Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จงเมตตากันสักนิด

จงเมตตากันสักนิด

“จงเมตตา!

เพราะว่าทุกๆ คนที่คุณพบ กำลังประสบกับสมรภูมิโหดในชีวิต!”

(Be kind, for everyone you meet is fighting a hard battle!)

 คนเราทุกคนล้วนต้องการความเข้าใจ และความเมตตา!

แต่ปัญหาก็คือ บ่อยครั้งที่เราไม่เข้าใจผู้อื่น ทำให้เราขาดความเมตตาต่อเขา

เคยไหมที่คุณโกรธคนอื่น เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นเราไม่เข้าใจหรือเรารับไม่ได้!

บ่อยครั้งไหมที่เราตอบสนองต่อสิ่งที่ขัดหู ขัดตา ขัดใจหรือขัดหลักการที่เรามี โดยแสดงบางอย่างออกมาใส่เขาอย่างปราศจากความเมตตา!

ความเย็นชา ว่าร้ายแล้ว แต่ร้ายกว่านั้นก็คือ การกล่าวจาบจ้วง กล่าววิพากษ์วิจารณ์ ตัดสินพิพากษาเขาอย่างไร้ความปราณี!

และที่น่าเจ็บปวดก็คือ คนที่เรากำลังระเบิดอารมณ์ใส่นั้น แท้จริงก็เป็นคนรู้จัก เป็นคนกันเอง หรือบางทีเป็นพี่น้องของเราเองด้วยซ้ำไป!

แต่ที่สุดร้ายก็คือ  เราระเบิดอารมณ์และความโกรธเคืองออกมาด้วยการส่งต่อความไม่พอใจนั้นไปยังคนอื่น ๆ (ที่ไม่เกี่ยวข้อง) ทั้งต่อหน้าและลับหลัง!

แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราพูดกันตรง ๆ แบบ 2 ต่อ 2

 “หาก​พี่น้อง​ของ​ท่าน​คน​หนึ่ง​ทำ​ผิด​ต่อ​ท่าน จง​ไป​หา​และ​ชี้​ความ​ผิด​ต่อ​เขา​สองต่อสอง​เท่า​นั้น ถ้า​เขา​ฟัง​ท่าน ท่าน​จะ​ได้​พี่น้อง​คืน​มา”   (มัทธิว 18:15)

 แต่พระองค์ปรารถนาให้เราพูดจาต่อกันด้วยความจริงและความรัก!

“แต่​ให้​เรา(พูด)​ยึดถือ​ความ​จริง​ด้วย​ความ​รัก เพื่อ​จะ​เจริญขึ้น​ใน​ทุก​ด้าน​สู่​พระองค์​ผู้​เป็น​ศีรษะ​คือ​พระคริสต์”       (เอเฟซัส 4:15)

 พระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้เราส่งต่อความไม่พอใจ ความโกรธเกลียดการกล่าวร้ายหรือความสะใจของเราไปยังคนอื่น ๆ (ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้) เราเรียกการพูดในลักษณะดังกล่าวแบบลับหลังว่า “การซุบซิบนินทา”

“คน​ที่​เที่ยว​ซุบซิบ​ย่อม​เผย​ความ​ลับฉะนั้น​อย่า​เข้า​สังคม​กับ​คนปากบอน”        (สุภาษิต 20:19)

พระเจ้าทรงประสงค์ให้เรามีใจเมตตากรุณาต่อกันและให้อภัยกัน

“จง​เอา​ความ​ขมขื่น ความ​ฉุนเฉียว ความ​โกรธ การ​ทุ่มเถียง การ​พูดจา​ดูหมิ่น รวม​ทั้ง​การร้าย​ทุกอย่าง​ออก​ไป​จาก​พวกท่าน แต่​จง​มี​ใจ​กรุณา ใจ​สงสาร และ​ใจ​ให้​อภัย​แก่​กัน​และ​กัน เหมือน​อย่าง​ที่​พระเจ้า​ทรง​ให้​อภัย​พวกท่าน​ในพระคริสต์”  (เอเฟซัส 4:31-32)

 ดังนั้น หากว่าตัวของเราไม่เย่อหยิ่งเกินไปจนหูอื้อตาลาย เราคงจะต้องยอมรับเช่นกันว่า  เราอาจกำลังกระทำในบางสิ่งที่ตัวเราเองเกลียดนั้นเช่นกัน  เราเองอาจไม่รู้ตัวว่า เรามักจะทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือไม่พอใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าหากตัวของเราเป็นผู้กระทำสิ่งนั้น เราเองมักยอมรับได้ แต่หากว่าคนอื่นเป็นผู้กระทำ เราจะยอมรับไม่ได้เลย !

แต่หากคนอื่นเป็นผู้กระทำ เราจะทนไม่ได้ และลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านอย่างรุนแรง โดยปราศจากความเมตตาและการให้อภัย แต่หากเราเป็นผู้กระทำเรามักขอความเข้าใจ ความเมตตา และการให้อภัย!

พี่น้องที่รัก  อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยจะดีกว่า ฉะนั้น ก่อนที่เราจะแสดงความโกรธเคือง ไม่พอใจผู้หนึ่งผู้ใดจนเนื้อเต้น ขอให้เราหลับตา นึกวาดภาพว่า หากเราเป็นบุคคลนั้นที่กำลังทำสิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่พอใจนั้นอยู่ และเราเองกำลังเผชิญกับเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ในชีวิตที่แสนดราม่า มาอย่างเจ็บปวด (และดูเหมือนว่า คนอื่นไม่เข้าใจตัวของเราเลย) เราจะต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อตัวของเราอย่างไร? …

พี่น้องที่รัก หากว่าเราเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว ก็ขอให้เราปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยท่าทีที่เขาปรารถนาด้วยความเมตตา!

ดุจดังที่พระเยซูคริสต์ตรัสสอนเราว่า…

 “จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้​อื่น​อย่าง​ที่​พวกท่าน​ต้องการ​ให้​พวกเขา​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่า เพราะ​นี่​คือ​ธรรมบัญญัติ​และ​คำ​สั่งสอน​ของ​บรรดา​ผู้เผยพระวจนะ”  (มัทธิว 7:12)

ดังนั้น วันนี้ให้เรามาให้อภัยและมีใจเมตตาต่อกันให้มากขึ้น

…จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.