ความซื่อสัตย์ของพระเจ้า!
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 8:1-29
อ้างอิง 2พกษ.1:17;4:8-37;6:24;8:18;9:1-4,29;10:13;15:16;19:8;2พศด.21:1-4
บทนำ แม้มนุษย์จะทำตัวไม่ดี แต่พระเจ้าก็ยังคงซื่อตรงและซื่อสัตย์ในพันธสัญญาของพระองค์ที่มีต่อคนไม่ดีอย่างเราอยู่เสมอ ตราบเท่าที่เรายังตั้งใจที่จะเชื่อฟังทำตามพระเจ้าให้มากขึ้นอย่างจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา!
บทเรียน
8:1 “เอลีชาบอกหญิงคนที่ท่านได้ให้บุตรของนางกลับคืนชีวิตว่า “เจ้าจงลุกขึ้นและออกไปพร้อมกับครอบครัว ไปอยู่ในที่ที่เจ้าจะอยู่ได้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเรียกให้เกิดการกันดารอาหาร และแผ่นดินนี้จะกันดารอาหารอยู่เจ็ดปี”
(Now Elisha had said to the woman whose son he had restored to life, “Arise, and depart with your household, and sojourn wherever you can, for the Lord has called for a famine, and it will come upon the land for seven years.” )
8:2 “หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นทำตามถ้อยคำของคนของพระเจ้า นางกับครอบครัวไปอยู่ในแผ่นดินฟีลิสเตียเจ็ดปี”
(So the woman arose and did according to the word of the man of God. She went with her household and sojourned in the land of the Philistines seven years. )
8:3 “เมื่อสิ้นเจ็ดปีแล้ว หญิงคนนั้นก็กลับมาจากแผ่นดินฟีลิสเตีย และได้ออกไปทูลอุทธรณ์ต่อพระราชาเพื่อขอบ้านและที่ดินของ นางคืน”
(And at the end of the seven years, when the woman returned from the land of the Philistines, she went to appeal to the king for her house and her land. )
8:4 “พระราชากำลังตรัสกับเกหะซีผู้รับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “จงบอกเราถึงสิ่งยิ่งใหญ่ทุกอย่างที่เอลีชาได้ทำ”
(Now the king was talking with Gehazi the servant of the man of God, saying, “Tell me all the great things that Elisha has done.” )
8:5 “เมื่อเขากำลังทูลกษัตริย์เรื่องที่เอลีชาชุบชีวิตคนตาย นี่แน่ะ ผู้หญิงคนที่ท่านได้ชุบชีวิตบุตรของนางได้มาร้อง อุทธรณ์ต่อพระราชาเพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน และเกหะซีทูลว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท นี่เป็นหญิงคนนั้น และนี่เป็นบุตรของนางที่เอลีชาได้ชุบชีวิต”
(And while he was telling the king how Elisha had restored the dead to life, behold, the woman whose son he had restored to life appealed to the king for her house and her land. And Gehazi
said, “My lord, O king, here is the woman, and here is her son whom Elisha restored to life.” )
8:6 “พระราชาตรัสถามหญิงนั้น นางก็ทูลเรื่องถวายพระองค์ พระราชาจึงทรงตั้งข้าราชการคนหนึ่งให้นาง และรับสั่งว่า “จงจัดการคืนทุกสิ่งที่เป็นของนาง พร้อมทั้งพืชผลทั้งหมดของนานั้น ตั้งแต่วันที่นางออกจากแผ่นดินมาจนถึงเวลานี้”
(And when the king asked the woman, she told him. So the king appointed an official for her, saying, “Restore all that was hers, together with all the produce of the fields from the day that she left the land until now.”)
8:7 “แล้วเอลีชามายังกรุงดามัสกัส เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรียประชวร และมีคนทูลพระองค์ว่า “คนของพระเจ้ามาที่นี่”
(Now Elisha came to Damascus. Ben-hadad the king of Syria was sick. And when it was told him, “The man of God has come here,” )
8:8 “พระราชาตรัสกับฮาซาเอลว่า “จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า ให้ทูลถามพระยาห์เวห์โดยท่านว่า ‘เราจะหายป่วยไหม?’ ”
(the king said to Hazael, “Take a present with you and go to meet the man of God, and inquire of the Lord through him, saying, ‘Shall I recover from this sickness?’” )
8:9 “ฮาซาเอลจึงไปพบท่าน นำของกำนัลติดมือไปด้วย คือของดีทุกอย่างจากกรุงดามัสกัส บรรทุกหลังอูฐ 40 ตัว เมื่อเขามายืนอยู่ต่อหน้าท่าน เขากล่าวว่า “ลูกของท่านคือเบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรีย ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านกล่าวว่า ‘เราจะหายป่วยไหม?’ ”
(So Hazael went to meet him, and took a present with him, all kinds of goods of Damascus, forty camels’ loads. When he came and stood before him, he said, “Your son Ben-hadad king of Syria
has sent me to you, saying, ‘Shall I recover from this sickness?’” )
8:10 “และเอลีชาตอบเขาว่า “จงไปทูลพระราชาว่า ‘พระองค์จะหายประชวรแน่’ แต่พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่”
(And Elisha said to him, “Go, say to him, ‘You shall certainly recover,’ but the Lord has shown me that he shall certainly die.” )
8:11 “และท่านก็เพ่งดูตัวเขาจนเขาอาย และคนของพระเจ้าก็ร้องไห้”
(And he fixed his gaze and stared at him, until he was embarrassed. And the man of God wept )
8:12 “และฮาซาเอลถามว่า “ทำไมเจ้านายของข้าพเจ้าจึงร้องไห้?” ท่านตอบว่า “เพราะข้าพเจ้าทราบถึงเหตุร้ายที่ท่านจะทำต่อคนอิสราเอล ท่านจะเอาไฟเผาป้อมปราการของเขา และจะฆ่าคนหนุ่มด้วยดาบ และจับเด็กเล็กฟาดจนแหลก และผ่าท้องหญิงมีครรภ์เสีย”
(And Hazael said, “Why does my lord weep?” He answered, “Because I know the evil that you will do to the people of Israel. You will set on fire their fortresses, and you will kill their young men with the sword and dash in pieces their little ones and rip open their pregnant women.” )
8:13 “และฮาซาเอลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านผู้เป็นเพียงสุนัข เป็นใครเล่าที่จะทำสิ่งใหญ่นี้?” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า ท่านจะเป็นกษัตริย์ครอบครองซีเรีย”
(And Hazael said, “What is your servant, who is but a dog, that he should do this great thing?” Elisha answered, “The Lord has shown me that you are to be king over Syria.” )
8:14 “เขาก็ไปจากเอลีชามายังนายของตน และนายถามเขาว่า “เอลีชาพูดอย่างไรกับเจ้าบ้าง?” และเขาทูลตอบว่า “เขาบอกว่าฝ่าพระบาทจะหายประชวรแน่”
(Then he departed from Elisha and came to his master, who said to him, “What did Elisha say to you?” And he answered, “He told me that you would certainly recover.” )
8:15 “และในวันรุ่งขึ้น เขาก็เอาผ้าปูที่นอนจุ่มน้ำคลุมพระพักตร์พระองค์จนสิ้น พระชนม์ และฮาซาเอลก็ขึ้นครองราชย์แทน”
(But the next day he took the bed cloth and dipped it in water and spread it over his face, till he died. And Hazael became king in his place.)
8:16 “ในปีที่ 5 ของรัชกาลโยรัม พระราชโอรสของอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล เยโฮรัมพระราชโอรสของเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ได้ขึ้น ครองราชย์”
(In the fifth year of Joram the son of Ahab, king of Israel, when Jehoshaphat was king of Judah, Jehoram the son of Jehoshaphat, king of Judah, began to reign. )
8:17 “พระองค์มีพระชนมายุ 32 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 8 ปี”
(He was thirty-two years old when he became king, and he reigned eight years in Jerusalem. )
8:18 “และพระองค์ทรงดำเนินตามทางของบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล ตามอย่างราชวงศ์อาหับได้ทำ เพราะว่า พระราชธิดาของอาหับเป็นมเหสีของพระองค์ และพระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์”
(And he walked in the way of the kings of Israel, as the house of Ahab had done, for the daughter of Ahab was his wife. And he did what was evil in the sight of the Lord. )
8:19 “อย่างไรก็ดี พระยาห์เวห์ไม่ได้ตั้งพระทัยทำลายยูดาห์ เพราะทรงเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ เหตุที่พระองค์ได้ตรัสสัญญาว่า จะประทานประทีปแก่ดาวิด แก่เชื้อสายของท่านเป็นนิตย์”
(Yet the Lord was not willing to destroy Judah, for the sake of David his servant, since he promised to give a lamp to him and to his sons forever.)
8:20 “ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมได้กบฏ ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์ และตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือตน”
(In his days Edom revolted from the rule of Judah and set up a king of their own. )
8:21 “ดังนั้นเยโฮรัม จึงเสด็จข้ามไปยังเมืองศาอีร์พร้อมกับรถรบทั้งสิ้น พอกลางคืนก็ทรงตั้งต้นตีฝ่าคนเอโดม ซึ่งมา ล้อมพระองค์และบรรดาแม่ทัพรถรบ แล้วกองทัพของพระองค์ได้หนีกลับบ้าน”
(Then Joram passed over to Zair with all his chariots and rose by night, and he and his chariot commanders struck the Edomites who had surrounded him, but his army fled home. )
8:22 “เอโดมจึงได้กบฏ ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์จนทุกวันนี้ แล้วลิบนาห์ก็ได้กบฏในเวลาเดียวกัน”
(So Edom revolted from the rule of Judah to this day. Then Libnah revolted at the same time. )
8:23 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮรัม และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ ไม่ใช่ หรือ?”
(Now the rest of the acts of Joram, and all that he did, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Judah? )
8:24 “เยโฮรัมจึงทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเขาฝังไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด และอาหัสยาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน”
(So Joram slept with his fathers and was buried with his fathers in the city of David, and Ahaziah his son reigned in his place.)
8:25 “ในปีที่ 12 แห่งรัชกาลโยรัมพระราชโอรสของอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล อาหัสยาห์พระราชโอรสของ เยโฮรัมพระราชาแห่งยูดาห์ได้ขึ้น ครองราชย์”
(In the twelfth year of Joram the son of Ahab, king of Israel, Ahaziah the son of Jehoram, king of Judah, began to reign. )
8:26 “เมื่ออาหัสยาห์ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 22 พรรษา และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 1 ปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาธาลิยาห์ พระนางเป็นพระราชนัดดาของอม-รีพระราชาแห่ง อิสราเอล”
(Ahaziah was twenty-two years old when he began to reign, and he reigned one year in Jerusalem. His mother’s name was Athaliah; she was a granddaughter of Omri king of Israel. )
8:27 “พระองค์ ทรงดำเนินในทางของราชวงศ์อาหับด้วย และทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ดังที่ราชวงศ์ของอาหับได้ทรงกระทำ เพราะเป็นพระราชบุตรเขยในราชวงศ์ของอาหับ”
(He also walked in the way of the house of Ahab and did what was evil in the sight of the Lord, as the house of Ahab had done, for he was son-in-law to the house of Ahab.)
8:28 “พระองค์เสด็จไปกับโยรัมพระราชโอรสของอาหับ เพื่อทำสงครามกับฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรียที่ราโมทกิเลอาด และคนซีเรียทำให้โยรัมบาดเจ็บ”
(He went with Joram the son of Ahab to make war against Hazael king of Syria at Ramoth-gilead, and the Syrians wounded Joram. )
8:29 “และพระราชาโยรัมทรงกลับมารักษาพระองค์ที่ยิสเรเอล ให้หายบาดเจ็บจากที่คนซีเรียได้ทำแก่พระองค์ที่รามาห์ เมื่อทรงสู้กับฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรีย และอาหัสยาห์พระราชโอรสของเยโฮรัมพระราชาแห่งยูดาห์ ได้เสด็จลงไปหาโยรัมพระราชโอรสของอาหับในเมืองยิสเรเอล เพราะโยรัมประชวร”
(And King Joram returned to be healed in Jezreel of the wounds that the Syrians had given him at Ramah, when he fought against Hazael king of Syria. And Ahaziah the son of Jehoram king of Judah went down to see Joram the son of Ahab in Jezreel, because he was sick.)
ข้อมูลมีประโยชน์
8:1 “หญิงคนที่ท่านได้ให้บุตรของนางกลับคืนชีวิต” (the woman whose son he had restored to life ) –2พกษ.4:8-37
“พระยาห์เวห์ทรงเรียกให้เกิดการกันดารอาหาร” (the Lord has called for a famine) = การกันดารจะเป็นคำสาปตามพันธสัญญาที่เกิดจากบาปของชาวอิสราเอล (ฝ่ายเหนือ) (4:38) –ลนต.26:26; ฉธบ.28:22;นรธ.1:1
“แผ่นดินนี้จะกันดารอาหารอยู่เจ็ดปี” (and it will come upon the land for seven years) = ไม่ปรากฏชัดว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากที่ซีเรียมาโจมตีสะมาเรีย (4:38;6:24-7:20) –ปฐก.12:10
8:2 “หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นทำตาม”(the woman arose and did according to the word of the man of God) = คำสั่งของเอลีชาช่วยหญิงที่รักพระเจ้าคนหนึ่งและครอบครัวให้หลีกหนีพ้นภัยจากการกันดารอาหารได้
8:3 “ไปทูลอุทรณ์ต่อพระราชา” (she went to appeal to the king) –ในอิสราเอล ชาวอิสราเอลและผู้อาศัยในแผ่นดินสามารถยื่นคำร้องต่อกษัตริย์ได้โดยตรง (2ซมอ.15:2) ดังกรณีหญิงโสเภณี 2 คน เข้าเฝ้ากษัตริย์ใน 1พกษ.3:16 โดยไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ระดับล่าง (ฉธบ.16:18)
“ขอบ้านและที่ดินของนางคืน” (for her house and her land) =หญิงคนนี้ไปถวายฏีกาขอรับบ้านและที่ดินของนางกลับคืน เพราะอาจมีคนไปอาศัยอยู่ในที่ดินของเธออย่างผิดกฎหมายในระหว่างที่เธอไม่อยู่หรืออาจถูกยึดไปเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์ เนื่องจากถูกทิ้งร้าง
8:4 “จงบอกเราถึงสิ่งยิ่งใหญ่ทุกอย่างที่เอลีชาได้ทำ”(Tell me all the great things that Elisha has done) -การที่กษัตริย์ไม่คุ้นเคยกับพันธกิจของเอลีชา นี้ ทำให้นักวิชาการตีความว่า นี่อาจบ่งบอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงต้นรัชกาลของเยฮูมากกว่าจะเป็นรัชกาลของโยรัม ผู้ซึ่งได้พบเอลีชาหลายครั้ง (3:13-14;5:7-10; 6:10-23;6:24-7:20;2พกษ.5:7)
8:5 “ผู้หญิงคนที่ท่านได้ชุบชีวิตบุตรของนาง” (the woman whose son he had restored to life) –2พกษ.4:35
8:6 “จงจัดการคืนทุกสิ่งที่เป็นของนาง” (Restore all that was hers) = หญิงม่ายและบุตรชายในเรื่องนี้เป็นตัวอย่างของชีวิตที่ได้รับการเลี้ยงดู และการอวยพรจากพระเจ้า เพราะเชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้า (ผ่านทางผู้เผยพระวจนะ)
8:7 “แล้วเอลีชามายังกรุงดามัสกัส” (Now Elisha came to Damascus) –2ซมอ.8:8
= ถึงเวลาที่เอลีชาต้องทำหน้าที่ 1 ใน 3 เรื่อง ที่แต่เดิมมอบหมายให้เอลียาห์ ที่ภูเขาโฮเรบ(1พกษ.19:15-16) จดหมายเหตุของอัสซีเรีย ชัลมาเนเสอร์ที่ 3 ได้บันทึกถึงชัยชนะของอัสซีเรีย เหนือเบนฮาดัด (ฮาดัดเอเซอร์) แห่งดามัสกัสในปี 846 ก.ค.ศ. และฮาชาเอลแห่งดามัสกัสในปี 842 ก.ค.ศ.
-เอลีชาน่าจะเดินทางไปดามัสกัสประมาณ 843 ก.ค.ศ. –2พกษ.6:24
8:8 “ตรัสกับฮาซาเอล” (the king said to Hazael) -1พกษ.19:15
“จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า” (Take a present with you and go to meet the man of God) –ปฐก.32:20;1ซมอ.9:7
“ให้ทูลถามพระยาห์เวห์โดยท่านว่า”(inquire of the Lord through him, saying) = เหตุการณ์ที่แปลก (กลับกันใน 1:1-4) ที่กษัตริย์ต่างชาติอย่างเบนฮาดัดกลับส่งคนไปขอคำพยากรณ์จากพระเจ้าแห่งอิสราเอลผ่านคนของพระองค์อย่างเอลีชา “เราจะหายป่วยไหม?“ (Shall I recover from this sickness?) = คำถามเหมือนกับที่อาหัสยาห์เคยถาม ใน 1:2
8:9 “ของดี ๆ ทุกอย่างจากกรุงดามัสกัสบรรทุกหลังอูฐ 40 ตัว”(all kinds of goods of Damascus, forty camels’ loads) = ดามัสกัสเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่าง อียิปต์ เอเชียน้อย และเมโสโปเตเมีย
= ดูเหมือนว่า เบนฮาดัดคิดว่า การมอบของกำนัลให้เอลีชามาก ๆ จะช่วยทำให้ผลการทำนายออกมาในทางดี (ปท. ของกำนัลของนาอามานใน 5:5)
“ลูกของท่านคือเบนฮาดัด” (Your son Ben-hadad) = กษัตริย์เบนฮาดัดใช้สรรพนามเรียกเอลีชาเป็นดุจบิดา เท่ากับยอมรับว่า เอลีชานั้นเหนือกว่าตัวของท่านผู้เป็นกษัตริย์ (6:21;1ซมอ.25:8)
8:10 “พระองค์จะหายประชวรแน่” (You shall certainly recover) = ให้ความมั่นใจว่าอาการป่วยของกษัตริย์เบนฮาดัดไม่หนักหนาจนถึงขั้นเสียชีวิต
“พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่”(he shall certainly die)= แต่เบนฮาดัดจะตาย(ในมือของฮาเซเอล) (ข้อ 14-15)
8:12 “เหตุร้ายที่ท่านจะทำต่อคนอิสราเอล”( Because I know the evil that you will do to the people of Israel) = พระเจ้าให้เอลีชาเห็นภาพชัดเจนว่า การพิพากษาของพระเจ้าที่มาเหนืออิสราเอลนั้นรุนแรงมากสักเพียงใด (9:14-16;10:32;12:17-18;13:3,22) ที่จะเกิดจากมือของฮาซาเอล
“ผ่าท้องหญิงมีครรภ์เสีย” (rip open their pregnant women) = สิ่งเลวร้ายที่กองทัพของผู้มีชัยชนะมักกระทำต่อผู้แพ้ (15:16;ฮชย.13:16;อมส.1:13) = การกระทำโหดร้ายเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเด็กผู้ชายเกิดขึ้นมา ในดินแดนที่พ่ายแพ้ และคนที่เหลืออยู่จะไม่ลุกขึ้นมาแย่งดินแดนคืน
= เอลีชาไม่ได้กล่าวสนับสนุนการกระทำเช่นนั้น เพียงแต่บรรยายให้เห็นว่า ฮาซาเอลจะ.โจมตีอย่างไรในอนาคต –ปฐก.34:29;สดด.137:9;อสย.13:16;นฮม.3:10;ลก.19:44
8:13 “ผู้รับใช้ของท่านเป็นเพียงสุนัข เป็นใครเล่าที่จะทำสิ่งใหญ่นี้?“ (What is your servant, who is but a dog, that he should do this great thing?) –สำเนาที่เปรียบตัวเองเป็นสุนัขนี้ แสดงถึงความอ่อนน้อม ถ่อมตน –2ซมอ.9:8 หรือแสดงความรังเกียจตัวเอง
ตัวอย่างดาวิดเคยกล่าวกับซาอูลโดยเปรียบตัวเองเป็นดุจ “สุนัขตาย” (1ซมอ.24:14) เตือนแนะนำกษัตริย์ซาอูลอย่าให้ความสนใจคนไร้ค่าอย่างตัวท่าน
-การใช้คำนี้ของดาวิดนับว่าน่ายกย่อง (2ซมอ.7:18;1ซมอ.18:18)
แต่เมื่อคนอื่นใช้หรือใช้กับคนอื่น อาจมีความหมายถึง “คนโง่” ที่แช่งสาปดูหมิ่น หรือต่อต้านผู้ที่พระเจ้าเจิมไว้ตัวอย่าง โกลิอัท (1ซมอ.17:43;25:3)
-ในตอนนี้ ฮาซาเอลไม่ได้แสดงอาการรังเกียจพฤติกรรมที่รุนแรงตามที่พรรณา แต่มองไม่เห็นว่าตนเองจะมีอำนาจใดกระทำให้สำเร็จตามสิ่งเหล่านั้นได้
“ท่านจะเป็นกษัตริย์ครอบครองซีเรีย” (you are to be king over Syria) = คำพยากรณ์ของเอลีชาที่บ่งบอกว่า ฮาซาเอลจะได้เป็นผู้ปกครองซีเรียคนต่อไปโดยไม่ได้เป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้องของเบนฮาดัด
-ในศิลาจารึกของอัสซีเรีย เรียกฮาซาเอลว่า “บุตรของคนไม่สำคัญ” (หรือสามัญชน) ซึ่งแย่งบัลลังก์ไป
8:15 “สิ้นพระชนม์” ( till he died) = การที่ฮาซาเอลจะได้เป็นกษัตริย์นั้นไม่ได้เป็นการพยากรณ์ของเอลีชาที่รับรองว่าการที่ฮาซาเอลลอบปลงพระชนม์กษัตริย์เบนฮาดัดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การกระทำของฮาซาเอลเกิดจากพฤติกรรมบาปของตัวและใจบาปของเขาเอง (อสย.10:5-19) เขาตั้งชื่อบุตรชายผู้สืบทอดว่าเบนฮาดัด (13:24)
8:16 “ในปีที่ 5 ของรัชกาลโยรัม” (In the fifth year of Joram) = ปี 848 ก.ค.ศ เยโฮรัม(โยรัม) สำเร็จราชการร่วมกับบิดามาตั้งแต่ปี 853 ก.ค.ศ (1:17) แต่เวลานี้ได้ครองราชย์แค่เพียงผู้เดียว
8:17 “ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 8 ปี” (he reigned eight years in Jerusalem) = ช่วงเวลาที่โยรัมครองราชย์อยู่เพียงผู้เดียวตั้งแต่ปี 848 -841 ก.ค.ศ
8:18 “ตามอย่างราชวงศ์อาหับได้ทำ” (as the house of Ahab had done) = โยรัมนำการนมัสการพระบาอัลเข้าไปในยูดาห์เช่นเดียวกับที่อาหับได้กระทำในอิสราเอล (ฝ่ายเหนือ -3:1-2)
“เพราะว่าพระราชธิดาของอาหับเป็นมเหสีของพระองค์” ( for the daughter of Ahab was his wife)
–ภรรยาของโยรัมคือ อาธาริยาห์บุตรสาวของอาหับ แต่อาจไม่ได้เกิดจากเยเซเบล (ข.26;2พศด.18:1)
อาธาริยาห์มีอิทธิพลเหนือโยรัม คล้ายกับกรณีที่เยเซเบลมีอิทธิพลเหนืออาหับ (1พกษ.16:31;18:4;19:1-2;2พศด.21:6)
8:19 “จะประทานประทีปแก่ดาวิด” (for the sake of David) –1พกษ.11:36;สดด.132:17
= พระเจ้าทรงละเว้นยูดาห์ และราชวงศ์ในยูดาห์ ให้รอดพ้นจากการพิพากษาที่พระองค์ส่งมาเหนือราชวงศ์ของอาหับ เพราะพันธสัญญาที่พระเจ้ากระทำไว้กับดาวิด (2ซมอ.7:16,27;2พศด.21:7)
8:20 “ตั้งแต่กษัตริย์ขึ้นเหนือตน” (set up a king of their own) = ก่อนหน้านี้เอโดมเป็นเมืองขึ้นของยูดาห์และปกครองโดยผู้สำเร็จราชการ (3:9;1พศด.22:47)
8:22 “จนทุกวันนี้” (this day) -ภายหลังเอโดมพ่ายแพ้อย่างราบคาบต่ออามาซิยาห์ แห่งยูดาห์ (14:7) และ
รัชทายาทคือ อาซาริยาห์ก็ได้ครอบครองเส้นทางการค้าไปยังเอลัท ผ่านเขตแดนของเอโดม (14:22;2พศด.26:2)
“ลิบนาห์” (Then Libnah) -ลิบนาห์ตั้งอยู่บนบริเวณชายแดนฟิลิสเตียใกล้ ๆ ลาคีช (19:8) เป็นไปได้ว่า การกบฎของลิบนาห์นั้นสัมพันธ์กับการกบฎของฟิลิสเตีย และอาหรับ ที่บรรยายไว้ใน 2พศด.21:16-17
8:23 “ส่วนพระราชกิจอื่น ๆ ของเยโฮรัม” (the rest of the acts of Joram )-2พศด.21:4-20
“หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์” (the Book of the Chronicles of the Kings of Judah) –1พกษ.14:29
8:24 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) 1พกษ.1:21;2พศด.21:20
8:25 “ในปีที่ 12 แห่งรัชกาลโยรัม” (In the twelfth year of Joram) –ปี 841 ก.ค.ศ.
-ใน 9:29 ปีแรกของรัชกาลโยรัมนั้น นับเป็นปีขึ้นครองราชย์ และปีที่ 2 ถือว่าเป็นปีแรกของรัชกาล แต่ในที่นี้นับปีที่ขึ้นครองราชย์เป็นปีแรกของรัชกาล
8:26 “มีพระชนมายุ 22 พรรษา” (was twenty-two years old) –2พศด.22:2
8:27 “ดำเนินไปกับโยรัมพระราชโอกาสของอาหับ”( walked in the way of the house of Ahab) –2พศด.22:3-5
8:28 “เสด็จไปกับโยรัมพระราชโอรสของอาหับเพื่อทำสงครามกับฮาซาเอล” (He went with Joram the son of Ahab to make war against Hazael) = เช่นเดียวกับที่เยโฮชาฟัทเข้าร่วมกับอาหับในการต่อสู้กับซีเรียที่ ราโมทกิเลอาด (1พกษ.22) และอาหับพบกับความตาย (1พกษ.22:37) = ในตอนนี้อาหัสยาห์ก็ได้ร่วมกับโยรัม ญาติฝ่ายแม่ในการกระทำในลักษณะที่คล้าย ๆ กัน ครั้งนี้ ผลคือ โยรัมได้รับบาดเจ็บ และขณะที่กำลังพักฟื้นที่ยิสเรเอล (1พกษ.21:1) ทั้งโยรัมและอาหัสยาห์หลานชายก็ถูกเยฮูสังหาร(9:14-28)
คำถามนำอภิปราย
- แม้ว่าชีวิตของคุณอาจจะเคยได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้ามาแล้ว แต่คุณก็อาจเผชิญกับปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นอีกได้ คุณเคยประสบกับเหตุการณ์ในทำนองที่กล่าวมาหรือไม่? แล้วคุณฟันฝ่ามันออกมาได้อย่างไร?
- คุณเคยมีประสบการณ์อะไรกับพระคุณและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของคุณ? (แบ่งปัน)
- เคยมีผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้ามาขอความช่วยเหลืออะไรจากคุณในฐานะที่เป็นผู้เชื่อพระเจ้าบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และคุณช่วยเขาหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยคิดหรือหวังว่าจะได้ข่าวดี แต่กลับได้ยินข่าวร้ายแทนบ้างหรือไม่? เรื่องราวเป็นอย่างไร? แบ่งปัน
- คุณเคยร้องไห้ทุกข์ใจเพราะได้รับรู้หรือได้เห็นโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดอยู่ หรือกำลังจะเกิดขึ้น (ในอนาคตอันใกล้) บ้างหรือไม่? และคุณรับมืออย่างไร?
- คุณเคยเห็นคนที่ดูเหมือน “เล็กน้อย” หรือ “ดูไม่สำคัญ” แต่ภายหลังกลับมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง และสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้าเพียงเพราะว่า พระเจ้าพอพระทัยในคนที่มาก่อนหน้าคุณซึ่งพระเจ้าทรงสัญญากับเขาว่า จะคุ้มครองพวกเขาและผู้ที่สืบต่อจากพวกเขาบ้างหรือไม่? อย่างไร?(หรือกลับกัน)
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์