” ( slept with his fathers) –1พกษ.1:21
“เยโรโบอัมประทับบนพระที่นั่งของพระองค์” (Jeroboam sat on his throne) = เยโรโบอัมที่ 2 ขึ้น ครองราชย์แทน-14:23-29
13:14 “เมื่อเอลีชาล้มป่วยด้วยโรคที่จะต้องเสียชีวิต” (when Elisha had fallen sick with the illness of which he was to die) = เรื่องราวเอลีชาล่าสุดอยู่ในบทที่ 9 เยฮูได้รับการเจิมตั้งในปี 841 ก.ค.ศ. (10:36) และเยโฮอาชขึ้นครองราชย์ในปี 798 ก.ค.ศ. (ข.10) ดังนั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 43 ปีที่ไม่มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพันธกิจของเอลีชา (เอลีชาน่าจะเกิดก่อนปี 880 ก.ค.ศ. และมีอายุยืนกว่า 80 ปี)
“รถรบแห่งอิสราเอลและทหารม้าประจำรถ” (The chariots of Israel and its horsemen!) = เยโฮอาชกล่าวแสดงความยอมรับว่าเอลีชามีความสำคัญต่อความสำเร็จทางทหารของอิสราเอลมากกว่ากองทัพของอิสราเอล (2:12;6:13,16-23)
13:16 “เอามือของตนวางบนพระหัตถ์ของพระราชา” ( his hands on the king’s hands) = เอลีชาแสดงท่าทีเชิงสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าพระพรของพระเจ้าจะอยู่เหนือเยโฮอาช เมื่อเขาทำสงครามกับซีเรีย
13:17 “ขอทรงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” (Open the window eastward) = หันไปทางฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของซีเรีย (10:32-33)
“อาเฟก” (Aphek) = ประมาณ 60 ปีก่อนหน้านี้ อาหับมีชัยชนะเหนือซีเรีย และเบนฮาดัดที่ 2 ที่อาเฟก (1พกษ.20:26-30)
13:18 “ทรงตีสามครั้งแล้วทรงหยุดเสีย” (he struck three times and stopped) = ฟาด 3 ครั้งเท่านั้น เยโฮอาชสนองตอบต่อคำสั่งของเอลีชาแบบไม่ค่อยกระตือรือร้น แสดงให้เห็นถึงความไม่ตั้งใจที่จะกระทำพันธกิจให้สำเร็จ
13:19 “จะตีซีเรียได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น” (will strike down Syria only three times) = ความไม่กระตือรือร้นของเยโฮอาช ที่ตีลูกศพแบบเฉื่อย ๆ เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นถึงความสำเร็จแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่เขาจะได้รับจากการสู้รบกับชาวซีเรีย
-ต่อมา เยโรโบอัมที่ 2 บุตรของเยโฮอาชจะเป็นผู้พิชิตซีเรียอย่างสิ้นเชิง (14:15,28)
13:21 “พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของเอลีชา ชายนั้นก็คืนชีวิตลุกขึ้นยืน” ( the man touched the bones of Elisha, he revived and stood on his feet) = การกล่าวถึงเอลีชาเป็นครั้งสุดท้ายในพระคัมภีร์เดิม และยืนยันว่า เอลีชาเป็นตัวแทนของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ในการให้ชีวิต (ฟื้นคืนขึ้นมา) -4:32-37;1พกษ.17:17-24, ปท.เอลียาห์ (2:11-12)
13:23 “ไม่ทรงทำลายหรือขับไล่พวกเขา” (would not destroy them, nor has he cast them) = พระเจ้าทรงอดทนอดกลั้นต่อชนชาติของพระองค์ด้วยความเมตตา พระองค์ทรงยับยั้งคำสาปสูงสุดตามพันธสัญญาที่จะเนรเทศพวกเขาออกจากคานาอัน (10:32) –การเลื่อนการพิพากษาออกไปทำให้อิสราเอลมีโอกาสกลับใจและหันกลับมาซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญากับพระเจ้า
“จนบัดนี้” (until now) = จนถึงวันเวลาที่เขียน (1พกษ.8:8)
13:25 “เมืองที่พระองค์ตีไปได้จากเยโฮอาหาส” (the cities that he had taken from Jehoahaz) = เมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน เพราะพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของจอร์แดนนั้นสูญเสียไปแล้วในสมัยของเยฮู (10:32-33)
-ในสมัยของเยโรโบอัมที่ 2 พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของจอร์แดนจึงได้กลับมาเป็นของอิสราเอลอย่างสมบูรณ์ (14:25)
“รบชนะพระองค์ 3 ครั้ง” (Three times Joash defeated him) = สำเร็จจริงตามคำพยากรณ์ของเอลีชาในข้อ 19
คำถามนำอภิปราย
- เวลาที่ผู้ปกครอง(ประเทศ)กระทำบาปชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า อะไรคือผลตามมา? ประชาชนมักได้รับผลกระทบอะไรบ้าง?
- ในประเทศไทยของเราเวลานี้มีอะไรบ้างที่เป็นผลกระทบจากการที่ผู้ปกครองประเทศ (ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน) กระทำบาปชั่วบ้าง? มีผลกระทบใดที่เลวร้ายที่สุดในความคิดของคุณ? อย่างไร?
- คุณคิดว่าเวลาคนบาปที่กระทำชั่วอธิษฐานต่อพระเจ้า พระองค์จะทรงสดับฟังหรือไม่? ทำไมคุณคิดอย่างนั้น? มีอะไรยืนยันบ้าง?
- คุณเคยเห็นคนชั่วที่พระเจ้าช่วยเหลือเขาให้รอดจากความทุกข์ยากลำบากแล้วกลับไปกระทำชั่วเหมือนเดิมบ้างหรือไม่? อย่างไร? คุณรู้สึกอย่างไร? และคุณเคยเปน็น็นเช่นเดียวกันอย่างนี้บ้างหรือไม่?
- มีบาปใดที่คุณเห็นผู้นำประเทศของเรากระทำผิดซ้ำซากอยู่เรื่อยมา? คุณคิดว่าจะมีวิธีหรือวิถีทางใดที่จะช่วยประเทศชาติของเราให้พ้นจากความผิดบาปซ้ำซากเหล่านั้นได้ และคุณจะมีส่วนช่วยอะไรได้บ้าง?
- มีผู้รับใช้ของพระเจ้าคนใดที่สำคัญต่อส่วนรวมและเวลานี้ชราหรือป่วยหนักที่คุณรู้สึกเสียใจหรือโศกเศร้าที่เห็นท่านอยู่ในสภาพเช่นนั้นบ้าง? และคุณทำอะไรแก่ท่านบ้าง? (หรือหากว่าผู้รับใช้ผู้นั้นยังไม่ชราหรือยังไม่ป่วยหนัก คุณจะทำอะไรเพื่อท่านเป็นพิเศษบ้างหรือไม่? อย่างไร? ทำไม?)
- มีสิ่งใดบ้างที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าบอกให้คุณกระทำ แต่คุณสนองอย่างไม่เต็มใจหรือไม่เต็มที่บ้าง? และผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร?
- คุณเคยกระทำอะไรให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่พอใจบ้าง? สิ่งนั้นส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง?
- คุณเคยเห็นการอัศจรรย์อะไรที่พระเจ้ากระทำแบบเกินความคาดคิดบ้าง? สอนอะไรคุณบ้าง?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์