เอลีชาและการอัศจรรย์
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 6:1-33
อ้างอิง 1พกษ.15:18;18;4:2พกษ.1:9;2:11-12;6:9-12,31;8:7;5:2,13;18:37
บทนำ
ทั้ง ๆ ที่คนของพระเจ้าเป็นตัวแทนของพระเจ้า กระทำการในนามของพระองค์ แต่ก็ยังถูกเล่นงานโดยบุคคลที่สมควรจะยืนอยู่เคียงข้างคนของพระเจ้า และยอมฟังพระบัญชาของพระเจ้า นั่นคือกษัตริย์ของแผ่นดิน เวลานี้ คุณกำลังกระทำอย่างเดียวกันหรือไม่?
บทเรียน
6:1 “พวกผู้เผยพระวจนะกล่าวกับเอลีชาว่า “ดูซิ สถานที่ที่พวกเราอยู่กับท่านนั้นก็เล็กเกินไป”
(Now the sons of the prophets said to Elisha, “See, the place where we dwell under your charge is too small for us. )
6:2 “ขอให้พวกเราไปที่แม่น้ำจอร์แดน ต่างคนต่างเอาไม้ท่อนหนึ่งมาสร้างเป็นที่อาศัยที่นั่น” และท่านตอบว่า “ไป เถอะ”
(Let us go to the Jordan and each of us get there a log, and let us make a place for us to dwell there.” And he answered, “Go.” )
6:3 “แล้วคนหนึ่งกล่าวว่า “ขอท่านโปรดไปกับผู้รับใช้ของท่านด้วย” และท่านก็ตอบว่า “เราจะไป”
(Then one of them said, “Be pleased to go with your servants.” And he answered, “I will go.” )
6:4 “ท่านก็ไปกับเขาทั้งหลาย และเมื่อเขามาถึงแม่น้ำจอร์แดน เขาก็ตัดต้นไม้”
(So he went with them. And when they came to the Jordan, they cut down trees. )
6:5 “ขณะที่คนหนึ่งกำลังโค่นต้นไม้อยู่ หัวขวานของเขาตกลงไปในน้ำ และเขาร้องขึ้นว่า “แย่แล้ว นายข้า ขวานนั้น ข้าขอยืมเขามา”
(But as one was felling a log, his axe head fell into the water, and he cried out, “Alas, my master! It was borrowed.” )
6:6 “แล้วคนของพระเจ้าถามว่า “ขวานนั้นตกที่ไหน?” เมื่อเขาชี้ที่ให้ท่านแล้ว ท่านก็ตัดไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปที่นั่น ทำให้ขวานเหล็กนั้นลอยขึ้นมา”
(Then the man of God said, “Where did it fall?” When he showed him the place, he cut off a stick and threw it in there and made the iron float. )
6:7 “และท่านบอกว่า “หยิบขึ้นมาซิ” เขาก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาคนซีเรียพ่ายแพ้เอลีชา”
(And he said, “Take it up.” So he reached out his hand and took it. Horses and Chariots of Fire)
6:8 “พระราชาแห่งซีเรียรบกับอิสราเอล พระองค์ทรงปรึกษากับข้าราชการของพระองค์ว่า “เราจะตั้งค่ายของเราที่นั่น”
(Once when the king of Syria was warring against Israel, he took counsel with his servants, saying, “At such and such a place shall be my camp.” )
6:9 “แต่คนของพระเจ้าส่งข่าวไปยังพระราชาแห่งอิสราเอลว่า ‘ขอพระองค์ทรงระวัง อย่าผ่านมาทางนั้น เพราะคนซีเรียกำลังยกลงไปที่นั่น’ ”
(But the man of God sent word to the king of Israel, “Beware that you do not pass this place, for the Syrians are going down there.” )
6:10 “และพระราชาแห่งอิสราเอลทรงใช้ให้ไปยังสถานที่ซึ่งคนของ พระเจ้าบอก ท่านเคยเตือนพระองค์ดังนี้แหละ พระองค์จึงทรงระวังตัวได้ที่นั่นไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง”
(And the king of Israel sent to the place about which the man of God told him. Thus he used to warn him, so that he saved himself there more than once or twice.)
6:11 “พระทัย ของพระราชาแห่งซีเรียก็เดือดดาลเพราะเรื่องนี้ จึงทรงเรียกข้าราชการมาตรัสว่า “พวกท่านจะไม่บอก เราหรือว่า คนไหนในพวกเราที่อยู่ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอล?”
(And the mind of the king of Syria was greatly troubled because of this thing, and he called his servants and said to them, “Will you not show me who of us is for the king of Israel?” )
6:12 “ข้าราชการ คนหนึ่งของพระองค์ทูลว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท ไม่มีใคร พ่ะย่ะค่ะ แต่เอลีชา ผู้เผยพระวจนะซึ่งอยู่ในอิสราเอล เขาได้ทูลถ้อยคำ ซึ่งพระองค์ตรัสในห้องบรรทมของพระองค์แก่พระราชาแห่งอิสราเอล”
(And one of his servants said, “None, my lord, O king; but Elisha, the prophet who is in Israel, tells the king of Israel the words that you speak in your bedroom.” )
6:13 “พระราชา แห่งซีเรียจึงตรัสว่า “จงไปหาดูว่าเขาอยู่ที่ไหน เพื่อเราจะใช้คนไปจับเขามา” มีคนทูลพระองค์ว่า “ดูสิ เขาอยู่ในโดธาน”
(And he said, “Go and see where he is, that I may send and seize him.” It was told him, “Behold, he is in Dothan.” )
6:14 “พระองค์จึงทรงส่งม้า รถรบ และกองทัพใหญ่ไปที่นั่น พวกเขาไปกันในเวลากลางคืน และล้อมเมืองนั้นไว้”
(So he sent there horses and chariots and a great army, and they came by night and surrounded the city.)
6:15 “เมื่อผู้รับใช้ของคนของพระเจ้าตื่นขึ้นเวลาเช้าตรู่ และออกไป นี่แน่ะ กองทัพพร้อมกับม้าและรถรบก็ล้อมเมืองไว้ และคนใช้นั้นบอกท่านว่า “แย่แล้ว นายข้า เราจะทำอย่างไรดี?”
(When the servant of the man of God rose early in the morning and went out, behold, an army with horses and chariots was all around the city. And the servant said, “Alas, my master! What
shall we do?” )
6:16 “ท่านตอบว่า “อย่ากลัวเลย เพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา”
(He said, “Do not be afraid, for those who are with us are more than those who are with them.”)
6:17 “แล้วเอลีชาก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเปิดตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น” และพระยาห์เวห์ทรงเปิดตาของชายหนุ่มคนนั้น และเขาก็มองและเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงรอบเอลีชา”
(Then Elisha prayed and said, “O Lord, please open his eyes that he may see.” So the Lord opened the eyes of the young man, and he saw, and behold, the mountain was full of horses and chariots of fire all around Elisha. )
6:18 “และเมื่อคนซีเรียลงมารบกับท่าน เอลีชาก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “ขอทรงให้คนเหล่านี้ตาบอด” พระองค์จึงทรงให้เขาทั้งหลายตาบอดไปตามคำอธิษฐานของ เอลีชา”
(And when the Syrians came down against him, Elisha prayed to the Lord and said, “Please strike this people with blindness.” So he struck them with blindness in accordance with the prayer of Elisha.)
6:19 “และเอลีชาบอกคนเหล่านั้นว่า “ไม่ใช่ทางนี้ และไม่ใช่เมืองนี้ จงตามข้ามา และข้าจะพาไปยังคนนั้นซึ่งพวกท่านแสวงหา” และท่านก็พาเขาไปกรุงสะมาเรีย”
(And Elisha said to them, “This is not the way, and this is not the city. Follow me, and I will bring you to the man whom you seek.” And he led them to Samaria.)
6:20 “ต่อมาพอเข้าไปในกรุงสะมาเรีย เอลีชาก็ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเปิดตาของคนเหล่านี้เพื่อเขาจะ เห็นได้” พระยาห์เวห์จึงทรงเปิดตาของพวกเขาและเขาก็เห็น และนี่แน่ะ เขามาอยู่กลางกรุงสะมาเรีย”
(As soon as they entered Samaria, Elisha said, “O Lord, open the eyes of these men, that they may see.” So the Lord opened their eyes and they saw, and behold, they were in the midst of Samaria. )
6:21 “และเมื่อพระราชาแห่งอิสราเอลเห็นพวกเขา จึงตรัสแก่เอลีชาว่า “บิดาของเรา จะให้เราฆ่าเขาเสียหรือ? จะให้เราฆ่าเขาเสียหรือ?”
(As soon as the king of Israel saw them, he said to Elisha, “My father, shall I strike them down? Shall I strike them down?” )
6:22 “ท่านทูลตอบว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าทรงประหารเขาเสีย ฝ่าพระบาทไม่ได้จับคนพวกนี้มาด้วยดาบ และธนู แล้วฝ่าพระบาทจะประหารพวกเขาหรือ? ขอทรงจัดอาหารและน้ำให้เขารับประทานและดื่ม แล้วปล่อยให้เขาไปหาเจ้านายของเขาเถิด”
(He answered, “You shall not strike them down. Would you strike down those whom you have taken captive with your sword and with your bow? Set bread and water before them, that they may eat and drink and go to their master.” )
6:23 “พระองค์ จึงทรงจัดการเลี้ยงใหญ่ให้เขา และเมื่อเขาได้กินและดื่มแล้วก็ทรงปล่อยเขาไป และเขาทั้งหลายได้กลับไปหาเจ้านายของตน และพวกซีเรียไม่ได้มาปล้นในแผ่นดินอิสราเอลอีกเลยเบนฮาดัดล้อมกรุงสะมาเรีย”
So he prepared for them a great feast, and when they had eaten and drunk, he sent them away, and they went to their master. And the Syrians did not come again on raids into the land of Israel. Ben-hadad’s Siege of Samaria)
6:24 “ต่อมาภายหลัง เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรียทรงจัดกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ แล้วได้เสด็จขึ้นไปล้อมกรุงสะมาเรีย”
(Afterward Ben-hadad king of Syria mustered his entire army and went up and besieged Samaria. )
6:25 “มีการกันดารอาหารอย่างหนักในสะมาเรีย ขณะเมื่อเขาล้อมอยู่จนหัวลาตัวหนึ่งเขาขายกัน เป็นเงิน 80 เชเขล และแห้วครึ่งลิตรเป็นเงิน 5 เชเขล”
(And there was a great famine in Samaria, as they besieged it, until a donkey’s head was sold for eighty shekels of silver, and the fourth part of a kab of dove’s dung for five shekels of silver. )
6:26 “ขณะที่พระราชาแห่งอิสราเอลทรงผ่านไปบนกำแพง มีผู้หญิงคนหนึ่งร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้า นายของข้าพระบาท ขอทรงช่วยเถิด”
(Now as the king of Israel was passing by on the wall, a woman cried out to him, saying, “Help, my lord, O king!” )
6:27 “พระองค์ตรัสว่า “ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือจากที่ไหนมาให้เจ้า? จากลานนวดข้าวหรือจากบ่อย่ำองุ่นหรือ?”
(And he said, “If the Lord will not help you, how shall I help you? From the threshing floor, or from the winepress?” )
6:28 “แต่พระราชาตรัสถามนางว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?” นางทูลตอบว่า “หญิงคนนี้บอกข้าพระบาทว่า ‘เอาลูกของเจ้ามาให้พวกเรากินวันนี้เถิด และพวกเราจะกินลูกของฉันวันพรุ่งนี้’”
(And the king asked her, “What is your trouble?” She answered, “This woman said to me, ‘Give your son, that we may eat him today, and we will eat my son tomorrow.’ )
6:29 “เราจึงต้มลูกของข้าพระบาทและกิน และรุ่งขึ้นข้าพระบาทก็พูดกับนางว่า ‘เอาลูกของเจ้ามา เพื่อพวกเราจะกินกัน และนางก็ซ่อนลูกของนางเสีย’ ”
(So we boiled my son and ate him. And on the next day I said to her, ‘Give your son, that we may eat him.’ But she has hidden her son.” )
6:30 “และเมื่อพระราชาทรงได้ยินถ้อยคำของหญิงนั้น พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์ (พระองค์กำลังทรงดำเนินอยู่บนกำแพง) ประชาชนก็มองและเห็นพระองค์ทรงฉลองพระองค์ผ้ากระสอบอยู่แนบเนื้อ”
(When the king heard the words of the woman, he tore his clothes—now he was passing by on the wall—and the people looked, and behold, he had sackcloth beneath on his body— )
6:31 “และพระองค์ตรัสว่า “ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้ ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า”
(and he said, “May God do so to me and more also, if the head of Elisha the son of Shaphat remains on his shoulders today.”)
6:32 “แต่เอลีชานั่งอยู่ในบ้านของท่าน และพวกผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่ด้วย พระราชาทรงใช้คนจากราชสำนัก แต่ก่อนที่ผู้สื่อ สารจะมาถึง เอลีชาก็พูดกับพวกผู้ใหญ่ว่า “ท่านทั้งหลายเห็นหรือไม่ว่า ฆาตกรคนนี้ใช้คนมาเอาศีรษะของเรา ดูสิ เมื่อผู้สื่อสารมา จงปิดประตู และยึดประตูให้แน่น กันเขาไว้ เสียงเท้าของนายของเขาตามเขามาไม่ใช่หรือ?”
(Elisha was sitting in his house, and the elders were sitting with him. Now the king had dispatched a man from his presence, but before the messenger arrived Elisha said to the elders, “Do you see how this murderer has sent to take off my head? Look, when the messenger comes, shut the door and hold the door fast against him. Is not the sound of his master’s feet behind him?” )
6:33 “ขณะที่ท่านยังพูดกับเขาทั้งหลายอยู่ ดูสิ พระราชาเสด็จลงมาหาท่านและตรัสว่า “เหตุร้ายนี้มาจากพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์อีกทำไม?”
(And while he was still speaking with them, the messenger came down to him and said, “This trouble is from the Lord! Why should I wait for the Lord any longer?”)
ข้อมูลมีประโยชน์
6:1 “พวกผู้เผยพระวจนะ” ( the prophets ) -2:3;1ซมอ.10:5
6:2 “มาสร้างเป็นที่อาศัย” (make a place) = คำภาษาฮีบรูวลีนี้สามารถแปลได้ว่า “สถานที่ให้เรานั่ง”อาจหมายถึงห้องประชุมในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
-นักวิชาการบางคนคิดว่า ผู้เผยพระวจนะอาศัยอยู่รวมกันในบ้านหลังเดียว แต่ใน 4:1-7 สื่อเป็นนัย ๆ ว่า สมาชิกกลุ่มของผู้เผยพระวจนะ อาศัยอยู่แยกกัน (1ซมอ.19:18)
6:5 “ขวานนั้นข้ายืมเขามา” (It was borrowed) = เวลานั้นหัวขวานเหล็กเป็นเครื่องมือที่มีราคาแพงเกินกว่าที่สมาชิกในกลุ่มผู้เผยพระวจนะจะซื้อมาเอง ถ้าทำหายไปผู้ที่ยืมมาจะต้องทำงานชดใช้มูลค่าขวานนั้น ถ้าไม่มีจ่ายอาจต้องทำงานหนักเพื่อชดใช้หนี้ในฐานะทาส
6:6 “ท่านก็ตัดไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปที่นั่น ทำให้ขวานเหล็กนั้นลอยขึ้นมา” (he cut off a stick and threw it in there and made the iron float.)= แสดงถึงความห่วงใยในสวัสดิภาพของบรรดาคนที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า
6:8 “พระราชาแห่งซีเรีย” ( king of Syria ) = น่าจะเป็น “เบนฮาดัดที่ 2” (5:1)
“รบกับอิสราเอล” (warring against Israel,) = การรบตามแนวชายแดนมากกว่าจะเป็นการสงครามเต็มรูปแบบ (ข.23;5:2) –ตัวบ่งชี้ว่า อิสราเอลอ่อนแอในขณะที่ซีเรีย(หรืออารัม) เข้มแข็งกว่า ดูได้จากการที่ซีเรียสามารถส่งกองทหารไปยังโดธาน (ห่างจากสะมาเรียไปทางเหนือประมาณ 18 กิโลเมตรเท่านั้น) โดยไม่ลำบาก (ข.13-14)
6:9 “คนของพระเจ้า” (man of God ) = เอลีชา (ข.)
“พระราชาแห่งอิสราเอล” (king of Israel) = โยรัม (1:17;3:1;9:24)
6:11 “พวกท่านจะไม่บอกเราหรือว่าคนไหนในพวกเราที่อยู่ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอล?” ( Will you not how me who of us is for the king of Israel?) = พระราชาแห่งซีเรียถามหาว่าใครเป็นสายให้แก่พวกอิสราเอล เพราะมีหลักฐานให้ประจักษ์หลายครั้งว่า อิสราเอลรู้แผนการทางทหารของซีเรียเบนฮาดัด 2 จึงระแวงสงสัยว่า จะมีคนทรยศอยู่ในหมู่ข้าราชการระดับสูงของตนเอง
6:13 “เพื่อเราจะใช้คนไปจับเขามา” (seize him) = เบนฮาดัด คิดจะกำจัดเอลีชาเพื่อไม่ให้สื่อสารกับกษัตริย์อิสราเอล โดยการรับตัวท่านไป
“โดธาน” (Dothan) = อยู่บนเนินเขาเกือบกึ่งกลางระหว่างอิสราเอลและสะมาเรีย (1:2;3:1;8:29; 9:15;10:1;1พกษ.21:1)
6:16 “อย่ากลัวเลย เพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา” (Do not be afraid, for those who are with us are more than those who are with them.) = เอลีชารู้ว่า เหล่าทูตสวรรค์ที่มองไม่เห็นนั้นมีจำนวนและกำลังเข้มแข็งมากกว่าที่กองทัพซีเรียจะเปรียบได้ (2พศด.32:7-8;สดด.34:7;1ยน.4:4)
6:17 “และเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงรอบเอลีชา” (he saw, and behold, the mountain was full of horses and chariots of fire all around Elisha) = คำอธิษฐานของเอลีชาทำให้คนรับใช้หนุ่มได้เห็นกองกำลังหรือกองทัพทูตสวรรค์ที่ชุมนุมรอบเอลีชา (ปฐก.32:1-2;สดด.34:7;91:11-12;มธ.18:10;26:53; 2พกษ.2:11)
6:18 “ขอทรงให้คนเหล่านั้นตาบอด”(Please strike this people with blindness)= เอลีชาขอให้ทหารซีเรีย ตาบอดและมองอะไรไม่เห็น (ปฐก.19:11)
6:19 “ไม่ใช่ทางนี้ และไม่ใช่เมืองนี้ จงตามข้ามา” (This is not the way, and this is not the city. Follow me) = พวกทหารซีเรียเชื่อว่า พวกเขาจะถูกพาไปยังเมืองที่พบเอลีชาได้ และเอลีชาไม่ได้โกหก เพราะท่านพาพวกเขาไปสะมาเรีย เมืองหลวงที่เป็นป้อมปราการของอาณาจักรเหนือ (อพย.1:19-20;ยชว.2:6;1ซมอ.16:1-2)
6:20 “เขาอยู่กลางกรุงสะมาเรีย” (they were in the midst of Samaria )= ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่กระทำกิจเพื่อเอลีชาทำให้กองทหารซีเรียที่ต้องการมาจับกุมเอลีชากลับถูกจับเสียเอง
6:22 “ขอฝ่าพระบาทอย่าประหารเขาเสีย” (You shall not strike them down) = ทหารเหล่านี้ถูกจับกุมด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า ไม่ใช่เพราะความเก่งของโยรัม แต่พระเจ้าสำแดงให้ทั้งโยรัมและทหาร รวมทั้งประชาชนตระหนักว่า ความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอลนั้นแท้จริงขึ้นอยู่กับพระเจ้า ไม่ใช่อยู่ที่อำนาจหรือกลยุทธทางทหาร
6:23 “พวกซีเรียไม่ได้มาปล้นในแผ่นดินอิสราเอลอีกเลย” (Syrians did not come again) ข.8;5:2 ทำให้อย่างน้อยชาวซีเรียได้ตระเหนักว่า ไร้ประโยชน์ที่จะต่อกรกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไปชั่วระยะหนึ่ง
6:24 “เบนฮาดัด” (Ben-hadad) = เคยมาล้อมเมืองสะมาเรียครั้งก่อน (13:3;1พกษ.20:1) เหตุการณ์โจมตีน่าจะเกิดขึ้นในราว 850 ก.ค.ศ.
6:25 “หัวลาตัวหนึ่ง” (donkey’s head ) = ตามบทบัญญัติ ลาเป็นสัตว์มลทิน และห้ามรับประทาน (ลนต.11:2-7;ฉธบ.14:4-8)
แต่การกันดารอาหารที่รุนแรงทำให้ชาวเมืองสะมาเรียไม่เพียงยกเลิกกฎบัญญัติข้อนี้ แต่ยังยอมจ่ายราคาแพงสำหรับสิ่งที่กินแทบไม่ได้นี้ “เงิน 80 เชเขล” (eighty shekels of silver) –ใน 5:5 ก็เคยกล่าวถึงเงินหนัก 10 ตะลันต์หรือ 340 กิโลกรัม และทองคำ 6000 เชเขล หรือราว 70 กิโลกรัม
เงิน 1 เชเขล = หนักราว ๆ 11.5 กรัม (7:1,16,18) (หรือค่าแรง 4 วัน)
6:27 “ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือมาจากที่ไหนมาให้เจ้า?” (If the Lord will not help you, how shall I help you?) = โยรัมเข้าใจถูกต้องว่า ตัวของเขาไม่สามารถช่วยเหลือหญิงคนนี้ หากพระเจ้าไม่ช่วยเหลืออิสราเอล แต่เขาสื่อในทำนองว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่เกิดจากการไม่เชื่อฟังพระเจ้าและการกราบไหว้รูปเคารพของพวกอิสราเอลเอง
6:28 “และพวกเราจะกินลูกของฉันวันพรุ่งนี้” (Give your son, that we may eat him today) = ความบาปของกษัตริย์และประชาชนมีมากจนพวกเขาต้องเผชิญกับคำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน ลนต.26:29; ฉธบ.28:53,57(พคค.4:10)
6:30 “พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์” ( he tore his clothes) = น่าจะเป็นเพราะโกรธเอลีชา และพระเจ้า (ข.31) มากกว่ากลับใจใหม่และเสียใจต่อบาปที่ก่อให้เกิดคำสาปตามพันธสัญญา
“ฉลองพระองค์ผ้ากระสอบ” (sackcloth beneath on his body) = ผ้าเนื้อหยาบที่มักสวมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการไว้ทุกข์(ปฐก.37:34;วว.11:3)
6:31 “ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า” (May God do so to me and more also) = ขอให้พระเจ้าจัดการกับเราอย่างหนักที่สุด = สำนวนในการสาปแช่ง (1ซมอ.3:17)
“ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้” (if the head of Elisha the son of Shaphat remains on his shoulders today.) =โยรัมโทษว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นผลมากจากเอลีชา เปรียบได้กับท่าทีของอาหับที่มีต่อเอลียาห์ (1พกษ.18:10,16-17;21:20)
6:32 “พวกผู้ใหญ่”( elders) = ผู้อาวุโสหรือผู้นำของเมือง (อพย.3:16;2ซมอ.3:17)
= พวกเขาอยู่ฝ่ายเอลีชามากกว่าอยู่ฝ่ายกษัตริย์โยรัม
6:33 “เหตุร้ายนี้มาจากพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์อีกทำไม?” (This trouble is from the Lord! Why should I wait for the Lord any longer?) = โยรัมรู้สึกไม่พอใจเอลีชา และรู้สึกว่าพระเจ้าทอดทิ้ง และโทษว่า พระเจ้าเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติในเมือง
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยประสบปัญหากับความคับแคบของสถานที่ ๆ ที่คุณอยู่อาศัยหรือใช้เป็นที่ประชุมบ้างหรือไม่? แล้วคุณแก้ปัญหาอย่างไร?
- คุณเคยมีปัญหากับการสูญเสียสิ่งของหรืออุปกรณ์บางอย่าง(ที่ไม่ใช่ของคุณ) ที่คุณเองรับผิดชอบไม่ไหวบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วคุณแก้ปัญหาอย่างไร? หรือพระเจ้าช่วยเหลือคุณอย่างไร?
- คุณเคยได้รับคำเตือนจากพระเจ้าผ่านคนของพระเจ้าบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณเชื่อฟังหรือไม่? ทำไม?แล้วเกิดอะไรขึ้นตามมา?
- คุณเคยปอคิดแผนการที่ไม่ดีที่จะกระทำ แต่ดูเหมือนว่า แผนเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จจนคุณระแวงว่ามีคนบางคนในพวกคุณเป็นสายให้กับคนที่คุณต้องการเล่นงานบ้างหรือไม่? แบ่งปัน
- คุณเคยคิดปองร้ายต่อผู้รับใช้พระเจ้า(หรือคนของพระเจ้า) และลงมือเล่นงานเขาบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- พระเจ้าเคยเปิดตาของคุณให้เห็นกองกำลังหรือสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้บ้างหรือมไ? อย่างไร?
- คุณเคยชนะความชั่วด้วยความดีมีน้ำใจต่อคนที่คิดร้ายต่อคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
- คุณเคยประสบสภาวะยากลำบากจนคิดหรือกระทำการใดที่ไร้มนุษยธรรม โดยไม่ละอายเพื่อเอาตัวรอด แล้วยังต่อว่าพระเจ้าหรือไม่? อย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์