Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 6)

เอลีชาและการอัศจรรย์

 พระธรรม        2พงศ์กษัตริย์ 6:1-33

อ้างอิง           1พกษ.15:18;18;4:2พกษ.1:9;2:11-12;6:9-12,31;8:7;5:2,13;18:37

บทนำ

ทั้ง ๆ ที่คนของพระเจ้าเป็นตัวแทนของพระเจ้า กระทำการในนามของพระองค์ แต่ก็ยังถูกเล่นงานโดยบุคคลที่สมควรจะยืนอยู่เคียงข้างคนของพระเจ้า และยอมฟังพระบัญชาของพระเจ้า นั่นคือกษัตริย์ของแผ่นดิน เวลานี้ คุณกำลังกระทำอย่างเดียวกันหรือไม่?

บทเรียน

6:1 “พวก​ผู้​เผย​พระวจนะ​กล่าว​กับ​เอลีชา​ว่า “ดูซิ สถานที่​ที่​พวกเรา​อยู่​กับ​ท่าน​นั้น​ก็​เล็ก​เกินไป”

      (Now the sons of the prophets said to Elisha, “See, the place where we dwell under your charge  is too small for us. )

6:2 “ขอ​ให้​พวกเรา​ไป​ที่​แม่น้ำ​จอร์แดน ต่าง​คน​ต่าง​เอา​ไม้​ท่อน​หนึ่ง​มา​สร้าง​เป็น​ที่​อาศัย​ที่นั่น” และ​ท่าน​ตอบ​ว่า “ไป​ เถอะ

      (Let us go to the Jordan and each of us get there a log, and let us make a place for us to dwell  there.” And he answered, “Go.” )

6:3 “แล้ว​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ขอ​ท่าน​โปรด​ไป​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ด้วย” และ​ท่าน​ก็​ตอบ​ว่า “เรา​จะ​ไป”

               (Then one of them said, “Be pleased to go with your servants.” And he answered, “I will go.” )

6:4 “ท่าน​ก็​ไป​กับ​เขา​ทั้งหลาย และ​เมื่อ​เขา​มา​ถึง​แม่น้ำ​จอร์แดน เขา​ก็​ตัด​ต้นไม้”

               (So he went with them. And when they came to the Jordan, they cut down trees. )

6:5 “ขณะ​ที่​คน​หนึ่ง​กำลัง​โค่น​ต้นไม้​อยู่ หัวขวาน​ของ​เขา​ตก​ลง​ไป​ใน​น้ำ และ​เขา​ร้อง​ขึ้น​ว่า “แย่​แล้ว นาย​ข้า ขวาน​นั้น​ ข้า​ขอ​ยืม​เขา​มา

                (But as one was felling a log, his axe head fell into the water, and he cried out, “Alas, my master!    It was borrowed.” )

6:6 “แล้ว​คน​ของ​พระเจ้า​ถาม​ว่า “ขวาน​นั้น​ตก​ที่​ไหน?” เมื่อ​เขา​ชี้​ที่​ให้​ท่าน​แล้ว ท่าน​ก็​ตัด​ไม้​อัน​หนึ่ง​ทิ้ง​ลง​ไป​ที่นั่น ทำ​ให้​ขวาน​เหล็ก​นั้น​ลอย​ขึ้น​มา”

               (Then the man of God said, “Where did it fall?” When he showed him the place, he cut off a stick  and threw it in there and made the iron float. )

6:7 “และ​ท่าน​บอก​ว่า “หยิบ​ขึ้น​มา​ซิ” เขา​ก็​เอื้อม​มือ​ไป​หยิบ​ขึ้น​มาคน​ซีเรีย​พ่าย​แพ้​เอลีชา”

                (And he said, “Take it up.” So he reached out his hand and took it. Horses and Chariots of Fire)

6:8 “พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​รบ​กับ​อิสราเอล พระองค์​ทรง​ปรึกษา​กับ​ข้า​ราชการ​ของ​พระองค์​ว่า “เรา​จะ​ตั้ง​ค่าย​ของ​เรา​ที่นั่น”

               (Once when the king of Syria was warring against Israel, he took counsel with his servants, saying, “At such and such a place shall be my camp.” )

6:9 “แต่​คน​ของ​พระเจ้า​ส่ง​ข่าว​ไป​ยัง​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ว่า ‘ขอ​พระองค์​ทรง​ระวัง อย่า​ผ่าน​มา​ทาง​นั้น เพราะ​คน​ซีเรีย​กำลัง​ยก​ลง​ไป​ที่นั่น

                (But the man of God sent word to the king of Israel, “Beware that you do not pass this place, for  the Syrians are going down there.” )

6:10 “และ​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ทรง​ใช้​ให้​ไป​ยัง​สถานที่​ซึ่ง​คน​ของ​ พระเจ้า​บอก ท่าน​เคย​เตือน​พระองค์​ดังนี้​แหละ   พระองค์​จึง​ทรง​ระวัง​ตัว​ได้​ที่นั่น​ไม่​ใช่​เพียง​ครั้ง​สอง​ครั้ง”

                 (And the king of Israel sent to the place about which the man of God told him. Thus he used to  warn him, so that he saved himself there more than once or twice.)

6:11 “พระทัย ​ของ​พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​ก็​เดือดดาล​เพราะ​เรื่อง​นี้ จึง​ทรง​เรียก​ข้า​ราชการ​มา​ตรัส​ว่า “พวก​ท่าน​จะ​ไม่​บอก​ เรา​หรือ​ว่า คน​ไหน​ใน​พวก​เรา​ที่​อยู่​ฝ่าย​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล?”

                 (And the mind of the king of Syria was greatly troubled because of this thing, and he called his   servants and said to them, “Will you not show me who of us is for the king of Israel?” )

6:12 “ข้าราชการ ​คน​หนึ่ง​ของ​พระองค์​ทูล​ว่า “ข้าแต่​พระราชา เจ้านาย​ของ​ข้า​พระบาท ไม่มี​ใคร พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ แต่​เอลีชา​ ผู้​เผย​พระวจนะ​ซึ่ง​อยู่​ใน​อิสราเอล เขา​ได้​ทูล​ถ้อยคำ ซึ่ง​พระองค์​ตรัส​ใน​ห้อง​บรรทม​ของ​พระองค์​แก่​พระราชา​แห่งอิสราเอล

                (And one of his servants said, “None, my lord, O king; but Elisha, the prophet who is in Israel,   tells the king of Israel the words that you speak in your bedroom.” )

6:13 “พระราชา ​แห่ง​ซีเรีย​จึง​ตรัส​ว่า “จง​ไป​หา​ดู​ว่า​เขา​อยู่​ที่ไหน เพื่อ​เรา​จะ​ใช้​คน​ไป​จับ​เขา​มา” มี​คน​ทูล​พระองค์​ว่า  “ดูสิ เขา​อยู่​ใน​โดธาน

                 (And he said, “Go and see where he is, that I may send and seize him.” It was told him, “Behold,  he is in Dothan.” )

6:14 “พระองค์​จึง​ทรง​ส่ง​ม้า รถรบ และ​กองทัพ​ใหญ่​ไป​ที่​นั่น พวก​เขา​ไป​กัน​ใน​เวลา​กลางคืน และ​ล้อม​เมือง​นั้น​ไว้”

                 (So he sent there horses and chariots and a great army, and they came by night and  surrounded the city.)

6:15 “เมื่อ​ผู้​รับใช้​ของ​คน​ของ​พระเจ้า​ตื่น​ขึ้น​เวลา​เช้าตรู่ และ​ออก​ไป นี่แน่ะ กองทัพ​พร้อม​กับ​ม้า​และ​รถรบ​ก็​ล้อม​เมือง​ไว้ และ​คนใช้​นั้น​บอก​ท่าน​ว่า “แย่​แล้ว นาย​ข้า เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี?”

       (When the servant of the man of God rose early in the morning and went out, behold, an army  with horses and chariots was all around the city. And the servant said, “Alas, my master! What

                 shall we do?” )

6:16 “ท่าน​ตอบ​ว่า “อย่า​กลัว​เลย เพราะ​ฝ่าย​เรา​มี​มาก​กว่า​ฝ่าย​เขา”

                (He said, “Do not be afraid, for those who are with us are more than those who are with them.”)

6:17 “แล้ว​เอลีชา​ก็​อธิษฐาน​ว่า “ข้าแต่​พระยาห์เวห์ ขอ​ทรง​เปิด​ตา​ของ​เขา​เพื่อ​เขา​จะ​ได้​เห็น” และ​พระยาห์เวห์​ทรง​เปิด​ตา​ของ​ชายหนุ่ม​คน​นั้น และ​เขา​ก็​มอง​และ​เห็น​ภูเขา​เต็ม​ไป​ด้วย​ม้า และ​รถรบ​เพลิง​รอบ​เอลีชา”

      (Then Elisha prayed and said, “O Lord, please open his eyes that he may see.” So the Lord  opened the eyes of the young man, and he saw, and behold, the mountain was full of horses   and chariots of fire all around Elisha. )

6:18 “และ​เมื่อ​คน​ซีเรีย​ลง​มา​รบ​กับ​ท่าน เอลีชา​ก็​อธิษฐาน​ต่อ​พระยาห์เวห์​ว่า “ขอ​ทรง​ให้​คน​เหล่านี้​ตาบอด” พระองค์​จึง​ทรง​ให้​เขา​ทั้งหลาย​ตาบอด​ไป​ตาม​คำ​อธิษฐาน​ของ​ เอลีชา”

       (And when the Syrians came down against him, Elisha prayed to the Lord and said, “Please  strike this people with blindness.” So he struck them with blindness in accordance with the prayer of Elisha.)

6:19 “และ​เอลีชา​บอก​คน​เหล่านั้น​ว่า “ไม่​ใช่​ทาง​นี้ และ​ไม่​ใช่​เมือง​นี้ จง​ตาม​ข้า​มา และ​ข้า​จะ​พา​ไป​ยัง​คน​นั้น​ซึ่ง​พวกท่าน​แสวง​หา” และ​ท่าน​ก็​พา​เขา​ไป​กรุง​สะมาเรีย”

     (And Elisha said to them, “This is not the way, and this is not the city. Follow me, and I will bring  you to the man whom you seek.” And he led them to Samaria.)

6:20 “ต่อ​มา​พอ​เข้า​ไป​ใน​กรุง​สะมาเรีย เอลีชา​ก็​ทูล​ว่า “ข้าแต่​พระยาห์เวห์ ขอ​ทรง​เปิด​ตา​ของ​คน​เหล่านี้​เพื่อ​เขา​จะ​ เห็น​ได้” พระยาห์เวห์​จึง​ทรง​เปิด​ตา​ของ​พวก​เขา​และ​เขา​ก็​เห็น และ​นี่แน่ะ เขา​มา​อยู่​กลาง​กรุง​สะมาเรีย”

     (As soon as they entered Samaria, Elisha said, “O Lord, open the eyes of these men, that they  may see.” So the Lord opened their eyes and they saw, and behold, they were in the midst of                Samaria. )

6:21 “และ​เมื่อ​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​เห็น​พวกเขา จึง​ตรัส​แก่​เอลีชา​ว่า “บิดา​ของ​เรา จะ​ให้​เรา​ฆ่า​เขา​เสีย​หรือ? จะ​ให้เรา​ฆ่า​เขา​เสีย​หรือ?”

     (As soon as the king of Israel saw them, he said to Elisha, “My father, shall I strike them down?   Shall I strike them down?” )

6:22 “ท่าน​ทูล​ตอบ​ว่า “ขอ​ฝ่า​พระบาท​อย่า​ทรง​ประหาร​เขา​เสีย ฝ่า​พระบาท​ไม่ได้​จับ​คน​พวก​นี้​มา​ด้วย​ดาบ และ​ธนู แล้ว​ฝ่า​พระบาท​จะ​ประหาร​พวกเขา​หรือ? ขอ​ทรง​จัด​อาหาร​และ​น้ำ​ให้​เขา​รับประทาน​และ​ดื่ม แล้ว​ปล่อย​ให้​เขา​ไป​หา​เจ้านาย​ของ​เขา​เถิด

     (He answered, “You shall not strike them down. Would you strike down those whom you have taken captive with your sword and with your bow? Set bread and water before them, that they        may eat and drink and go to their master.” )

6:23 “พระองค์ ​จึง​ทรง​จัด​การ​เลี้ยง​ใหญ่​ให้​เขา และ​เมื่อ​เขา​ได้​กิน​และ​ดื่ม​แล้ว​ก็​ทรง​ปล่อย​เขา​ไป และ​เขา​ทั้งหลาย​ได้​กลับ​ไป​หา​เจ้านาย​ของ​ตน และ​พวก​ซีเรีย​ไม่ได้​มา​ปล้น​ใน​แผ่นดิน​อิสราเอล​อีก​เลยเบนฮาดัด​ล้อม​กรุง​สะมาเรีย”

   So he prepared for them a great feast, and when they had eaten and drunk, he sent them away,   and they went to their master. And the Syrians did not come again on raids into the land of       Israel. Ben-hadad’s Siege of Samaria)

6:24 “ต่อ​มา​ภายหลัง เบนฮาดัด​พระราชา​แห่ง​ซีเรีย​ทรง​จัด​กองทัพ​ทั้งสิ้น​ของ​พระองค์ แล้ว​ได้​เสด็จ​ขึ้น​ไป​ล้อม​กรุง​สะมาเรีย”

                 (Afterward Ben-hadad king of Syria mustered his entire army and went up and besieged  Samaria. )

6:25 “มี​การ​กันดาร​อาหาร​อย่าง​หนัก​ใน​สะมาเรีย ขณะ​เมื่อ​เขา​ล้อม​อยู่​จน​หัว​ลา​ตัว​หนึ่ง​เขา​ขาย​กัน เป็น​เงิน 80  เชเขล และ​แห้ว​ครึ่ง​ลิตร​เป็น​เงิน 5 เชเขล”

     (And there was a great famine in Samaria, as they besieged it, until a donkey’s head was sold  for eighty shekels of silver, and the fourth part of a kab of dove’s dung for five shekels of silver. )

6:26 “ขณะ​ที่​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล​ทรง​ผ่าน​ไป​บน​กำแพง มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ร้องทูล​พระองค์​ว่า “ข้าแต่​พระราชา เจ้านาย​ของ​ข้า​พระบาท ขอ​ทรง​ช่วย​เถิด

      (Now as the king of Israel was passing by on the wall, a woman cried out to him, saying, “Help,  my lord, O king!” )

6:27 “พระองค์​ตรัส​ว่า “ถ้า​พระยาห์เวห์​ไม่​ทรง​ช่วย​เจ้า เรา​จะ​เอา​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​ที่ไหน​มา​ให้​เจ้า? จาก​ลาน​นวดข้าว​หรือ​จาก​บ่อ​ย่ำ​องุ่น​หรือ?”

       (And he said, “If the Lord will not help you, how shall I help you? From the threshing floor, or  from the winepress?” )

6:28 “แต่​พระราชา​ตรัส​ถาม​นาง​ว่า “เจ้า​มี​เรื่อง​อะไร?” นาง​ทูล​ตอบ​ว่า “หญิง​คน​นี้​บอก​ข้า​พระบาท​ว่า ‘เอา​ลูก​ของ​เจ้า​มา​ให้​พวก​เรา​กิน​วันนี้​เถิด และ​พวก​เรา​จะ​กิน​ลูก​ของ​ฉัน​วัน​พรุ่งนี้’”

      (And the king asked her, “What is your trouble?” She answered, “This woman said to me, ‘Give  your son, that we may eat him today, and we will eat my son tomorrow.’ )

6:29 “เรา​จึง​ต้ม​ลูก​ของ​ข้า​พระบาท​และ​กิน และ​รุ่งขึ้น​ข้า​พระบาท​ก็​พูด​กับ​นาง​ว่า ‘เอา​ลูก​ของ​เจ้า​มา เพื่อ​พวก​เรา​จะ​กิน​กัน และ​นาง​ก็​ซ่อน​ลูก​ของ​นาง​เสีย

       (So we boiled my son and ate him. And on the next day I said to her, ‘Give your son, that we   may eat him.’ But she has hidden her son.” )

6:30 “และ​เมื่อ​พระราชา​ทรง​ได้ยิน​ถ้อยคำ​ของ​หญิง​นั้น พระองค์​ก็​ฉีก​ฉลอง​พระองค์ (พระองค์​กำลัง​ทรงดำเนิน​อยู่​บน​กำแพง) ประชาชน​ก็​มอง​และ​เห็น​พระองค์​ทรง​ฉลอง​พระองค์​ผ้ากระสอบ​อยู่​แนบ​เนื้อ”

      (When the king heard the words of the woman, he tore his clothes—now he was passing by on  the wall—and the people looked, and behold, he had sackcloth beneath on his body— )

6:31 “และ​พระองค์​ตรัส​ว่า “ถ้า​ศีรษะ​ของ​เอลีชา​บุตร​ชาฟัท​ยัง​อยู่​บน​บ่า​ของ​เขา​ใน​วันนี้ ก็​ขอ​พระเจ้า​ทรง​ลงโทษ​เรา​และ​ยิ่ง​หนัก​กว่า

                 (and he said, “May God do so to me and more also, if the head of Elisha the son of Shaphat  remains on his shoulders today.”)

6:32 “แต่​เอลีชา​นั่ง​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ท่าน และ​พวก​ผู้ใหญ่​ก็​นั่ง​อยู่​ด้วย พระราชา​ทรง​ใช้​คน​จาก​ราชสำนัก แต่ก่อน​ที่​ผู้​สื่อ สาร​จะ​มา​ถึง เอลีชา​ก็​พูด​กับ​พวก​ผู้ใหญ่​ว่า “ท่าน​ทั้งหลาย​เห็น​หรือ​ไม่​ว่า ฆาตกร​คน​นี้​ใช้​คน​มา​เอา​ศีรษะ​ของ​เรา ดูสิ เมื่อ​ผู้​สื่อสาร​มา จง​ปิด​ประตู และ​ยึด​ประตู​ให้​แน่น กัน​เขา​ไว้ เสียง​เท้า​ของ​นาย​ของ​เขา​ตาม​เขา​มา​ไม่ใช่​หรือ?”

  (Elisha was sitting in his house, and the elders were sitting with him. Now the king had dispatched a man from his presence, but before the messenger arrived Elisha said to the elders,  “Do you see how this murderer has sent to take off my head? Look, when the messenger comes,   shut the door and hold the door fast against him. Is not the sound of his master’s feet behind  him?” )

6:33 “ขณะ​ที่​ท่าน​ยัง​พูด​กับ​เขา​ทั้งหลาย​อยู่ ดูสิ พระราชา​เสด็จ​ลง​มา​หา​ท่าน​และ​ตรัส​ว่า “เหตุร้าย​นี้​มา​จาก​พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้า​จะ​รอคอย​พระยาห์เวห์​อีก​ทำไม?”

     (And while he was still speaking with them, the messenger came down to him and said, “This  trouble is from the Lord! Why should I wait for the Lord any longer?”)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

6:1       “พวกผู้เผยพระวจนะ” ( the prophets    ) -2:3;1ซมอ.10:5

6:2       “มาสร้างเป็นที่อาศัย” (make a place) = คำภาษาฮีบรูวลีนี้สามารถแปลได้ว่า “สถานที่ให้เรานั่ง”อาจหมายถึงห้องประชุมในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

-นักวิชาการบางคนคิดว่า ผู้เผยพระวจนะอาศัยอยู่รวมกันในบ้านหลังเดียว แต่ใน 4:1-7 สื่อเป็นนัย ๆ ว่า สมาชิกกลุ่มของผู้เผยพระวจนะ อาศัยอยู่แยกกัน (1ซมอ.19:18)

6:5       “ขวานนั้นข้ายืมเขามา” (It was borrowed) = เวลานั้นหัวขวานเหล็กเป็นเครื่องมือที่มีราคาแพงเกินกว่าที่สมาชิกในกลุ่มผู้เผยพระวจนะจะซื้อมาเอง ถ้าทำหายไปผู้ที่ยืมมาจะต้องทำงานชดใช้มูลค่าขวานนั้น ถ้าไม่มีจ่ายอาจต้องทำงานหนักเพื่อชดใช้หนี้ในฐานะทาส

6:6       “ท่านก็ตัดไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปที่นั่น ทำให้ขวานเหล็กนั้นลอยขึ้นมา” (he cut off a stick and threw it in there and made the iron float.)= แสดงถึงความห่วงใยในสวัสดิภาพของบรรดาคนที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า

6:8       “พระราชาแห่งซีเรีย” (   king of Syria     ) = น่าจะเป็น “เบนฮาดัดที่ 2” (5:1)

          “รบกับอิสราเอล” (warring against Israel,) = การรบตามแนวชายแดนมากกว่าจะเป็นการสงครามเต็มรูปแบบ (ข.23;5:2) –ตัวบ่งชี้ว่า อิสราเอลอ่อนแอในขณะที่ซีเรีย(หรืออารัม) เข้มแข็งกว่า ดูได้จากการที่ซีเรียสามารถส่งกองทหารไปยังโดธาน (ห่างจากสะมาเรียไปทางเหนือประมาณ 18 กิโลเมตรเท่านั้น) โดยไม่ลำบาก (ข.13-14)

6:9       “คนของพระเจ้า” (man of God  )  = เอลีชา (ข.)

“พระราชาแห่งอิสราเอล” (king of Israel) = โยรัม (1:17;3:1;9:24)

6:11     “พวกท่านจะไม่บอกเราหรือว่าคนไหนในพวกเราที่อยู่ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอล?” (     Will you not how me who of us is for the king of Israel?) = พระราชาแห่งซีเรียถามหาว่าใครเป็นสายให้แก่พวกอิสราเอล เพราะมีหลักฐานให้ประจักษ์หลายครั้งว่า อิสราเอลรู้แผนการทางทหารของซีเรียเบนฮาดัด 2  จึงระแวงสงสัยว่า จะมีคนทรยศอยู่ในหมู่ข้าราชการระดับสูงของตนเอง

6:13     “เพื่อเราจะใช้คนไปจับเขามา” (seize him) = เบนฮาดัด คิดจะกำจัดเอลีชาเพื่อไม่ให้สื่อสารกับกษัตริย์อิสราเอล โดยการรับตัวท่านไป

“โดธาน” (Dothan) = อยู่บนเนินเขาเกือบกึ่งกลางระหว่างอิสราเอลและสะมาเรีย (1:2;3:1;8:29; 9:15;10:1;1พกษ.21:1)

6:16     “อย่ากลัวเลย เพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา” (Do not be afraid, for those who are with us are more than those who are with them.) = เอลีชารู้ว่า เหล่าทูตสวรรค์ที่มองไม่เห็นนั้นมีจำนวนและกำลังเข้มแข็งมากกว่าที่กองทัพซีเรียจะเปรียบได้ (2พศด.32:7-8;สดด.34:7;1ยน.4:4)

6:17     “และเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงรอบเอลีชา” (he saw, and behold, the mountain was full of horses and chariots of fire all around Elisha) = คำอธิษฐานของเอลีชาทำให้คนรับใช้หนุ่มได้เห็นกองกำลังหรือกองทัพทูตสวรรค์ที่ชุมนุมรอบเอลีชา (ปฐก.32:1-2;สดด.34:7;91:11-12;มธ.18:10;26:53; 2พกษ.2:11)

6:18     “ขอทรงให้คนเหล่านั้นตาบอด”(Please strike this people with blindness)= เอลีชาขอให้ทหารซีเรีย  ตาบอดและมองอะไรไม่เห็น (ปฐก.19:11)

6:19     “ไม่ใช่ทางนี้ และไม่ใช่เมืองนี้ จงตามข้ามา” (This is not the way, and this is not the city. Follow me) = พวกทหารซีเรียเชื่อว่า พวกเขาจะถูกพาไปยังเมืองที่พบเอลีชาได้ และเอลีชาไม่ได้โกหก เพราะท่านพาพวกเขาไปสะมาเรีย เมืองหลวงที่เป็นป้อมปราการของอาณาจักรเหนือ (อพย.1:19-20;ยชว.2:6;1ซมอ.16:1-2)

6:20     “เขาอยู่กลางกรุงสะมาเรีย” (they were in the midst of Samaria  )= ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่กระทำกิจเพื่อเอลีชาทำให้กองทหารซีเรียที่ต้องการมาจับกุมเอลีชากลับถูกจับเสียเอง

6:22     “ขอฝ่าพระบาทอย่าประหารเขาเสีย” (You shall not strike them down) = ทหารเหล่านี้ถูกจับกุมด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า ไม่ใช่เพราะความเก่งของโยรัม แต่พระเจ้าสำแดงให้ทั้งโยรัมและทหาร รวมทั้งประชาชนตระหนักว่า ความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอลนั้นแท้จริงขึ้นอยู่กับพระเจ้า ไม่ใช่อยู่ที่อำนาจหรือกลยุทธทางทหาร

6:23     “พวกซีเรียไม่ได้มาปล้นในแผ่นดินอิสราเอลอีกเลย” (Syrians did not come again)  ข.8;5:2    ทำให้อย่างน้อยชาวซีเรียได้ตระเหนักว่า ไร้ประโยชน์ที่จะต่อกรกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไปชั่วระยะหนึ่ง

6:24    “เบนฮาดัด” (Ben-hadad) = เคยมาล้อมเมืองสะมาเรียครั้งก่อน (13:3;1พกษ.20:1) เหตุการณ์โจมตีน่าจะเกิดขึ้นในราว 850 ก.ค.ศ.

6:25     “หัวลาตัวหนึ่ง” (donkey’s head ) = ตามบทบัญญัติ ลาเป็นสัตว์มลทิน และห้ามรับประทาน (ลนต.11:2-7;ฉธบ.14:4-8)

แต่การกันดารอาหารที่รุนแรงทำให้ชาวเมืองสะมาเรียไม่เพียงยกเลิกกฎบัญญัติข้อนี้ แต่ยังยอมจ่ายราคาแพงสำหรับสิ่งที่กินแทบไม่ได้นี้ “เงิน 80 เชเขล” (eighty shekels of silver) –ใน 5:5 ก็เคยกล่าวถึงเงินหนัก 10 ตะลันต์หรือ 340 กิโลกรัม และทองคำ 6000 เชเขล หรือราว 70 กิโลกรัม

เงิน 1 เชเขล = หนักราว ๆ 11.5 กรัม (7:1,16,18) (หรือค่าแรง 4 วัน)

6:27     “ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือมาจากที่ไหนมาให้เจ้า?” (If the Lord will not help you, how shall I help you?) = โยรัมเข้าใจถูกต้องว่า ตัวของเขาไม่สามารถช่วยเหลือหญิงคนนี้ หากพระเจ้าไม่ช่วยเหลืออิสราเอล แต่เขาสื่อในทำนองว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่เกิดจากการไม่เชื่อฟังพระเจ้าและการกราบไหว้รูปเคารพของพวกอิสราเอลเอง

6:28     “และพวกเราจะกินลูกของฉันวันพรุ่งนี้” (Give your son, that we may eat him today) = ความบาปของกษัตริย์และประชาชนมีมากจนพวกเขาต้องเผชิญกับคำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน  ลนต.26:29; ฉธบ.28:53,57(พคค.4:10)

6:30     “พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์” ( he tore his clothes) = น่าจะเป็นเพราะโกรธเอลีชา และพระเจ้า (ข.31) มากกว่ากลับใจใหม่และเสียใจต่อบาปที่ก่อให้เกิดคำสาปตามพันธสัญญา

“ฉลองพระองค์ผ้ากระสอบ” (sackcloth beneath on his body) = ผ้าเนื้อหยาบที่มักสวมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการไว้ทุกข์(ปฐก.37:34;วว.11:3)

6:31     “ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า” (May God do so to me and more also) = ขอให้พระเจ้าจัดการกับเราอย่างหนักที่สุด = สำนวนในการสาปแช่ง (1ซมอ.3:17)

“ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้” (if the head of Elisha the son of Shaphat remains on his shoulders today.) =โยรัมโทษว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นผลมากจากเอลีชา เปรียบได้กับท่าทีของอาหับที่มีต่อเอลียาห์ (1พกษ.18:10,16-17;21:20)

6:32     “พวกผู้ใหญ่”( elders) = ผู้อาวุโสหรือผู้นำของเมือง (อพย.3:16;2ซมอ.3:17)

= พวกเขาอยู่ฝ่ายเอลีชามากกว่าอยู่ฝ่ายกษัตริย์โยรัม

6:33     “เหตุร้ายนี้มาจากพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์อีกทำไม?” (This trouble is from the Lord! Why should I wait for the Lord any longer?) = โยรัมรู้สึกไม่พอใจเอลีชา และรู้สึกว่าพระเจ้าทอดทิ้ง และโทษว่า พระเจ้าเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติในเมือง

คำถามนำอภิปราย

  1.  คุณเคยประสบปัญหากับความคับแคบของสถานที่ ๆ ที่คุณอยู่อาศัยหรือใช้เป็นที่ประชุมบ้างหรือไม่? แล้วคุณแก้ปัญหาอย่างไร?
  2. คุณเคยมีปัญหากับการสูญเสียสิ่งของหรืออุปกรณ์บางอย่าง(ที่ไม่ใช่ของคุณ) ที่คุณเองรับผิดชอบไม่ไหวบ้างหรือไม่?  เรื่องอะไร? แล้วคุณแก้ปัญหาอย่างไร? หรือพระเจ้าช่วยเหลือคุณอย่างไร?
  3. คุณเคยได้รับคำเตือนจากพระเจ้าผ่านคนของพระเจ้าบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณเชื่อฟังหรือไม่? ทำไม?แล้วเกิดอะไรขึ้นตามมา?
  4. คุณเคยปอคิดแผนการที่ไม่ดีที่จะกระทำ แต่ดูเหมือนว่า แผนเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จจนคุณระแวงว่ามีคนบางคนในพวกคุณเป็นสายให้กับคนที่คุณต้องการเล่นงานบ้างหรือไม่?  แบ่งปัน
  5. คุณเคยคิดปองร้ายต่อผู้รับใช้พระเจ้า(หรือคนของพระเจ้า) และลงมือเล่นงานเขาบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  6. พระเจ้าเคยเปิดตาของคุณให้เห็นกองกำลังหรือสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้บ้างหรือมไ?  อย่างไร?
  7. คุณเคยชนะความชั่วด้วยความดีมีน้ำใจต่อคนที่คิดร้ายต่อคุณบ้างหรือไม่?  เรื่องอะไร?  และอย่างไร?
  8. คุณเคยประสบสภาวะยากลำบากจนคิดหรือกระทำการใดที่ไร้มนุษยธรรม โดยไม่ละอายเพื่อเอาตัวรอด แล้วยังต่อว่าพระเจ้าหรือไม่? อย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.