อ้ายหัวล้าน!
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 2:1-25
อ้างอิง ฉธบ.21:17;2พกษ.13:14
บทนำ ทุกคนมีวาระของตนเองในชีวิต รวมทั้งวาระสุดท้าย! หากวันนี้ถึงกำหนดวาระที่คุณต้องจากโลกนี้ไป คุณจะรู้สึกเสียใจหรือไม่? ทำไม? คุณได้มอบสิ่งใดที่ล้ำค่าแก่โลกนี้บ้าง?
บทเรียน
2:1 “ต่อมาเมื่อถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะทรงรับเอลียาห์ไปยังฟ้า สวรรค์ด้วยพายุ เอลียาห์และเอลีชากำลังเดินทางจากกิลกาล”
(Now when the Lord was about to take Elijah up to heaven by a whirlwind, Elijah and Elisha were on their way from Gilgal.)
2:2 “เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปเบธเอล”แต่เอลีชาตอบว่า“พระยาห์เวห์ ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ดังนั้นเขาทั้งสองก็ลงไป เบธเอล”
(And Elijah said to Elisha, “Please stay here, for the Lord has sent me as far as Bethel.” But Elisha said, “As the Lord lives, and as you yourself live, I will not leave you.” So they went down to Bethel.)
2:3 “และเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเบธเอลได้ออกมาหาเอลีชาและบอกท่านว่า“ท่านทราบไหมว่า วันนี้พระยาห์เวห์จะทรงรับอาจารย์ของท่านไปจากท่าน?” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว เงียบๆ ไว้”
(And the sons of the prophets who were in Bethel came out to Elisha and said to him, “Do you know that today the Lord will take away your master from over you?” And he said, “Yes, I know it; keep quiet.”)
2:4 “เอลียาห์พูดกับท่านว่า “เอลีชา จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปเมืองเยรีโค” แต่ท่านตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ดังนั้นเขาทั้งสอง ก็มายังเมืองเยรีโค”
(Elijah said to him, “Elisha, please stay here, for the Lord has sent me to Jericho.” But he said, “As the Lord lives, and as you yourself live, I will not leave you.” So they came to Jericho. )
2:5 “และเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเมืองเยรีโคเข้ามาใกล้เอลีชา และพูดกับท่านว่า “ท่านทราบไหมว่า วันนี้ พระยาห์เวห์จะทรงรับอาจารย์ของท่านไปจากท่าน?” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว เงียบๆ ไว้”
(The sons of the prophets who were at Jericho drew near to Elisha and said to him, “Do you know that today the Lord will take away your master from over you?” And he answered, “Yes, I know it; keep quiet.”)
2:6 “เอลียาห์พูดกับท่านว่า “จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปที่แม่น้ำจอร์แดน” แต่ท่านตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ละทิ้งท่านฉันนั้น” แล้วเขาทั้งสองก็เดินต่อไป”
(Then Elijah said to him, “Please stay here, for the Lord has sent me to the Jordan.” But he said, “As the Lord lives, and as you yourself live, I will not leave you.” So the two of them went on. )
2:7 “คน 50 คนจากกลุ่มผู้เผยพระวจนะก็ไปด้วยเช่นกัน และยืนอยู่ไกลออกไป ส่วนท่านทั้งสองยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน”
(Fifty men of the sons of the prophets also went and stood at some distance from them, as they both were standing by the Jordan. )
2:8 “แล้วเอลียาห์เอาเสื้อคลุมของท่านม้วนเข้าแล้วฟาดลงที่น้ำนั้น น้ำก็แยกออกไปสองข้าง ท่านทั้งสองก็เดินข้ามไปบนดินแห้ง”
(Then Elijah took his cloak and rolled it up and struck the water, and the water was parted to the one side and to the other, till the two of them could go over on dry ground.)
2:9 “เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้ ก็จงขอเถิด ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากท่าน” และเอลีชาตอบว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน”
(When they had crossed, Elijah said to Elisha, “Ask what I shall do for you, before I am taken from you.” And Elisha said, “Please let there be a double portion of your spirit on me.” )
2:10 “และเอลียาห์ตอบว่า “ท่านขอสิ่งที่ยากนัก แต่ถ้าท่านเห็นเราถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าท่านไม่เห็นท่านก็จะไม่ได้”
(And he said, “You have asked a hard thing; yet, if you see me as I am being taken from you, it shall be so for you, but if you do not see me, it shall not be so.”)
2:11 “เมื่อท่านทั้งสองยังเดินสนทนากันต่อไป ดูสิ รถรบเพลิงคันหนึ่งและพวกม้าเพลิงได้แยกเขาทั้งสองออกจากกัน และเอลียาห์ได้ขึ้นไปสวรรค์์โดยพายุ”
(And as they still went on and talked, behold, chariots of fire and horses of fire separated the two of them. And Elijah went up by a whirlwind into heaven. )
2:12 “เอลีชาเห็น และร้องว่า “พ่อของข้า พ่อของข้า รถรบแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถ” และท่านก็ไม่ได้เห็นเอลียาห์อีกเลย แล้วท่านจับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองท่อน”
(And Elisha saw it and he cried, “My father, my father! The chariots of Israel and its horsemen!” And he saw him no more.Then he took hold of his own clothes and tore them in two pieces.)
2:13 “เอลีชาก็หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ ที่ตกลงมาจากเอลียาห์นั้น และกลับไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน”
(And he took up the cloak of Elijah that had fallen from him and went back and stood on the bank of the Jordan. )
2:14 “แล้วท่านก็เอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกลงมานั้น ฟาดลงที่น้ำ กล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์ สถิตที่ใด?” และเมื่อท่านฟาดลงที่น้ำ น้ำก็แยกออกไปสองข้าง และเอลีชาก็เดินข้ามไป”
(Then he took the cloak of Elijah that had fallen from him and struck the water, saying, “Where is the Lord, the God of Elijah?” And when he had struck the water, the water was parted to the one side and to the other, and Elisha went over.)
2:15 “เมื่อเหล่าผู้เผยพระวจนะที่อยู่เมืองเยรีโคเห็นท่านอยู่แต่ไกล เขาทั้งหลายพูดว่า “ฤทธิ์เดชของเอลียาห์อยู่กับเอลีชา” และเขาทั้งหลายมาพบท่าน แล้วโน้มตัวลงถึงดินคำนับท่าน”
(Now when the sons of the prophets who were at Jericho saw him opposite them, they said, “The spirit of Elijah rests on Elisha.” And they came to meet him and bowed to the ground before him.)
2:16 “เขาทั้งหลายพูดกับท่านว่า “มีชายฉกรรจ์ 50 คนอยู่กับผู้รับใช้ของท่าน โปรดให้พวกเขาไปเสาะหาอาจารย์ของท่าน บางทีพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้รับท่านไปแล้วเหวี่ยงท่าน ลงมาที่ภูเขาลูกหนึ่งหรือหุบเขาแห่งหนึ่ง” และท่านว่า “อย่าใช้พวกเขาไปเลย”
(And they said to him, “Behold now, there are with your servants fifty strong men. Please let them go and seek your master. It may be that the Spirit of the Lord has caught him up and cast him upon some mountain or into some valley.” And he said, “You shall not send.” )
2:17 “แต่เมื่อพวกเขารบเร้าท่านจนท่านละอาย แล้วท่านจึงพูดว่า “ใช้ไปซี” เพราะฉะนั้น เขาจึงใช้ห้าสิบคนไป พวกเขาเสาะหาเอลียาห์อยู่สามวันแต่ไม่พบท่าน”
(But when they urged him till he was ashamed, he said, “Send.” They sent therefore fifty men. And for three days they sought him but did not find him. )
2:18 “พวกเขา ก็กลับมาหาเอลีชา ขณะที่ท่านพักอยู่ที่เมืองเยรีโค และท่านพูดกับพวกเขาว่า “เราบอกพวกท่าน แล้วไม่ใช่หรือว่า อย่าไปเลย”
(And they came back to him while he was staying at Jericho, and he said to them, “Did I not say to you, ‘Do not go’?”)
2:19 “ผู้คนในเมืองนั้น พูดกับเอลีชาว่า “ดูสิ ทำเลเมืองนี้ร่มรื่นดี เหมือนอย่างที่เจ้านายของข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว แต่น้ำไม่ดีและแผ่นดินนั้นก็ไม่เกิดผล”
(Now the men of the city said to Elisha, “Behold, the situation of this city is pleasant, as my lord sees, but the water is bad, and the land is unfruitful.” )
2:20 “ท่านพูดว่า “จงเอาชามใหม่มาใบหนึ่ง ใส่เกลือในนั้น” แล้วเขาทั้งหลายก็หามาให้”
(He said, “Bring me a new bowl, and put salt in it.” So they brought it to him. )
2:21 “แล้วท่านก็ไปที่น้ำพุ โยนเกลือลงในนั้นและกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราทำน้ำนี้ให้ดีแล้ว ตั้งแต่นี้ไป จะไม่มีความตายหรือการไม่เกิดผลเพราะน้ำนี้อีก”
(Then he went to the spring of water and threw salt in it and said, “Thus says the Lord, I have healed this water; from now on neither death nor miscarriage shall come from it.” )
2:22 “ดังนั้น น้ำนั้นจึงดีมาจนถึงทุกวันนี้ ตามถ้อยคำที่เอลีชากล่าวนั้น”
(So the water has been healed to this day, according to the word that Elisha spoke.)
2:23 “ท่านได้ขึ้นไปจากที่นั่นถึงเมืองเบธเอล และขณะขึ้นไปตามทาง มีกลุ่มเด็กชายเล็กๆ ออกมาจากเมืองล้อเลียนท่านว่า “อ้ายหัวล้าน ไปให้พ้น อ้ายหัวล้าน ไปให้พ้น”
(He went up from there to Bethel, and while he was going up on the way, some small boys came out of the city and jeered at him, saying, “Go up, you baldhead! Go up, you baldhead!” )
2:24 “ท่านก็หันมาเห็นพวกเขา จึงแช่งพวกเขาในพระนามพระยาห์เวห์ และหมีตัวเมียสองตัวออกมาจากป่า ฉีกเด็กพวกนั้นเสีย 42 คน
(And he turned around, and when he saw them, he cursed them in the name of the Lord. And two she-bears came out of the woods and tore forty-two of the boys. )
2:25 “จากที่นั่นท่านขึ้นไปถึงภูเขาคารเมล และจากที่นั่นท่านก็กลับมายังกรุงสะมาเรีย”
(From there he went on to Mount Carmel, and from there he returned to Samaria.)
ข้อมูลมีประโยชน์
2:1 “กิลกาล” (Gilgal) = น่าจะเป็นกิลกาลที่อยู่ประมาณ 3 กิโลเมตรเหนือเบธเอล
2:2 “ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่าน” (I will not leave you ) = เอลีชาตระหนักว่า พันธกิจของเอลียาห์ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเอลียาห์กำลังจะจากไป (ข.5) เอลีชาจึงตั้งใจที่จะอยู่กับเอลียาห์จนกระทั่งพระเจ้าทรงรับเอลียาห์ไป
-เอลีชาจึงทุ่มเทให้เอลียาห์และพันธกิจของเอลียาห์อย่างเต็มที่ (ข.9;1พกษ.19:21)
2:3 “เหล่าผู้เผยพระวจนะ” (the sons of the prophets) แปลตรงตัว “บรรดาบุตรผู้เผยพระวจนะ” (1พกษ.20:35) –ในสมัยของเอลียาห์และเอลีชา มีกลุ่มผู้เผยพระวจนะเช่นนี้ในเบธเอล (ข.3) ในเยรีโค (ข.5) และในกิลกาล (4:38)
-เอลียาห์เดินทางตามคำสั่งของพระเจ้าไปยังกิลกาล (ข.1) เบธเอล (ข.2) และเยรีโค (ข.4) เพื่อพบกับบรรดาผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เป็นครั้งสุดท้าย
2:7 “คน 50 คน” (Fifty men) –ก่อนหน้าอาหัสยาห์บัญชาทหาร 50 คนไปหาเพื่อจัดการกับเอลียาห์ (1พกษ.1:9,11,13) มี 50 คนที่ตามหาเอลียาห์ (1พกษ.2:16-17) (เปรียบเทียบกับผู้เผยพระวจนะแอบซ่อนในถ้ำ ๆ ละ 50 คน ในสมัยที่เยเชเบลไล่ล่า) แต่กลุ่ม 50 คน ในตอนนี้มาเป็นสักขีพยานในการข้ามแม่น้ำอย่างอัศจรรย์ของเอลียาห์และเอลีชา
2:8 “เอลียาห์เอาเสื้อคลุมของท่านม้วนเข้าแล้วฟาดลงที่น้ำนั้น” (Then Elijah took his cloak and rolled it up and struck the water) = เหมือนที่โมเสสใช้ไม้เท้าเพื่อทำให้น้ำแยกออกและชาวอิสราเอลเดินข้ามทะเลแดงไป (อพย.14:16,21,26)
2:9 “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน” (Please let there be a double portion of your spirit on me) = เอลีชาไม่ได้ขอทำพันธกิจที่ใหญ่กว่าเอลียาห์เป็น 2 เท่า แต่สำนวนนี้มีความหมายตามกฎหมายการสืบทอดมรดกที่กำหนดให้บุตรหัวปีได้รับมรดกจากบิดาเป็น 2 เท่าของน้องคนอื่น ๆ (ฉธบ.21:17)
= ในที่นี้หมายความว่า เอลีชาต้องการสืบทอดพันธกิจของเอลียาห์
2:10 “ท่านขอสิ่งที่ยากนัก” (You have asked a hard thing) = แม้ว่าก่อนหน้านี้เอลียาห์ได้รับคำบัญชาให้ตั้งเอลีชาเป็นผู้สืบทอด (1พกษ.19:16, 16-21) แต่ท่านก็ทราบว่าเรื่องนี้อยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว ตัวท่านเองจะสัญญาให้อะไรแก่ใครตามใจไม่ได้เลย
“แต่ถ้าท่านเห็นเราถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้อย่างนั้น” (if you see me as I am being taken from you) = เอลียาห์ขอให้พระเจ้าเป็นผู้ตอบคำขอของเอลีชา
2:11 “รถรบเพลิงคันหนึ่ง” (chariots of fire) = บรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้ามีส่วนร่วมและสนับสนุนพันธกิจของเอลียาห์ ดังที่สนับสนุนโมเสส (อพย.15:1-10) ตลอดมา และขณะนี้เอลียาห์กำลังจะจากไป เอลีชาจึงได้รับอนุญาตให้มองเห็นได้ (6:17)
“เอลียาห์ได้ขึ้นไปสวรรค์โดยพายุ” (Elijah went up by a whirlwind into heaven.) = เอลียาห์ได้ถูกรับขึ้นไปสู่สวรรค์โดยไม่ตายเช่นเดียวกับเอโนค (ปฐก.5:24)
= เอลียาห์ถูกรับขึ้นไปในขณะที่อยู่นอกดินแดนแห่งพันธสัญญาเหมือนโมเสส (ฉธบ.34:4-6)
2:12 “รถรบแห่งอิสราเอลและทหารม้าประจำรถ” (The chariots of Israel and its horsemen) = เอลีชาประกาศว่า เอลียาห์คือสัญลักษณ์ของพลังแห่งอำนาจที่แท้จริงของอิสราเอล
-พวกเขาทิ้งพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าทิ้งพวกเขา (13:14)
“จับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองท่อน” (took hold of his own clothes and tore them in two pieces) –ปฐก.44:13
= เครื่องหมายของความทุกข์ใจและเศร้าโศกเสียใจ (ปฐก.37:29;37:34)
2:13 “เอลีชาก็หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์” (he took up the cloak of Elijah) –ข.-8, การเป็นเจ้าของเสื้อคลุมของเอลียาห์เป็นสัญลักษณ์ว่า เอลีชาเป็นผู้สืบทอดพันธกิจของเอลียาห์ (1พกษ.19:19)
2:14 “เอาเสื้อคุลมของเอลียาห์…ฟาดลงที่น้ำ…น้ำแยกออกไปสองข้าง” (took the cloak of Elijah …struck the water, … water was parted to the one side and to the other) = พระเจ้ารับรองเอลีชาในฐานะผู้สืบทอดพันธกิจของเอลียาห์ และได้สำแดงว่าฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่เคยอยู่กับเอลียาห์ในการกระทำพันธกิจบัดนี้สถิตอยู่กับเอลีชาด้วย
“เอลีชาก็เดินข้ามไป” (Elisha went over) = เหมือนกับตอนโยชูวาเดินข้ามแม่น้ำจอร์แดนในที่นี้ บัดนี้เอลีชาเป็นดุจ “โยชูวา” ของเอลียาห์
“เอลีชา” มีความหมายว่า “พระเจ้าทรงช่วย” และ “โยชูวา” หมายความว่า “พระยาห์เวห์ทรงช่วย”
2:15 “โน้มตัวลงถึงดินคำนับท่าน” (bowed to the ground before him ) = บ่งบอกว่า พวกเขายอมรับเอลีชาในการสืบทอดพันธกิจต่อจากเอลียาห์
= ประกาศว่าเอลีชาเป็นตัวแทนของพระเจ้าในดินแดน และในสมัยราชวงศ์ที่ละทิ้งพระเจ้าอย่างเป็นทางการแล้ว
2:16 “บางทีพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้รับท่านไปแล้วเหวี่ยงท่านลงมาที่ภูเขา” (It may be that the Spirit of the Lord has caught him up and cast him upon some mountain) = โอบาดีห์ก็เคยแสดงความเชื่อเช่นนี้เมื่อหลายปีก่อน (1พกษ.18:12)
“อย่าใช้พวกเขาไปเลย” (You shall not send) = รู้ว่าส่งไปก็ไร้ประโยชน์
2:17 “จนท่านละอาย” (he was ashamed) = จนขัดไม่ได้ เป็นคำภาษาฮีบรูคำเดียวกับใน วนฉ.3:25 ที่หมายถึง “จนรู้สึกวุ่นวายใจ”
-เอลีชาถูกผู้เผยพระวจนะกดดันจนต้องส่งคนออกไปตามหาเอลียาห์
“ใช้ไปซี” (Send) = จะไปก็ไป เมื่อพวกผู้เผยพระวจนะไม่ยอมฟังคำของเอลีชา ท่านก็อนุญาตให้พวกเขาไปหาเพื่อยืนยันสิทธิอำนาจและความจริงในคำพูดของท่าน
2:19 “แต่น้ำไม่ดีและแผ่นดินนั้นก็ไม่เกิดผล” (but the water is bad, and the land is unfruitful.) = ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรีโคกำลังประสบผลตามคำสาปแช่งในพันธสัญญา
-เปรียบเทียบความแตกต่างใน ฉธบ.28:15-18;อพย.23:25-26;ลนต.26:9;ฉธบ.28:1-4;1พกษ.16:34;
ยชว.6:26
2:20 “ชามใหม่” (new bowl) = เป็นเครื่องหมายว่า สิ่งที่จะนำมารับใช้พระเจ้าจะต้องไม่ใช่สิ่งที่เป็นมลทินจากการใช้มาก่อนหน้านี้ (ลนต.1:3,10;กดว.19:2;ฉธบ.21:3;1ซมอ.6:7)
“ใส่เกลือในนั้น” (put salt in it) = ใช้เกลือเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ของพระเจ้าตามพระสัญญา (กดว.18:19;2พศด.13:5)
= เกลือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องหอมพิเศษที่ใช้ในสถานนมัสการ (อพย.30:35) อาจเป็นเกลือที่ใช้ในอาหารสำหรับถวายบูชา มักใช้ควบคู่กับการทำพันธสัญญา (ปฐก.31:54;อพย.24:5-11;สดด.50:5)
2:21 “เราทำน้ำนี้ให้ดีแล้ว” (I have healed this water) =สั่งทำให้น้ำมีสภาพดีไม่ใช่เกลือ แต่ผู้ที่ทำให้น้ำหายจากสภาพไม่ดี คือ พระเจ้า
= นี่คือพันธกิจแรกของเอลีชาเป็นสัญลักษณ์ประกาศแก่ประชาชนว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่เชื่อฟัง แต่พระเจ้ายังทรงเมตตา และยื่นมือช่วยเหลือพวกเขาด้วยพระคุณ (13:23)
2:23 “อ้ายหัวล้าน ไปให้พ้น” (Go up, you baldhead!) = อาการหัวล้านเป็นสิ่งที่ไม่พบบ่อยนักในชนชาติยิวยุคโบราณ เพราะการมีผมหนา ยาว และแข็งแรงเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงและความมีพลัง (2ซมอ.14:26) = คำเรียกเอลีชาว่า “อ้ายหัวล้าน” จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการดูหมิ่นเหยียดหยามตัวแทนของพระเจ้า และมองว่าผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าไม่มีน้ำยาหรืออำนาจใด ๆ
“ไปให้พ้น” (Go up) = อาจเป็นคำล้อเลียนให้เอลีชาไปสวรรค์เหมือนเอลียาห์หรือเป็นการต่อต้านไม่ให้เอลีชาสืบสานงานต่อจากเอลียาห์ ในการต่อต้านราชวงศ์ที่ละทิ้งพระเจ้า เพราะเบธเอลเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของบรรดากษัตริย์แห่งอาณาจักรเหนือ (1พกษ.12:29;อมส.7:13)
2:24 “จึงแช่งพวกเขาในพระนามพระยาห์เวห์” (he cursed them in the name of the Lord) = คำสาปแช่งคล้ายคำสาปแช่งในพันธสัญญา (ลนต.26:21-22) เป็นการเตือนว่าชนชาตินี้จะถูกพิพากษา หากว่าพวกเขายังไม่กลับใจ (2พศด.36:16)
สิ่งที่เอลีชาทำในช่วงต้นพันธกิจของท่าน จึงเป็นการประกาศถึง
- พระพรตามพันธสัญญาของพระเจ้าสำหรับผู้ที่แสวงหาพระองค์ (2:19-22)
- คำสาปแช่งตามพันธสัญญาสำหรับผู้ที่หันหลังต่อสู้พระองค์ (1พกษ.19:17)
คำถามนำอภิปราย
- ทุกคนมีเวลาที่จะถูกรับไป(จากโลกนี้) หากวันนี้ถึงกำหนดที่คุณต้องจากไป คุณจะรู้สึกอย่างไร? ทำไม?
- หากคุณรู้ว่าคุณกำลังจะถูกรับไปเร็ว ๆ นี้ คุณจะปรับเปลี่ยนอะไรในชีวิตของคุณบ้าง? อย่างไร? และทำไม?
- คุณเคยอยู่ใกล้ชิดผู้รับใช้พระเจ้าคนใดที่คุณไม่อยากห่างไกลจากบุคคลนั้น? ทำไม? ทั้ง ๆ ที่คุณถูกห้ามไม่ให้ติดตามไป?
- หากเป็นไปได้ คุณอยากได้อะไรจากคนของพระเจ้า(หรือผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า) ? ทำไมต้องการเช่นนั้น?
- คุณเคยรู้สึกเสียใจกับการจากไปของ “บุคคลใด” มากที่สุด? (โดยเฉพาะอย่าง์ยิ่งผู้รับใช้ของพระเจ้า) ทำไม?
- คุณมีประสบการณ์อะไรกับฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่สำแดงผ่านชีวิตของคุณบ้าง? เรื่องอะไร? อย่างไร และผลที่เกิดขึ้นคืออะไร?
- คุณเคยเป็นผู้นำ(หรือขึ้นมาเป็นผู้นำ)แล้ว(ผู้นำ)คนอื่น ๆ ไม่ยอมเชื่อฟังคุณบ้างหรือไม่? แล้วคุณทำอย่างไร?
- คุณเคยเห็นพระเจ้าทรงแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรหรือใครอย่างอัศจรรย์บ้าง? คุณมีส่วนอะไรในการเปลี่ยนแปลงนั้นบ้าง? อย่างไร?
- คุณเคยนำการสาปแช่งของพระเจ้าไปถึงผู้ใดบ้าง? อย่างไร? และทำไม?
- คุณเคยเห็นการลงโทษของพระเจ้าต่อคนที่ดูหมิ่นผู้รับใช้ของพระเจ้าบ้างหรือไม่? อย่างไร?
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์