“การป้องกันนิสัยไม่ให้เสียนั้นย่อมง่ายกว่าการแก้ไขนิสัยที่เสียไปแล้ว!”
(It is easier to prevent bad habits than to break them.)
สุภาษิตโบราณมีอยู่ว่า “ป้องกันดีกว่าแก้ เพราะแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน!”
หากคุณคิดว่าการแก้ไขเมื่อเกิดความเสียหายไปแล้ว จะเป็นเรื่องถูก ๆ หรือจะจบลงได้ง่าย ๆ คุณคงกำลังมองโลกแบบฝันกลางวันมากเกินไปหน่อยแล้ว!
เพราะอะไรก็ตาม หากยังไม่เสีย ก็ย่อมพอจะปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าได้ แต่หากว่าเสียไปแล้วนั่นย่อมยากที่จะแก้ไขอะไรได้อีก!
หากอาหารยังไม่เสีย ก็ยังพอกินได้ แต่หากอาหารเสียไปแล้วล่ะ …ใครจะกิน?
หากความสัมพันธ์ยังไม่เสีย ก็คงพอจะรื้อฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากเสียไปแล้วล่ะ ใครจะยอมเริ่มต้นใหม่?
หากธุรกิจยังไม่เสีย(เจ๊ง) ก็เช่นกันคงจะพอปรับตัว ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้บ้าง แต่หากว่าเสีย(หรือเจ๊ง) ไปแล้ว จะทำอะไรได้อีกเล่า?
หากสุขภาพของเรายังไม่เสีย ก็คงพอจะฟื้นฟูบำบัดรักษาให้กลับมาแข็งแรงปกติได้ แต่หากสุขภาพของเราเสียไปแล้ว เราจะเอากลับคืนมาได้อย่างไร?
นิสัยก็เช่นกัน!
ตอนยังไม่เสียนั้น ยังคงป้องกันไม่ให้เสียได้ แต่หากเสียไปแล้วเราคิดหรือว่ามันจะกลับคืนมาดีได้เหมือนเดิมแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องจ่ายราคาใด ๆ ในการแก้ไข!
ดังนั้น หากเป็นไปได้ ขอให้คุณจงสร้างวินัยขึ้นในชีวิตของคุณตั้งแต่เนิ่น ๆ ขอให้จำไว้เสมอว่า หากการฝึกวินัยทางกายเพื่อให้มีสุขภาพกายที่ดีนั้นเป็นสิ่งจำเป็น การฝึกวินัยทางความคิดและจิตวิญญาณเพื่อให้เป็นสุขแท้ย่อมจำเป็นยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าใด?
คำเตือนก็คือ อย่าให้เราต้องเสียหายหรือกลายเป็นคนตายเพราะขาดวินัยในชีวิต
ดังคำเตือนในพระธรรมสุภาษิต ที่ว่า…
“เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิตและเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป” (สุภาษิต 5:23)
แต่หากว่าวันนี้ เราได้ผ่านจุดของการป้องกันตัวเอง และกลายเป็นคนนิสัยที่ไม่ดีมาแล้ว เพราะขาดวินัยเราจะทำอะไรได้บ้างและอย่างไร? คำตอบก็คือ ขอให้นี่เป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตของเรา ในการเริ่มต้นใหม่ โดยขอให้พระเจ้าทรงช่วยสร้างชีวิตของเราขึ้นมาใหม่ เราต้องขอพระเจ้าให้เปลี่ยนเราใหม่ โดยเร็ว ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่า เราจะรักษาชีวิตใหม่นั้นอย่างสุดชีวิต และจะทำทุกวิถีทางในการป้องกันไม่ให้มันกลับไปเสียอีก
และเราจะทำเช่นนี้ได้ โดยการมอบกายใจและจิตของเราแด่พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง!
ดังคำแนะนำของ อ.เปาโลที่ว่า…
“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:1-2)
วันนี้ ถึงเวลาที่เราสมควรมารับการเปลี่ยนนิสัยของเราให้ดีขึ้น คือให้เป็นอย่างพระคริสต์ จะดีไหม?
…คุณว่าไง?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer