เลือดหลั่งโลมปฐพี
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 21:1-29
อ้างอิง 1พกษ.16:3;18:17;20:43;22:38;12:30;14:9-11;2พกษ.9:10,34-36;21-26;10:6-10;17:17;22:20
บทนำ อย่าให้ความโลภ ความหยิ่งยโส หรือความหลงในอำนาจก่อเกิดบาปที่นำเอาความหายนะมาสู่ทุกคน รวมทั้งตัวของคุณ และลูกหลานของคุณ เหมือนดังที่เกิดขึ้นกับอาหับและเยเซเบลเลย!
บทเรียน
21:1 “และต่อมาหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ นาโบทชาวยิสเรเอลมีสวนองุ่นอยู่ในยิสเรเอล ข้างพระราชวังของอาหับ พระราชาแห่งสะมาเรีย”
(Now Naboth the Jezreelite had a vineyard in Jezreel, beside the palace of Ahab king of Samaria. )
21:2 “อาหับตรัสกับนาโบทว่า “จงให้สวนองุ่นของเจ้าแก่เราเถิด เพื่อเราจะได้ทำสวนผัก เพราะอยู่ใกล้วังของเรา เราจะให้สวนองุ่นที่ดีกว่าเพื่อแลกสวนนี้ หรือถ้าเจ้าเห็นชอบ เราจะให้เงินสมกับราคาสวนนั้น”
(And after this Ahab said to Naboth, “Give me your vineyard, that I may have it for a vegetable garden, because it is near my house, and I will give you a better vineyard for it; or, if it seems good to you, I will give you its value in money.”)
21:3 “แต่นาโบททูลอาหับว่า “โดยพระยาห์เวห์ ขอให้เรื่องนี้ห่างจากข้าพระบาทเถิด คือที่จะยกมรดกของบรรพบุรุษให้แก่ฝ่าพระบาท”
(But Naboth said to Ahab, “The Lord forbid that I should give you the inheritance of my fathers.”)
21:4 “อาหับจึงเสด็จเข้าในวังด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและกลัดกลุ้มยิ่งนัก ด้วยเรื่องที่นาโบทชาวยิสเรเอลทูลตอบพระองค์ เพราะเขาได้กล่าวว่า “ข้าพระบาทจะไม่ให้มรดกแห่งบรรพบุรุษของข้าพระบาทแก่ฝ่า พระบาท” และพระองค์ก็เอนพระกายลงบนพระแท่น เบือนพระพักตร์ ไม่เสวยอาหาร”
(And Ahab went into his house vexed and sullen because of what Naboth the Jezreelite had said to him, for he had said, “I will not give you the inheritance of my fathers.” And he lay down on his bed and turned away his face and would eat no food. )
21:5 “แต่เยเซเบลมเหสีของพระองค์เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมจิตใจของฝ่าพระบาทจึงกลัดกลุ้มจนไม่เสวยอาหาร?”
(But Jezebel his wife came to him and said to him, “Why is your spirit so vexed that you eat no food?”
21:6 “และพระองค์ตรัสตอบพระนางว่า “เพราะเราได้พูดกับนาโบทชาวยิสเรเอลว่า ‘จงขายสวนองุ่นของเจ้าให้เรา หรือมิฉะนั้นถ้าเจ้าพอใจ เราจะให้สวนองุ่นอีกแห่งหนึ่งแก่เจ้าเพื่อแลกกัน’ แต่เขาตอบว่า ‘ข้าพระบาทจะไม่ให้สวนองุ่นของข้าพระบาทแก่ฝ่าพระบาท’”
(And he said to her, “Because I spoke to Naboth the Jezreelite and said to him, “Give me your vineyard for money, or else, if it please you, I will give you another vineyard for it.” And he answered, “I will not give you my vineyard.”)
21:7 “และเยเซเบลมเหสีของพระองค์ทูลพระองค์ว่า “ฝ่าพระบาทเป็นผู้ครอบครองอิสราเอลอยู่หรือ เพคะ? เชิญเสด็จลุกขึ้นเสวยอาหารเถิด และให้พระทัยของฝ่าพระบาทร่าเริง หม่อมฉันจะมอบสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอลให้แก่ฝ่าพระบาทเอง”
(And Jezebel his wife said to him, “Do you now govern Israel? Arise and eat bread and let your heart be cheerful; I will give you the vineyard of Naboth the Jezreelite.”)
21:8 “พระนางจึงทรงพระอักษรในพระนามของอาหับ ประทับตราของพระองค์ ส่งไปยังผู้ใหญ่และเจ้านายผู้อยู่ในเมืองกับนาโบท”
(So she wrote letters in Ahab’s name and sealed them with his seal, and she sent the letters to the elders and the leaders who lived with Naboth in his city. )
21:9 “พระนางทรงพระอักษรว่า “จงประกาศให้ถืออดอาหาร และให้นาโบทนั่งในที่นั่งอันมีเกียรติท่ามกลางประชาชน”
(And she wrote in the letters, “Proclaim a fast, and set Naboth at the head of the people. )
21:10 “และให้คนอันธพาลสองคนนั่งตรงข้ามกับเขา ให้ฟ้องเขาว่า ‘เจ้าได้แช่งพระเจ้าและพระราชา’ แล้วพาเขาออกไป และเอาหินขว้างเสียให้ตาย”
(And set two worthless men opposite him, and let them bring a charge against him, saying, “You have cursed God and the king.” Then take him out and stone him to death.” )
21:11 “และคนของเมืองนั้น คือผู้ใหญ่และเจ้านายผู้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น ได้ทำตามที่เยเซเบลมีพระอักษรสั่งไปถึงพวกเขา ตามที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ซึ่งพระนางทรงมีไปถึงพวกเขานั้น”
(And the men of his city, the elders and the leaders who lived in his city, did as Jezebel had sent word to them. As it was written in the letters that she had sent to them, )
21:12 “พวกเขาได้ประกาศให้ถืออดอาหาร และได้ให้นาโบทนั่งในที่นั่งอันมีเกียรติท่ามกลางประชาชน”
(they proclaimed a fast and set Naboth at the head of the people. )
21:13 “และคนอันธพาลสองคนนั้นก็เข้ามา นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา และคนถ่อยนั้นได้ฟ้องนาโบทต่อหน้าประชาชนกล่าวว่า “นาโบทได้แช่งพระเจ้าและพระราชา” เขาทั้งหลายจึงพานาโบทออกไปนอกเมือง และเอาหินขว้างเขาจนตาย”
(And the two worthless men came in and sat opposite him. And the worthless men brought a charge against Naboth in the presence of the people, saying, “Naboth cursed God and the king.” So they took him outside the city and stoned him to death with stones.)
21:14 “แล้วพวกเขาก็ส่งข่าวไปทูลเยเซเบลว่า “นาโบทถูกหินขว้างตายแล้ว”
(Then they sent to Jezebel, saying, “Naboth has been stoned; he is dead.” )
21:15 “พอเยเซเบลทรงได้ยินว่า นาโบทถูกหินขว้างตายแล้ว เยเซเบลจึงทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จไปยึดสวนของนาโบทชาวยิสเรเอล ซึ่งเขาได้ปฏิเสธไม่ขายแก่พระองค์ เพราะว่านาโบทไม่มีชีวิตอยู่ เขาตายแล้ว”
(As soon as Jezebel heard that Naboth had been stoned and was dead, Jezebel said to Ahab, “Arise, take possession of the vineyard of Naboth the Jezreelite, which he refused to give you for money, for Naboth is not alive, but dead.” )
21:16 “และต่อมาพออาหับได้ยินว่านาโบทตายแล้ว อาหับก็ทรงลุกขึ้น ลงไปยังสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอลเพื่อยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์”
(And as soon as Ahab heard that Naboth was dead, Ahab arose to go down to the vineyard of Naboth the Jezreelite, to take possession of it. )
21:17 “แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเอลียาห์ชาวทิชบีว่า”
(Then the word of the Lord came to Elijah the Tishbite, saying, )
21:18 “จงลุกขึ้นไปพบอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล ผู้อยู่ในกรุงสะมาเรีย ดูสิ เขาอยู่ในสวนของนาโบทที่เขาลงไปยึดเอา เป็นกรรมสิทธิ์”
(“Arise, go down to meet Ahab king of Israel, who is in Samaria; behold, he is in the vineyard of Naboth, where he has gone to take possession.)
21:19 “เจ้าจงพูดกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เจ้าได้ฆ่าและได้ยึดถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยหรือ?”’ และเจ้าจงพูดกับเขาว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ในที่ที่สุนัขเลียโลหิตของนาโบท สุนัขจะเลียโลหิตของเจ้าด้วย”’”
(And you shall say to him, “Thus says the Lord, “Have you killed and also taken possession?” And you shall say to him, “Thus says the Lord: “In the place where dogs licked up the blood of Naboth shall dogs lick your own blood.”” )
21:20 “อาหับตรัสกับเอลียาห์ว่า “โอ ศัตรูของเรา เจ้าพบเราเข้าแล้วหรือ?” ท่านทูลตอบว่า “ข้าพระบาทพบฝ่าพระบาทเข้าแล้ว เพราะว่าฝ่าพระบาทยอมขายพระองค์เข้าทำสิ่งชั่วในสายพระเนตร พระยาห์เวห์
(Ahab said to Elijah, “Have you found me, O my enemy?” He answered, “I have found you, because you have sold yourself to do what is evil in the sight of the Lord. )
21:21 “นี่แน่ะเราจะนำเหตุร้ายมาเหนือเจ้า เราจะกวาดเจ้าออกไปเสียให้สิ้น และจะกำจัดผู้ชายทุกคนเสียจากอาหับในอิสราเอล ไม่ว่าทาสหรือไท”
(Behold, I will bring disaster upon you. I will utterly burn you up, and will cut off from Ahab every male, bond or free, in Israel.)
21:22 “และเราจะทำให้ราชวงศ์ของเจ้าเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตร เนบัท และเหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์ เพราะเจ้าทำให้เราโกรธ และเพราะเจ้าทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย”
(And I will make your house like the house of Jeroboam the son of Nebat, and like the house of Baasha the son of Ahijah, for the anger to which you have provoked me, and because you have made Israel to sin.)
21:23 “และส่วนเยเซเบล พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘สุนัขจะกินเยเซเบลภายในเขตยิสเรเอล’”
(And of Jezebel the Lord also said, “The dogs shall eat Jezebel within the walls of Jezreel.”)
21:24 “คนใดในวงศ์อาหับที่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และคนใดในวงศ์ของเขาตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน”
(Anyone belonging to Ahab who dies in the city the dogs shall eat, and anyone of his who dies in the open country the birds of the heavens shall eat.” )
21:25 “ไม่มีใครได้ขายตนเอง เพื่อทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์อย่างอาหับ ผู้ที่เยเซเบลมเหสีได้ยุยง”
(There was none who sold himself to do what was evil in the sight of the Lord like Ahab, whom Jezebel his wife incited.)
21:26 “พระองค์ทรงทำสิ่งที่น่าเกลียดชังยิ่งนัก คือดำเนินตามรูปเคารพ ตามธรรมเนียมทุกอย่างของคนอาโมไรต์ ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเหวี่ยงออกไปให้พ้นหน้าคนอิสราเอล”
(He acted very abominably in going after idols, as the Amorites had done, whom the Lord cast out before the people of Israel.)
21:27 “และต่อมาเมื่ออาหับทรงได้ยินพระวจนะเหล่านี้ พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์ ทรงสวมผ้ากระสอบ ถืออดอาหาร บรรทมในผ้ากระสอบ และทรงดำเนินไปมาด้วยความสำนึกผิด”
(And when Ahab heard those words, he tore his clothes and put sackcloth on his flesh and fasted and lay in sackcloth and went about dejectedly.)
21:28 “และพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ชาวทิชบีว่า”
(And the word of the Lord came to Elijah the Tishbite, saying, )
21:29 “เจ้าได้เห็นอาหับถ่อมตัวลงต่อหน้าเราแล้วหรือ? เพราะเขาได้ถ่อมตัวลงต่อเรา เราจะไม่นำเหตุร้ายมาในสมัยของเขา แต่เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือราชวงศ์ของเขาในสมัยบุตรของเขา”
(“Have you seen how Ahab has humbled himself before me? Because he has humbled himself before me, I will not bring the disaster in his days; but in his son’s days I will bring the disaster upon his house.” )
ข้อมูลมีประโยชน์
21:1 “นาโบท” (Naboth) = เป็นชาวยิสเรเอลมีสวนองุ่นอยู่ข้างพระราชวังของอาหับ (2พกษ.9:21)
“พระราชวังของอาหับ” (the palace of Ahab) = อาหับมีวังนอกเหนือจากวังหลวงในกรุงสะมาเรียด้วย (18:45;2พกษ.9:30)
“สะมาเรีย” (Samaria) = เป็นทั้งชื่อเมืองหลวงและนามของอาณาจักรเหนือทั้งหมด (16:24)
21:2 “จงให้สวนองุ่นของเจ้าแก่เราเถิด” (Give me your vineyard) = อาหับมีอำนาจที่ถูกจำกัดโดยบทบัญญัติ (ฉธบ.17:14-20;1ซมอ.10:25) ไม่อาจยึดที่ดินที่มีเจ้าของได้ (แตกต่างจากธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของกษัตริย์ในคานาอัน) –1ซมอ.8:9-17
21:3 “โดยพระยาห์เวห์ขอให้เรื่องนี้ห่างจากข้าพระองค์เถิด” (The Lord forbid that) = การยกที่ดิน(สวน) ให้กษัตริย์อาหับเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนาโบท เพราะพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ที่ดินเป็นของพระเจ้าที่ประทานให้ประชากรอิสราเอลแต่ละครอบครัว ประดุจสัญญาเช่าที่ทุกตระกูลต้องรักษาไว้ด้วยความหวงแหน ในฐานะมรดกประจำตระกูล
21:7 “ฝ่าพระบาทเป็นผู้ครอบครองอิสราเอลอยู่หรือเพคะ?” (Do you now govern Israel?) = เยเซเบลกล่าวเสียดสีอาหับเพราะเธอคุ้นเคยกับธรรมเนียมกษัตริย์ฟินีเซียและคานาอันที่ใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง (1ซมอ.12:3-4)
21:9 “จงประกาศให้ถืออดอาหาร” (Proclaim a fast) = เยเซเบลพยายามสร้างเหตุการณ์ว่า ประชาชนจะประสบภัยพิบัติ และจะหลีกเลี่ยงได้หากว่า พวกเขาถ่อมใจลงต่อพระพักตร์ของพระเจ้า และกำจัดคนทำบาปซึ่งนำการพิพากษามาสู่พวกเขา (ปท.วนฉ.20:26;1ซมอ.7:5-6;2พศด.20:2-4)
21:10 “อันธพาล” (worthless men) = คนชั่ว –ฉธบ.13:13
“สองคน” (two) = จำนวนคนที่จะเป็นพยานได้สำหรับความผิดที่มีโทษถึงตาย ตามกฎหมาย(กฎบัญญัติของโมเสส ใน กดว.35:30;ฉธบ.17:6;19:15; “ฟ้อง” (charge against) = ปรักปรำ
= แผนการที่วางไว้ให้ดูเสมือนว่าเป็นกระบวนการที่ชอบธรรมทางกฎหมาย (อพย.20:16;23:7;ลนต.19:16)
“เจ้าได้แช่งพระเจ้าและพระราชา” (You have cursed God and the king.) = ความผิดของการทำตามคำกล่าวหานี้คือ การลงโทษด้วยการเอาหินขว้างจนตาย (ลนต.24:15-16)
21:13 “นอกเมือง” (outside the city) = ตามกฎบัญญัติของโมเสส (ลนต.24:14;กดว.15:35-36) –นาโบทถูกเอาหินขว้างในที่ดินของตนเอง (ปท. ข้อ 19 กับ 2พกษ.9:21,26)
-บรรดาบุตรชายของนาโบทก็ถูกเอาหินขว้างตายไปพร้อมกัน (2พกษ.9:26-ปท.กรณีของอาคาน ใน ยชว.7:24-25) เพื่อกำจัดทายาทด้วย
21:19 “เจ้าได้ฆ่าและได้ยึดถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยหรือ?” (Have you killed and also taken possession?) = การที่อาหับยอมทำตามแผนของเยเซเบลก็เท่ากับว่า เขามีความผิดฐานฆ่าคนและลักทรัพทย์ด้วย
“ในที่ที่สุนัขเลียโลหิตของนาโบท สุนัขจะเลียโลหิตของเจ้าด้วย”( In the place where dogs licked up the blood of Naboth shall dogs lick your own blood.) = การกลับใจในเวลาต่อมาของอาหับทำให้คำพยากรณ์บางส่วนถูกเลื่อนออกไปจนถึงสมัยของโยรัม บุตรชายของเขาที่ถูกทิ้งศพ ณ จุดดังกล่าวแทน (2พกษ.9:25-26)แต่สุนัขได้เลียโลหิตของอาหับใน 2พกษ.22:38 หลังจากที่เขาตายในการสู้รบที่ราโมทกิ- เลอาด (22:29-37) และศพถูกนำกลับมายังสะมาเรีย และสุนัขได้เลียเลือดที่ถูกล้างออกจากรถศึกของเขา
21:21 “ไม่ว่าทาสหรือไท” (bond or free) -14:10
21:22 “เหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม” (like the house of Jeroboam) –14:10;15:28-30
“เหมือนราชวงศ์ของบาอาชา” ( like the house of Baasha) -16:3-4,11-13
21:24 “คนใดในวงศ์อาหับที่ตายในเมือง สุนัขจะกินและคนใดในราชวงศ์ของเขาตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” (Anyone belonging to Ahab who dies in the city the dogs shall eat, and anyone of his who dies in the open country the birds of the heavens shall eat.) -14:11;16:4, เป็นคำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน ฉธบ.28:26(เปรียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกหลานเพศชายในพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม ที่ไม่มีผู้ใดได้รับการฝังศพอย่างมีเกียรติเลย)
21:25 “ผู้ที่เยเซเบลมเหสีได้ยุยง” (whom Jezebel his wife incited.) = ผู้ที่กระทำตามการชักนำของเยเซเบลมเหสี (16:31;18:4;19:1-2;21:7)
21:26 “ดำเนินตามรูปเคารพ” (in going after idols) –ลนต.26:30
“คนอาโมไรต์” (Amorites) = ในที่นี้หมายถึงคนทั้งหมดในคานาอันก่อนที่อิสราเอลจะเข้ามา (ปฐก.15:16 ฉธบ.1:7)
21:27 “สวมผ้ากระสอบ” (put sackcloth) –ปฐก.37”34
21:29 “เพราะเขาได้ถ่อมตัวลงต่อเรา เราจะไม่นำเหตุร้ายมาในสมัยของเขา…”( he has humbled himself before me, I will not bring the disaster in his days) –ยนา.3:10
= การพิพากษาเลื่อนออกไปถึงในสมัยลูกของเขา (ข.19) แต่โทษไม่ได้ลดลง
คำถามนำอภิปราย
1. เคยมีคนที่ปรารถนาจะได้(หรือซื้อ) “ทรัพย์สิน” ของคุณ แต่คุณไม่ยินยอมบ้างหรือไม่? เรื่องราวเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้น?
2.คุณเคยหงุดหงิดหรือโกรธกริ้วผู้ใดด้วยความไม่พอใจที่ขัดใจคุณ ไม่ยอมให้ไม่ยอมขายหรือไม่ยอมทำตามในสิ่งที่คุณขอหรือต้องการบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และทำไม?
3. คุณเคยผิดหวังและยอมรับคำแนะนำหรือคำปรึกษาและกระทำตามเพื่อที่จะได้อย่างที่คุณต้องการ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการบ้างหรือไม่? ผลเป็นอย่างไร?
4. คุณเคยเป็นธุระในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาตามประสงค์แทนผู้อื่น โดยใช้กลวิธีที่แยบยลในการสร้างความชอบธรรม (แต่ไม่ชอบธรรม) ให้กับสิ่งที่ทำบ้างหรือไม่? อย่างไร และผลเป็นอย่างไร?
5. คุณเคยเห็นผู้ใดร่วมมือสมคบกับผู้อื่น (โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลอำนาจ)ในการวางแผนเล่นงานผู้อื่น (ผู้บริสุทธิ์) บ้างหรือไม่? ผลลัพธ์คืออะไร? (และคุณเคยร่วมมือกับผู้ใดทำเช่นนั้นบ้างหรือไม่?)
6. คุณเคยได้มาหรือยึดครองในทรัพย์สิ่งของที่ไม่ใช่ของคุณด้วยวิธีการอันไม่พึงประสงค์บ้างหรือไม่? แล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? มีผลเสียอะไรตามมาบ้างหรือไม่? และคุณสำนึกผิดบ้างหรือไม่?
7. คุณเคยเห็น “ผลกรรม” สนองบุคคลใดที่กระทำ “กรรมชั่ว” ต่อผู้อื่นบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
8. หากคนบาปหรือคนทำผิดกลับใจจะสายเกินแก้หรือสายเกินไปหรือไม่? อย่างไร?
9. บทเรียนวันนี้สอนอะไรคุณเป็นพิเศษ
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์