อย่าลบหลู่พระเจ้าและคนของพระองค์!
พระธรรม 2พงศ์กษัตริย์ 1:1-18
อ้างอิง 2พกษ.1:2-6,11,15-16;3:1-5;4:38;6:14;8:16;9:16,21,17:1;18:7,38;1พกษ.19:11,16-21
บทนำ กษัตริย์อาหัสยาห์ ขึ้นครองราชย์ไม่นานก็จบชีวิตลง เพราะไม่ยำเกรงพระเจ้า ไม่ใส่ใจพระวจนะของพระองค์ และไม่ให้เกียรติต่อคนของพระองค์ อย่าให้เรานำเอาภัยพิบัติมาสู่ตนเองและคนที่อยู่ใต้การดูแลของเรา เพราะความดื้อรั้นทรนงของตัวเราเองเลย!
บทเรียน
1:1 “ภายหลังอาหับสิ้นพระชนม์แล้ว โมอับก็กบฏต่ออิสราเอล”
(After the death of Ahab, Moab rebelled against Israel.)
1:2 “ส่วนอาหัสยาห์ทรงตกลงมาจากช่องหน้าต่างตาข่ายที่ห้องชั้นบนของพระองค์ในกรุงสะมาเรีย และประชวร จึงทรงใช้บรรดาผู้สื่อสารไป รับสั่งว่า “จงไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครนว่าเราจะหายจากความเจ็บป่วยนี้หรือไม่?”
(Now Ahaziah fell through the lattice in his upper chamber in Samaria, and lay sick; so he sent messengers, telling them, “Go, inquire of Baal-zebub, the god of Ekron, whether I shall recover from this sickness.” )
1:3 “แต่ทูตของพระยาห์เวห์พูดกับเอลียาห์ชาวทิชบีว่า “จงลุกขึ้นไปพบบรรดาผู้สื่อสารของพระราชาแห่งสะมาเรีย และจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘เพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ? ท่านจึงไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครน’”
(But the angel of the Lord said to Elijah the Tishbite, “Arise, go up to meet the messengers of the king of Samaria, and say to them, ‘Is it because there is no God in Israel that you are going to inquire of Baal-zebub, the god of Ekron? )
1:4 “เพราะ ฉะนั้นพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ” แล้วเอลียาห์ก็ไป”
(Now therefore thus says the Lord, You shall not come down from the bed to which you have gone up, but you shall surely die.’” So Elijah went.)
1:5 “ผู้สื่อสารนั้นก็กลับมาเฝ้าพระราชา พระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงพากันกลับมา?”
(The messengers returned to the king, and he said to them, “Why have you returned?” )
1:6 “พวกเขา ทูลพระองค์ว่า “มีชายคนหนึ่งขึ้นมาพบกับพวกข้าพระบาท และพูดกับพวกข้าพระบาทว่า ‘จงกลับไปหาพระราชาผู้ทรงใช้ท่านมา และทูลพระองค์ว่า พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ? เจ้าจึงใช้คนไปถามพระบาอัลเซบูบพระแห่งเอโครน เพราะฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ”
(And they said to him, “There came a man to meet us, and said to us, ‘Go back to the king who sent you, and say to him, Thus says the Lord, Is it because there is no God in Israel that you are sending to inquire of Baal-zebub, the god of Ekron? Therefore you shall not come down from the bed to which you have gone up, but you shall surely die.’” )
1:7 “พระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “คนที่ขึ้นมาพบเจ้าและบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้านั้นมีลักษณะอย่างไร?”
(He said to them, “What kind of man was he who came to meet you and told you these things?” )
1:8 “เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านมีขนดกและมีสายหนังคาดเอวของท่าน” และพระองค์ตรัสว่า “เป็นเอลียาห์ชาวทิชบี”
(They answered him, “He wore a garment of hair, with a belt of leather about his waist.” And he said, “It is Elijah the Tishbite.”)
1:9 “แล้วพระราชาก็รับสั่งให้นายกอง กับทหาร 50 นายไปหาเอลียาห์ เขาได้ขึ้นไปหาท่าน นี่แน่ะ ท่านนั่งอยู่บนยอดเขาและนายกองกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘ลงมา’ ”
(Then the king sent to him a captain of fifty men with his fifty. He went up to Elijah, who was sitting on the top of a hill, and said to him, “O man of God, the king says, ‘Come down.’” )
1:10 “แต่เอลียาห์ตอบนายกองว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์เผาผลาญท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” แล้วไฟก็ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญเขากับคนทั้งห้าสิบของเขาเสีย”
(But Elijah answered the captain of fifty, “If I am a man of God, let fire come down from heaven and consume you and your fifty.” Then fire came down from heaven and consumed him and his fifty.)
1:11 “แล้วพระราชารับสั่งให้นายกองอีกคนหนึ่งกับทหาร 50 นายของเขา และเขาก็กล่าวแก่ท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘ลงมาเร็วๆ’ ”
(Again the king sent to him another captain of fifty men with his fifty. And he answered and said to him, “O man of God, this is the king’s order, ‘Come down quickly!’” )
1:12 “แต่เอลียาห์ตอบว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์เผาผลาญท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” และไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญเขากับคนทั้งห้าสิบของเขาเสีย”
(But Elijah answered them, “If I am a man of God, let fire come down from heaven and consume you and your fifty.” Then the fire of God came down from heaven and consumed him and his fifty.)
1:13 “แล้วพระราชารับสั่งให้นายกองคนที่สามไปพร้อมกับทหาร 50 นายของเขา และนายกองคนที่สามก็ขึ้นไป และคุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์ และวิงวอนท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าและชีวิตของผู้รับใช้ของท่านอีก 50 คนนี้เป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของท่าน”
(Again the king sent the captain of a third fifty with his fifty. And the third captain of fifty went up and came and fell on his knees before Elijah and entreated him, “O man of God, please let my life, and the life of these fifty servants of yours, be precious in your sight. )
1:14 “นี่แน่ะ ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์ และได้เผาผลาญนายกองสองคนก่อนเสีย พร้อมทั้งทหาร 50 นายของเขาด้วย แต่บัดนี้ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของ ท่าน”
(Behold, fire came down from heaven and consumed the two former captains of fifty men with their fifties, but now let my life be precious in your sight.” )
1:15 “แล้วทูตของพระยาห์เวห์กล่าวแก่เอลียาห์ว่า “จงลงไปกับเขาเถิด อย่ากลัวเขาเลย” ท่านก็ลุกขึ้นลงไปกับเขา เข้าเฝ้าพระราชา”
(Then the angel of the Lord said to Elijah, “Go down with him; do not be afraid of him.” So he arose and went down with him to the king )
1:16 “และทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้ส่งผู้สื่อสารไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครน เนื่องจากไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลให้ทูลถามพระวจนะของ พระองค์อย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้น เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอน แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ”
(and said to him, “Thus says the Lord, ‘Because you have sent messengers to inquire of Baal-zebub, the god of Ekron—is it because there is no God in Israel to inquire of his word?— therefore you shall not come down from the bed to which you have gone up, but you shall surely die.’”)
1:17 “ดังนั้นอาหัสยาห์ก็สิ้นพระชนม์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งเอลียาห์กล่าวนั้น และโยรัม ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮรัม พระราชโอรสของเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ เพราะอาหัสยาห์ไม่มีโอรส”
(So he died according to the word of the Lord that Elijah had spoken. Jehoram became king in his place in the second year of Jehoram the son of Jehoshaphat, king of Judah, because Ahaziah had no son. )
1:18 “ส่วนพระราชกิจอื่นๆ นอกนั้นของอาหัสยาห์ ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่ หรือ?”
(Now the rest of the acts of Ahaziah that he did, are they not written in the Book of the Chronicles of the Kings of Israel?)
ข้อมูลมีประโยชน์
1:1 “ภายหลังอาหับสิ้นพระชนม์แล้ว” (After the death of Ahab) –1พกษ.22:37, ปท. ยชว.1:1;วนฉ.1:1; 2ซมอ.1:1
“โมอับ” (Moab) = เป็นเมืองขึ้นในรัชกาลของดาวิด (2ซมอ.8:2) เมื่อเผ่าอิสราเอลทางเหนือและเผ่าที่อยู่อีกฟากของแม่น้าจอร์แดนกบฎต่อยูดาห์ และแต่งตั้งเยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ การครอบครองโมอับอาจเปลี่ยนมือไปอยู่ในการดูแลของอาณาจักรเหนือ
-โมอับสามารถปลดปล่อยดินแดนแถบเมเดบาจากการควบคุมของอิสราเอล
1:2 “บาอัลเซบูบ” (Baal-zebub) –วนฉ.10:6 , ชาวซีเรียมีพระต่าง ๆ –หัวหน้าของพระเหล่านั้นคือ พระฮาดัด (บาอัล) ,พระโมท พระอานาท และพระริมโมน
ชาวคานาอันก็นมัสการพระกลุ่มเดียวกับพวกไซดอน(ชาวฟินิเซีย)มีพระบาอัลเป็นเทพเจ้าและมีพระตามท้องถิ่นต่าง ๆ อีก (วนฉ.2:11)
“พระบาอัล” แปลว่า “เจ้านาย” เชื่อกันว่าเป็นลูกชายของพระดาโกนหรือลูกชายของพระเอล ในซีเรีย (อารัม) เรียกว่า “พระฮาดัด และในบาบิโลนเรียกว่า “พระอาดัด” เชื่อกันว่า สามารถอวยพรให้มีลูกดก ให้ฝนที่ให้ชีวิตแก่แผ่นดิน มักจะยืนอยู่บนหลังวัว เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และความแข็งแรง (1พกษ 12:28) มีรถศึกเป็นเมฆฝน มีเสียงเป็นฟ้าผ่า ถือสายฟ้าเป็นหอกและธนู
-การบูชาพระบาอัลทำโดยการร่วมประเวณีและการสังเวยเด็ก (ยรม.19:5)
-ในพระคัมภีร์เล่าเรื่องของเอลียาห์และเอลีชาที่ต่อต้านลัทธิบูชาพระบาอัลทั้งทางตรงและทางอ้อม (1พกษ.17-2พกษ.13) และในพระคัมภีร์เดิมตอนอื่น ๆ (สดด.29:3-9;68:1-4,32-34;93:1-5;97:1-5;ยรม.10:12-16;14:22;ฮชย.2:8,16-17;อมส.5:8)
-“พระอัชโทเรท” = เทพีทั้งหมดซึ่งรวมพระอัชโทเรท (เมียของพระบาอัล) ,เจ้าแม่ อาเชราห์ (เมียของพระเอล หัวหน้าเทพเจ้าของชาวคานาอัน)
-โดยที่อัชโทเรทมีความเกี่ยวข้องกับดาวศุกร์ และเป็นเทพีงามแห่งสงครามและความอุดมสมบูรณ์
-ในบาบิโลนเรียกอีกชื่อว่า “เทพีอิชทาร์”
-ในซีเรีย(อารัม) เรียกว่า “อัซทาร์ท”
-ในกรีกเรียกว่า “อัสทาร์เท” (หรืออะโฟรไดท์)
-ในโรม เรียกว่า “วีนัส”
-การนมัสการอัทโทเรทนั้น เต็มไปด้วยกามตัณหา (1พกษ.14:24;2พกษ.23:7)
“เอโครน” (Ekron) = เมืองที่อยู่ทางเหนือสุดในบรรดาเมืองทั้ง 5 ของฟิลิสเตีย (ยชว.13:3;1ซมอ.5:10)
“เราจะหายจากความเจ็บป่วยนี้หรือไม่?” (I shall recover from this sickness) = อาหัสยาห์ คงเกรงว่า อาการบาดเจ็บจะร้ายแรงถึงชีวิต จึงหันไปหาพระต่างชาติเพื่อรู้อนาคต ไม่ใช่การรักษา
1:3 “ทูตของพระยาห์เวห์” (angel of the Lord) –1พกษ.19:7;ปฐก.16:7
-ปกติพระเจ้าจะตรัสโดยตรงในจิตสำนึกของผู้เผยพระวจนะ (1พกษ.17:2,8;18:1;19:9;21:17)
-อาจต้องการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างผู้สื่อสารของอาหัสยาห์ และผู้สื่อสาร (ทูต)ของพระเจ้า
“เอลียาห์” (Elijah) –1พกษ.17:1
“พระราชาแห่งสะมาเรีย” (the king of Samaria) –1พกษ.21:1
1:4 “แต่เจ้าจะต้องตายแน่” (you shall surely die) –อาหัสยาห์ได้รับนิมิตหรือคำตอบที่เขาต้องการจาก พระเจ้า ไม่ใช่จากบาอัลเชบูบ
1:5 “ทำไมพวกเจ้าจึงพากันกลับมา?” (Why have you returned?) = อาหัสยาห์ รู้ว่าผู้ส่งสารไม่สามารถเดินทางไปกลับเอโครนได้เร็วขนาดนี้
1:8 “ท่านมีขนดก” ( He wore a garment of hair) = แปลได้อีกอย่างว่า “ท่านสวมเสื้อผ้าที่ทำด้วยขนสัตว์”
= เสื้อคลุมขนสัตว์ของเอลียาห์ (1พกษ.19:19) คงทำจากขนแกะหรือขนอูฐ คาดเอวด้วยสายหนังแบบ
ง่าย ๆ (มธ.3:4) ซึ่งแตกต่างจากผ้าลินินเนื้อดี ยรม.13:1) ของคนที่ร่ำรวยอย่างกษัตริย์และชนชั้นสูง (มธ.11:7-8;ลก.7:24-25)
“เป็นเอลียาห์ชาวทิชบี” (It is Elijah the Tishbite.) = อาหัสยาห์คุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของเอลียาห์เป็นอย่างดี เพราะเอลียาห์เคยผชิญหน้ากับอาหับผู้เป็นบิดาของเขาหลายครั้ง
1:9 “นายกองทัพทหาร 50 นาย” (captain of fifty men with his fifty) = คนในสมัยนั้นเชื่อว่า อำนาจ เวทมนตร์หรือคำสาปแช่งสามารถหักล้างได้ หากบังคับให้ผู้สาปแช่งถอนคำพูดหรือฆ่าผู้แช่งให้ตาย อาหัสยาห์อาจมีความคิดในทำนองนี้ จึงอาจคิดจับหรือฆ่าเอลียาห์
“ท่านคนของพระเจ้า…ลงมา” (O man of God… Come down) = กษัตริย์อาหัสยาห์พยายามให้ เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะ(ของพระเจ้า)อยู่ใต้อำนาจของเขา การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดพันธสัญญาเกี่ยวกับกษัตริย์ของอิสราเอล ซึ่งความประพฤติของกษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบและสิทธิอำนาจของพระวจนะของพระเจ้าที่ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า ร(1ซมอ.10:25;12:23)
1:10 “ไฟก็ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญเขากับคนทั้งห้าสิบของเขาเสีย” (Then fire came down from heaven and consumed him and his fifty) –1พกษ.18:38;ปท.กับโมเสส –ลนต.10:2;กดว.16:35
-อาหัสยาห์ต้องรู้ว่า เขาเป็นกษัตริย์ที่เป็นตัวแทนภายใต้สิทธิอำนาจและการปกครองของพระเจ้า เขาต้องไม่ใช้อำนาจอย่างทรราชเหมือนบรรดากษัตริย์ต่างชาติ (1ซมอ.12:14-15)
-ที่ภูเขาคารเมลพระเจ้าเคยรับรองผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ด้วยไฟจากฟ้าสวรรค์ไปแล้ว (1พกษ.18:38-39) และทรงยืนยันต่ออาหัสยาห์อีกครั้ง
1:11 “พระราชารับสั่งให้นายกองอีกคนหนึ่งกับทหาร 50 นายของเขา” ( the king sent to him another captain of fifty men with his fifty) = อาหัสยาห์ ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อพระวจนะของ(คนของ)พระเจ้าทั้ง ๆ ที่พระเจ้าสำแดงฤทิ์เดชของพระองค์ให้เห็นชัดเจนแล้ว
1:13 “…พระราชารับสั่งให้นายกองคนที่สามไปพร้อมกับทหาร 50 นายของเขา” (…the king sent the captain of a third fifty with his fifty.) = อาหัสยาห์ยังดื้อรั้นไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้าอีก
“คุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์” (fell on his knees before Elijah) –นายทหารคนที่ 3 ตระหนักว่า เอลียาห์เป็นผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้า และตรัสว่า ตัวเองต้องตายจึงคุกเข่าด้วยความถ่อมตัวถ่อมใจขอร้องเอลียาห์
1:15 “จงลงไปกับเขาเถิด อย่ากลัวเขาเลย” (Go down with him ;do not be afraid of him) –ข.3;อสย. 51:12;57:11;ยรม.1:17;อสค.2:6
1:17 “อาหัสยาห์ก็สิ้นพระชนม์ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์” (he died according to the word of the Lord ) = สุดท้ายอาหัสยาห์ก็ถูกพิพากษาลงโทษ เพราะหันเหไปจากพระเจ้า ไปหาพระต่างชาติ และยืนยันว่า พระวจนของพระเจ้านั้นเชื่อถือได้ และทรงอำนาจมากยิ่งกว่าอำนาจของกษัตริย์ (และพระใด ๆ)
“โยรัม” (Jehoram) = น้องชายของอาหัสยาห์ (3:1;1พกษ.22:51) ขึ้นครองราชย์แทน
“ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮรัมพระราชโอรสของเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์” (in the second year of Jehoram the son of Jehoshaphat, king of Judah)
-รัชกาลของเยโฮรัม ทับซ้อนกับเยโฮชาฟัท บิดาตั้งแต่ปี 853-848 ก.ค.ศ. เยโฮรัมสำเร็จราชการร่วมกับบิดามาจนถึงเวลาที่ได้ครองราชย์เพียงผู้เดียวในปี 848 ก.ค.ศ. (2พกษ.8:16)
1:18 “หนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอล” (the Book of the Chronicles of the Kings of Israel?)
–1พกษ.14:19
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยประสบกับอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยแบบร้ายแรงบ้างหรือไม่? เกิดขึ้นได้อย่างไร? คุณเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นบ้าง?
- เมื่อคุณมีปัญหาหรือยู่ในสภาพที่ออกอาการสาหัส คุณคิดถึงใครหรืออะไรก่อน ? ทำไม?
- คุณแก้ปัญหาหรืออาการของคุณอย่างไร?? ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่?
- ในยามที่คุณประสบปัญหา คุณเคยมองข้ามพระเจ้าหรือพระวจนะของพระองค์หรือผู้เผยพระวจนะ(ผู้รับใช้)ของพระองค์บ้างหรือไม่? คุณทำอะไรให้พระเจ้าไม่พอพระทัยหรือไม่? ทำไม?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์