Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 4)

4 อัศจรรย์!

พระธรรม        2พงศ์กษัตริย์ 4:1-44

อ้างอิง          1พกษ.12:22;17:12,20-21,18:20,46;2พกษ.2:1;4:21.32;8:1,5

บทนำ          พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงมีธรรมชาติแตกต่างจากธรรมชาติของมนุษย์ การกระทำสิ่งที่เกินกว่ามนุษย์ปกติจะกระทำได้ เราเรียกว่าการอัศจรรย์  แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว สิ่งที่เรียกว่าการอัศจรรย์ของมนุษย์นั้น แท้จริงเป็นเรื่องธรรมดาของพระองค์ทั้งสิ้น!

บทเรียน

4:1 “ภรรยาของ​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​ผู้​เผย​พระวจนะ​ร้อง​ทุกข์​ต่อ​เอลีชา​ว่า “ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน คือ​สามี​ของ​ดิฉัน​เสีย​ชีวิต​แล้วและ​ท่านทราบ​อยู่​แล้ว​ว่า​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​เกรงกลัว​พระยาห์เวห์ แต่​เจ้าหนี้​ได้​มา​เพื่อ​จะ​เอา​ลูก​สอง​คน​ของ​ดิฉัน​ไป​เป็น​ทาส​ของ​เขา

      (Now the wife of one of the sons of the prophets cried to Elisha, “Your servant my husband is dead, and  you know that your servant feared the Lord, but the creditor has come to take my two children to be his  slaves.” )

4:2 “แล้ว​เอลีชา​ตอบ​นาง​ว่า “บอก​เรา​ซิ​ว่า จะ​ให้​เรา​ทำ​อะไร? เธอ​มี​อะไร​อยู่​ใน​บ้าน​บ้าง?” นาง​ตอบ​ว่า “สาวใช้​ของ​ ท่าน​ไม่มี​อะไร​ใน​บ้าน นอกจาก​น้ำมัน​ขวด​หนึ่ง

      (And Elisha said to her, “What shall I do for you? Tell me; what have you in the house?” And she said,  “Your servant has nothing in the house except a jar of oil.” )

4:3 “แล้ว​ท่าน​กล่าว​ว่า “เธอ​จง​ออก​ไป​นอก​บ้าน ขอ​ยืม​ภาชนะ​เปล่า​จาก​เพื่อนบ้าน​ทุก​คน อย่า​เอา​มา​น้อย”

(Then he said, “Go outside, borrow vessels from all your neighbors, empty vessels and not too few.)

4:4 “แล้ว​จง​เข้า​บ้าน ปิด​ประตู​ขัง​ตัว​เอง​และ​ลูกชาย​ไว้ แล้ว​เท​น้ำมัน​ใส่​ภาชนะ​เหล่านี้​ทั้งหมด เมื่อ​ใบ​หนึ่งๆ เต็ม​แล้ว​ก็​ตั้ง​ไว้​ต่าง​หาก

     (Then go in and shut the door behind yourself and your sons and pour into all these vessels. And when  one is full, set it aside.” )

4:5 “นาง​ก็​ไป​จาก​ท่าน และ​ปิด​ประตู​ขัง​ตัว​เอง​กับ​บุตร​ของ​นาง​ไว้ บุตร​ส่ง​ภาชนะ​ให้​นาง และ​นาง​ก็​เท​น้ำมัน”

      (So she went from him and shut the door behind herself and her sons. And as she poured they brought  the vessels to her. )

4:6 “เมื่อ​ภาชนะ​เต็ม​หมด​แล้ว​นาง​จึง​บอก​บุตร​ว่า “เอา​ภาชนะ​อีก​ใบ​หนึ่ง​มา​ให้​แม่” แต่​เขา​ตอบ​นาง​ว่า “ไม่มี​แล้ว” แล้ว​น้ำมัน​ก็​หยุด​ไหล”

      (When the vessels were full, she said to her son, “Bring me another vessel.” And he said to her, “There  is not another.” Then the oil stopped flowing. )

4:7 “นาง​ก็​ไป​เรียน​ให้​คน​ของ​พระเจ้า​ทราบ และ​ท่าน​บอก​ว่า “จง​ไป​ขาย​น้ำมัน แล้ว​เอา​เงิน​ชำระ​หนี้​ของ​เธอ ส่วน​ที่​เหลือ​นั้น​ เธอ​กับ​ลูกๆ จง​ใช้​เลี้ยง​ชีวิต

      (She came and told the man of God, and he said, “Go, sell the oil and pay your debts, and you and  your sons can live on the rest.”)

4:8 “วันหนึ่ง​เอลีชา​ผ่าน​ไป​ยัง​เมือง​ชูเนม ที่​ซึ่ง​หญิง​มั่งมี​คน​หนึ่ง​อาศัย​อยู่ และ​นาง​ได้​ชวน​ท่าน​รับประทาน​อาหาร ฉะนั้น​เมื่อ​ ท่าน​ผ่าน​ไป​ทาง​นั้น​เมื่อไร ท่าน​ก็​แวะ​เข้า​ไป​รับประทาน​อาหาร​ที่​นั่น”

        (One day Elisha went on to Shunem, where a wealthy woman lived, who urged him to eat some food. So whenever he passed that way, he would turn in there to eat food. )

4:9 “และ​นาง​บอก​สามี​ของ​นาง​ว่า “ดูสิ ดิฉัน​เห็น​ว่า​ชาย​คน​นี้​ที่​เดิน​ผ่าน​บ้าน​เรา​บ่อยๆ นั้น​เป็น​คน​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า”

     (And she said to her husband, “Behold now, I know that this is a holy man of God who is continually passing our way. )

4:10 “ขอ​ให้​เรา​ทำ​ห้องเล็ก​ไว้​บน​ดาดฟ้า​สำหรับ​ท่าน วาง​เตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ และ​ตะเกียง​ไว้​ให้​ท่าน เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​มา​หา​เรา ท่าน​จะ​ได้​เข้า​ไป​พัก​ใน​ห้อง​นั้น

        (Let us make a small room on the roof with walls and put there for him a bed, a table, a chair, and a  lamp, so that whenever he comes to us, he can go in there.”)

4:11 “วัน​หนึ่ง​ท่าน​มา​ที่นั่น แวะ​ขึ้น​ไป​ห้อง​นั้น และ​นอน​อยู่​ที่นั่น”

        (One day he came there, and he turned into the chamber and rested there. )

4:12 “ท่าน​จึง​บอก​เกหะซี​คนใช้​ของ​ท่าน​ว่า “ไป​เรียก​หญิง​ชาวชูเนม​คน​นี้​มา” เมื่อ​เขา​เรียก​นาง นาง​ก็​มา​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ท่าน”

           (And he said to Gehazi his servant, “Call this Shunammite.” When he had called her, she stood before   him. )

4:13 “ท่าน​จึง​บอก​แก่​เกหะซี​ว่า “จง​บอก​นาง​ว่า ดูซิ เธอ​ลำบาก​มากมาย​อย่างนี้​เพื่อ​เรา จะ​ให้​เรา​ทำ​อะไร​เพื่อ​เธอ​บ้าง? มี​ อะไร​จะ​ให้​ทูล​พระราชา​เพื่อ​เธอ​หรือ​ไม่? หรือ​จะ​ให้​พูด​อะไร​กับ​ผู้​บัญชา​การ​กองทัพ?”นาง​ตอบ​ว่า“ดิฉัน​อยู่​ใน​หมู่​พี่น้อง​

      ของ​ดิฉัน​ค่ะ

        (And he said to him, “Say now to her, ‘See, you have taken all this trouble for us; what is to be done for   you? Would you have a word spoken on your behalf to the king or to the commander of the army?’” She  answered, “I dwell among my own people.” )

4:14 “และ​ท่าน​กล่าว​ว่า “ถ้า​อย่างนั้น​จะ​ให้​ทำ​อะไร​เพื่อ​นาง?” เกหะซี​ตอบ​ว่า “แท้จริง​นาง​ไม่มี​บุตรชาย​และ​สามี​ของ​นาง​ก็​ แก่​แล้ว

        (And he said, “What then is to be done for her?” Gehazi answered, “Well, she has no son, and her  husband is old.” )

4:15 “ท่าน​จึง​บอก​ว่า “ไป​เรียก​นาง​มา” และ​เมื่อ​เขา​ไป​เรียก​นาง นาง​ก็​มา​ยืน​อยู่​ที่​ประตู”

                  (He said, “Call her.” And when he had called her, she stood in the doorway. )

4:16 “ท่าน​กล่าว​ว่า “เมื่อ​ถึง​เวลา​นี้​ใน​ปี​หน้า เธอ​จะ​ได้​อุ้ม​บุตรชาย​คน​หนึ่ง” และ​นาง​ตอบ​ว่า “คน​ของ​พระเจ้า เจ้านาย​ของ​ดิฉัน อย่า​หลอก​สาวใช้​ของ​ท่าน​เลย

          (And he said, “At this season, about this time next year, you shall embrace a son.” And she said,   “No, my lord, O man of God; do not lie to your servant.” )

4:17 “แต่​หญิง​นั้น​ก็​ตั้ง​ครรภ์​และ​คลอด​บุตรชาย​คน​หนึ่ง เมื่อ​ถึง​เวลา​นั้น​ใน​ปี​ต่อ​มา​ตาม​ที่​เอลีชา​บอก​นาง”

         (But the woman conceived, and she bore a son about that time the following spring, as Elisha had   said to her.)

4:18 “เมื่อ​เด็ก​นั้น​โต​ขึ้น วัน​หนึ่ง​เขา​ออก​ไป​หา​บิดา​ของ​เขา​ใน​หมู่​คน​เกี่ยว​ข้าว”

           (When the child had grown, he went out one day to his father among the reapers. )

4:19 “เขา​บอก​บิดา​ว่า “โอย หัว​ของ​ฉัน หัว​ของ​ฉัน” บิดา​จึง​สั่ง​คนใช้​ว่า “อุ้ม​เขา​ไป​หา​แม่”

                (And he said to his father, “Oh, my head, my head!” The father said to his servant, “Carry him to his   mother.” )

4:20 “เมื่อ​คน​ใช้​อุ้ม​เขา​มา​ให้​มารดา เด็ก​นั้น​ก็​นั่ง​อยู่​บน​ตัก​มารดา​จน​เที่ยงวัน แล้ว​ก็​สิ้น​ชีวิต”

                (And when he had lifted him and brought him to his mother, the child sat on her lap till noon, and   then he died.)

4:21 “นาง​จึง​อุ้ม​เขา​ขึ้น​ไป​วาง​ไว้​บน​ที่นอน​ของ​คน​ของ​พระเจ้า และ​ปิด​ประตู​เสีย แล้ว​ไป​ข้างนอก”

                (And she went up and laid him on the bed of the man of God and shut the door behind him and went  out. )

4:22 “นาง​ก็​ไป​เรียก​สามี​ของ​นาง​กล่าว​ว่า “ขอ​ส่ง​คนใช้​คน​หนึ่ง​กับ​ลา​ตัว​หนึ่ง​มา​ให้​ฉัน เพื่อ​ฉัน​จะ​รีบ​ไป​หา​คน​ของ​พระเจ้า  และ​กลับ​มา​อีก

                 (Then she called to her husband and said, “Send me one of the servants and one of the donkeys, that I   may quickly go to the man of God and come back again.”)

4:23 “และ​เขา​ถาม​ว่า “วันนี้​จะ​ไป​หา​ท่าน​ทำไม? มัน​ไม่​ใช่​วัน​ต้น​เดือน​หรือ​วัน​สะบาโต” นาง​ตอบ​ว่า “ไม่​เป็น​ไร”

                (And he said, “Why will you go to him today? It is neither new moon nor Sabbath.” She said, “All is well.”)

4:24 “แล้ว​นาง​ผูก​อาน​ลา​และ​สั่ง​คนใช้​ว่า “จง​เร่ง​ลา​ไป​เร็วๆ อย่า​ชะลอ​ฝีเท้า นอกจาก​ฉัน​สั่ง

                 (Then she saddled the donkey, and she said to her servant, “Urge the animal on; do not slacken   the pace for me unless I tell you.”)

4:25 “แล้ว​นาง​ก็​ออก​เดิน​ทาง และ​มา​ถึง​คน​ของ​พระเจ้า​ที่​ภูเขา​คารเมล เมื่อ​คน​ของ​พระเจ้า​เห็น​นาง​มา ท่าน​ก็​พูด​กับ​เกหะซี​คนใช้​ของ​ท่าน​ว่า “ดู​แน่ะ หญิง​ชาว​ชูเนม​มา​ข้าง​โน้น”

                 (So she set out and came to the man of God at Mount Carmel.)When the man of God saw her   coming, he said to Gehazi his servant, “Look, there is the Shunammite. )

4:26 “จง​รีบ​ไป​รับ​นาง และ​ถาม​นาง​ว่า ‘เธอ​สบาย​ดี​หรือ? สามี​ของ​เธอ​สบาย​ดี​หรือ? เด็ก​สบาย​ดี​หรือ?’” นาง​ตอบ​ว่า   “สบาย​ดี​ค่ะ”

                  (Run at once to meet her and say to her, ‘Is all well with you? Is all well with your husband? Is all   well with the child?’” And she answered, “All is well.” )

4:27 “เมื่อ​นาง​มา​พบ​คน​ของ​พระเจ้า​ที่​ภูเขา​แล้ว นาง​ก็​เข้า​ไป​กอด​เท้า​ของ​ท่าน เกหะซี​จึง​เข้า​มา​จะ​จับ​นาง​ออก​ไป แต่​คน​ของ​พระเจ้า​กล่าว​ว่า “ปล่อย​นาง​เถอะ เพราะ​นาง​มี​ความ​ระทม​ขม​ขื่น และ​พระยาห์เวห์​ทรง​ปิด​เรื่องนี้​ไว้​จาก​เรา ไม่​ทรง​แจ้ง​

      ให้​เรา​ทราบ

     (And when she came to the mountain to the man of God, she caught hold of his feet. And Gehazi came to push her away. But the man of God said, “Leave her alone, for she is in bitter distress, and the Lord  has hidden it from me and has not told me.” )

4:28 “แล้ว​นาง​จึง​เรียน​ว่า “ดิฉัน​ขอ​ลูก​จาก​เจ้านาย​ของ​ดิฉัน​หรือ? ดิฉัน​ไม่ได้​เรียน​หรือ​ว่า อย่า​หลอก​ดิฉัน​เลย?”

                (Then she said, “Did I ask my lord for a son? Did I not say, ‘Do not deceive me?’” )

4:29 “ท่าน​จึง​สั่ง​เกหะซี​ว่า “คาด​เอว​ของ​เจ้า แล้ว​ถือ​ไม้เท้า​ของ​เรา​ไว้​ใน​มือ​ของ​เจ้า และ​ไป​เถอะ ถ้า​เจ้า​พบ​ใคร อย่า​ทักทาย​เขา และ​ถ้า​ใคร​ทักทาย​เจ้า ก็​อย่า​ตอบ และ​จง​วาง​ไม้เท้า​ของ​เรา​บน​หน้า​ของ​เด็ก​นั้น

       (He said to Gehazi, “Tie up your garment and take my staff in your hand and go. If you meet anyone, do  not greet him, and if anyone greets you, do not reply. And lay my staff on the face of the child.” )

4:30 “แล้ว​มารดา​ของ​เด็ก​นั้น​เรียน​ว่า “พระยาห์เวห์​ทรง​พระชนม์​อยู่​และ​ตัว​ท่าน​เอง​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ฉัน​ ใด ดิฉัน​จะ​ไม่​ไป​จาก​ท่าน​ฉัน​นั้น” ดังนั้น​ท่าน​จึง​ลุกขึ้น​ตาม​นาง​ไป”

                (Then the mother of the child said, “As the Lord lives and as you yourself live, I will not leave you.” So he  arose and followed her. )

4:31 “เกหะซี ​ได้​ล่วงหน้า​ไป​ก่อน และ​วาง​ไม้เท้า​บน​หน้า​ของ​เด็ก​นั้น แต่​ไม่มี​เสียง​หรือ​อาการ​บ่ง​บอก​ว่า​มี​ชีวิต เขา​จึง​ลับ​มา​พบ​ท่าน​และ​เรียน​ท่าน​ว่า “เด็ก​นั้น​ยัง​ไม่​ตื่น”

       (Gehazi went on ahead and laid the staff on the face of the child, but there was no sound or sign of life. Therefore he returned to meet him and told him, “The child has not awakened.”)

4:32 “เมื่อ​เอลีชา​เข้า​บ้าน ท่าน​เห็น​เด็ก​นอน​ตาย​อยู่​บน​ที่นอน​ของ​ท่าน”

                  (When Elisha came into the house, he saw the child lying dead on his bed. )

4:33 “ท่าน​จึง​เข้า​ไป​ข้างใน แล้ว​ปิด​ประตู​อยู่​กับ​เด็ก​นั้น​สอง​ต่อ​สอง และ​ได้​อธิษฐาน​ต่อ​พระยาห์เวห์”

                   (So he went in and shut the door behind the two of them and prayed to the Lord. )

4:34 “แล้ว​ท่าน​ขึ้น​ไป​นอน​ทับ​เด็ก ให้​ปาก​ทับ​ปาก ตา​ทับ​ตา และ​มือ​ทับ​มือ เมื่อ​ท่าน​เหยียด​ตัว​ของ​ท่าน​บน​เขา เนื้อ​ตัว​ของ​เด็ก​นั้น​ก็​อุ่น​ขึ้น​มา”

     (Then he went up and lay on the child, putting his mouth on his mouth, his eyes on his eyes, and his  hands on his hands. And as he stretched himself upon him, the flesh of the child became warm. )

4:35 “ท่าน​ก็​เดิน​ไป​มา​ใน​บ้าน​ครั้ง​หนึ่ง แล้ว​ขึ้น​ไป​เหยียด​ตัว​ของ​ท่าน​บน​เขา​อีก เด็ก​นั้น​ก็​จาม 7 ครั้ง และ​เด็ก​นั้น​ก็​ลืม​ตา​ของ​ตน”

       (Then he got up again and walked once back and forth in the house, and went up and stretched himself upon him. The child sneezed seven times, and the child opened his eyes. )

4:36 “แล้ว​ท่าน​ก็​เรียก​เกหะซี​มา​สั่ง​ว่า “ไป​เรียก​หญิง​ชาว​ชูเนม​คนนี้​มา” เขา​จึง​ไป​เรียก​นาง และ​เมื่อ​นาง​มา​ถึง​ท่าน​แล้ว ท่าน​กล่าว​ว่า “จง​อุ้ม​ลูก​ของ​เธอ​ขึ้น​เถิด”

                 (Then he summoned Gehazi and said, “Call this Shunammite.” So he called her. And when she came to  him, he said, “Pick up your son.” )

4:37 “นาง​จึง​เข้า​มา​ทรุด​ตัว​ลง​ที่​เท้า​ของ​ท่าน​กราบลง​ถึง​ดิน แล้ว​นาง​ก็​อุ้ม​บุตร​ของ​นาง​ขึ้น​และ​ออก​ไป​ข้างนอก”

                 (She came and fell at his feet, bowing to the ground. Then she picked up her son and went out.)

4:38 “เมื่อ​เอลีชา​กลับ​มา​ที่​กิลกาล แผ่นดิน​เกิด​กันดาร​อาหาร และ​เมื่อ​พวก​ผู้​เผย​พระวจนะ​นั่ง​อยู่​ต่อ​หน้า​ท่าน ท่าน​ก็​บอก​คนใช้​ของ​ท่าน​ว่า “จง​ตั้ง​หม้อ​ใบ​ใหญ่​และ​ต้ม​อาหาร​ให้​พวก​ผู้​เผย​พระวจนะ

                (And Elisha came again to Gilgal when there was a famine in the land. And as the sons of the prophets  were sitting before him, he said to his servant, “Set on the large pot, and boil stew for  the sons of the  prophets.” )

4:39 “คน​หนึ่ง​ออก​ไป​เก็บ​ผัก​ที่​ทุ่งนา และ​พบ​ไม้เถาป่า​เถา​หนึ่ง เขา​เด็ด​น้ำเต้าป่า​จาก​เถา​นั้น​จน​เต็ม​ตัก กลับ​มา​หั่น​ใส่​ใน​หม้อ​ต้ม​อาหาร​โดย​ไม่​ทราบ​ว่า​เป็น​ผล​อะไร”

  ( One of them went out into the field to gather herbs, and found a wild vine and gathered from it  his lap   full of wild gourds, and came and cut them up into the pot of stew, not knowing what they were.)

4:40 “แล้ว​พวก​เขา​ตัก​ออก​ให้​คน​เหล่า​นั้น​กิน ขณะ​กำลัง​กิน​อาหาร​อยู่​นั้น เขา​ร้อง​ขึ้น​ว่า “โอ คน​ของ​พระเจ้า มี​ความ​ตาย​อยู่​ใน​หม้อ​นั้น” และ​เขา​ก็​กิน​กัน​ต่อ​ไป​ไม่ได้”

      (And they poured out some for the men to eat. But while they were eating of the stew, they cried out, “O  man of God, there is death in the pot!” And they could not eat it. )

4:41 “แต่​ท่าน​สั่ง​ว่า “จง​เอา​แป้ง​มา” แล้ว​ท่าน​ก็​ใส่​แป้ง​ลง​ใน​หม้อ และ​บอก​ว่า “จง​ตัก​ออก​ให้​คน​เหล่า​นั้น​กิน” และ​ไม่มี​อัน‍ตราย​อยู่​ใน​หม้อ​นั้น”

                (He said, “Then bring flour.” And he threw it into the pot and said, “Pour some out for the men, that they  may eat.” And there was no harm in the pot.)

4:42 “มีชาย​คน​หนึ่ง​มา​จาก​บาอัลชาลิชาห์ เขา​นำ​ของ​มา​ให้​คน​ของ​พระเจ้า​มี​ขนมปัง​เป็น​พืช​ผลแรก​คือ ขนม​บาร์เลย์ 20 ก้อน และ​รวงข้าว​ใหม่​ใส่​กระสอบ​ของ​เขา​มา และ​เอลีชา​กล่าว​ว่า “จง​ให้​คน​เหล่า​นั้น​กิน”

 (A man came from Baal-shalishah, bringing the man of God bread of the firstfruits, twenty loaves of  barley and fresh ears of grain in his sack. And Elisha said, “Give to the men, that they may eat” )

4:43 “แต่​คนใช้​ของ​ท่าน​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​จะ​ตั้ง​อาหาร​เพียง​เท่า​นี้​ให้​คน 100 คน​กิน​กัน​ได้​อย่างไร?” ท่าน​จึง​สั่ง​ซ้ำ​ว่า “จง​ให้​คน​เหล่า​นั้น​กิน​เถิด เพราะ​พระยาห์เวห์​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘เขา​ทั้งหลาย​จะ​กิน​และ​ยัง​เหลือ​อีก

       (But his servant said, “How can I set this before a hundred men?” So he repeated, “Give them to the  men, that they may eat, for thus says the Lord, ‘They shall eat and have some left.’” )

4:44 “เขา​จึง​ตั้ง​อาหาร​ไว้​ต่อ​หน้า​เขา​ทั้งหลาย พวก​เขา​ได้​กิน และ​ยัง​เหลือ​อยู่​จริง​ตาม​พระวจนะ​ของ​พระยาห์เวห์”

                (So he set it before them. And they ate and had some left, according to the word of the Lord.)

ข้อมูลมีประโยชน์

4:1       “ผู้เผยพระวจนะ” (the prophets) –2:3;1พกษ.20:35

“เอาลูกสองคนของดิฉันไปเป็นทาส” (take my two children to be his slaves) = การเป็นทาสแรงงานเพื่อชดใช้หนี้เป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาตในกฎหมายของโมเสส (อพย.21:1-2;ลนต.25:39-41;ฉธบ.15:1-11) แต่มักถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด (นหม.5:5,8;อมส.2:6;8:6) แม้ว่ากฎหมายจะจำกัดระยะเวลาการเป็นทาสและให้ปฏิบัติต่อทาสนี้เหมือนคนงานที่ได้รับค่าจ้างด้วย

4:4       “ปิดประตู”  (shut the door) = การสำแดงพระเมตตากรุณาของพระเจ้าต่อหญิงม่ายนี้เป็นการส่วนตัว (สดด.68:5)

4:5       “นางก็ไปจากท่าน และปิดประตูขังตัวเอง…” (So she went from him and shut the door behind herself …)

= หญิงม่ายผู้นี้ไม่รีรอที่จะตอบสนองต่อคำสั่งของผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า ด้วยความเชื่อ และการเชื่อฟัง

4:8       “ชูเนม” (Shunem ) –1พกษ.13

4:9       “คนบริสุทธิ์ของพระเจ้า” (a holy man of God)   = หญิงมั่งมีคนนี้ตระหนักว่า เอลีชาเป็นคนที่พระเจ้าแยกไว้เพื่อทำราชกิจพิเศษของพระเจ้า (อพย.3:5)  น่าสนใจที่ไม่มีการใช้คำว่า “บริสุทธิ์” กับผู้เผยพระจนะในกรณีอื่น ๆ

4:10     “เมื่อท่านมาหาเรา ท่านจะได้เข้าไปพักในห้องนั้น” (so that whenever he comes to us, he can go in there.) = หญิงมั่งมีผู้นี้แสดงความเอื้อเฟื้อและช่วยสนับสนุนในการประกาศพระวจนะของพระเจ้าให้ดำเนินต่อไปผ่านทางเอลีชา

4:12     “เกหะซี” (Gehazi) = ผู้รับใช้ของเอลีชา หรือเป็นผู้ที่ติดตามเอลีชาเหมือนที่เอลีชาติดตามเอลียาห์  เพียงแต่ลักษณะนิสัยของทั้ง 2 แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง (5:19-27;6:15) ,นี่เป็นครั้งแรกที่เอ่ยถึงชื่อเกหะซีนี้

4:13     “ดิฉันอยู่ในหมู่พี่น้องของดิฉันค่ะ” (I dwell among my own people.) = หญิงชูเนมผู้มั่งมีนี้ไม่ขาดสิ่งใดเลย เธอรู้สึกมั่นคง และพอใจในครอบครัวและชุมชนของเธอ เธอไม่มีความจำเป็นหรือความปรารถนาที่ต้องการขอความช่วยเหลือใดๆ จากเจ้าหน้าที่ระดับสูง

4:14     “แท้จริงนางไม่มีบุตรชายและสามีของเธอก็แก่แล้ว” (Well, she has no son, and her husband is old.) = ความผิดหวังอย่างมากของเธอที่ไม่มีผู้สืบสกุลและทรัพย์สินที่ดินสิ่งของต่าง ๆ จะตกไปเป็นของผู้อื่นหมด และเธออาจยังอายุไม่มากจึงเป็นการเสี่ยงที่เธอจะตกเป็นม่ายนานหลายปี โดยไม่มีใครดูแลหรือปกป้อง เพราะสำหรับแม่ม่ายนั้นต้องมีบุตรหลาน(ผู้ชาย) เป็นที่พึ่งได้ในยามแก่เฒ่า (8:1-6;1พกษ.17:22)

4:16     “เมื่อถึงเวลานี้ในปีหน้า…”( about this time next year) –ปฐก.17:21;18:14

“เจ้านายของดิฉัน อย่าหลอกลวงสาวใช้ของท่านเลย” (No, my lord, O man of God; do not lie to your servant) =แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเธอที่ต้องการมีบุตรชายและกลัวความผิดหวัง

4:17     “…ตามที่เอลีชาบอกนาง” (as Elisha had said to her.) = คำพูดของเอลีชาได้รับการยืนยันว่าเชื่อถือได้ และการที่เธอให้กำเนิดบุตรชายก็เป็นผลมาจากการที่พระเจ้าทรงแทรกแซงเพื่อเธอโดยเฉพาะ

4:20     “…แล้วก็สิ้นชีวิต” (then he died.) = เด็กชายที่ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งพระคุณของพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์กลับถูกพรากจากไปจากหญิงชาวชูเนมผู้นี้ นับเป็นการทดสอบความเชื่อที่หนักหน่วง

4:21     “นางจึงอุ้มเขาขึ้นไปวางไว้บนที่นอนของคนของพระเจ้า” (she went up and laid him on the bed of the man of God)  = ปฏิกิริยาของเธอต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่มั่นคงของเธอที่มีต่อพระเจ้า

(และคนของพระเจ้า) ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูเลวร้าย  และในเวลานี้เธอยังไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ ในบ้านรู้ว่าเด็กตาย เธอต้องการให้พระเจ้ารักษาเด็กให้มีชีวิตอีกครั้ง

4:23     “วันนี้จะไปหาท่านทำไม?” (Why will you go to him today?) =แสดงว่ามีการพบปะกันกับผู้เผยพระวจนะเอลีชาอยู่แล้ว การไปหาเอลีชาจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ครั้งนี้จังหวะเวลาที่จะไปต่างหากที่ไม่ปกติ

4:26     “สบายดีค่ะ” (All is well. ) =เธอตั้งใจไม่บอกใครถึงความทุกข์ร้อนในใจของเธอ นอกจากผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า

4:28     “ดิฉันไม่ได้เรียนหรือว่า อย่าหลอกดิฉันเลย” (Did I not say, ‘Do not deceive me?) = เคยบอกเอลีชาแล้วว่าอย่าให้ความหวังแก่เธอเลย เธอกำลังปล้ำสู้กับคำถามว่า เหตุใดพระเจ้าจึงพรากเอาสิ่งที่เธอได้รับมาด้วยพระคุณของพระองค์ไปจากเธอ และนำเอาความน่าเชื่อถือในพระวจนะของพระเจ้ากลับคืนไป

4:29     “จงวางไม้เท้าของเราบนหน้าของเด็กนั้น” (lay my staff on the face of the child.) =เอลีชาคาดหวังให้พระเจ้าจะคืนชีวิตให้แก่เด็กนั้นเมื่อนำไม้เท้าไปวาง แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม้เท่านั้นวิเศษ มีอำนาจ

เวทมนตร์ แต่เขาถือว่า เป็นตัวแทนของตัวเอลีชาและเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของพระเจ้า (2:8;อพย.14:16;กจ.19:12)

4:30     “ดิฉันจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” (I will not leave you. I will not leave you.) = หญิงชาวชูเนมไม่เชื่อว่าจะสำเร็จในมือของเกหะซีจึงยืนกรานให้เอลีชาไปกับเธอ

4:33     “ปิดประตูอยู่กับเด็กนั้นสองต่อสอง และได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์” (shut the door behind the two of them and prayed to the Lord) = เอลีชากำลังทำแบบเดียวกับที่เอลียาห์ทำเมื่อหลายปีก่อน

(1พกษ.17:20-22)

-เอลีชาอธิษฐานต่อพระเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อขอให้เด็กฟื้นชีวิต เป็นการยืนยันว่า สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นไม่ได้อาศัยเวทนมตร์อะไร นอกจากพึ่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

4:34     “เหยียดตัวของท่านบนเขาอีก”( as he stretched himself upon him) –1พกษ.17:21, เอลีชาอาจคุ้นเคยกับวิธีที่เอลียาห์กระทำก่อนหน้านี้

4:37     “ทรุดตัวลงที่เท้าของท่านกราบลงถึงดิน” (she picked up her son and went out.  ) = หญิงชูเนมนี้รับรู้ด้วยความซาบซึ้งใจว่าพระเจ้าโปรดปรานเธอเป็นพิเศษ เพราะเอลีชา แม้เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่อวัจนภาษาของเธอก็สื่อออกมาแล้วอย่างชัดเจนสอดคล้องกับคำพูดของแม่ม่ายที่ศารฟัท (1พกษ.17:24)

4:38     “กิลกาล” (Gilgal) –2:1

“แผ่นดินเกิดกันดารอาหาร” (there was a famine in the land) =อาจเป็นการกันดารอาหารครั้งเดียวกับที่กล่าวใน 8:1 ซึ่งเป็นคำสาปแช่งตามพันธสัญญา (ลนต.26:19-20,26;ฉธบ.28:18,23-24,1พกษ.8:36-37)

= เป็นหลักฐานว่า พระเจ้าทรงพระพิโรธต่อประชาชนของพระเจ้าที่ไม่เชื่อฟังเงื่อนไขของพันธสัญญา

4:41     “แป้ง” ( flour) = ตัวแป้งไม่ได้ทำให้พิษหายไป (2:21) แต่เป็นเพียงวิธีการที่พระเจ้าใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา –ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องทนทุกข์ตามคำสาปของพันธสัญญา

4:42     “รวงข้าวใหม่” (fresh ears of grain) =แทนที่จะนำผลแรกจากการเก็บเกี่ยว (ลนต.2:14;23:15-17; ฉธบ.18:3-5) ไปให้นักบวชต่างศาสนาที่เบธเอลและดาน (1พกษ.12:28-31) -ประชาชนที่เคารพศรัทธาในพระเจ้าในอิสราเอลอาจนำเครื่องถวายบูชาเหล่านี้ไปให้เอลีชา และผู้เกี่ยวข้องใช้ยังชีพ (ข.23)

-พวกเขาอาจจะพึ่งพาเอลีชามากกว่ากษัตริย์และนักบวชที่ละทิ้งพระเจ้าในฐานะที่เอลีชาเป็นตัวแทนที่แท้จริงของพระเจ้าตามพันธสัญญา

4:43     “ท่านจึงสั่งซ้ำว่า” (So he repeated) = ขนมปังเพิ่มทวีคูณขึ้นตามพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางเอลีชา โดยปราศจากสื่อกลางอื่น ๆ (ข.41;2:20;มก.6:34-43)

 คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยประสบเคราะห์กรรมใดในชีวิตที่ทำให้คุณเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสบ้างหรือไม่?  ในเรื่องใด? อย่างไร?
  2. พระเจ้าทรงช่วยคุณในสถานการณ์ดังกล่าวผ่านใคร? อย่างไรบ้าง?
  3. คุณเคยแสดงความเมตตา “คนของพระเจ้า” บ้างหรือไม่?  กับใคร? ในเรื่องอะไรบ้าง?
  4. คุณเคยมีประสบการณ์กับการ “ช่วยเหลือ” อย่างอัศจรรย์จากพระเจ้าหรือไม่? และอย่างไรบ้าง? แบ่งปัน
  5. คุณเคยสิ้นหวังในกรณีใดบ้าง? และพระเจ้ากลับช่วยกู้ให้คุณรอดพ้นจากสภาพนั้นมาได้อย่างไร?
  6. คุณเคยมีประสบการณ์กับการเลี้ยงดูของพระเจ้าในชีวิตของคุณที่เกินความคาดคิดอย่างไรบ้าง?
  7. คุณเคยมีประสบการณ์กับ “ความจริง” จากพระวจนะของพระเจ้าในเรื่องอะไรที่ประทับใจของคุณมากที่สุด? ทำไม?
  8. คุณได้รับบทเรียนอะไรเป็นพิเศษจากพระธรรมในตอนนี้

ศจ.ธงชัย ประดับชานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.