Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 11)

นางพญาครองแผ่นดิน!

พระธรรม        2พงศ์กษัตริย์ 11:1-21

อ้างอิง             1พกษ.1:32;3:3;7:15;16:32;1พกษ.14:27;2พกษ.8:18;9:23;10:25;11:19;12:1;16:32;18:40;23:3,20; 1พศด.9:25

บทนำ         ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากมีอำนาจและใช้อำนาจนั้นเพื่อทำลายล้างผู้อื่น ในที่สุดอำนาจนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง และไม่ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายสักเพียงใด ในที่สุดพระเจ้าก็จะเป็นผู้ที่ควบคุมสถานการณ์ และประทานผลลัพธ์ในบั้นปลายตามพระประสงค์ของพระองค์ในที่สุด!

บทเรียน

11:1 “เมื่อ​อาธาลิยาห์​พระราชมารดา​ของ​อาหัสยาห์ ทรง​เห็น​ว่า​พระราชโอรส​ของ​พระนาง​สิ้น​พระชนม์ พระนาง​ก็​ ทรง​ตั้ง​ต้น​ทำลาย​เชื้อ​พระวงศ์​ทั้งสิ้น”

       (Now when Athaliah the mother of Ahaziah saw that her son was dead, she arose and destroyed   all the royal family. )

11:2 “แต่​เยโฮเชบา​พระราชธิดา​ของ​กษัตริย์​เยโฮรัม พระน้องนาง​ของ​อาหัสยาห์ ได้​ลักลอบ​นำ​โยอาช​พระราชโอรส​ ของ​อาหัสยาห์ ไป​จาก​ท่ามกลาง​บรรดา​พระราชโอรส​ของ​พระราชา ซึ่ง​ต้อง​ถูก​ประหาร และ​พระนาง​ก็​เก็บ​พระราชโอรส​และ​พระ​พี่เลี้ยง​ไว้​ใน​ห้อง​นอน ดังนั้น​พวกเขา​ซ่อน​พระราชโอรส​เสีย​จาก​อาธาลิยาห์ พระราชโอรส​จึง​ม่​ถูก​ประหาร​ชีวิต”

    (But Jehosheba, the daughter of King Joram, sister of Ahaziah, took Joash the son of Ahaziah  and stole him away from among the king’s sons who were being put to death, and she put him

       and his nurse in a bedroom. Thus they hid him from Athaliah, so that he was not put to death.)

11:3 “และ​พระราชโอรส​อยู่​กับ​พระพี่​เลี้ยง​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ซ่อน​ตัว​อยู่ 6 ปี ใน​ขณะ​ที่​อาธาลิยาห์​ทรง​ครอง​แผ่นดิน”

        (And he remained with her six years, hidden in the house of the Lord, while Athaliah reigned  over the land.)

11:4 “แต่​ใน​ปี​ที่ 7 เยโฮยาดา​ได้​ใช้​คน​ไป​ตาม​บรรดา​นายร้อย​ของ​พวก​คารี และ​ของ​พวก​ทหาร​รักษา​พระองค์​ให้​มา​หา​ท่าน​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยา ห์เวห์ และ​ท่าน​ได้​ทำ​พันธสัญญา​กับ​เขา​ทั้งหลาย และ​ให้​พวก​เขา​สาบาน​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ท่าน​ได้​นำ​พระ​โอรส​ของ​พระราชา​มา​ให้​เขา​เห็น”

   (But in the seventh year Jehoiada sent and brought the captains of the Carites and of the  guards, and had them come to him in the house of the Lord. And he made a covenant with them  and put them under oath in the house of the Lord, and he showed them the king’s son. )

11:5 “และ​ท่าน​กำชับ​เขา​ทั้งหลาย​ว่า นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​ท่าน​ทั้งหลาย​พึง​ทำ​คือ ผู้​เข้า​เวร​วัน​สะบาโต​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​เป็น​ผู้​เฝ้า​พระราชวัง”

        (And he commanded them, “This is the thing that you shall do: one third of you, those who  come off duty on the Sabbath and guard the king’s house )

11:6 “(อีก ​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​ประจำ​อยู่​ที่​ประตู​สูร และ​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​ประจำ​อยู่​ที่​ประตู​ข้างหลัง​ทหาร​รักษา​ พระองค์) ให้​ เฝ้า​พระราชวัง​เพื่อ​ป้อง​กัน​รักษา

                 (another third being at the gate Sur and a third at the gate behind the guards) shall guard the   palace. )

11:7 “ส่วน​ท่าน​ทั้งหลาย​อีก​สอง​พวก คือ​ผู้​ที่​ออก​เวร​วัน​สะบาโต ให้​เฝ้า​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์​รอบ​พระราชา”

       (And the two divisions of you, which come on duty in force on the Sabbath and guard the house  of the Lord on behalf of the king, )

11:8 “ท่าน​ทั้งหลาย​จง​ล้อม​พระราชา​ไว้​โดย​รอบ แต่ละ​คน​มี​อาวุธ​ใน​มือ ผู้​ที่​เข้า​ใกล้​แถว​จะ​ต้อง​ถูก​ประหาร จง​อยู่​กับ​ พระราชา​เมื่อ​พระองค์​เสด็จ​ออก​และ​เสด็จ​เข้า

      (shall surround the king, each with his weapons in his hand. And whoever approaches the ranks  is to be put to death. Be with the king when he goes out and when he comes in.”)

11:9 “บรรดา​นายร้อย​ก็​ได้​ทำ​ทุก​สิ่ง​ตาม​ที่​เยโฮยาดา​ปุโรหิต​สั่ง​ไว้ ต่าง​ก็​นำ​คน​ของ​ตน​ที่​จะ​เข้าเวร​วัน​สะบาโต พร้อม​ กับ​คน​ที่​จะ​ออก​เวร​วัน​สะบาโต​นั้น​มา​หา​เยโฮยาดา​ปุโรหิต”

      (The captains did according to all that Jehoiada the priest commanded, and they each brought  his men who were to go off duty on the Sabbath, with those who were to come on duty on the      Sabbath, and came to Jehoiada the priest. )

11:10 “และ​ปุโรหิต​ก็​มอบ​หอก​และ​โล่​ซึ่ง​เป็น​ของ​กษัตริย์​ดาวิด​นั้น ที่​อยู่​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์​แก่​บรรดา​นายร้อย”

        (And the priest gave to the captains the spears and shields that had been King David’s, which  were in the house of the Lord. )

11:11 “และ​ทหาร​รักษา​พระองค์​แต่​ละ​คน​ยืน​ประจำ​อยู่ มี​อาวุธ​ใน​มือ ตั้งแต่​ด้าน​ขวา​ของ​พระ​นิเวศ​ไป​ถึง​ด้าน​ซ้าย​ ของ​พระ​นิเวศ บริเวณ​แท่น​บูชา​และ​พระนิเวศ​ล้อม​รอบ​พระราชา”

     (And the guards stood, every man with his weapons in his hand, from the south side of the  house to the north side of the house, around the altar and the house on behalf of the king. )

11:12 “ท่าน​ก็​นำ​โอรส​ของ​พระราชา​ออกมา​และ​สวม​มงกุฎ​ให้ แล้ว​มอบ​พระโอวาท​ให้ และ​เขา​ทั้งหลาย​ตั้ง​พระ​โอรส​ให้​เป็น​กษัตริย์ และ​ได้​เจิม​พระองค์ แล้วเขา​ทั้งหลาย​ก็​ตบ​มือ​ร้อง​ว่า “ขอ​พระราชา​ทรง​พระเจริญ

    (Then he brought out the king’s son and put the crown on him and gave him the testimony.   And they proclaimed him king and anointed him, and they clapped their hands and said, “Long         live the king!”)

11:13 “มื่อ​อาธาลิยาห์​ทรง​ได้​ยิน​เสียง​ทหาร​รักษา​พระองค์​และ​เสียง​ ประชาชน ก็​เสด็จ​เข้า​ไป​หา​ประชาชน​ที่​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์”

     (When Athaliah heard the noise of the guard and of the people, she went into the house of the  Lord to the people. )

11:14 “เมื่อ​พระนาง​ทอดพระเนตร และ​ดู​สิ พระราชา​ทรง​ยืน​อยู่​ข้าง​เสา ตาม​ธรรมเนียม มี​บรรดา​เจ้า​นาย​และ​พลแตร​อยู่​ข้าง​พระราชา ประชาชน​ทั้งสิ้น​ใน​แผ่นดิน​ก็​เปรมปรีดิ์​และ​เป่า​แตร พระนาง​อาธาลิยาห์​ก็​ฉีก​ฉลอง​พระองค์​แล้ว​ทรง​ร้อง​ว่า “กบฏ กบฏ”

    (And when she looked, there was the king standing by the pillar, according to the custom, and  the captains and the trumpeters beside the king, and all the people of the land rejoicing and         blowing trumpets. And Athaliah tore her clothes and cried, “Treason! Treason!” )

11:15 “แล้ว​เยโฮยาดา​ปุโรหิต​ก็​สั่ง​พวก​นาย​ร้อย​ที่​ได้​รับ​การ​ตั้ง​ให้​ ควบคุม​กองทัพ​ว่า “จง​คุม​นาง​ออก​มา​ระหว่าง​แถว​ทหาร ใคร​ติดตาม​นาง​ไป​ก็​จง​ประหาร​เสีย​ด้วย​ดาบ” เพราะ​ปุโรหิต​กล่าว​ว่า “อย่า​ให้​นาง​ถูก​ประหาร​ใน​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์

    (Then Jehoiada the priest commanded the captains who were set over the army, “Bring her out  between the ranks, and put to death with the sword anyone who follows her.” For the priest         said, “Let her not be put to death in the house of the Lord.” )

11:16 “เขา​ทั้งหลาย​จึง​จับ​พระนาง และ​พระนาง​ก็​เสด็จ​ไป​ตาม​ทาง​ที่​ม้า​เข้า​พระราชวัง และ​ถูก​ประหาร​เสีย​ที่นั่น”

   (So they laid hands on her; and she went through the horses’ entrance to the king’s house, and  there she was put to death.)

11:17 “เยโฮยาดา ​ได้​ทำ​พันธสัญญา​ระหว่าง​พระยาห์เวห์​กับ​พระราชา​และ​ประชาชน ว่า​พวกเขา​จะ​เป็น​ประชากร​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ท่าน​ยัง​ทำ​พันธสัญญา​ระหว่าง​พระราชา​กับ​ประชาชน​ด้วย

   (And Jehoiada made a covenant between the Lord and the king and people, that they should  be the Lord’s people, and also between the king and the people. )

11:18 “แล้ว​ประชาชน​หมด​ทั้ง​แผ่นดิน​ก็​เข้า​ไป​ใน​นิเวศ​ของ​พระบาอัล และ​พัง​นิเวศ​เสีย พวกเขา​ทำลาย​แท่น​บูชา​และ​รูปเคารพ​ของ​พระบาอัล​แตก​ยับ​เยิน และ​ได้​ประหาร​มัทตาน​ปุโรหิต​ของ​พระบาอัล​เสีย​ที่​หน้า​แท่น​บูชา และ​ เยโฮยาดา​วาง​ยาม​ไว้​ดู​แล​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์”

  (Then all the people of the land went to the house of Baal and tore it down; his altars and his  images they broke in pieces, and they killed Mattan the priest of Baal before the altars. And the      priest posted watchmen over the house of the Lord. )

11:19 “และ ​ท่าน​ได้​พา​พวก​นาย​ร้อย พวก​คารี พวก​ทหาร​รักษา​พระองค์ และ​ประชาชน​ทั้งสิ้น​แห่ง​แผ่นดิน แล้ว​เขา​ทั้งหลาย​ได้​เชิญ​พระราชา​เสด็จ​ลง​มา​จาก​พระนิเวศ​ของ​ พระยาห์เวห์ ไป​ตาม​ทาง​ประตู​ทหาร​รักษา​พระองค์​ จน​ถึง​พระราชวัง และ​พระองค์​ก็​ประทับ​บน​บัลลังก์​ของ​พระราชา”

  (And he took the captains, the Carites, the guards, and all the people of the land, and they  brought the king down from the house of the Lord, marching through the gate of the guards to  the king’s house. And he took his seat on the throne of the kings.)

11:20 “ประชาชน​ทั้ง​สิ้น​แห่ง​แผ่นดิน​ก็​เปรมปรีดิ์​และ​บ้าน​เมือง​ก็​สงบ หลังจาก​ประหาร​อาธาลิยาห์​ด้วย​ดาบ​แล้ว​ที่​พระราชวัง”

    (So all the people of the land rejoiced, and the city was quiet after Athaliah had been put to  death with the sword at the king’s house.)

11:21 “เมื่อ​โยอาช​ทรง​เป็น​กษัตริย์​นั้น มี​พระชนมายุ 7 พรรษา”

        (Jehoash was seven years old when he began to reign.)

 ข้อมูลมีประโยชน์

11:1     “อาธาลิยาห์”( Athaliah ) –8:18

อาธาลิยาห์ เป็นธิดาองค์หนึ่งของกษัตริย์อาหับ อภิเษกกับเยโฮรัม(หรือโยรัม) แห่งยูดาห์ พระนางมีอิทธิพลเหนือเยโฮรัมเหมือนที่เยเซเบลมีอิทธิพลเหนืออาหับ (1พกษ.16:31;18:4;19:1-2;2พศด.21:6)

“ตั้งต้นทำลายเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น” (arose and destroyed all the royal family.) = สังหารเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด เพื่อพระนางจะได้ขึ้นครองบัลลังก์

-จริง ๆ แล้วเชื้อพระวงศ์ของยูดาห์เหลือไม่มากแล้ว เยโฮรัมเคยประหารพี่น้องในตอนที่สืบทอดบัลลังก์ต่อจากเยโฮชาฟัท (2พศด.21:4)  และเยฮูก็ได้ประหารเชื้อพระวงศ์ยูดาห์อีก 42  คน ซึ่งอาจรวมถึงหลานชายจากบรรดาพี่น้องของเยโฮรัม (10:12-14;2พศด.22:8-9) และพี่น้องของอาหัสยาห์ก็ถูกสังหารโดยชาวอาหรับที่มาปล้นสะดม (2พศด.11:1) เป็นไปได้ว่า อาธิลายาห์ มุ่งเน้นที่จะสังหารบุตรของอาหัสยาห์คือหลานของตนเอง

-อาหัสยาห์เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 22 ปี (8:26) แต่พระเจ้าทรงมีแผนการช่วยกู้ผ่านพระเมสิยาห์ตาม       พระสัญญาต่อดาวิด (2ซมอ.11:11,16;1พกษ.8:25)

11:2     “เยโฮเชบา” (Jehosheba) = ธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมน้องสาวของอาหัสยาห์ และเป็นไปได้ว่า พระนางจะเป็นธิดาของเยโฮรัมที่เกิดจากภรรยาคนอื่นที่ไม่ใช่อาธาลิยาห์ จึงเป็นน้องสาวต่างมารดาของอาหัสยาห์

-เยโฮเชบาแต่งงานกับเยโฮยาดา (2พศด.22:11)

“โยอาช” (Joash) = เด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ และยังไม่ได้หย่านม (ข.3,21) –2พกษ.12:1

“จึงไม่ถูกประหารชีวิต” (so that he was not put to death) –วนฉ.9:5

11:4     “ในปีที่ 7” ( in the seventh year ) = ปีที่เจ็ดในรัชกาลของอาธาลิยาห์

          “นายร้อยของพวกคารีและของพวกทหารรักษาพระองค์” ( the captains of the Carites and of the guards) –ใน 2พศด.23:1, ระบุชื่อผู้บัญชาการกองร้อย 5 คน

“พวกคารี”( Carites) = ทหารรับจ้างจากคาเรียในเอเชียน้อยซึ่งทำหน้าที่เป็นองครักษ์ –2พกษ.11:19

“ในพระนิเวศน์ของพระยาห์เวห์” ( in the house of the Lord) –ใน 2พศด.23:2 –ระบุว่า เผ่าเลวีและผู้นำครอบครัวต่าง ๆ ในยูดาห์ ก็ร่วมแผนการนี้ด้วย

11:5     “เข้าเวรวันสะบาโต” (come off duty on the Sabbath) –1พศด.9:25

“ผู้เฝ้าพระราชวัง” (guard the king’s house ) –1พกษ.14:27

11:10   “มอบหอกและโล่ซึ่งเป็นของกษัตริย์ดาวิด” (spears and shields that had been King David’s)         –ดาวิดได้ยึดโล่ทองคำมาหลังจากทำสงครามกับฮาดัดเอเซอร์ และนำมาถวายพระเจ้า (2ซมอ.8:7-11)

-ในครั้งที่กษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์มาปล้นสะดมพระวิหารและพระราชวังในสมัยของเรโหโบอัม ดูเหมือนว่าโล่เหล่านี้ถูกซ่อนไว้จึงไม่ถูกปล้นไป (1พกษ.14:26)

11:12   “พระโอวาท” (the testimony) = หนังสือพันธสัญญาที่อาจหมายถึง

  1. พระบัญญัติ 10 ประการ
  2. พันธสัญญาซีนายทั้งหมด
  3. หนังสือที่ระบุหน้าที่ของกษัตริย์ตามพระบัญญัติ (ฉธบ.11:14-20;1ซมอ.10:25;อพย.25:16; 2พกษ.23:3)

“เจิมพระองค์” (anointed him) –1ซมอ.2:10;9:16;1พกษ.1:39

“ตบมือ” (clapped their hands) –สดด.47:1;98:8;อสย.55:12

“ขอพระราชาทรงพระเจริญ” (“Long live the king!”) –สดด.62:4;1ซมอ.10:24;  11:14

“ข้างเสา” (the pillar) = น่าจะเป็นเสาทองสัมฤทธิ์ 1ใน 2 ต้นที่มุขหน้าวิหารที่มีชื่อว่า ยาคีนและโบอาส (23:3;1พกษ.7:15-22;2พศด.23:13)

“ประชาชนทั้งสิ้น” (all the people)= เป็นไปได้ว่า เยโฮยาดาเลือกก่อกบฎในวันสะบาโตระหว่างเทศกาลสำคัญทางศาสนาซึ่งมีประชาชนที่ภักดีต่อพระเจ้าเดินทางมาที่เยรูซาเล็มเป็นจำนวนมาก

“เปาแตร” (trumpeters) –1พกษ.1:39

“ฉีกฉลองพระองค์” (tore her clothes) –ปฐก.37:29

“กบฏ กบฏ” (“Treason! Treason!”) –2พกษ.9:23

11:15   “อย่าให้นางถูกประหารในพระนิเวศของพระยาห์เวห์” (“Let her not be put to death in the house of the Lord.”)  = เพื่อไม่ให้พระวิหารเป็นมลทิน (อพย.21:14) –1พกษ.2:30

11:16   “ทางที่ม้าเข้าพระราชวัง” (went through the horses’ entrance to the king’s house) –นหม.3:28;  ยรม.31:40

“ถูกประหารเสียที่นั่น”  ( put to death) –ปฐก.4:14

11:17   “ทำพันธสัญญาระหว่างพระยาห์เวห์ กับพระราชาและประชาชน” ( made a covenant between the Lord and the king and people) = การฟื้นฟูพันธสัญญาซีนายซึ่งทำให้อิสราเอลเป็นชนชาติของ

พระเจ้า (อพย.19:5-6;ฉธบ.4:20)  ปท.อพย.24:8;2พศด.15:12;23:3;29:10;34:31;อสร.10:3

= เป็นเวลาหลายปีที่ทั้งราชวงศ์และประชาชนยูดาห์ละทิ้งพระเจ้า ทำให้ต้องรื้อฟื้นพันธสัญญาที่จะจงรักภักดีต่อพระเจ้าขึ้นอีกครั้ง (1ซมอ.11:14-15;12:14-15;24-25)

-และทั้งกษัตริย์และประชาชนได้รับการเตือนให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ของกษัตริย์และประชาชนตามพันธสัญญาของพระเจ้า (1ซมอ.10:25;2ซมอ.5:3)

11:18   “พังนิเวศ” (tore it down) = รื้อทำลายวิหาร –1พกษ.16:31

“ทำลายแท่นบูชา” (his images they broke in pieces) = ทุบทำลาย –ฉธบ.12:3

          “รูปเคารพ” (house of Baal) = เทวรูปหรือเสาหิน (1พกษ.14:23) ปท. 1พกษ.14:15

         “ประหารมัทตานปุโรหิตของพระบาอัล” (they killed Mattan the priest of Baal) –1พกษ.18:40; 2พกษ.10:25;

คำถามนำอภิปราย

  1.  คุณเคยเห็นผู้ใดพยายามจะสร้างความมั่นคงให้แก่ตัวเอง โดยการทำลายล้างคนที่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคขวางกั้นของตัวเขาหรือเธอบ้างหรือไม่?   ผลเป็นอย่างไร?
  2. คุณเคยมีส่วนช่วย “บุคคล” ใดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ให้รอดจากการปองร้ายบ้างหรือไม่? อย่างไร? และนานแค่ไหน?
  3. คุณเคยต้องหลบซ่อน หรือปิดบังบางสิ่งหรือบางเรื่องไว้เป็นเวลานานมากกว่าจะถึงเวลาที่พร้อมเปิดเผยบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
  4. คุณเคยลอบวางแผนเพื่อกอบกู้บางสิ่งบางอย่างที่เสี่ยงเป็นอย่างยิ่งบ้างหรือไม่? และผลเป็นอย่างไร (แบ่งปัน)
  5. คุณเคยถูกกล่าวหาว่าเป็น “กบฏ” หรือ “ผู้ต่อต้าน” (สร้างปัญหา) บ้างหรือไม่?   เรื่องอะไร (แบ่งปัน)?
  6. คุณเคยเผชิญ “สตรีที่โหดร้าย” อย่าง “อาธาลิยาห์” หรือ “เยเซเบล” บ้างหรือไม่ในชีวิตของคุณ แล้วคุณรับมืออย่างไร?
  7. คุณเคยทำหรือรื้อฟื้นพันธสัญญากับพระเจ้าในชีวิตของคุณหรือกับคริสตจักรของคุณบ้างหรือไม่?  อย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.