“…ข้าพเจ้าดาเนียล ได้ดูในหนังสือ…ซึ่งตามพระวจนะของพระเจ้าที่ทรงมีถึงเยเรมีย์ผู้ เผยพระวจนะ จะต้องผ่านพ้นไปก่อนสิ้นวันกรุงเยรูซาเล็มร้างเปล่า คือ จำนวนเจ็ดสิบปี แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าไปหาพระเจ้า แสวงหาด้วยการอธิษฐานและการวิงวอน ทั้งด้วยการอดอาหาร…” (ดาเนียล 9:2-3)
พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทำบางสิ่ง แต่ดาเนียลก็ยังคงอธิษฐาน ทำไมดาเนียลไม่นั่งเอนหลังพูดว่า “เอาหละพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงสัญญาว่าจะจัดการให้ ถ้าเช่นนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิษฐาน”
นี่เป็นเรื่องแปลก — พระคัมภีร์สอนให้เราอธิษฐานในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แล้วว่าจะทำ
- วิวรณ์ 11:15 กล่าวว่า – และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆเสียงกล่าวขึ้นดังๆในสวรรค์ว่า “ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” แต่พระเยซูยังทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”
- พระคัมภีร์สอนว่าจะมีสันติภาพในเยรูซาเล็ม แต่สดุดี 122:6 บอกเราว่า – จงอธิษฐานขอสันติภาพให้แก่เยรูซาเล็มว่า “ขอบรรดาผู้ที่รักเธอจงจำเริญ”
- พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้ง (วิวรณ์ 22:20) ท่านยอห์นจึงอธิษฐานว่า “พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด” เป็นพระสัญญาล่วงหน้า แต่เราก็ถูกสั่งให้อธิษฐานว่ามันจะเกิดขึ้น
แม้แต่พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงทำบางสิ่ง พระองค์ก็จะทำ พระเจ้าทรงทำในสิ่งที่พระองค์จะทำผ่านคำอธิษฐานของประชากรของพระองค์ พระเจ้าต้องการให้เรามีส่วนในการทำพระประสงค์ของพระองค์บนโลกนี้ให้สำเร็จผ่านการอธิษฐาน
โดย : Pastor Adrian Rogers’ daily devotional
อนุญาตโดย : Love worth finding Ministries: www.lwf.org