ฆ่า…ฆ่า…ฆ่า
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 9:1-37
อ้างอิง 2พศด.22:7-9;1พกษ.19:16;21:19-23
บทนำ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ในที่สุดคนนั้นก็ต้องรับผลกรรมที่ตนเองกระทำ! แม้ว่าการลงโทษจะมาถึงช้า แต่การพิพากษานั้นจะมาถึงคนที่สมควรได้รับโทษนั้นอย่างแน่นอน ความตายคือสิ่งที่จะตามมาถึงทุกคนที่ทำบาปชั่วต่อพระพักตร์พระเจ้า!
บทเรียน
9:1 “แล้วเอลีชาผู้เผยพระวจนะได้เรียกคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ และพูดกับเขาว่า “จงคาดเอวของเจ้าไว้ ถือน้ำมันขวดนี้ไปที่ราโมทกิเลอาด”
(Then Elisha the prophet called one of the sons of the prophets and said to him, “Tie up your garments, and take this flask of oil in your hand, and go to Ramoth-gilead. )
9:2 “และเมื่อเจ้าถึงที่นั่นแล้ว จงมองหาเยฮูบุตรเยโฮชาฟัท บุตรนิมซี จงเข้าไปหาและให้เขาลุกขึ้นจากหมู่พี่น้องและนำเขาเข้าไปในห้องชั้นใน”
(And when you arrive, look there for Jehu the son of Jehoshaphat, son of Nimshi. And goin and have him rise from among his fellows, and lead him to an inner chamber. )
9:3 “แล้วจงเอาน้ำมันในขวดเทลงบนศีรษะของเขา และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ แล้วจงเปิดประตูออกหนีไป อย่ารอช้าอยู่”
(Then take the flask of oil and pour it on his head and say, ‘Thus says the Lord, I anoint you king over Israel.’ Then open the door and flee; do not linger.”)
9:4 “คนหนุ่มนั้นคือคนหนุ่มที่เป็นผู้เผยพระวจนะ จึงไปยังราโมทกิเลอาด”
(So the young man, the servant of the prophet, went to Ramoth-gilead.)
9:5 “และเมื่อเขามาถึง ดูสิ บรรดาผู้บังคับบัญชาทหารกำลังประชุมกันอยู่ และเขากล่าวว่า “ท่านผู้บัญชาการ ข้าพเจ้านำข่าวมาถึงท่าน” และเยฮูพูดว่า “มาถึงใครในพวกเรา?” และเขาตอบว่า “ท่านผู้บัญชาการ มาถึงท่าน”
(And when he came, behold, the commanders of the army were in council. And he said, “I have a word for you, O commander.” And Jehu said, “To which of us all?” And he said, “To you, O commander.” )
9:6 “ท่านก็ลุกขึ้นเข้าไปในบ้าน และคนหนุ่มนั้นก็เทน้ำมันบนศีรษะของท่าน กล่าวกับท่านว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าไว้เป็นกษัตริย์เหนือประชากรของพระยาห์เวห์ คือเหนืออิสราเอล”
(So he arose and went into the house. And the young man poured the oil on his head, saying to him, “Thus says the Lord, the God of Israel, I anoint you king over the people of the Lord, over Israel. )
9:7 “และเจ้าจงโค่นราชวงศ์ของอาหับนายของเจ้า เพื่อเราจะเอาโทษเยเซเบล เพราะโลหิตของบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา และเพราะโลหิตของผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์”
(And you shall strike down the house of Ahab your master, so that I may avenge on Jezebel the blood of my servants the prophets, and the blood of all the servants of the Lord. )
9:8 “เพราะว่า ราชวงศ์อาหับทั้งหมดจะต้องพินาศ และเราจะกำจัดผู้ชายทุกคนเสียจากอาหับ ไม่ว่าทาสหรือไทในอิสราเอล”
(For the whole house of Ahab shall perish, and I will cut off from Ahab every male, bond or free, in Israel. )
9:9 “และเราจะทำให้ราชวงศ์ของอาหับเป็นเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม บุตรเนบัท และเหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์”
(And I will make the house of Ahab like the house of Jeroboam the son of Nebat, and like the house of Baasha the son of Ahijah.)
9:10 “พวกสุนัขจะกินเยเซเบลในเขตยิสเรเอล และจะไม่มีใครฝังศพนาง” แล้วเขาก็เปิดประตูหนีไป”
(And the dogs shall eat Jezebel in the territory of Jezreel, and none shall bury her.” Then he opened the door and fled.)
9:11 “เมื่อเยฮูออกมาพบพวกข้าราชการของเจ้านายของท่าน พวกเขาพูดกับท่านว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ? ทำไมคนบ้าคนนี้จึงมาหาท่าน?” ท่านพูดกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านรู้จักชายคนนั้นและการพูดมากของเขาแล้ว”
(When Jehu came out to the servants of his master, they said to him, “Is all well? Why did this mad fellow come to you?” And he said to them, “You know the fellow and his talk.” )
9:12 “แต่เขาทั้งหลายพูดว่า “นั่นไม่จริง บอกพวกเรามาเถิด” และท่านตอบว่า “เขาพูดอย่างนี้กับข้าพเจ้าว่า‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ ”
(And they said, “That is not true; tell us now.” And he said, “Thus and so he spoke to me, saying, ‘Thus says the Lord, I anoint you king over Israel.’” )
9:13 แล้วพวกเขาแต่ละคนก็รีบเอาเสื้อผ้าของตนปูรองท่านที่ขั้นบันได แล้วเป่าเขาสัตว์ และป่าวร้องว่า “เยฮูเป็นกษัตริย์”
(Then in haste every man of them took his garment and put it under him on the bare steps, and they blew the trumpet and proclaimed, “Jehu is king.” Jehu Assassinates Joram and Ahaziah)
9:14 “ดังนั้น เยฮูบุตรเยโฮชาฟัท บุตรนิมซีได้ร่วมกับคนอื่น คิดกบฏต่อโยรัม (ก่อนหน้านี้โยรัมกับอิสราเอลทั้งสิ้นยังรักษาเมืองราโมท กิเลอาดไว้จากฮาซาเอลกษัตริย์แห่งซีเรีย”
(Thus Jehu the son of Jehoshaphat the son of Nimshi conspired against Joram. (Now Joram with all Israel had been on guard at Ramoth-gilead against Hazael king of Syria, )
9:15 “แต่พระราชาโยรัมทรงกลับไปรักษาตัวที่ยิสเรเอล เพราะบาดแผลที่คนซีเรียทำร้ายพระองค์ เมื่อทรงสู้รบกับฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรีย) เยฮูจึงกล่าวว่า “ถ้านี่เป็นความประสงค์ของท่านทั้งหลาย ก็อย่าให้คนหนึ่งคนใดเล็ดลอดออกจากเมืองไปบอกข่าวที่ ยิสเรเอล”
(but King Joram had returned to be healed in Jezreel of the wounds that the Syrians had given him, when he fought with Hazael king of Syria.) So Jehu said, “If this is your decision, then let no one slip out of the city to go and tell the news in Jezreel.” )
9:16 “แล้วเยฮูขึ้นรถรบเสด็จไปยังยิสเรเอล เพราะโยรัมบรรทมที่นั่น และอาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ได้เสด็จลงมาเยี่ยมโยรัม”
(Then Jehu mounted his chariot and went to Jezreel, for Joram lay there. And Ahaziah king of Judah had come down to visit Joram.)
9:17 “ทหารยาม ยืนอยู่บนหอคอยที่ยิสเรเอล เขามองเห็นพวกของเยฮูมาจึงว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนพวกหนึ่ง” โยรัมตรัสว่า “จงใช้พลม้าคนหนึ่งไปพบพวกเขาและให้ถามเขาว่า ‘มาอย่างสันติหรือ?’ ”
(Now the watchman was standing on the tower in Jezreel, and he saw the company of Jehu as he came and said, “I see a company.” And Joram said, “Take a horseman and send to meet them, and let him say, ‘Is it peace?’” )
9:18 “พลม้าจึงขึ้นม้าไปพบท่านและพูดว่า “พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘มาอย่างสันติหรือ?’ ”และเยฮูตอบว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติจงเลี้ยวกลับตามเรามา”และทหารยามก็รายงานว่า“ผู้สื่อสารไปถึงพวกเขาแล้ว แต่ไม่กลับมา”
(So a man on horseback went to meet him and said, “Thus says the king, ‘Is it peace?’” And Jehu said, “What do you have to do with peace? Turn around and ride behind me.” And the watchman reported, saying, “The messenger reached them, but he is not coming back.” )
9:19 “พระองค์จึงรับสั่งใช้พลม้าคนที่สองออกไป คนนั้นมาถึงพวกเขาแล้วก็พูดว่า “พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘มาอย่างสันติหรือ?’ ” และเยฮูตรัสตอบว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติ? จงเลี้ยวกลับตามเรามา”
(Then he sent out a second horseman, who came to them and said, “Thus the king has said, ‘Is it peace?’”And Jehu answered, “What do you have to do with peace? Turn around and ride behind me.” )
9:20 “ทหารยาม ก็รายงานอีกว่า “เขาไปถึงแล้ว แต่ไม่กลับมา และการขับรถม้านั้นก็เหมือนกับการขับรถม้าของเยฮูบุตรนิมซี เพราะเขาขับอย่างบ้าคลั่ง”
(Again the watchman reported, “He reached them, but he is not coming back. And the driving is like the driving of Jehu the son of Nimshi, for he drives furiously.”)
9:21 “โยรัมตรัสว่า “จงเตรียมพร้อม” และเขาก็จัดรถรบของพระองค์ให้พร้อมไว้ แล้วโยรัมพระราชาแห่งอิสราเอล และอาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ก็เสด็จออกไป ต่างก็ทรงรถรบของตนเอง ทรงออกไปปะทะกับเยฮู มาพบกันเข้า ณ ที่ดินแปลงของนาโบทชาวยิสเรเอล”
(Joram said, “Make ready.” And they made ready his chariot. Then Joram king of Israel and Ahaziah king of Judah set out, each in his chariot, and went to meet Jehu, and met him at the property of Naboth the Jezreelite. )
9:22 “ต่อมาเมื่อโยรัมทอดพระเนตรเยฮูแล้ว จึงตรัสว่า “เยฮู มาอย่างสันติหรือ?” เยฮูทูลตอบว่า “จะสันติได้อย่างไร? เมื่อการเล่นชู้และวิทยาคมของเยเซเบลมารดาของท่านยังมี อยู่มากเช่นนี้”
(And when Joram saw Jehu, he said, “Is it peace, Jehu?” He answered, “What peace can there be, so long as the whorings and the sorceries of your mother Jezebel are so many?” )
9:23 “แล้วโยรัมทรงชักบังเหียนหันกลับหนีไป พลางรับสั่งกับอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์ นั่นพวกกบฏ”
(Then Joram reined about and fled, saying to Ahaziah, “Treachery, O Ahaziah!” )
9:24 “และเยฮูก็โก่งธนูด้วยสุดกำลัง ยิงถูกโยรัมระหว่างพระอังสาทั้งสอง ลูกธนูจึงแทงทะลุพระหทัย พระองค์ก็ทรงล้มลงในรถรบ”
(And Jehu drew his bow with his full strength, and shot Joram between the shoulders, so that the arrow pierced his heart, and he sank in his chariot. )
9:25 “เยฮูพูดกับบิดคาร์ นายทหารผู้ช่วยว่า “จงยกศพเขาขึ้น และโยนทิ้งลงไปในที่ดินแปลงของนาโบทชาวยิสเรเอล จำได้ไหม? เมื่อเรากับท่านขี่ม้าเคียงกันมาตามอาหับบิดาของเขาไป พระยาห์เวห์ทรงกล่าวโทษเขา”
(Jehu said to Bidkar his aide, “Take him up and throw him on the plot of ground belonging to Naboth the Jezreelite. For remember, when you and I rode side by side behind Ahab his father, how the Lord made this pronouncement against him: )
9:26 “พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เราเห็นโลหิตของนาโบท และโลหิตของลูกหลานของเขาเมื่อวานนี้แน่ทีเดียว พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะตอบสนองเจ้าบนที่ดินแปลงนี้แหละ ฉะนั้นจงยกเขาขึ้นทิ้งไว้บนที่ดินแปลงนี้แหละตามพระวจนะของพระยาห์เวห์”
(‘As surely as I saw yesterday the blood of Naboth and the blood of his sons—declares the Lord—I will repay you on this plot of ground.’ Now therefore take him up and throw him on the plot of ground, in accordance with the word of the Lord.”)
9:27 “เมื่ออาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงหนีไปทางเมืองเบธฮักกาน และเยฮูก็ติดตามพระองค์ไป กล่าวว่า “จงยิงเขาในรถรบด้วย” และเขาทั้งหลายได้ยิงพระองค์ตรงทางขึ้นไปตำบลกูร ซึ่งอยู่ใกล้อิบเลอัม และพระองค์ทรงหนีไปถึงเมืองเมกิดโด และสิ้นพระชนม์ที่นั่น”
(When Ahaziah the king of Judah saw this, he fled in the direction of Beth-haggan. And Jehu pursued him and said, “Shoot him also.” And they shot him in the chariot at the ascent of Gur, which is by Ibleam. And he fled to Megiddo and died there. )
9:28 “ข้าราชการของพระองค์ก็บรรทุกพระศพใส่รถรบไปยังกรุงเยรูซา เล็ม และฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของพระองค์กับบรรพบุรุษในนครดาวิด”
(His servants carried him in a chariot to Jerusalem, and buried him in his tomb with his fathers in the city of David.)
9:29 “ในปีที่ 11 แห่งรัชกาลโยรัมพระราชโอรสของอาหับ อาหัสยาห์ทรงครองยูดาห์”
(In the eleventh year of Joram the son of Ahab, Ahaziah began to reign over Judah. Jehu Executes Jezebel)
9:30 “เมื่อเยฮูมาถึงเมืองยิสเรเอล เยเซเบลทรงทราบเรื่อง ก็ทรงเขียนตาและแต่งพระเกศา และทอดพระเนตรทางหน้าต่าง”
(When Jehu came to Jezreel, Jezebel heard of it. And she painted her eyes and adorned her head and looked out of the window. )
9:31 “เมื่อเยฮูผ่านเข้าประตูวังมา พระนางตรัสว่า “เจ้าผู้ฆ่านายของเจ้าอย่างเจ้าศิมรี มาอย่างสันติหรือ?”
(And as Jehu entered the gate, she said, “Is it peace, you Zimri, murderer of your master?” )
9:32 “แล้วเยฮูแหงนหน้าไปที่หน้าต่างกล่าวว่า “ใครอยู่ฝ่ายเรา? ใครบ้าง?” มีขันทีสองสามคนชะโงกหน้าต่างออกมาดูเขา”
(And he lifted up his face to the window and said, “Who is on my side? Who?” Two or three eunuchs looked out at him. )
9:33 “เยฮูก็กล่าวว่า “โยนนางลงมา” พวกเขาจึงโยนพระนางลงมา และโลหิตของพระนางก็กระเด็นติดผนังกำแพงและติดพวกม้าที่ ย่ำไปบนพระนาง”
(He said, “Throw her down.” So they threw her down. And some of her blood spattered on the wall and on the horses, and they trampled on her. )
9:34 “แล้วเยฮูเข้าไป รับประทานและดื่ม แล้วกล่าวว่า “จัดการกับหญิงที่ถูกสาปคนนี้ เอาไปฝังเสีย เพราะนางเป็นธิดาของพระราชา”
(Then he went in and ate and drank. And he said, “See now to this cursed woman and bury her, for she is a king’s daughter.” )
9:35 “แต่เมื่อเขาจะไปฝังศพพระนาง พวกเขาก็พบแต่กระโหลกพระเศียร พระบาทและฝ่าพระหัตถ์ของพระนาง”
(But when they went to bury her, they found no more of her than the skull and the feet and the palms of her hands. )
9:36 “เมื่อพวกเขากลับมาเรียนเยฮู ท่านก็กล่าวว่า “นี่เป็นไปตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสทางเอลียาห์ชาวทิชบีผู้รับใช้ของพระองค์ว่า สุนัขจะกินเนื้อของเยเซเบลในเขตยิสเรเอล”
(When they came back and told him, he said, “This is the word of the Lord, which he spoke by his servant Elijah the Tishbite: ‘In the territory of Jezreel the dogs shall eat the flesh of Jezebel, )
9:37 “และศพของเยเซเบลจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นทุ่งในเขตยิสเรเอล เพื่อจะไม่มีใครกล่าวว่า ‘นี่คือ เยเซเบล’ ”
(and the corpse of Jezebel shall be as dung on the face of the field in the territory of Jezreelthat no one can say, This is Jezebel.’”)
ข้อมูลมีประโยชน์
9:1 “ผู้เผยพระวจนะ” ( the prophet) -2:3;1ซมอ.10:5 –ถูกส่งไปเจิมตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล
9:3 “เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล” (I anoint you king over Israel) –1ซมอ.2:10;9:16;
1พกษ.19:169 = การเจิมนี้เกิดขึ้นที่ราโมทกิเลอาด ที่เดียวกับที่กองทัพอิสราเอลตั้งทัพเผชิญหน้ากับซีเรีย
“แล้วจงเปิดประตูออกหนีไปอย่ารอช้าอยู่” (Then open the door and flee; do not linger) = เมื่อเสร็จหน้าที่แล้วพระเจ้ากำชับให้รีบจากที่นั่นไปให้เร็วที่สุด อย่าชักช้า แล้วพระเจ้าจะจัดการที่เหลือเอง แล้วผู้เผยพระวจนะคนนี้ก็ทำตามคำสั่งจริงๆ (9:10)
9:7 “แล้วเจ้าจงโค่นราชวงศ์ของอาหับนายของเจ้า” (And you shall strike down the house of Ahab your master) = เยฮูรับทราบว่าพระเจ้าแต่งตั้งเขาไว้เป็นตัวแทนที่จะนำการพิพากษามาตามที่เอ ลียาห์ได้ประกาศไว้เมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับราชวงศ์อาหับ (ข.25-26;1พกษ.21:21-24)
“โลหิตของบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา” (the blood of my servants the prophets) = ผู้เผย
พระ วจนะซึ่งถูกเยเซเบลสังหาร (1พกษ.18:4;21:13) , คำสั่งของพระเจ้าในตอนนี้มี 2 ประการที่ให้เยฮูกระทำคือ 1. กำจัดราชวงศ์ที่ชั่วร้ายของอาหับ 2. แก้แค้นแทนคนซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าที่ถูกฆ่าตาย
9:8 “ไม่ว่าทาสหรือไท” (bond or free) –1พกษ.14:10
9:9 “เหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม” (like the house of Jeroboam ) –1พกษ.14:7-11;15:27-30
“เหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์” ( like the house of Baasha the son of Ahijah)
–1พกษ.16:1-4,8-12 – เอลีชากล่าวเช่นนี้กับอาหับเมื่อหลายปีก่อน (1พกษ.21:21-24)
9:11 “คนบ้าคนนี้” (mad fellow) = คำหยาบคายที่แสดงให้เห็นว่าบรรดาทหารของอาณาจักรเหนือมีท่าทีเหยียดหยาม สมาชิกของผู้เผยพระวจนะ –1ซมอ.21:13-15
= เปิดเผยถึงสภาพจิตวิญญาณที่ต่ำของพวกทหารเหล่านี้
9:13 “เยฮูเป็นกษัตริย์” (Jehu is king) = เมื่อเยฮูเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกทหารเป่าเขาสัตว์ (ทรัมเปต) ประกาศต่อทั้งกองทัพว่า เยฮูคือกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล
9:14 “โยรัม” (Joram) = โยรัมยังคงรักษาตัวอยู่ที่ยิสเรเอลเนื่องจากบาดแผลในสงครามกับพวกซีเรียที่ ราโมทกิเลอาด (8:28-29;9:14)
9:15 “ยิสเรเอล” (Jezreel) –ห่างจากราโมทกิเลอาท ประมาณ 72 กิโลเมตร โยรัมอาจมีพระราชวังฤดูร้อนอยู่ที่นั่น (1พกษ.21:1)
“ก็อย่าให้คนหนึ่งคนใดเล็ดลอดออกจากเมืองไปบอกข่าวที่ยิสเรเอล” (then let no one slip out of the city to go and tell the news in Jezreel) = เพื่อให้การกบฏของเยฮูสำเร็จโดยไม่ต้องมีสงครามกลางเมือง การโจมตีโยรัมโดยไม่ให้รู้ตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก -เยฮูส่งกลุ่มคนที่คัดสรรไปยิสเรเอล
(ปท.2พศด.22:7)
9:16 “อาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ได้เสด็จลงมาเยี่ยมโยรัม” (Ahaziah king of Judah had come down
to visit Joram) -8:29)
9:21 “ณ ที่ดินแปลงของนาโบทชาวยิสเรเอล” (at the property of Naboth the Jezreelite)
–1พกษ.21:2-3,13,19
9:22 “การเล่นชู้และวิทยาคมของเยเซเบลมารดาของท่าน” (the sorceries of your mother Jezebel)
= การกระทำเช่นนั้นมีโทษถึงตาย (ฉธบ.13;18:10-12)
9:24 “ยิงถูกโยรัมระหว่างพระอังสา” (shot Joram between the shoulders) = เยฮูยิงธนูเข้าบ่าและทะลุหัวใจของโยรัม
9:25 “นายทหารผู้ช่วย” (Bidkar his aide) = พลรถรบ –1พกษ.22:34
9:26 “ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์” (in accordance with the word of the Lord) = เยฮูเห็นว่าพระเจ้าให้ตนอยู่ในฐานะที่จะทำให้สำเร็จตามคำพยากรณ์ของเอลียาห์เมื่อหลายปีก่อน (1พกษ.21:18-24)
-แม้ ว่าเลือดของอาหับไม่ได้หลั่งลงบนที่นาของนาโบท (1พกษ.21:29) แต่เยฮูเห็นว่าการตายของโยรัมทำให้คำพยากรณ์ของเอลียาห์เป็นจริง (1พกษ.21:19-24)
9:27 “หนีไปถึงเมืองเมกิดโดนและสิ้นพระชนม์ที่นั่น” ( he fled to Megiddo and died there) = อาจเป็นประเด็นสงสัยว่า เยฮูทำถูกต้องหรือไม่ที่ฆ่าล้างราชวงศ์ของอาหับ (ฮชย.1:4) ไปจนถึงลูกหลานราชวงศ์
ดาวิดซึ่งเป็นเชื้อสายของอาธาลิยาห์ บุตรสาวของอาหับ (8:18.26) –ใน 2พศด.22:8-9, มีรายละเอียดของการตายของอาหัสยาห์ และถูกนำศพไปฝังที่เยรูซาเล็ม (ข.28, ปท.2พศด.22:9)
9:31 “เจ้าผู้ฆ่านายของเจ้าอย่างเจ้าศิมรี” (you Zimri, murderer of your master) = เยเซเบลเสียดสีอย่างขม ขื่น โดยเรียกเยฮูว่า ศิมรี ซึ่งเมื่อราว 45 ปี ศิมรีได้ลอบปลงประชนม์เพื่อชิงบัลลังก์จากเอลาห์และได้ทำลายราชวงศ์บาอาชา ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาปกครองอยู่เพียง 7 วันก่อนที่อมรีจะยึดอำนาจ (1พกษ.16:8-20)
9:36 “นี่เป็นไปตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสทางเอลียาห์” (This is the word of the Lord, which he spoke by his servant Elijah)= ลักษณะการตายของเยเซเบลได้ยืนยันความจริงตามพระวจนะของพระเจ้าคือพระวจนะเที่เยเชเบลปฏิเสธมาตลอดชีวิต (1พกษ.21:23)
คำถามนำอภิปราย
1. คุณเคยได้รับคำสั่งของพระเจ้าให้กระทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่เข้าใจหรือเสี่ยงอันตรายมากบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
2. คุณเคยอยู่ในสภาวะที่จำเป็นต้องเลือกระหว่าง “สิ่งที่เลว” กับ “สิ่งที่เลวน้อยกว่า” บ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร และคุณทำอย่างไร?
3. คุณเคยเห็นพระเจ้าทรงใช้ “คนชั่ว” จัดการกับ “คนชั่ว(กว่า)” บ้างหรือไม่? อย่างไร? เรื่องนั้นมีบทเรียนอะไรต่อคุณเป็นพิเศษ?
4. คุณเชื่อหรือไม่ว่า พระเจ้าทรงสามารถบันดาลให้เกิดขึ้นจริงตามที่พระองค์ตรัสไว้ล่วงหน้า แม้ว่าอาจจะเนิ่นนานกว่าที่เราคิดก็ตาม? เรื่องอะไร? กับใคร? และอย่างไร?
5. คุณเคยประสบภัยโดยไม่รู้ตัวเพราะว่าคบหาคนผิดบ้างหรือไม่? อย่างไร? หรือคุณเคยเห็นผู้ใดประสบภัยเช่นนั้นเพราะคบค้าสมาคมผิดคนหรือไม่?
6. จุดจบในชีวิตของ “เยเซเบล” “โยรัม” และ “อาหัสยาห์” มีบทเรียนอะไรสอนคุณเป็นพิเศษบ้าง?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์